LOGIN“ญาติคนไข้ค่ะ.... ตอนนี้หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะคะ”
“เออ... ขอโทษด้วยค่ะ พอดีเอยไม่ได้ดูเวลา” เอิงเอยโค้งศีรษะเล็กน้อย เพื่อเป็นการขอโทษเจ้าหน้าที่ เธอผิดเองที่ไม่ได้ดูเวลา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้ไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว หญิงสาวหันกลับไปมองผู้เป็นพ่อที่นอนอยู่บนเตียงและพูดกับท่านด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เอยกลับก่อนนะคะคุณพ่อ วันพรุ่งนี้เอยจะมาเยี่ยมใหม่ ฟอด!! เอยรอคุณพ่ออยู่นะ ฮึกๆ รักคุณพ่อนะคะ” เมื่อลาคนเป็นพ่อเสร็จ หญิงสาวจึงหันมาส่งยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปจากห้อง คนตัวเล็กเดินออกมาด้วยอาการเหม่อลอย เธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับชีวิตต่อจากนี้ การไม่มีคุณพ่อยืนเคียงข้างเหมือนชีวิตของเธอมืดมนซะเหลือเกิน หวังจะพึ่งหรือปรึกษาคนเป็นสามีก็เลิกคิดไปได้เลย เพราะเขาไม่แม้แต่จะสนใจปัญหาของเธอ ขนาดอาการป่วยของคุณพ่อเขายังไม่คิดจะถามหรือสนใจเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรเอาตัวเองมาจมอยู่กับคนเลวๆแบบเขา และเธอก็ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกตัวเองกับพ่อเช่นกัน เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พยายามและไม่อดทนกับความสัมพันธ์แย่ๆแบบนี้อีก เพราะมันจะทำให้เธอเสียเวลาชีวิต เธอจะคืนอิสระให้เขาและต่างคนต่างอยู่ หลังจากนั้นเขาอยากจะทำอะไรอยากจะไปรักกับใครก็แล้วแต่เขาเลย เธอพอแล้วจริงๆกับความสัมพันธ์ที่มีแต่เธอฝ่ายเดียวที่พยายามเพราะมันเหนื่อยจริงๆ เหนื่อย... เพราะไม่ว่าจะทำอะไรจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเห็นค่า หญิงสาวที่ตอนนี้ไม่รู้จะไปไหนเพราะเธอเองยังไม่มีที่ไปจึงตัดสินใจกลับบ้าน บ้านที่เป็นเรือนหอของเรา ถึงไม่อยากกลับแค่ไหนแต่เธอก็ไม่มีที่ไปอยู่ดี ในเวลานี้เธอคงต้องอดทนไปก่อน จนกว่าจะหาบ้านใหม่ได้ เธออยากได้บ้านหลังเล็กๆมีพื้นที่หน้าบ้านให้ได้ปลุกต้นไม้ดอกไม้ บ้านที่เป็นของเธอเองและมีคุณพ่ออยู่ด้วยกัน... ถ้าเป็นไปได้เธออยากถอยออกมาจากเขาให้เร็วที่สุด เพราะถึงอยู่ไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บเปล่าๆ ต่อให้พยายามยังไง ใช่ว่าเขาจะหันมารักเธอ เพราะฉะนั้นอย่าอยู่เป็นตัวตลกของเขาเลยเธอมีศักดิ์ศรีของตัวเอง อย่าไปทนอยู่กับคนที่กล้าทำร้ายร่างกายของเราเลย เพียงแค่การจากไปของเธอแน่นอนว่ามันมีราคาที่เขาต้องจ่าย เป็นค่าปลอบใจและค่าเสียเวลา เมื่อจัดการกับความคิดของตัวเองได้แล้วว่าพรุ่งนี้เธอจะออกมาหาบ้าน บ้านที่จะเป็นเซฟโซนและเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเธอกับพ่อ จากนั้นหญิงสาวจึงขับรถกลับบ้านทันที “คุณเอยกลับมาแล้วเหรอคะ มาค่ะมานั่งดื่มน้ำส้มเย็นๆก่อนป้าเตรียมไว้ให้แล้ว” ป้านวลคือแม่บ้านวัยสี่สิบเจ็ดปีเธอเป็นสาวโสดไม่มีสามีไม่มีลูกและอยู่กับเธอตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาบ้านหลังนี้ รักษิกาเคารพท่านเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่ง เพราะป้านวลเป็นคนน่ารักจิตใจดี โชคดีที่เธอมีป้านวลที่คอยช่วยเหลือในหลายๆเรื่องและยังเป็นเพื่อนคลายเหงาให้เธออีกด้วย “คุณเอยทำไมตาบวมแบบนี้ค่ะ ไปเยี่ยมคุณพ่อมาใช่ไหม” “ค่ะ ป้านวล” "โธ่คุณเอยของป้า....”ป้านวลได้แต่สงสารหญิงสาวผู้เป็นเจ้านาย ทุกครั้งหลังจากที่กลับมาเยี่ยมคนเป็นพ่อหญิงสาวจะตาแดงตาบวมกลับมาทุกรอบ ไม่รู้ว่าคนเป็นสามีจะรู้บ้างหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้เห็นจะมีแต่คุณเอยที่คอยเอาใจ ส่วนอีกฝ่ายเมินเก่งซะเหลือเกินเฮ้อ....คิดแล้วก็สงสารคุณเอย “เอยไม่เป็นไรแล้วค่ะ” “อดทนนะคะ ป้าเชื่อว่าคุณพ่อของคุณเอยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ว่าแต่วันนี้จะให้ป้าเตรียมวัตถุดิบอะไรไหม คุณเอยจะทำเมนูอะไรให้คุณภูกินดีค่ะ” ป้านวลเอ่ยถามหญิงสาวที่เป็นเจ้านาย เพราะถ้ามีของที่คุณเอยต้องการเธอจะได้ออกไปซื้อ ที่ถามแบบนี้เพราะทุกๆวันคุณเอยจะขอให้เธอช่วยสอนทำอาหาร เพราะอยากเอาใจสามี “ไม่ต้องแล้วค่ะป้านวล วันนี้เอยเหนื่อยมากๆเลย ขี้เกียจเอาใจใครแล้วด้วย เฮ้อ....ทำไปใช่ว่าเขาจะเห็นค่าและต่อไปนี้เอยจะไม่ทำอะไรให้เขาอีกแล้วนะคะ ทำไปเขาก็ไม่กินอยู่ดี...นับจากนี้เอยจะไม่พยายามอีกแล้ว พยายามกับคนที่ไม่เห็นค่ามีแต่เหนื่อยกับเหนื่อย วันนี้เอยพอแล้วจริงๆ” ทันทีที่พูดจบป้านวลเข้าใจสถานการณ์ได้ทันทีว่าตอนนี้คุณเอยน่าจะหมดความอดทนแล้ว เพราะปกติคุณเอยไม่เคยเป็นแบบนี้ ก็นะที่ผ่านมาเธอพยายามทำทุกอย่างในฐานะภรรยาอย่างสุดความสามรถแล้ว มีแต่คุณภูที่ตาบอดมองไม่เห็นสิ่งที่ภรรยาทำ “ป้าเข้าใจแล้วคะ” “ป้านวลช่วยทำข้าวต้มให้เอยหน่อยได้ไหมคะ ขอยาพาราสักเม็ดหนึ่งด้วย เอยรู้สึกสึกไม่ค่อยสบาย เสร็จแล้ววานป้าเอาขึ้นไปให้บนห้องหน่อยได้ไหมคะ เอยรบกวนด้วย” “ได้ค่ะคุณเอย” เมื่อขึ้นมาบนห้องหญิงสาวรีบเปลี่ยนชุดและอาบน้ำทันทีเพื่อจะได้พักผ่อน ตอนนี้เธอรู้สึกหนักหัวไปหมดเลย พอมายืนมองตัวเองหน้ากระจกก็เห็นรอยนิ้วมือที่อยู่บนแก้มใสของตัวเอง ยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกเจ็บและรู้สึกไร้ค่ามากกว่าเดิม มือเรียวยกขึ้นมาลูบแก้มเบาๆพลันน้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลออกมาพร้อมกับความรู้สึกสมเพชตัวเอง....