ลู่เยว่ไนต์คลับ
ร่างบางระหงของสามสาวในการแต่งกายที่แตกต่างกันหากแต่มองยังไงก็ให้คำนิยามว่าสวยเท่และเซ็กซี่ เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว กำลังก้าวเข้าไปในไนต์คลับ สถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนในเมืองเอ ที่ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกไฮโซและลูกคนมีเงิน
เรียกได้ว่าลูกค้าที่นี่เกรดเอทุกคน รวมไปถึงสามสาวสวยที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาท่ามกลางสายตาของหนุ่มนักเที่ยวที่มองไปยังหญิงสาวในชุดแซกเซ็กซี่สีแดงเพลิง และสาวที่สวมเสื้อกล้ามหนังสีดำเอวลอยอวดหน้าอกสบึมกับเอวคอดขาวเรียบเนียน สวมกางเกงขายาวลายทหาร ส่วนอีกสาวที่เดินมาด้วยกันในชุดเดรสสั้นสีดำก็ดูสวยจนน่าค้นหา รวมๆ สามสาวคือดวงดาวที่ดูเจิดจรัสในค่ำคืนนี้
“นั่นๆ สวยว่ะ นายว่าไหมเจียวจ้าน”
เยว่อวี่ซินคนเจ้าชู้รีบชี้ให้เพื่อนมองสามสาวที่กำลังเดินไปนั่งลงที่โต๊ะVIP ที่พวกเธอจองเอาไว้ล่วงหน้า
สายตาคมของทายาทลำดับที่สองของตระกูลเฉินมองไปตามมือของเพื่อนก็พบว่าหญิงสาวเป้าหมายของเขาได้มาถึงที่คลับแห่งนี้แล้ว ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นมาอย่างถูกใจ เธอสวย สวยแบบหาตัวจับยาก เรื่องนี้เขายอมรับ แต่เธอจะสวยใสแบบที่พี่ชายบอกหรือเปล่าอันนี้เขาไม่แน่ใจ
“เฮ้ย นั่นมันเพื่อนของน้องสาวข้าเอง แม่สาวเสื้อกล้ามหนังสีดำน่ะ ชื่อน้องเยว่หรู เป็นนักบิดที่มีชื่อเสียงในเมืองเอเลยนะเว้ย เอ..ว่าแต่ทำไมนายไม่รู้จักวะไอ้อวี่ซิน”
ลู่ตงหานหันไปมองก่อนที่จะอุทานออกมาอย่างตกใจ สามสาวดาวเด่นในคืนนี้หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของน้องสาวเขาเอง และเธอก็เป็นสาวสุดฮอตที่รักความเร็วเหมือนกับเพื่อนสนิทอีกคนของเขาไม่มีผิด
“รู้สิ ดาวสนามแบบนั้นใครจะไม่รู้จัก หึๆ” สายตาคมของเยว่อวี่ซินจดจ้องมองไปที่ร่างอวบอิ่มของเยว่หรูอย่างไม่ละสายตา
“หัวเราะแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ อย่าบอกว่าแกฟาดน้องเค้ามาแล้วน่ะ” ลู่ตงหานเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ยังหรอก เห็นแบบนี้เล่นตัวนะเว้ย เธอไม่ชอบผู้ชายมั้ง ฉันเคยแหย่ไปครั้งหนึ่งเกือบต่อยปากแตก ร้ายใช่เล่นหึๆ”
เยว่อวี่ซินตอบขณะที่สายตายังมองไปที่คนร่างอวบอัดอย่างสนใจแบบไม่ปิดบัง สายตาคมของเฉินเจียวจ้านก็จับจ้องมองไปที่ร่างระหงของหญิงสาวในชุดแซกเซ็กซี่สีแดงเพลิงอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน พอมองไปรอบๆ โต๊ะของพวกเธอก็พบว่ามีผู้ชายหลายคนมองอย่างแสดงออกว่าสนใจทั้งสามสาว ใจเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแปลกๆ
“คนนั้นก็โคตรสวยเลยว่ะ เซ็กซี่ หุ่นเอ็กซ์ชะมัด แต่ดูท่าฤๅษีจำศีลของเราคงจะถูกใจเธอใช่ไหม” เยว่อวี่ซินเอ่ยขึ้นขณะมองตามสายตาของเฉินเจียวจ้านไปก็พบว่าเพื่อนสนิทนั้นมองสาวสวยในชุดแซกสีแดงเพลิงสุดเซ็กซี่อย่างจดจ่อ
“อืม... คนนี้แหละที่ฉันมาตามหาคืนนี้” คำตอบของเฉินเจียวจ้านทำเอาสองหนุ่มเพื่อนซี้ตาเบิกโพลงแถมยังอ้าปากค้างด้วยความตกใจอีกต่างหาก
“อะไรวะ ตกลงนายมาที่นี่เพื่อมาหาผู้หญิงหรือว่ามาหาฉันสองคนกันแน่ไอ้เจียวจ้าน”
ลู่ตงหานเอ่ยถามขึ้นอย่างงงๆ ก็เฉินเจียวจ้านเพื่อนของเขาคนนี้ร้อยวันพันปีเห็นสนใจสาวๆซะที่ไหน ก่อนจะมาเขายังพยายามโน้มน้าวให้มันมองหาผู้หญิงสักคนไปสนุกด้วยอยู่เลย แต่พอมาเจอเพื่อนของเพื่อนน้องสาวของเขามันกลับถูกใจเอาง่ายๆเสียอย่างนั้น
“กลุ่มนี้เล่นๆ ไม่ได้นะเว้ย เพราะไม่งั้นน้องข้าเอาตายแน่ๆ” ลู่ตงหานเอ่ยออกมาอย่างจริงจังจนสองหนุ่มหันกลับมามองหน้า
“แล้วถ้าจริงจังล่ะ” ทั้งคู่แทบจะเอ่ยออกมาพร้อมกัน ก่อนที่จะได้รับเสียงหัวเราะจากลู่ตงหาน
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้เจียวจ้านฉันพอจะไว้ใจได้ แต่กับนายไอ้อวี่ซิน ตราบใดที่นายยังไม่เลิกเจ้าชู้ แดกหญิงไม่เลือก นายไม่มีวันได้ใจของน้องเยว่หรูหรอก” ลู่ตงหานเอ่ยออกมาอย่างจริงจังหลังจากหยุดหัวเราะ แต่กลับได้รับสายตาจริงจังจากเยว่อวี่ซินตอบกลับมาแทน
“ฉันสนิทกับน้องเยว่หรูคนเดียวว่ะ คนที่สวมเดรสดำนั่นน่าจะทำงานเป็นนักพัฒนาบุคลิกภาพเพราะฉันเคยเห็นที่บริษัทจ้างไปให้ปรับบุคลิกภาพให้พนักงานต้อนรับของสายการบินฉันอยู่แต่ฉันก็ไม่รู้จักชื่อเธออยู่ดี ส่วนน้องอีกคนที่ไอ้เจียวจ้านมองอยู่ฉันไม่รู้จักว่ะ”
ลู่ตงหานพูดขึ้นพร้อมทั้งมองไปยังสาวสวยในชุดเดรสสั้นสีดำที่มองยังไงก็ไม่เข้ากับเธอเลยสักนิด หรืออาจจะเป็นเพราะแต่งตัวให้เข้ากับสถานที่เธอเลยจัดหนักมาได้ขนาดนี้ แต่ก็ดูสวยแปลกตาดี
“ฉันก็ไม่รู้จัก แปลกสวยขนาดนี้รอดสายตาของฉันไปได้ยังไงวะ สงสัยเธอไม่ค่อยออกมาเที่ยวกลางคืน ถ้ามาบ่อยๆ ฉันคงได้ฟาดไปแล้ว” สิ้นสุดคำพูดของเยว่อวี่ซิน ศอกแหลมๆของเพื่อนสนิทที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกก็กระทุ้งเข้าไปที่หน้าท้องแน่นอย่างเต็มแรง
“โอ๊ย!!! อะไรวะไอ้เจียวจ้าน ฉันก็พูดตามความจริงนี่หว่า อย่าบอกนะว่านายชอบน้องเค้าจนหวงน้องเค้าทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักนี่น่ะ”
เยว่อวี่ซินร้องเสียงหลงก่อนที่จะเอ่ยประโยคโดนใจของคนที่ไม่อยากมีแฟนในตอนแรก แต่ตอนนี้กลับมาแสดงท่าทางหึงหวงแม่สาวชุดแซกสีแดงสุดเซ็กซี่ น้องสาวของว่าที่พี่สะใภ้ซะอย่างนั้น 'ใครบอกว่าเขาไม่รู้จัก คนกันเองเลยล่ะ' มุมปากหนายกยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ นายรู้ไหมว่าน้องลี่หลินพักอยู่คอนโดไหน” เยว่อวี่ซินเอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้น เพราะดูจากสาวสวยแฟนกำมะลอของเพื่อนเขาตอนนี้นั้นไม่ได้สติแล้ว“เดี๋ยวเยว่หรูส่งที่อยู่ยัยลี่หลินไปให้พี่ในวีแชทนะคะ”เยว่หรูรู้ดีว่าไม่มีใครรู้จักที่อยู่ของลี่หลินแน่นอนเธอจึงใจดีบอกที่อยู่ให้กับเฉินเจียวจ้าน เพราะเขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเธอเสียอีก“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอพาน้องลี่หลินกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยลาเมื่อเปิดวีแชทแล้วเห็นชื่อของคอนโดที่หญิงสาวพักเรียบร้อยแล้ว“ค่ะ ฝากดูยัยลี่หลินด้วยนะคะ” สองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความเป็นห่วงร่างหนาประคองร่างบางให้เดินออกไปด้วยกัน หวงลี่หลินนั้นยังพอมีสติอยู่บ้างพอได้ยินว่ากลับคอนโด ร่างระหงจึงเดินตามชายหนุ่มไปโดยดี“ไม่ต้องห่วงน้องลี่หลินหรอกนะครับ ถ้าเทียบกันในบรรดาสามคนเราแล้ว ไอ้เจียวจ้านเป็นสุภาพบุรุษที่สุด มันจะไม่เริ่มก่อนแน่นอนถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เริ่ม”ลู่ตงหานเอ่ยออกมาให้ทั้งสองสาวสบายใจ หากแต่ทั้งสองสาวหันมามองหน้ากันและภาวนาขอให้หวงลี่หลินนั้นไม่ทำอะไรเพี้ยนๆ จนสุภาพบุรุษอย่างพี่เจียวจ้านตบะแตกก็แล้วก
หวงลี่หลินเดินกลับมาที่โต๊ะราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาที่เธอเพิ่งจะขโมยจูบไปเมื่อสักครู่ไม่ได้เดินตามเธอออกมา“เป็นไง สบายใจขึ้นยัง เห้ย!! แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้น นี่เธอเมามากเลยหรอยัยลี่หลิน” เยว่หรูเอ่ยถามก่อนที่จะทักขึ้นเมื่อสังเกตใบหน้าสวยของเพื่อนสาวที่บัดนี้แดงราวกับตูดลิง“ป่ะ..ป่าว พี่ตงหานคะ ขอลี่หลินลองอย่างอื่นที่ไม่ใช่พั้นซ์ได้ไหม” นักเขียนสาวตอบเพื่อนก่อนที่จะหันไปคุยกับพี่ชายเพื่อนของเพื่อนสนิท“ลองดื่มเบียร์สดดูไหมล่ะ”หญิงสาวพยักหน้ารัวๆ เจ้าของร้านสุดหล่อจึงสั่งบริกรให้จัดมาให้เธอทันที เขาเข้าใจว่าเธอเครียดและโดนผู้หญิงสองคนนั้นดูถูก โดยไม่ได้คิดว่าเธอนั้นไปทำความผิดอะไรไว้เฉินเจียวจ้านหายไปสักครู่เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายความเขินอายลง แต่พอกลับมาที่โต๊ะก็ต้องพบกับร่างระหงที่กำลังโยกย้ายร่างงามไปมาอยู่ท่ามกลางสองสาว และหนุ่มๆ ที่รายล้อมหากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พวกเธอด้วยรู้ดีว่าเธอนั่งอยู่กับใคร“หายไปนานเลยนะไอ้เจียวจ้าน ดูแฟนกำมะลอของนายสิ ดื่มเบียร์สดไปสามแก้วกลายเป็นแม่เสือสาวไปซะแล้วฮ่าๆๆๆ” เยว่อวี่ซินเอ่ยขึ้นก่อนที่จะ
“ต๊าย... เมาแล้วหรอยะ เมาแล้วก็ควรจะกลับไปนอนนะ” โหรวโหรวเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยของอีกฝ่ายเริ่มแดงนิดหน่อย ต่างจากตอนที่เธอเห็นตอนที่เพิ่งเข้ามา“ไม่เห็นต้องถามเลย คนแบบยัยนี่เคยดื่มเครื่องดื่มอะไรดีๆ แบบนี้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอสองคนนี่ก็ช่างใจดีเนอะที่คบเพื่อนกระจอกกระจอกแบบนี้ แล้วนี่แฟนยัยลี่หลินใช่ไหมคะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณแซ่ไหน มาจากตระกูลอะไร แต่คุณก็ไม่น่าตาต่ำไปคว้ายัยนักเขียนไร้สกุลคนนี้มาเป็นแฟนเลยนะคะ” ถิงถิงแขวะสาวสวยที่ยืนกอดอกมองเธอกับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะหันไปคุยกับชายหนุ่มที่ครั้งก่อนหวงลี่หลินแนะนำให้พวกเธอได้รู้จักว่าเขาเป็นแฟนสายตาคมจ้องมองไปที่คนพูดด้วยความไม่พอใจ เขาอยากจะฉีกหน้าผู้หญิงปากเสีย ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมคนนี้นัก หวงลี่หลินคนนี้น่ะหรอกระจอก ทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวง ตระกูลที่มีหน้ามีตา มีฐานะร่ำรวยติดอันดับสองของเมืองเอเนี่ยนะ เฉินเจียวจ้านอยากจะพูดออกไปนัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงยอมให้ผู้หญิงสองคนนี้พูดจาดูถูกอยู่ได้“อ้อ...ครั้งก่อนฉันลืมแนะนำไปใช่ไหมว่าเขาแซ่อะไร เป็นคนตระกูลไหน แต่ในเมื่อเธออยากรู้ฉันก็จะบอกให้เอาบุญ”ห
หนุ่มสาวทั้งสามคู่ยังคงนั่งพูดคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาหลายๆ คู่ที่มองมาอย่างอิจฉาเลยด้วยซ้ำ หวงลี่หลินนั้นหลังจากที่โดนเพื่อนๆ เอ่ยแซวก็เอาแต่หลุบตามองมือและชวนเพื่อนสาวคุยเปลี่ยนเรื่อง หากแต่คืนนี้นั้นเธอก็คิดบุคลิกของพระเอกในนิยายของเธอออกแล้ว“ยัยลี่หลิน นี่สรุปบก.ให้เธอลองเขียนแนวอีโรติกจริงๆ อะ” เยว่หรูกระซิบถามหลังจากแฟนของเธอเดินออกจากโต๊ะไปทักทายลูกค้าที่มาใหม่“อืม...อย่าเสียงดังเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน โดยเฉพาะคนข้างๆ ฉัน กลับห้องเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร”หวงลี่หลินรีบปรามเพื่อนรักเพราะเฉินเจียวจ้านนั้นเป็นรองประธานบริษัทที่เธอเซ็นสัญญาลงนิยายออนไลน์อยู่ ถ้าเขารู้ว่าเธอเอาเขาไปเป็นต้นแบบพระเอกในนิยายของเธอ เธอกลัวว่าเขาจะโกรธเอา เยว่หรูเหลือบไปมองหนุ่มหล่อสุดเซอร์ที่นั่งกระดกวิสกี้เข้าปากอย่างไม่สนใจคนรอบข้างก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”เฉินเจียวจ้านหันมาบอกแฟนในนามพอหญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเขาจึงลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องน้ำของแขกวีวีไอพี ตอนนี้ที่โต๊ะจึงเหลือเพียงสามสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ยังคงชวนอ้ายฉิงคุยตั้งแต่ที่มาถึง
“พี่อวี่ซิน ไม่ต้องกอดขนาดนี้ก็ได้เหอะ” เยว่หรูหันไปมองเพื่อนสนิททั้งสองที่มองมาที่เธอและเขาด้วยสายตายิ้มๆ ก่อนที่จะหันมาต่อว่าแฟนหนุ่มที่เธอไม่ได้ต้องการเลยสักนิด“เอาน่า พวกนั้นจะได้เห็นไง ว่าเธอมีแฟนแล้ว ว่าแต่คืนนี้จะแนะนำให้เพื่อนของเธอรู้จักพี่เลยไหม” เยว่อวี่ซินไม่ได้ปล่อยมือจากไหล่บางหากแต่โอบมาชิดกับหน้าอกหนั่นแน่นของตนแล้วพาเธอเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะวีวีไอพี“เธอว่ายัยเยว่หรูจะใจอ่อนให้พี่อวี่ซินไหมอ้ายฉิง” หวงลี่หลินกระซิบถามเพื่อนสนิทสาวอีกคนทันทีที่เห็นสองหนุ่มสาวที่เดินนำหน้าทำตัวติดกันซะขนาดนั้น“ก็ไม่แน่ น้ำหยดลงบนหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจคน เราสองคนก็ระวังหัวใจกันไว้บ้างเถอะ อะไรที่สร้างเอาไว้ ฉันกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายหัวใจตัวเราเอง” อ้ายฉิงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเอ่ยเตือนหัวใจตัวเองและเพื่อนสนิทสาวอย่างหวงลี่หลินบ้าง“สำหรับฉันไม่มีทางหรอก ฉันยังยึดมั่นในคำปฏิญาณเดิมของตัวเอง” หวงลี่หลินตอบออกมาอย่างมั่นใจ แม้ภายในใจก็พยายามที่จะไม่หวั่นไหวกับแฟนกำมะลออยู่เหมือนกันทางด้านสองสาวที่เต้นกันอยู่กลางฟลออย่างต้องการเช็กความนิยมของพวกเธอเองก็ต้องหันมองไปต
หลังจากนั่งคิดและจินตนาการอยู่สักพัก นักเขียนคนสวยก็หันไปกดแป้นพิมพ์จนเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องนอน ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสามชั่วโมง ร่างบางจึงได้บิดกายไปมาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเก่ง พร้อมทั้งละสายตาคู่สวยที่มีแว่นตาสีใสปกป้องดวงตาเอาไว้จากแสงที่ส่องมาผ่านหน้าจอ“อืมมม...... หิวจัง”เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ห้องครัว มือบางหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหนึ่งซอง พร้อมทั้งตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าลงไป แล้วเปิดแก๊สเพื่อต้มน้ำรอ ร่างบางหันรีหันขวางหยิบผักสดในตู้เย็นและเนื้อสัตว์มาหั่นอย่างคล่องแคล่ว เพราะออกมาอยู่ข้างนอกตั้งแต่สมัยเรียนจึงทำให้หวงลี่หลิน คุณหนูทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวงอย่างเธอนั้นทำอาหารเป็นผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ชามบะหมี่ที่มีหน้าตาน่าทานก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหาร โต๊ะประจำของนักเขียนสาว แต่ขณะที่กำลังจะตักเอาบะหมี่ในถ้วยเข้าปาก สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กของเธอก็แผดเสียงร้องจนคนที่กำลังหิวจนตาลายไม่อาจละเลยได้ ร่างระหงจึงผุดยืนขึ้นแล้วตรงไปหยิบมาก่อนที่มันจะส่งเสียงน่ารำคาญไปมากกว่านี้“ฮัลโหลว่าไง... เอาไงดีฉันรีบทำงานส่งน่ะ