เชษไม่หันกลับมาสนใจ มีเพียงรอยยิ้มขำที่แต้มอยู่บนมุมปาก ขณะพวกเขาเดินเคียงกันไปในความเงียบ
กระทั่งเสียง โครกกกก! ดังขึ้นจากท้องของเจนทำลายความสงบลง เชษหยุดเดินก่อนหันมามองเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
“หาอะไรกินก่อนกลับละกัน” เขาพูดขึ้นเรียบๆ
“แต่—” เจนทำท่าจะค้าน แต่เชษยกคิ้วขึ้นนิดๆ
“ท้องเธอร้องดังขนาดนี้ มีอะไรจะแก้ตัวล่ะ?” น้ำเสียงของเขาแฝงความขบขัน
เจนยืนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ เสียงท้องร้องเมื่อครู่ทำลายเหตุผลทั้งหมดที่เธอคิดจะอ้าง
“ก็ได้...” เธอพึมพำเหมือนยอมจำนน
เชษยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารใกล้ๆ โดยมีเจนเดินตามหลังมาเงียบๆ แม้จะยังทำหน้าขัดใจ แต่แก้มที่แดงนิดๆ ก็บ่งบอกว่าเธอเองก็เขินอยู่เหมือนกัน
ร้านอาหารริมถนน
เชษพาเจนมาที่ร้านอาหารเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัย บรรยากาศเรียบง่าย แต่ดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนๆ ที่ส่องอยู่เหนือโต๊ะไม้เล็กๆ
“นั่งนี่แหละ” เขาพูดพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้เจน
เจนมองเขาเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วหยิบเมนูขึ้นมาเปิด รายการอาหารในนั้นธรรมดาอย่างข้าวผัด ราดหน้า และแกงจืด
“มาร้านแบบนี้...ไม่เข้ากับลุคของนายเลย” เจนพูดติดตลก พลางแอบยิ้มมุมปาก
เชษเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรพาไปไหน?”
“ร้านสเต๊กหรูๆ ไม่ก็คาเวียร์” เจนตอบพลางหัวเราะเบาๆ
“บางทีอะไรที่เรียบง่ายก็ดีกว่านะ” เขาตอบ ก่อนจะเรียกพนักงานมาและสั่งอาหาร
ไม่นาน อาหารจานร้อนอย่างข้าวผัดไข่และแกงจืดหมูสับถูกเสิร์ฟ เจนที่หิวจัดไม่รอช้า รีบตักข้าวเข้าปาก
“อื้ม! อร่อยแฮะ!” เธอพูดพลางตักคำที่สองอย่างรวดเร็ว
“ยังดี ที่เธอไม่บ่น” เชษพูดพร้อมรอยยิ้มขำเบาๆ ขณะตักแกงจืดใส่ชามให้เธอ
เจนชะงักเล็กน้อย มองเขาอย่างแปลกใจ
“นายดูใจดีแปลกๆ นะ”
“ยังไง?” เชษเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต้มอยู่ที่มุมปาก
“ปกตินายชอบกวนประสาท” เจนตอบกลับทันควัน
“เห็นฉันเป็นงั้นเหรอ? แล้วไงอีก?” เชษยิ้มบางๆ ก่อนจะถามต่อ
เจนมองหน้าเขาอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดตามตรง
“เจ้าชู้ นอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำ...ฉันแค่พูดตามข่าวที่ได้ยินมานะ”
คำพูดนั้นทำให้เชษนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมกริบจับจ้องมาที่เธอ จนเจนรีบแก้ตัวทันที
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น! แค่—”
“ก็จริง ไม่ปฏิเสธ” เชษยักไหล่ ท่าทีดูไม่ใส่ใจ
“โห...เพิ่งเคยเห็นคนรับตรงๆ ก็ครั้งนี้ล่ะ” เจนพูดพร้อมตาโต อมปลายช้อนไว้ในปากอย่างลืมตัว ดวงตากลมโตมองเขาอย่างอึ้งๆ
เชษหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดต่อ
“แต่เรื่องเจ้าชู้นี่ขอค้านหน่อยนะ ฉันไม่ได้เจ้าชู้ ส่วนเรื่องผู้หญิง…ทุกคนเข้าหาฉันเอง จะให้ฉันปฏิเสธก็ดูใจร้ายไปหน่อยมั้ย?”
“นายนี่มัน...” เจนพูดพลางหรี่ตามองเขาอย่างระแวง
เชษยิ้มบางๆ แต่คราวนี้น้ำเสียงจริงจังขึ้น
“แต่ถ้าฉันจีบใคร ฉันก็จะยุ่งแค่คนเดียวเท่านั้น”
คำพูดนั้นทำให้เจนชะงักเล็กน้อย ดวงตาคมของเชษสบเข้ากับเธอโดยตรง น้ำเสียงที่จริงจังของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว
“นายพูดยังกับจะจีบฉันงั้นล่ะ” เจนแกล้งพูดติดตลก ในขณะที่ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนผ่าว
เชษหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ
“เธอพูดผิดรึเปล่า?”
“หืม?” คิ้วเรียวสวยของเจนขมวดเล็กน้อยอย่างแปลกใจ
“เราสองคนข้ามขั้นนั้นไปแล้วมั้ย?” เชษพูดเรียบๆ แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขามีประกายพราวระยับ
“อึก!” เจนถึงกับสะอึก ร่างกายแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนวาบจนแทบไม่รู้จะซ่อนความเขินอายไว้ตรงไหน ความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่ได้—ค่ำคืนอันเร่าร้อนที่เขาและเธอมีอะไรกัน...ยันเช้า
เจนพยายามตั้งสติ รีบก้มหน้าก้มตากินข้าวต่ออย่างรวดเร็ว ไม่ยอมพูดอะไรอีก เรื่องเมื่อครู่ทำให้เธออยากหนีไปจากตรงนี้
เชษมองเธอที่หลบตาเขา ท่าทางเขินอายของเธอทำให้มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบางเจือความขบขันและพอใจ
หลังจากทานอาหารเสร็จ เชษขับรถมาส่งเจนที่ คอนโดสกายไลท์ เพลส คอนโดมิเนียมสูงสิบชั้นที่ตั้งอยู่ในย่านสงบใกล้มหาวิทยาลัย อาคารออกแบบในสไตล์โมเดิร์น ผนังด้านนอกเป็นโทนสีขาวและน้ำตาลอ่อน ตัดกับกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนแสงไฟจากถนนด้านล่าง บริเวณรอบๆ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเพิ่มบรรยากาศสบายๆ
เชษหยุดรถตรงด้านหน้าอาคาร ขณะที่เจนปลดเข็มขัดนิรภัยและหันมาพูด
“ขอบคุณนะ ที่มาส่ง”
“ถ้าเธอต้องเลิกดึก แค่บอก เดี๋ยวฉันมาส่ง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
เจนชะงักไปเล็กน้อย มองเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนอยากพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับเลือกเพียงยิ้มเล็กๆ
“ไว้เจอกัน”
เธอก้าวลงจากรถ เดินตรงไปยังประตูทางเข้าอาคารที่มีระบบคีย์การ์ดและพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำอยู่ เสียงส้นรองเท้าของเธอเบาๆ ค่อยๆ จางหายไป
เชษยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ สายตาจับจ้องไปที่ประตูคอนโด พลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“เธอน่าสนใจกว่าที่คิด”
เขากระตุกยิ้มบาง ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกตัวกลับไป ทิ้งรอยคิดบางอย่างในใจที่ยังวนเวียนเกี่ยวกับเธอ...
เมื่อเชษขับรถกลับถึงคอนโดของตัวเอง
‘เซเลสเชีย เรสซิเดนซ์’ คอนโดหรูใจกลางเมืองที่ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นลักซ์ชัวรี ตัวอาคารสูง 35 ชั้น โดดเด่นด้วยกระจกเงาสีฟ้าตัดกับโครงสร้างเหล็กสีดำด้าน บริเวณทางเข้าประดับด้วยน้ำพุขนาดเล็กและต้นไม้ตกแต่งที่จัดวางอย่างลงตัว ล็อบบี้ของคอนโดตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว มีโคมไฟคริสตัลระย้าเพิ่มความหรูหรา เงียบสงบด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา
เชษขับรถเข้ามาจอดในโซนที่จอดรถส่วนตัว ก่อนจะเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นลิฟต์สู่ชั้นที่พักของเขา
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เชษก้าวออกมาพร้อมหยิบคีย์การ์ด แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นเฟิร์นนั่งพิงประตูห้องของเขาอยู่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความดีใจเมื่อเห็นเขาเดินมา
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
“เธอมาทำอะไรตรงนี้?”