นี่เหรอคือผลตอบแทนของความรักที่เธอทุ่มเทมาทั้งหมด รักษิกาคนนี้มันไม่มีค่าขนาดนั้นเชียวเหรอ @Part ภูริศ หลังจากที่ออกมาจากบริษัทเขาก็พาหญิงสาวข้างกายมาร้านอาหารที่เธอโปรดปราณ เขาหวังเอาใจและปลอบใจเธอจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางด้านของหญิงสาวเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตั้งใจพาตัวเองมายังร้านอาหารที่ชื่นชอบก็ยิ้มด้วยความชอบใจ เธอคิดไม่ผิดจริงๆยังไงแล้วภูก็ต้องเลือกอกเธอและเชื่อเธอมากกว่าภรรยาที่เขาไม่ต้องการอย่างยัยนั่น บอกตรงๆตอนที่เห็นมันโดนตบเธอโคตรสะใจมาก ที่นี้มันจะได้รู้สักทีว่าใครคือคนสำคัญสำหรับภู “ภู ภูคะ.... ภู!! แต่แล้วเธอก็ต้องมาอารมณ์เสียกับท่าทางของเขาที่เอาแต่นั่งเหม่อ ใจเย็นๆเดียร์เธอต้องใจเย็นๆ อย่าแสดงนิสัยไม่ดีให้เขาเห็นสิ หญิงสาวได้แต่คิดในใจและอดกลั้นไว้ เธอไม่มีวันให้ภูได้เห็นอีกด้านของตัวเองเด็ดขาด เขาต้องรักเธอและหลงเธอแบบนี้ตลอดไป “ครับ... ว่าไงเดียร์” "เดียร์เรียกตั้งหลายครั้งภูก็เอาแต่เงียบเอาแต่นั่งเหม่อ น่าน้อยใจนะคะ" "ภูขอโทษนะครับคนดี....เรามาสั่งอาหารกันเถอะนะ" "ภูคิดอะไรอยู่เหรอคะ บอกเดียร์ได้ไหม หรือภูคิดมากเรื่องน้องเอย เอาจริงภูก็ไม่น่าทำแบบนั้นเลย เดียร์ไม่โอเคเลยนะคะ ที่เห็นภูใช้ความรุนแรงกับน้อง ถึงน้องจะดื้อภูก็ควรใจเย็นมากกว่านี้สิ เฮ้อ..ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องจะเป็นยังไงบ้าง" ได้ทีหญิงก็แสดงบทบาทคนแสนดีทันที เพื่อทำคะแนนกับคนตรงหน้า ถ้าพูดกันตามจริงเธออยากสมน้ำหน้ายัยนั่นมากกว่า “ภูคิดเรื่องงานครับ ไม่ได้คิดเรื่องผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นสักหน่อย ผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้มีความสำคัญมากพอที่ภูจะมานั่งคิดมากด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มเลือกที่จะโกหกคนตรงหน้าเพื่อความสบายใจ อันที่จริงเขาเริ่มรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับเอิงเอยพอสมควร เพราะวันนี้เขาใช้ทั้งกำลังและความรุนแรงกับเธอไป “ทำไมภูใจร้ายจัง น้องเป็นภรรยาของภุนะ แต่ภู....สัญญากับเดียร์ได้ไหมว่าจะไม่ใช้ความรุ่นแรงแบบนั้นอีก เดียร์ว่ามันแรงไป สงสารน้องเขา” “หึ....ภรรยาเหรอ เธอไม่ใช่ภรรยาที่ภูต้องการเดียร์ก็รู้ และที่สำคัญเพราะเธอมายั่วโมโหภูเองและมาว่าเดียร์เสียๆหายๆภูทนไม่ได้หรอกนะ โดนแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” “เรื่องเล็กน้อยน้าภู เดียร์ทนได้ ถือว่าเดียร์ขอได้ไหม เดียร์ไม่อยากให้ใครมองภูไม่ดี นะคะ” “ก็ได้ครับ... เดียร์ก็แสนดีตลอด เพราะแบบนี้ไงภูถึงไปไหนไม่รอด” “ภู!!.... พูดอะไรก็ไม่รู้” “ชอบจังเลยเวลาเดียร์เขิน รู้ไหมว่ามันน่ารักมาก อย่าไปเขินกับใครแบบนี้นะ....ภูหวง”“ญาติคนไข้ค่ะ.... ตอนนี้หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะคะ” “เออ... ขอโทษด้วยค่ะ พอดีเอยไม่ได้ดูเวลา” เอิงเอยโค้งศีรษะเล็กน้อย เพื่อเป็นการขอโทษเจ้าหน้าที่ เธอผิดเองที่ไม่ได้ดูเวลา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้ไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว หญิงสาวหันกลับไปมองผู้เป็นพ่อที่นอนอยู่บนเตียงและพูดกับท่านด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เอยกลับก่อนนะคะคุณพ่อ วันพรุ่งนี้เอยจะมาเยี่ยมใหม่ ฟอด!! เอยรอคุณพ่ออยู่นะ ฮึกๆ รักคุณพ่อนะคะ” เมื่อลาคนเป็นพ่อเสร็จ หญิงสาวจึงหันมาส่งยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปจากห้อง คนตัวเล็กเดินออกมาด้วยอาการเหม่อลอย เธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับชีวิตต่อจากนี้ การไม่มีคุณพ่อยืนเคียงข้างเหมือนชีวิตของเธอมืดมนซะเหลือเกิน หวังจะพึ่งหรือปรึกษาคนเป็นสามีก็เลิกคิดไปได้เลย เพราะเขาไม่แม้แต่จะสนใจปัญหาของเธอ ขนาดอาการป่วยของคุณพ่อเขายังไม่คิดจะถามหรือสนใจเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรเอาตัวเองมาจมอยู่กับคนเลวๆแบบเขา และเธอก็ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกตัวเองกับพ่อเช่นกัน เธอตัดส
เมื่อขับรถออกมาจากบริษัทของภูริศรักษิกาเลือกที่จะมาโรงพยาบาล เพื่อมาหาคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต เพราะเขากำลังรอบเธออยู่ที่นี่ และคนคนนั้นก็คือคุณพ่อของเธอเอง... คุณพ่อที่เป็นทุกอย่างในชีวิตเป็นเหมือนโลกทั้งใบของเธอเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้โลกใบเดิมของเธอมันไม่สดใสแล้ว เพราะตอนนี้คุณพ่อที่เธอรักท่านกำลังป่วยหนักนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ในห้องไอซียูมาเป็นเดือนแล้ว ทำให้ในเวลานี้หญิงสาวเคว้งคว้างเหลือเกิน เธอไม่อยากจะคิดเลยถ้าวันหนึ่งไม่มีท่านอยู่ เธอจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง โลกทั้งใบของเธอต้องพังทลายแน่นอน คุณหนูอย่างเธอที่ถูกพ่อเลี้ยงดูมาอย่างดี ตามใจทุกอย่าง ไม่เคยต้องลำบาก อยากได้อะไรท่านจะหามาให้หมด เพราะท่านเองก็มีเธอเป็นลูกเพียงคนเดียวจึงตามใจทุกอย่าง คุณพ่อไม่เคยอยากแต่งงานใหม่หรืออยากมีครอบครัวใหม่เพราะกลัวว่าคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตจะมารังแกเธอ กลัวว่าเธอจะไม่มีความสุข ก็ตั้งแต่ที่คุณแม่เสียไป ท่านก็ครองตัวเป็นโสดและดูแลลูกสาวอย่างเธอเป็นอย่างดี พอวันหนึ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างขึ้นมาถูกคนที่ไว้ใจหักหลังกัน ทำให้ท่านช๊อกจนหลอดเลือดในสมองแตก ตอนนี้ท่านอยู
"ปัง!!" "ตุ๊บ!! ฮื่อๆๆๆ" ทันทีที่ประตูห้องปิดลง และแน่ใจว่าเหลือตัวเองอยู่เพียงคนเดียวในห้องหญิงสาวจึงปล่อยร่างกายให้ล้มลงไปกับพื้นอีกครั้งด้วยความอ่อนแรงเพราะตอนนี้เธอไม่มีแรงแม้แต่จะยืน หัวใจของเธอมันแตกสลายไปหมดแล้ว ตอนนี้เธอมีแต่ความเจ็บปวดความเสียใจความผิดหวังและความน้อยใจต่อคนที่ได้ชื่อว่าสามี เธอจึงเลือกที่จะร้องไห้อย่างสุดเสียงเพื่อระบายมันออกมา ฮื่อๆๆๆ ฮื่อๆ พึ่งเข้าใจก็วันนี้แหละว่าการรักใครสักคนมันเจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้ เจ็บที่เขาไม่รักก็หนักแล้ว แต่นี่เขาเลือกที่จะปกป้องผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาเธอที่เป็นภรรยา เลือกที่จะทำร้ายร่างกายเธอต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นอีก เขาไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอเลย รู้หรอกว่าไม่รักกันแต่ก็ควรให้เกียรติกันบ้างสิ ไม่ใช่หักหน้ากันแบบนี้ ทุกอย่างมันจบแล้วและเธอจะไม่พยายามเพื่อความรักครั้งนี้อีกแล้ว วันนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้วว่าคนที่พ่อเคยไว้ใจ เคยบอกว่าเขาจะปกป้องเธอได้จะดูแลเธอได้มันไม่มีอยู่จริง พ่อของเธอคงจะมองคนผิด เพราะพี่ภูเขาไม่เคยปกป้องเธอเลย มีแต่ทำร้ายกัน และวันนี้เธอก็รู้ซึ้งแล้วจริงๆว่าต่อให้เราจะเป
“แต่ดูไปดูมาพวกคุณนี่ก็เหมาะสมกันดีนะ ก็คบกันให้มันจบๆไปสิ แต่อย่าลืมยี่สิบห้าล้านนะคะ แล้วฉันจะคืนอิสระให้” “มันจะมากไปแล้วนะเอย.... เธอจะรีดเงินพี่หรือยังไงห่ะ แค่ค่าสินสอดก็ปาไปเท่าไรแล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของเธออีก เคยคำนวณบ้างไหมว่าระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือนที่เธอมาอยู่กับพี่ เธอใช้เงินพี่ไปทั้งหมดกี่ล้านและไหนจะค่ารักษาพยาบาลพ่อของเธออีก สำนึกบ้างสิ” “ค่าสินสอดก็เป็นค่าตัวฉันไงที่คุณเอาเปรียบฉันทุกคืน ฉันไม่ได้ให้คุณเอาฟรีๆนะ เอาลูกเขาก็ต้องจ่ายไหมล่ะคุณภูริศ แต่ถ้าอยากได้ของฟรีก็ลองถามคนข้างๆคุณดูเผื่อเธอยอม.... เอะหรือว่ายอมไปแล้ว” “ส่วนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนมันก็เป็นหน้าที่สามีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ที่ต้องให้ภรรยาหรือไม่จริง ส่วนค่ารักษาคุณพ่อฉันไม่เคยขอ เผื่อคุณลืมว่าเป็นคุณลุงเองที่เสนอจ่ายให้” “ก็ถูก.... มันเป็นหน้าที่ของสามี แต่มันจะดีกว่านี้มากถ้าคนที่มาเป็นภรรยาของพี่คือผู้หญิงที่พี่รัก พี่จะไม่ว่าเลยสักคำถ้าเขาจะใช้เงินพี่มากแค่ไหนพี่ก็ไม่ติด แต่เธอไม่ใช่ไง... เธอเป็นแค่ลูกสาวเพื่อนพ่อที่ตอนนี้ครอบครัวล้มละลาย พ่อ
“คนอื่นเหรอคะ เอยเป็นคนอื่นสำหรับพี่งั้นเหรอ พี่พูดออกมาได้ยังไง คนอื่นคนนี้คือคนที่พี่นอนเอาเกือบทุกคืนเนี้ยะนะ!! ” “เอย!! พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า!!” ชายหนุ่มไม่คิดเลยสักนิดว่าเธอจะกล้าพูดประโยคแบบนั้นออกมา “ทำไมเอยจะไม่รู้ รู้สิ.... เอยกำลังตอกย้ำพี่อยู่นี่ไง เผื่อพี่จะลืมว่าตัวเองไม่ใช่ชายโสด พี่แต่งงานมีเมียแล้ว จะมาทำตัวแบบนี้ไม่ได้.....และที่สำคัญคนที่พี่เรียกว่าคนอื่นเขาคือเมีย เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย” “หยุดโวยวายเดี๋ยวนี้นะเอย อย่าทำให้พี่รำคาญไปมากกว่านี้” “คำก็รำคาญสองคำก็รำคาญ พอเอยพูดความจริงก็รับไม่ได้” “จะอะไรนักหนาวะเอย.... เพราะแบบนี้ไงพี่ถึงเบื่อถึงได้รำคาญเธอไง” “เออ!! เอยมันไม่เคยดีในสายตาพี่อยู่แล้วนี่ ทำอะไรก็ผิดไปหมด เอยไม่ใช่มันนี่ที่พี่คอยปกป้อง คอยทะนุถนอมทั้งๆที่มันเป็นแค่เพื่อน แต่เอยเป็นเมีย” “อย่าเรียกเดียร์ว่ามัน!!” “ทำไมคะ มันวิเศษวิโสมาจากไหน เตะต้องไม่ได้เลยงั้นสิ” ยิ่งเขาปกป้องผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไร น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลออกมาด้วยความน้อยใจ “เออน้อ
กรี๊ดดดดดดดดดด!!! เสียงกรีดร้องที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ชายหญิงที่กำลังนั่งประชิดกัน ต้องผละออกจากกันอย่างอัตโนมัติ ภูริศพอเห็นว่าคนที่มาส่งเสียงน่ารำคาญคือภรรยาของตัวเอง เขาส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับการกระทำของหล่อน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอชอบทำกิริยาไม่น่ารักแบบนี้ ไม่แปลกเลยสักนิดที่เขาจะอคติกับเธอ ชีวิตเขาเหมือนตกนรกทั้งเป็นตั้งแต่ที่แต่งงานกับรักษิกา ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างนอกจากหน้าตา ทุกวันนี้เขาภาวนาทุกวันขอให้เธอยอมหย่าสักที หกเดือนแล้วที่เขาต้องใช้ชีวิตกับเธอในฐานะสามีภรรยา บอกตามตรงว่าเขาทั้งเบื่อทั้งรำคาญผู้หญิงคนนี้มากๆ เข้าใจก็วันนี้แหละการเลือกภรรยาผิด ชีวิตแม่งฉิบหายจริงๆ เหมือนกับชีวิตของเขาในตอนนี้ที่ไม่มีความสุขเอาซะเลย ความจริงเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอเลยสักนิด เพราะไม่รักและไม่คิดจะรัก แต่เหตุผลเดียวที่ยอมแต่งเพราะคุณพ่อขอร้องให้แต่ง เพื่อช่วยครอบครัวของเธอที่ล้มละลาย ด้วยความที่พ่อของผมกับพ่อของรักษิกาเป็นเพื่อนที่สนิทกัน ท่านจึงขอร้องและยื่นข้อเสนอ...ถ้าผมตกลงแต่งงานกับหล่อน ท่านจะเลิกบงการชีวิตผมและจะอนุญาตให