วันสุ่มจับคู่
ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 3 จากทั้งสองคณะต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเต็มพื้นที่ บรรยากาศคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและความตื่นเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีที่จัดเตรียมไว้สำหรับการประกาศรายชื่อ
“นี่ถ้าฉันจับคู่ได้กับคนขี้เกียจ จะทำไงดีเนี่ย?” แจงพึมพำเบาๆ พลางถอนหายใจ
“ก็ทำใจสิ แก” ฟ้าหัวเราะเสียงใส ก่อนตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“เอาน่า ไม่แน่นะ แกอาจโชคดีก็ได้”
ทันใดนั้น เสียงประกาศจากไมโครโฟนดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนในห้อง
“ขอให้นักศึกษาทั้งสองคณะเตรียมตัวสำหรับการสุ่มจับคู่ ทีมของคุณ จะขึ้นอยู่กับโชคชะตา... หรืออาจจะเป็นโอกาสที่คุณได้พบคนที่ใช่สำหรับงานนี้”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นระลอกในกลุ่มนักศึกษา หลายคนแอบกระซิบกระซาบถึงความตื่นเต้น
“เอาล่ะ เราจะเริ่มการสุ่มจับคู่โดยใช้ระบบออนไลน์ ทุกคนสามารถตรวจสอบรายชื่อคู่ของตนเองได้จากหน้าจอที่จะแสดงผลทันที”
แสงไฟในห้องค่อยๆ หรี่ลง หน้าจอขนาดใหญ่เริ่มฉายผลการจับคู่แบบเรียลไทม์ รายชื่อนักศึกษาจากทั้งสองคณะถูกจับคู่โดยระบบอัตโนมัติ ชื่อทีละชื่อค่อยๆ ปรากฏขึ้น
เจนมองหน้าจออย่างจดจ่อ ฟ้ากับแจงที่อยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าไม่ต่างกัน
“มาดูกันว่าใครจะได้คู่ใคร” แจงกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ้นระทึก
รายชื่อเริ่มเลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ กระทั่งชื่อ “เจนจิรา ศักดิ์ประภา” ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ตามด้วยชื่อคู่ของเธอ “เชษฐา วรวิชญานนท์”
เจนชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง ขณะที่ฟ้ากับแจงหันมามองเธอแทบจะทันที
“เฮ้ย!” แจงร้องออกมาเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตกใจ
“บ้า!!! แกได้คู่เชษเหรอ?” ฟ้าพูดเสียงแหลมพลางหัวเราะร่วน
เจนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นแรงเมื่อชื่อของเขาปรากฏขึ้นเป็นคู่ของเธอ
อีกด้านหนึ่ง
“เฮ้ย! เชษ มึงได้คู่เจน!” โจ้ตาโตร้องลั่น เมื่อเห็นรายชื่อที่โชว์บนหน้าจอ
เชษเหลือบมองหน้าจอพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ท่าทางของเขาดูอารมณ์ดีจนโจ้รู้สึกแปลกใจ
“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วดิ” เชษตอบเรียบๆ น้ำเสียงฟังดูเหมือนไม่แปลกใจเลย
“เดี๋ยวๆ มึงพูดแบบนี้ เหมือนมึงรู้อยู่แล้วนี่หว่า” โจ้หรี่ตามองเพื่อนตัวแสบของเขา สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
เชษยักคิ้วให้เพื่อน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“กูจ่ายไปตั้งเยอะ ก็ต้องคุ้มค่าหน่อยมั้ยวะ”
“เชี่ย มึงแม่ง...สุดจริง!” โจ้ถึงกับอึ้งปนทึ่ง พอจะเดาออกว่าเชษใช้วิธีไหนในการบงการผลการจับคู่
เชษหัวเราะในลำคอ พลางเสยผม ก่อนลุกขึ้นจากที่นั่ง
“กูไปหาคู่กูก่อนนะ”
เขาเดินตรงไปยังกลุ่มของเจนที่ยังคงแซวเธอไม่หยุด บรรยากาศรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไป เสียงนักศึกษาสาวที่จับกลุ่มกันอยู่รอบๆ เริ่มกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น ตามการย่างก้าวของเชษที่ตรงไปหาเจน
เจนเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินเสียงดังรอบตัว มองเชษที่เดินเข้ามาหาด้วยสายตาอึ้งและพูดไม่ออก แจงกับฟ้าแอบอมยิ้ม พร้อมสะกิดกันอย่างลุ้นๆ ราวกับดูซีรี่ย์เกาหลี
เชษหยุดยืนตรงหน้า รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ดวงตาคมสบตรงกับดวงตาของเธอ
“ดูเหมือนเราจะได้ทำงานด้วยกันล่ะ”
เจนกอดอก พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่...”
เชษยิ้มร้ายเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นอย่างมีเลศนัย ก่อนตอบกลับ
“เดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
“โธ่ว้อย!!!” เจนกระแทกหนังสือลงบนโต๊ะประจำ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ใช้มือยีผมตัวเองจนยุ่งด้วยความขัดใจ
ฟ้าหัวเราะเบาๆ ขณะนั่งลงข้างเธอ
“อะไรของแก โวยวายอะไร”
“ได้หนุ่มหล่ออย่างเชษเป็นคู่ สาวๆ ทั้งมอก็อิจฉาแกจะแย่แล้ว” แจงเสริมทันที พลางนั่งลงตรงข้าม มองเพื่อนด้วยความงุนงง
“นั่นสิ” ฟ้าพูดต่อ
“ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว แกคิดดูดิ เชษทั้งเก่ง เรียนดี โปรไฟล์เริ่ด แกโชคดีขนาดนี้ยังจะบ่นอะไรอีกวะ”
แจงพยักหน้าเห็นด้วย พร่ำพรรณาถึงเชษด้วยสายตาเหมือนคนหลุดเข้าไปในซีรีส์เกาหลี
“ทั้งหล่อ ทั้งสมาร์ท ทั้งเรียนเก่ง พ่อแม่รวย บ้านก็หลังใหญ่ รถก็หรู สาวๆ อยากจะกินทั้งตัวไม่ให้เหลือ!”
“แล้วแกจะเอาไรอีก?” แจงพูดจบก็มองหน้าเจนด้วยสีหน้าจริงจัง
เจนฟังเพื่อนพูดไปเรื่อยๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มันไม่ได้อยู่ที่เขาหล่อหรือโปรไฟล์ดี มันอยู่ที่นิสัย!”
ฟ้ากับแจงมองหน้ากันแล้วกลั้นหัวเราะ
“โอเคๆ งั้นบอกมาดิ นิสัยอะไรของเขาที่แกไม่ชอบ?” ฟ้าถามพร้อมยิ้มขำๆ
“หมอนั่นมัน... จองหอง ยียวน แล้วก็—” เจนหยุดพูดทันทีเมื่อเห็นร่างสูงของเชษเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ พร้อมรอยยิ้มบางที่มุมปาก
“พูดถึงฉันอยู่เหรอ?” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมกริบฉายแววเจ้าเล่ห์
เจนกลอกตา ก่อนจะพ่นลมหายใจแรง “มีอะไรก็ว่ามา”
เชษวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะข้างๆ เธอ ก่อนจะยื่นชีตงานบางอย่างให้ เจนมองมันอย่างงงๆ
“นี่แผนงานเบื้องต้น ฉันทำไว้ให้แล้ว ลองดูว่าต้องแก้ไรมั้ย”
เจนเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ
“นี่นายทำเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
เชษยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงแฝงความหมายบางอย่าง
“เสร็จช้าเสร็จเร็ว...ขึ้นอยู่กับว่า เธอหมายถึงเรื่องอะไรนะ”
เจนหน้าแดงวาบทันที ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายได้แค่บ่นงึมงำพลางยื่นมือไปรับชีตมาอ่าน เธอก้มมองข้อมูลในเอกสาร มันละเอียดและครบถ้วนจนน่าแปลกใจ
“เออ... ใช้ได้แฮะ” เธอพูดเบาๆ แต่พยายามเก็บสีหน้าให้ดูปกติ
“แค่ใช้ได้?” เชษโน้มตัวลงเล็กน้อย ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“ฉันคาดหวังคำชมที่ดีกว่านี้นะ เจน”
เจนจ้องเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“หึ อย่าหวังเลย” เธอวางชีตลงบนโต๊ะเพื่อปกปิดความรู้สึก
ฟ้ากับแจงที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ได้แต่กลั้นหัวเราะ พยายามก้มหน้าก้มตาดื่มชาไข่มุกของตัวเอง
“งั้นพรุ่งนี้คุยงานต่อที่ห้องสมุด ฉันจองห้องไว้แล้ว” เชษพูดทิ้งท้าย ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป
เจนมองตามเขา ก่อนจะหันไปเจอรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฟ้ากับแจง
“อะไรอีก?” เธอถามอย่างเหนื่อยใจ
“ก็แค่... แกสองคนดูเคมีเข้ากันดีนะ” แจงแซว
เจนส่งเสียงหงุดหงิดในลำคอ ก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างหมดแรง
“ฉันจะบ้าตาย”
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน