ชารัณ เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มและดูน่าเกรงขาม แถมเจ้าตัวยังมีรูปงามตรงตามสเปคในแบบที่หญิงสาวทั้งหลายเฝ้าไฝ่ฝัน
เจ้าของร่างใหญ่ไม่ใช่ลุงพุงพลุ้ยหัวล้าน รูปร่างเตี้ยล่ำอย่างที่ขวัญยิหวาคาดเดานั่นเลยสักนิด หากดูไม่ผิดอายุของเขาน่าจะยังไม่เกินสามสิบปี และที่สำคัญกว่านั้นในความหล่อนั่นมันยังดูดุดันอยู่ในที
เขาจ้องมองขวัญยิหวาด้วยนัยน์ตาที่ไม่สามารถจะคาดเดาได้ แต่สายตาของเขามันทำให้คนถูกมอง ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะเจ้าของร่างใหญ่เอาแต่มองสบตากับอีกฝ่ายอย่างที่ไม่ยอมละสายตา แล้วเมื่อกุลธิดาเห็นอย่างนั้นเธอถึงกับอุทานออกมาทันที
“อุ้ยดูสิ คุณชารัณคงจะถูกใจกับสินค้าของธิดามากเลยใช่ไหมคะ ธิดาขอรับประกันเลยค่ะว่า ขวัญยิหวาคือของใหม่แกะกล่อง ที่ยังไม่เคยผ่านมือของใครมาทั้งนั้น”
ขวัญยิหวาถึงกับหน้าม้าน เมื่อได้ยินกุลธิดาพูดถึงเธอราวกับว่า เธอเป็นแค่สินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น ซึ่งชารัณก็ไม่ได้สนใจฟังคำสาธยายของคนเป็นนายหน้า เพราะสายตาของเขามัวแต่จับจ้องมองอีกคนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง
ถึงแม้ขวัญยิหวาจะมีอาการตื่นกลัวเขาอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยหญิงสาวก็ยังสามารถควบคุมสติของตัวเองได้ดี
“หมดธุระของเธอแล้ว เพราะงั้นออกไปได้!”
ชารัณออกคำสั่งกับกุลธิดาด้วยน้ำเสียงห้วนดัง ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งร่างอย่างรู้สึกตกใจ เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นถึงเจ้าของธุรกิจมากมาย ที่มีทั้งขาวและดำอยู่ในกำมือ ซึ่งต้นตระกูลของเขาก็คือพวกของมาเฟียนั่นเอง
“ฉันสั่งให้ไสหัวออกไปไง!”
เขาย้ำคำ และทำตาแข็งใส่อีกฝ่าย ขณะที่น้ำเสียงก็เริ่มจะกระด้างขึ้นไปอีกเท่าตัว
“ให้ไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ?” กุลธิดาเอ่ยถามขณะทำท่าทางเลิ่กลั่ก เพราะคาดหวังเอาไว้ว่าเธอจะได้ค่าขนม หลังจากที่ส่งของให้เขาเสร็จเรียบร้อย
“เออสิวะ...ค่าขนมไม่มี มีแต่ลูกปืน!”
กุลธิดาทำหน้าตาตื่นกลัว ก่อนพาตัวเองก้าวเท้าวิ่งออกมาจากห้องนั้นทันที หลังจากที่ได้ฟังประโยคนั่นจบลง โดยปล่อยให้ขวัญยิหวายืนงง แต่ก็ยังคงทำใจสั่นสู้กับคนตรงหน้า ที่ทำท่าเดินวนไปวนมาอยู่เพียงลำพัง
และหลังจากที่เขาไล่กุลธิดาออกไปจากห้อง เจ้าของร่างใหญ่ก็เดินออกไปสูบบุหรี่ตรงระเบียงที่อยู่ทางด้านหลัง โดยไม่ได้สนใจหันมองคนที่ยังอยู่ในห้องด้วยกัน
ขวัญยิหวาจึงอาศัยจังหวะนั้นเดินมานั่งลงบนโซฟา และพยายามถามตัวเองอีกครั้งว่า หากต้องการเปลี่ยนใจเอาตอนนี้ เธอยังทำได้อยู่ใช่ไหม?
ได้...หรือ...ไม่ได้...ยังไงก็ต้องลองดู...
ไวเท่าความคิดเมื่ออยู่ ๆ ชารันก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ชายหนุ่มทิ้งก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน จากนั้นจึงเอ่ยถามหญิงสาวออกมาตามตรง
“ขวัญยิหวา...เธอซิงแน่เหรอ?”
“ห่ะ!?”
ชายหนุ่มตีสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่าย ทำหน้าคล้ายกับไม่เข้าใจในประโยคคำถามง่ายๆ ของเขา
“อย่าทำมาเป็นตลกหน่อยเลย ฉันยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนในยุคนี้ ที่ยังคงรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ได้ หึ...แต่ยายนั่นกลับกล้ามาการันตีให้ แถมยังเรียกเงินค่าตัวของตัวเธอไปจากฉันเสียตั้งเยอะแยะ หากกล้ามาย้อมแมวกันรู้ใช่ไหม ว่าฉันคงไม่เอาเธอทั้งสองคนไว้แน่”
ขวัญยิหวารู้สึกอับอาย เมื่อคุณค่าของความเป็นคนถูกตีราคาจนไม่เหลือดี เลือดรักศักดิ์ศรีจึงทำให้ขวัญยิหวารู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ได้ฟังเขาว่าตัวเองอยู่ข้างเดียว
ยิ่งได้ยินว่ากุลธิดารับเงินค่าตัวของเธอไปเยอะกว่าที่คุยกัน มันก็ยิ่งทำให้หญิงสาวโกรธอีกคนจนลมออกหู
“ดูคุณเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างฉลาดและน่าจะช่ำชองพอตัว แล้วทำไมคุณถึงไม่ใช้หัวสมองคิดบ้าง ว่าเรื่องที่ฟังมามันคือเรื่องจริงหรือว่าย้อมแมว อีกอย่าง...หากคุณต้องการความมั่นใจ จะให้หมอตรวจฉันดูก่อนก็ได้นี่คะ”
“ไม่จำเป็น เพราะฉันมีวิธีที่จะพิสูจน์เองได้”
“ไม่ค่ะ...เพราะฉันเปลี่ยนใจไม่ทำ!...”
ว่าแล้วขวัญยิหวาก็เปิดกระเป๋าสะพาย แล้วล้วงหยิบเอาเงินที่ได้รับมาจากกุลธิดา ยื่นส่งคืนให้กับชารัณทันทีหลังจากที่พูดจบ
“นี่คือเงินสองหมื่นห้าครึ่งหนึ่งที่ฉันได้รับมาจากยายนั่น...ฉันคืนให้คุณเลยแล้วกัน ในส่วนที่เหลือคุณก็ไปตามเอาคืนจากยายนั่นเอง...ฉันไปละ”
แต่ก่อนที่ขวัญยิหวาจะทันได้ก้าวออกไปจากห้อง ร่างของเธอก็ถูกอีกคนช้อนอุ้มขึ้นพาดบ่า ราวกับว่าเธอไม่มีน้ำหนักตัว
“คุณจะทำอะไร? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ทำ!”
“รับเงินไปแล้วนั่นถือว่าเธอคือของฉัน”
หญิงสาวโวยวายเสียงดังพลางเอากำปั้นทุบไปที่หลังของเขา ส่วนเจ้าของร่างใหญ่ก็ได้ฟาดฝ่ามือหนา ลงมาบนแก้มก้นของเธอหลายครั้ง อย่างที่ต้องการเอาคืน
ขวัญยิหวาพยายามดิ้นรนขัดขืนและต่อสู้ทุกวิถีทาง จนกระทั่งถูกอีกคนโยนร่างของเธอลงไปบนที่นอน ก่อนที่เขาจะตามลงมา
“กรี้ดดดด...อย่านะ!”
เสียงหวีดร้องอย่างตื่นกลัว เมื่อเห็นคนตัวใหญ่กว่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดให้ และยิ่งเสียขวัญจนแทบจะบ้าตาย เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ของอีกฝ่าย รุกล้ำเข้ามาด้านในของกระโปรงตัวสั้น ก่อนจะขยำเข้าไปที่บั้นท้ายของเธอ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกให้ปล่อยไง”
“อยู่นิ่งๆ อย่าดิ้นได้ไหม หากเธอยอมให้ฉันพิสูจน์ฉันจะยอมจ่าย...”
“ไม่เอา!”
“ฉันยังพูดไม่จบ!”
“เท่าไหร่ก็ไม่เอา...ปล่อยฉันนะ!”
เมื่อถูกลงมืออย่างแข็งกร้าว กลายเป็นว่าทั้งเข่าและศอกของหญิงสาว ต่างประเคนเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างที่ไม่ยอมออมมือ แต่มีหรือที่เรี่ยวแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างขวัญยิหวา จะสามารถต่อสู้กับผู้ชายที่มีตัวโตกว่าได้ เพราะในที่สุดแพนตี้สีหวาน ก็ถูกมือของอีกฝ่ายกระชากให้หลุดออกมาจากบั้นท้ายของเธอ
“กรี้ดดดด...ไอ้ชาติหมา!ไอ้หน้าตัวเมีย!”
ขวัญยิหวาทั้งกร่นด่าทั้งหวีดร้อง ด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ชารัณก็ไม่ยอมละเว้น เพราะเขาคิดว่าเธอเป็นสินค้า ที่เขามีสิทธิ์ตรวจทานเธอได้ในเบื้องต้น...
ยิ่งเธอดิ้นรนขัดขืน มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น!...
“อย่านะ! ช่วยด้วย! หยุดเดี๋ยวนี้!”
แคว่ก!
“กรี้ดดดดดดด”
!!!
!!
!
ชารัณถึงกับต้องกลั้นลมหายใจก่อนพ่นมันออกไปแรงๆ มือแกร่งขยุ้มสะโพกของเธอไว้แน่น ในทุกจังหวะลีลาการเคลื่อนไหวของหญิงสาว ทำให้เขารู้สึกได้ถึงแรงตอดรัดอัดแน่นอันแสนหวาน"อ่า...เมียจ๋า...เก่งจัง..ทำผัวเสียวไปหมดแล้ว อื้อ~~ซี้ด~~" เสียงครางต่ำพร่า พลางมองสบตากับคนบนร่างอย่างแสนรัก และเมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากของเขา มันก็ยิ่งไปเร้าอารมณ์ของหญิงสาว ให้ขย่มท่อนลำของเขาไม่ยั้ง แถมยังส่งเสียงครางหวานระคนเสียวซ่าน ออกมาอย่างไร้ยางอาย“คุณจะได้รักยิหวาคนเดียว...ไม่เลี้ยวไปไหนไงคะ...อ่าส์...ซี้ด~~"เธอว่า ขณะวางมือบางเท้าไว้บนอกกว้าง แล้วเร่งรัดจังหวะให้ถี่กระชั้นขึ้นไป จนคนใต้ล่างแทบทนไม่ไหวสะโพกกลมมนขยับโยกย้ายส่ายเป็นจังหวะ ขณะที่เอวสอบด้านล่างก็เด้งขึ้นมารับอย่างสอดคล้อง เสียงเนื้อกระทบกันดังก้อง ส่วนอีกคนก็จ้องเธอราวกับต้องมนต์ ชารัณชอบเวลาที่เห็นขวัญยิหวา ทำตัวร้อนแรงกับเขาแบบนี้..."ให้ตายเถอะ ยิหวา..." ร่างหนากัดฟันกรอดเมื่อรู้สึกถึงแรงตอดรัดท่อนลำ มือกว้างกำสะโพกของเธอไว้แน่น เพื่อช่วยผ่อนแรงให้หญิงสาวขยับเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นกว่าเดิมร่างบางสะบัดหน้าไปมา เมื่อรู้ตัวว่าเธอใกล้จะถึง
การสืบคดีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะสำนวนทุกอย่างได้ถูกเตรียมเอาไว้แล้วทรัพย์สินทั้งหมดของอิทธิวิเชียร ได้ถูกทางการยึดไว้หลังรอการตัดสินจากศาล หรืออาจนานกว่านั้น เพราะมันยังมีอีกหลายคดีที่ถูกขุดคุ้ย และสืบค้นไปจนถึงธุรกิจที่ทำผิดกฎหมาย หลังจากนั้นชารัณจึงเข้าไปครอบครองพื้นที่ต่างๆ ในส่วนที่ควรเป็นของเขาได้อย่างง่ายดายสายตาคู่หวานของขวัญยิหวา จับจ้องมองใบหน้าคมเข้มจากดวงไฟสลัวที่อยู่ข้างหัวนอน ริมฝีปากสีอ่อนยกยิ้มบางๆ พลางทอดสายตาเลื่อนลงมาบนเรือนร่างของผู้ชาย ที่ได้ครอบครองเธอทั้งร่างกายและหัวใจ เมื่อย้อนคิดถึงสิ่งที่เขามอบให้ มาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันโดยเฉพาะสัมผัสอันร้อนแรงของอีกฝ่าย ที่ทำให้เธอหลอมละลายไม่ว่ายามหลับตาหรือว่ายามตื่น...ซึ่งในค่ำคืนนี้... หญิงสาวจึงอยากจะเอาใจเขากลับไปบ้าง...ขวัญยิหวาชันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าหาร่างสูง ที่นอนเอนกายพิงกับพนักหัวเตียงด้วยท่าทางผ่อนคลาย มือเล็กยันลงบนผ้าปูที่นอนก่อนจะค่อยๆ เยื้องย่างขึ้นไปคร่อมร่างเขาไว้ดวงตาหวานฉ่ำสบประสานกับนัยน์ตาคมเข้มที่มองมาอย่างรู้ทัน“จะทำอะไร?” คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นมองใบหน้างามตอนถาม ขณะ
ชารัณที่ยืนซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง เดินออกมาขัดขวางการสะสางบัญชีแค้น แทนขวัญยิหวาด้วยตัวของเขาเอง“อย่าขี้โกงสิลิตา วันนี้ผมแค่จะมาเป็นพยานให้กับขวัญยิหวาเท่านั้น”เมื่อเห็นชารัณปรากฎตัว นั่นหมายความว่าลูกน้องของเธอคงไม่มีใครเหลือรอด ซึ่งเธอควรหาทางหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของตัวเองน่าจะดีกว่าลลิตาพยายามคิดหาวิธีที่จะหยิบปืนบนพื้นขึ้นมา แต่ดูเหมือนชารัณจะรู้ทันว่าเธอกำลังคิดอะไร“ไม่คิดเลยว่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างคุณ จะมาเป็นเบ้รับใช้ให้กับผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้ ฟังแล้วยังไงมันก็ดูเสียศักดิ์ศรีอยู่นะ”ชารัณยักไหล่ทำท่าทางไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าขวัญยิหวาไม่ได้สนใจคำพูดอื่นใด นอกเสียจากอยากจะแก้แค้นให้คนเป็นพี่ชายเท่านั้น“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของใคร มีแค่คุณกับฉันเท่านั้นที่ต้องสะสางกันให้รู้เรื่อง” ขวัญยิหวาพูดออกมาบ้างหลังจากที่ยืนฟัง อย่างรู้สึกเคียดแค้นเหลือทนกับคนตรงหน้า“เอ...จะว่าไปแล้วนิสัยกัดไม่ปล่อยอย่างแกนี่ มันดูคล้ายกับใครสักคน ที่ฉันเคยเห็นมาก่อนตอนที่มันยังมีชีวิต ” ลลิตาทำท่าคิดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ “กันต์ธีไง...เหมือนกันต์ธีลูกน้องของคุณ ที่ฉันเป็นคนสั่งฆ่าม
ร้านอาหารในเครืออิทธิวิเชียร“เอาเหล้ามาอีก เหล้าในร้านมีเท่าไหร่ เอาออกมาให้หมด”เสียงของอนาวินทำให้คนที่เป็นเจ้าของร้าน รู้สึกเอือมระอาในตัวเขาอย่างมาก แต่เนื่องจากร้านนี้เป็นร้านที่อยู่ภายใต้การปกครองของลลิตา สิ่งที่ทำได้ก็น่าจะมีแค่คำว่าต้องอดทนเท่านั้นอนาวินได้ถูกลลิตาด่าทออย่างรุนแรง ในเรื่องที่เขากลั่นแกล้งขวัญยิหวาซึ่งถือว่าเธอคือผู้หญิงของชารัณ ด้วยการส่งลูกน้องเข้าไปแจกใบปลิวในมหาลัยเพื่อทำให้ขวัญยิหวาเสียหายและอับอาย ซึ่งนอกจากอนาวินจะทำไม่สำเร็จแล้วยังมาถูกตำรวจจับได้เสียอีกอนาวินทำให้คนเป็นพี่สาวต้องปวดหัว แถมเจ้าตัวยังชอบสร้างหนี้โดยให้คนเป็นพี่ ต้องคอยตามเช็คตามล้างอย่างไม่มีวันจบสิ้นสักที“อีพี่สาวตัวดี ขนาดกูทำให้มันทุกอย่างแต่มันก็ยังกล้ามาด่ากูอีก ต่อไปนี้มันกับกูคงต้องเดินกันคนละทาง” อนาวินก่นด่าพี่สาว แต่กลับถูกลูกน้องของเขาแย้งเตือนสติกลับมาให้ว่า“ตอนนี้นายหญิงของพวกเรา ไม่ได้มีพวกหนุนหลังเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะครับ หากเจ้านายจะทิ้งนายหญิงไปช่วงนี้มันคงดูไม่ดีแน่นอน”“ถ้ากูทิ้งไปตอนนี้แล้วมันจะมีปัญหาอะไรวะ ในเมื่อพี่สาวของกูมันไม่กล้าสู้กับไอ้ชารัณ กูนี่แหละที่
และเมื่อลูกน้องของชารัณที่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามจับตัวคนของอีกฝ่ายมาได้ เรื่องวุ่นวายทั้งหลายจึงได้จบลงเมื่อจบเรื่องวุ่นวายด้านนอก ชารัณจึงหันมาบอกเรื่องที่เขาได้พูดค้างเอาไว้ ให้ทุกคนได้รับฟังกันหลังจากนั้นว่า“ทุกคนคงได้เห็นความโกลาหลเมื่อครู่ ซึ่งคงจะได้รู้และเข้าใจแล้วว่า เรื่องที่ผมพูดออกมาทุกอย่างมันคือเรื่องจริงทั้งหมด เอาล่ะ...สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คือผมจะขอประกาศหรืออาจจะเป็นการ์ดเชิญ ที่ใช้ปากเปล่าพูดก็ได้ว่า ผมจะแต่งงานกับขวัญยิหวา หลังจากที่เธอเรียนจบการศึกษาอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นผมจึงเลือกเดินทางมาที่นี่ เพื่อนำข่าวดีของเรามาแจ้งให้แก่ทุกคนได้รับทราบ และหากใครต้องการจะไปร่วมแสดงความยินดีกับเรา ผมก็ยินดีต้อนรับทุกคนในฐานะแขกของยิหวา ผมหวังว่าคงจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านเป็นอย่างดี”เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องสุดช็อคของวันไป แต่ดูเหมือนคนที่จะตื่นตกใจมากกว่าใครคือขวัญยิหวานั่นเอง“คุณจะแกล้งยิหวาทำไมคะ?” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ราวกับวิญญาณจะปลิวออกจากร่าง“ใครบอกว่าฉันแกล้ง ฉันอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ ”“ ไม่จริง!ยิหวารู้ว่าคุณกำลังแสดงอยู่...”“เรื่องแบบนี้เ
ขวัญยิหวาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตออกมาทางด้านหลังของร้าน พร้อมกับถอดชุดฟอร์มพนักงานของทางร้านออกไป รองเท้าที่ไม่ได้ขนาดถูกเตะใส่ถังขยะ ขณะวิ่งหนีเอาตัวรอดและเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย ซึ่งแลดูคล้ายกับหมาที่ถูกไล่ล่าจากเจ้าถิ่น หูก็ได้ยินพวกของอนาวินที่วิ่งไล่ตามกันมา ขณะวิ่งก็ปาดน้ำตาทิ้งไปด้วยความเสียใจ เมื่อย้อนนึกถึงการตายอย่างทรมานของคนเป็นพี่ชายเสียงฝีเท้าของคนเหล่านั้น ยังคงวิ่งไล่หลังตามมาติดๆ เมื่อหาทิศทางไปทางไหนไม่ได้เธอจึงกระโดดเข้าไปในกองขยะ ที่อยู่ข้างตรอกคับแคบแล้วนั่งแอบซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น พร้อมกับลุ้นระทึกจนใจสั่น แต่เมื่อเห็นว่าพวกมันผ่านเลยไป เธอถึงกับถอนหายใจโล่งอกออกมานาทีชีวิตผ่านพ้นไป กับความจริงที่ได้รับฟังมาจนเต็มสองหู และได้รับรู้แล้วว่าใคร...ที่เป็นคนทำให้ชีวิตของเธอต้องมืดมน ซ่า!สายฝนโปรยปรายโดยไม่มีใครบอกได้ว่า มันจะสามารถชะล้างบางสิ่งที่กำลังลุกไหม้อยู่ในใจของหญิงสาวได้หรือเปล่า..ขวัญยิหวานั่งกอดเข่าร้องไห้ตามลำพังด้วยความอ้างว้างและเดียวดาย หากคิดจะแก้แค้นให้คนเป็นพี่ชาย ก็คงต้องพึ่งพาอำนาจของคนที่อยู่เหนือกว่าซึ่งนั่นก็คือชารัณ แต่หากไม่ต้องการทำอย่างนั้น หน