เฟิร์นรีบลุกขึ้น ยิ้มบางพลางตอบ
“ฉันมารอนาย”
เชษมองเธออย่างครุ่นคิด ก่อนใส่รหัสปลดล็อกประตูห้อง เดินเข้าไปในห้องของตัวเองซึ่งตกแต่งอย่างเรียบหรู ผนังห้องเป็นโทนสีเทาเข้มตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีขาวสะอาดตา โซฟาหนังแท้สีดำตั้งอยู่กลางห้อง รับแสงไฟวอร์มไลท์จากเพดาน ห้องครัวมินิมอลพร้อมเคาน์เตอร์บาร์ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง
เชษถอดเสื้อคลุมออก แขวนไว้ที่ราวใกล้ประตู ก่อนหันกลับมามองเฟิร์นที่เดินตามเข้ามา
“แหม เดี๋ยวนี้ต้องมีอะไรแล้วเหรอ ฉันถึงมาหานายได้?” เฟิร์นบ่นกระปอดกระแปดตามนิสัย
เชษถอนหายใจเล็กน้อย น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความเหนื่อยล้า
“มีไร ว่ามา ฉันเหนื่อย จะรีบนอน”
เขากอดอกมองเธอ ดวงตาคมเข้มจับจ้องเหมือนคาดคั้นคำตอบ
เฟิร์นมองเชษด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม ราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง ก่อนจะก้าวเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
ไม่ทันให้เชษได้ตั้งตัว ริมฝีปากบางของเธอบดจูบลงบนริมฝีปากของเขาอย่างเร่าร้อน จูบที่เต็มไปด้วยความปรารถนาทำให้เชษชะงักไปชั่วขณะ แต่เพียงไม่นานเขาก็เริ่มตอบรับจูบนั้น ริมฝีปากของทั้งคู่เคลื่อนไหวไปด้วยกัน เฟิร์นแทรกเรียวลิ้นเล็กเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหนาของเขาอย่างช่ำชอง
ฝ่ามือบางของเธอลูบไล้ไปตามแผงอกแกร่ง พลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาทีละเม็ด ช้าๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่อุณหภูมิราวกับเพิ่มสูงขึ้นในทุกวินาที
“ฉันอยาก...” เฟิร์นกระซิบเสียงพร่า ริมฝีปากนุ่มของเธอเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอของเชษอย่างยั่วยวน
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลยไปมากกว่านั้น เชษจับข้อมือของเธอไว้แน่น พร้อมทั้งดันตัวเธอออกห่าง
“เชษ?” เฟิร์นเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เชษถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ฉันไม่มีอารมณ์”
“แต่ทุกที...” เฟิร์นพยายามแย้ง
“วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ไง” เชษตัดบทด้วยเสียงเข้มและแววตาจริงจัง
เฟิร์นชะงักไปครู่หนึ่ง ความเงียบเข้ามาแทนที่ แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนท่าที หันมาทำเสียงออดอ้อนตามนิสัยเดิม
“งั้น วันนี้ ฉันขอนอนด้วยนะ”
เชษเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“เธอจะนอนนี่?”
“อื้ม” เฟิร์นพยักหน้า พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะคาดหวัง
เชษมองเธออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง ท่าทีแสดงออกชัดเจนว่าเขาเหนื่อยใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ตามใจ” เขาตอบสั้นๆ
เฟิร์นเงยหน้าขึ้นมองเขา สีหน้าดูเหมือนโล่งใจที่เขาไม่ปฏิเสธ
“แต่ฉันจะไปนอนที่อื่น”
คำพูดนั้นทำให้เฟิร์นชะงักไป เธอขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เชษไม่รอให้เธอตอบ เขาเดินตรงไปที่ประตู เปิดมันออกอย่างไม่ลังเล
เสียงประตูปิดเบาๆ ตามหลังเขาไป ทิ้งเฟิร์นไว้เพียงลำพังในห้อง เธอมองประตูที่ปิดสนิทด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ผสมปนเป...
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน