 INICIAR SESIÓN
INICIAR SESIÓNคิงส์ตัน ออร์ชาร์ด โฮเต็ล, สิงคโปร์
'กึก กึก'
เสียงรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วแบรนด์ฝรั่งเศสเดินกึกก้องไปตามโถงที่ปูด้วยพรมหลุยส์เป็นแนวยาวตั้งแต่หน้าลิฟต์จนสุดทางเดิน บอดี้การ์ดที่ตระกูลรูซโซ่ส่งมารับเธอถึงทางอากาศยานชางงีจำนวนสามนายกำลังเดินนำไปยังห้องพักที่จัดเตรียมเอาไว้
'KT33030'
เพราะเครื่องบินเกิดการดีเลย์เนื่องจากฝนตก ทำให้ต้องบินวนหาจังหวะจอดอยู่นาน มองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ทำการซิงโครไนซ์เป็นเวลาของที่นี่ ก็เห็นว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว
เทียบกับฝรั่งเศสก็เพิ่งจะบ่ายสามเท่านั้น เวลาที่เปลี่ยนแปลงไปมาทำให้สาวผมบลอนด์ค่อนข้างสับสน ยกมือเรียวขึ้นนวดขมับเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพัก และรีบหันมาบอกับคนที่ลากกระเป๋าด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ไปต้องเข้ามา ฉันจะพักผ่อน"
"เอ่อ..."
"ไม่ได้ยิน? บอกเจ้านายของพวกนาย ว่าฉันจะไปหาเขาวันพรุ่งนี้"
เจ้านายที่ว่าคือลูกชายคนโตของริคคาโน่ ที่ถูกส่งมาจัดการงานแต่งของเธอกับริวาโน่ หากจำไม่ผิดเหมือนจะชื่อ...
"เจ้านายของพวกนายชื่ออะไรนะ"
สามคนนั้นหันมามองหน้ากันด้วยหน้าตาเลิ่กลั่ก ไม่มีใครอาสาจะตอบคำถามของเธอ เพราะไม่มั่นใจว่าเธอกำลังถามใครอยู่
"ไปเถอะ ฉันจะพักผ่อน" รำคาญและออกปากไล่ให้พ้นๆ
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง หญิงสาวก็ถอดเสื้อโค้ทตัวนอกออกทันที อากาศที่นี่ร้อนชะมัด ถอดจนเหลือเพียงเดรสผ้าซีทรูผสมกับผ้าซาตินสีดำที่สวมด้านใน
ใช้มือคลำหาสวิตช์เปิดไฟภายในห้อง โรงแรมนี้โคตรประหลาด เปิดแอร์ทิ้งไว้แต่ไม่เปิดไฟ
"กรี๊ดดด!!"
หันกลับมาก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางห้อง ดวงตาของมันมองมาที่เธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ที่นี่แม่งไม่ปลอดภัยจริงๆ ด้วย
ขาเรียวยาวสาวเท้าจะวิ่งออกไปของความช่วยเหลือด้านนอก แต่เธอยังช้ากว่าไอ้โจรโรคจิตนัก มันคว้าแขนของเธอให้หมุนกลับไปประจันหน้า
"กรี๊ดดด!! ออกไปนะเว้ย!!" ฟาดมือใส่เต็มแรงอย่างไม่คิดชีวิต ยกขาเตรียมถีบผู้บุกรุกให้ล้มไปกองกับพื้น กะว่าถ้ามันล้มเธอจะคว้าแจกันในห้องฟาดหัวมันทันที
"หุบปาก!"
"อะ ออกไป๊!!" ฟาดมือลงบนใบหน้านั้นเต็มแรง
"จะกรี๊ดทำไมวะ!"
"ฉันจะให้ตำรวจลากคอแกเข้าคุก ไอ้บ้า!" ตะคอกใส่หน้าอย่างไม่เกรงกลัว
แล้วเธอก็จะฟ้องรูซโซ่ให้ล้มละลายกันไปข้างเลย
"ซีลีน อาร์โนลด์ ฉันบอกให้หุบปาก!!"
ชื่อและนามสกุลของตนเองที่ออกมาจากปากหนาได้ผลทันที เธอเงียบและหยุดมองเขาด้วยสีหน้าหวาดระแวง
เสื้อผ้าและเครื่องประดับเข้าเซ็ตจากแบรนด์อิตาลีชื่อดัง รวมถึงนาฬิกาที่ราคาเท่าตึกทั้งหลังทำให้เธอมองเขาใหม่
โจรไม่น่าแต่งตัวได้น่าปล้นขนาดนี้...
"คะ ใคร"
"คนที่เธอต้องไปหา หลังจากมาถึงไงล่ะ"
เขาสะบัดมือออกจากข้อมือเรียวอย่างหงุดหงิด ยกมือมาลูบใบหน้าหล่อเหลาของตนเอง ซึ่งตอนนี้มีเลือดไหนซึมออกมาจากการถูกเล็บเจลของคนตัวเล็กขีดข่วน
"ลูกคนโตของริคคาโน่?"
"เออ!"
เขาสบถใส่เธออย่างหัวเสีย เดินกลับไปนั่งและคว้ากระดาษทิชชูมาซับหน้าไปด้วย
ร่างผอมเพรียวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่โจร...ไม่สิ! เขาบุกรุกห้องพักเธอ แถมเข้ามาก่อนที่เธอจะมาถึงเสียอีก
นี่มันการกระทำของโจรชัดๆ
"อย่าเข้ามาห้องส่วนตัวของฉัน ก่อนได้รับอนุญาต" เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาพร้อมกับเดินมานั่งที่โซฟาสีดำอีกฝั่ง
ไขว่ห้างยกขาพาดกันตามความเคยชิน จนส่วนที่ผ่าข้างของเดรสแหวกออก และเผยให้เห็นเรียวขายาวสวยกับถุงน่องผ้าลูกไม้สีเดียวกับชุด
"ฉันสั่งให้ลูกน้องบอกให้เธอไปหา ทำไมไม่ฟังคำสั่ง"
"มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน"
เขาหัวเราะเหอะด้วยความค่อนขอด ยกมือขึ้นมาประสานกันแล้วทอดสายตามองเธอพร้อมกับรอยยิ้มหยัน
"อย่าพูดอะไรไม่น่าฟังแบบนั้น ตราบใดที่อาร์โนลด์ยังต้องการเงินของรูซโซ่พยุงกิจการอยู่"
คำขู่ของเขาได้ผลชะงัก แต่เพราะไม่อยากจะยอมรับจึงกอดอกเบนหน้าหนีไปอีกทาง
"ทำไมมาสาย"
เกือบสี่ชั่วโมงที่เขานั่งรอเธอ แทนที่จะได้จัดการงานอื่นให้เรียบร้อยภายในวันนี้
"เครื่องบินดีเลย์" ตอบสั้นๆ อย่างขอไปที
และนั่นทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างไม่พอใจ
ลูกสาวของอองรีเย่อหยิ่งกว่าที่คิด ลำคอระหงตั้งตรงรับใบหน้าที่เชิดขึ้นเหมือนไม่ต้องการคุยกับเขา
คงเพราะรู้จากฌองผู้เป็นอา ว่าริคคาโน่คือคนเดียวที่มีอำนาจในการจ่ายเงินให้กับอเมทิสต์ แต่เธอกลับไม่รู้ว่าคนที่คอยปั่นหุ้นและเลี้ยงกระแสให้อเมทิสต์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขา
ช่างแม่ง ทวงบุญคุณกับคนแบบนี้ไปก็ไร้ประโยชน์
"ฉันมีข้อเสนอมาแลก"
"ฉันไม่สน..."
"ริวาโน่จะพาผู้หญิงมาที่นี่ด้วย" เขาพูดแทรกก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ
ซีลีนกอดอกมองคนตรงหน้าไม่ไว้ใจ หน้าตาและนิสัยที่ปฏิบัติต่อเธอก็แย่สุดๆ เธอไม่อยากเอาตัวเข้าไปสุงสิงกับผู้ชายคนนี้
"ไม่ใช่ธุระของฉัน"
"คิดดีๆ สิซีลีน" เขาลากเสียงเรียกชื่อเธอยาวเหยียดเหมือนกำลังสั่งสอน มุมปากร้ายหยักยิ้มแสดงความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่ปกปิด "ถ้าน้องชายฉันเลือกเด็กคนนั้น เธอจะไม่ได้แต่งานนะ"
เมื่อหญิงสาวได้ฟังเหตุผลก็ส่ายศีรษะอย่างขบขัน เขายื่นข้อต่อรองราวกับมันเป็นเรื่องที่ทำให้เธอเสียผลประโยชน์
"นาย...ชื่อ...อะไรนะ?"
คนถูกถามหน้าตึงขึ้นทันที ไม่มีใครไม่รู้จักเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ราฟาเอลถูกถามชื่อ และรู้สึกเสียฟอร์มที่จะบอกไปตรงๆ
"ฉันไม่มีความจำเป็นต้องบอกชื่อให้คนที่ไม่มีประโยชน์กับฉันรู้ก่อน"
"นายรู้จักชื่อฉันแล้ว ทำไมฉันต้องแนะนำตัวอีก" ริมฝีปากอิ่มเอ่ยถามความไม่สมเหตุสมนั้นอย่างไม่เข้าใจ "อย่าลีลา ไม่งั้นฉันไม่คุยแล้วนะ!"
"ราฟาเอล"
"...ก็แค่เนี้ย"
คำพูดอย่างขอไปทีของเธอยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มหงุดหงิด แขนกำยำกอดอกแน่น ก่อนจะต่อว่าในความไม่รู้กาลเทศะของคนตรงหน้า
"หัดพูดเพราะๆ กับคนที่ให้เงินเธอใช้บ้าง"
"หึ ราฟาเอล~" หญิงสาวเรียกเขาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย
คนที่ถูกเรียกก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้
น้ำเสียงที่ฟังดูถือไพ่เหนือกว่านั่นมันอะไร
ขาเรียวสลับข้างไขว่ห้างเปลี่ยนท่านั่ง จนคนตัวโตแอบเห็นขอบถุงน่องลายลูกไม้ ที่ดึงขึ้นสูงถึงต้นขาจากรอยผ่าข้างของเดรสที่เธอสวมใส่
"เราคุยกันถึงไหนแล้วนะ อ้อ! ถ้าน้องชายนายเลือกเด็กคนนั้น ฉันก็จะไม่ต้องเป็นงานกับริวาโน่" ริมฝีปากเคลือบลิปสติกเนื้อกำมะหยี่ยิ้มบางๆ "แต่ฉันคิดว่ามันจะกลายเป็นปัญหาของนาย เพราะสำหรับฉัน...ฉันแต่งงานกับใครก็ได้ ขอแค่รูซโซ่จัดหามา"
แวบหนึ่งราฟาเอลรู้สึกใจหายกับคำพูดที่ฟังดูไม่สนใจชีวิตตนเองของผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะตั้งใจฟังเธอพูดในเวลาต่อมา และนั่นทำให้ความเห็นใจที่เกิดขึ้นหายวับทันที
"เพราะเป็นพ่อนายเอง ที่อยากให้ฉันแต่งกับลูกภรรยานอกสมรสเพื่อเอาเขากลับเข้าตระกูล"
ราฟาเอลไม่แปลกใจที่คนตรงหน้ารู้เรื่องครอบครัวตนเอง คงจะเป็นอาของเธอที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
"ถ้าริวาโน่ไม่แต่ง มันก็เป็นปัญหาของรูซโซ่ ไม่ใช่อาร์โนลด์!" ร่างสูงเพรียวกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรลุกขึ้นจากโซฟา เดินอ้อมไปด้านหลังคนตัวสูงกว่าเพื่อหยิบเสื้อโค้ทและกระเป๋า "กลับไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน"
เปลี่ยนน้ำเสียงกลับมาเป็นสาวเย่อหยิ่งพร้อมกับออกปากไล่ทันที มิวายจะย้อนกลับมาเกาะที่ไหล่แกร่ง พร้อมกับก้มลงกระซิบข้างหูคนที่นั่งโกรธอยู่บนโซฟาด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
"ขาฉันสวยใช่ไหมล่าา~ นายแอบมองตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ฉันเห็นนะ"
มาเฟียหนุ่มตัวแข็งทื่อกับเสียงหวานที่กระซิบอยู่ข้างหู
ถูกจับได้ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าเนียนพอตัวแท้ๆ
ปัง!
เสียงประตูห้องนอนปิดลง บ่งบอกว่าเธอไปแล้วจริงๆ ไม่มีการส่งแขก ไม่มีการบอกลา
ร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากห้องพักด้วยความขุ่นเคือง กดลิฟต์สำหรับแขกวีไอพีกลับห้องพักตนเองที่อยู่ข้างบนจากชั้นนี้เพียงสองชั้น
ผู้หญิงที่มาจากอาร์โนลด์ถือได้ว่าสวยสุดๆ ผมสีบลอนด์ธรรมชาติยาวถึงกลางหลังรับกับนัยตาสีฟ้าน้ำทะเลสุดเซ็กซี่ ไหนจะทรวดทรงองค์เอวทรงนาฟิกาทรายที่อยู่ใต้เดรสผ้าซีทรูนั่นอีก
แวบหนึ่งที่เขาเห็นใบหน้าเธอหลังจากเปิดไฟ คือความสวยที่เขาไม่เคยเจอจากผู้หญิงในอิตาลีคนไหน แม้แต่เทเรซ่าที่เป็นถึงนางแบบเบอร์หนึ่งในมิลานก็สู้สาวฝรั่งเศสคนนี้ไม่ได้เลย
แต่นั่นก็แค่แวบแรก...
ความสวยของเธอถูกลบล้างด้วยนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง และกวนประสาทจนหมด เขาเกลียดผู้หญิงที่สั่งไม่ได้ เกลียดผู้หญิงที่คิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่า
ความสวยที่กลายเป็นภาพติดตา หรือแม้แต่กลิ่นหอมจางๆ ที่ทิ้งไว้บนไหล่ จึงไม่ช่วยให้เขาล้มเลิกความพยายามที่จะบังคับเธอมาเป็นพวก
น้องชายของเขาต้องได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้
✦•·············•✦•·············•✦

สองปีต่อมา ณ เอ็กซองโพรวองซ์, ฝรั่งเศส “จุนตากับจุนยายนอนอยู่นี่เหยอ” เด็กชายโรเมโอวัยสี่ขวบครึ่งถามด้วยความสงสัยระหว่างที่จูงมือบิดาเดินเข้าไปตามเส้นทางที่ถูกปูด้วยพื้นซีเมนต์ ในขณะที่อาณาบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยป้ายหินอ่อนและพื้นหญ้าเตียนโล่ง กระทั่งเดินมาหยุด ณ สถานที่หนึ่งซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยสวนดอกคาเนชั่นสีชมพูขนาดย่อมที่สามีส่งคนมาจัดแต่งและให้คอยดูแลเป็นประจำ ดอกคาเนชั่นที่เซรีน่าแม่ของภรรยาชื่นชอบ “ใช่ค่ะ คุณตากับคุณยายพักผ่อนอยู่ที่นี่” หญิงสาวตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงยินดี “หม่ามี้กับปะป๊าพาน้องโรมมาทุกปี จำไม่ได้เหรอ?” คำถามทวนความจำถูกเอ่ยขึ้น และเด็กชายเอียงคอนึกตามก่อนจะเบิกดวงตากลมโตสีเขียวมะกอกตนเองและคลี่ยิ้มกว้าง “จริงด้วย!! ปีนี้ไม่มีดอกไม้เหรอ ดอกไม้ๆๆ” ถามหาช่อดอกไม้ ซึ่งตนเองถือมาวางด้วยตนเองเมื่อปีที่แล้ว พลางกระโดดโลดเต้นไปมาวนรอบตัวมารดา คุณพ่อตัวสูงซึ่งมีเป้อุ้มเด็กเล็กคล้องอยู่ด้านหน้ายกยิ้มให้กับความเฉลียวฉลาดของลูกชาย ก่อนจะหันไปมองบอดี้การ์ดซึ่งทำหน้าที่ถือช่อดอกคัตเตอร์สีข
มาเฟียหนุ่มพาคนตัวเล็กเขามาในห้องเก็บไวน์แห่งความหลัง ยื้อแย่งผลักดันกันอยู่ครู่ใหญ่ เนื่องจากหญิงสาวอิดออดไม่ยอมตามใจเข้ามาข้างในแต่โดยดี ดวงตาสีฟ้าสำรวจห้องเก็บไวน์แบบพื้นไม้ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ ดูสง่างามและคลาสสิค ลวดลายพื้นไม้และสีเข้มตามธรรมชาติทำให้ห้องรู้สึกอบอุ่นทั้งที่อุณภูมิในห้องนี้อยู่ที่สิบแปดองศาเซลเซียส ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในห้องนี้ผลิตด้วยวัสดุหนังสีดำชั้นดีของอิตาลี ชั้นวางไวน์ทำจากไม้ ออกแบบให้ปิดด้วยกระจกใสหนา มองเห็นการจัดเก็บไวน์อย่างมีระเบียบพร้อมควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อรักษาคุณภาพของไวน์ในระยะยาว มองไฟที่ใช้ในห้องที่ตกแต่งให้เป็นสีโทนอบอุ่นเสริมบรรยากาศของห้องเก็บไวน์แบบพื้นไม้ คนตัวสูงดันเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้หนังทรงสูงสามารถปรับระดับขึ้นลงได้ ปึก! "ที่รักอยากลองดื่มไวน์แดงที่นี่ดูไหม พ่อเก็บไว้เป็นอย่างดีเลย" เขาตะล่อมเธอด้วยการหยิบขวดเครื่องดื่มสีเข้มออกมาจากชั้นเก็บไวน์ เปิดจุกก๊อกด้วยความชำนาญก่อนจะเทของเหลวจำนวนหนึ่งลงในโถพักไวน์ "ระหว่างรอพักไวน์ เรามาท
โครงการฮันนีมูนของสองสามีภรรยารูซโซ่ถูกพับเก็บยาวๆ นับปี เนื่องจากหน้าที่การงานที่รัดตัวกันทั้งคู่ ราฟาเอลกำลังขยายอำนาจตนเองเข้าไปในฝรั่งเศสจึงต้องบินไปกลับอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับภรรยาอย่างซีลีน อาร์โนลด์ รูซโซ่ที่ต้องบินไปทำงานที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของอเมทิสต์แทบทุกเดือน ทั้งสองจึงต้องผลัดกันอยู่บ้านเลี้ยงลูกเพื่อไม่ให้เด็กน้อยขาดความรักความอบอุ่น เรียกได้ว่าในหนึ่งเดือนนั้นการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกช่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก กระทั่งโรเมโออายุครบสองขวบ สถานการณ์ของอเมทิสต์และลูซโซ่เวิลด์ไวด์ในฝรั่งเศสจึงคงที่ และทำให้มีเวลากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ภายหลังฤดูหนาวสิ้นสุดลงและเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ราฟาเอลจึงตัดสินใจไปเยี่ยมบิดาที่แคว้นทัสคานี เมืองฟลอเรนซ์ ขับรถจากโรมเพียงสามขั่วโมงก็มาถึงเมืองที่เป็นดั่งจุดเริ่มต้นของประวัติอิตาลี นับตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเกิดขึ้นที่นี่ อิตาลีก็เต็มไปด้วยความฝันที่ผู้คนหลงใหลใฝ่หา ขับรถข้ามสะพานแม่น้ำอาร์โนมาถึงคฤหาสน์สไตล์เรเนซองส์เก่าแก่ ซึ
เด็กชายโรเมโอขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในวัยสามเดือนเศษ การขึ้นเครื่องบินครั้งนี้ยาวนานกว่าสิบสองชั่วโมง โดยแวะพักที่ดูไบสองชั่วโมง ก่อนจะแลนด์ดิ้งลงที่สนามบินภูเก็ต โดยเป้าหมายของการมาในครั้งนี้คือร่วมงานแต่งของน้องชายซึ่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมในเครือลูซโซ่ นับตั้งแต่ที่บิดาสละตำแหน่งให้ตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูล หุ้นทั้งหมดของบิดาในธุรกิจโซนเอเชียก็ถูกโอเป็นชื่อของน้องชาย เซนในตอนนี้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของธุรกิจโรงแรมไปแล้ว สิทธิ์ขาดในอำนาจการตัดสินใจกลายเป็นของน้องนับตั้งแต่วันนั้น เขาเองก็ไม่ได้ทัดทานความต้องการของพ่อ กลับรู้สึกว่าพ่อคิดถูกที่ยกธุรกิจในเอเชียให้เซนดูแล ไอ้เด็กนี่มันฉลาด เก่ง เด็ดขาด แม้จะชอบกวนส้นตีนเขาก็ตาม งานแต่งเล็กๆ ถูกจัดที่หาดส่วนตัวของโรงแรม ราฟาเอลรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่งานแต่งของน้องเล็กมากเมื่อเทียบกับงานของตนเอง ทว่าหากมองไปยังบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ทั้งหมดต่างแสดงความยินดีกับน้องชายด้วยความรู้สึกแท้จริง อบอุ่นและจริงใจ ราฟาเอลคิดว่าแบบนี้ก็ไม่ได้แย่ “ของขวัญฉ
หลายเดือนต่อมา ร่างสูงกำยำสาวเท้ายาวๆ ด้วยความเร่งรีบไปตามโถงทางเดินโรงพยาบาล มาเฟียหนุ่มวัยสามสิบปีกลับมาจากอเมริกาด้วยเครื่องบินส่วนตัวทันทีที่ทราบว่าภรรยาคลอดลูกชายแล้ว เมื่อประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก ราฟาเอลก็รีบตรงดิ่งเข้ามาหาภรรยาซึ่งในมือมีเด็กทารกเพศชายอยู่ในมือ ใบหน้าสวยแม้ในยามไร้เครื่องสำอางหันมามองสามี ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “อ้าว! ทำไมกลับมาเร็วจัง อีกตั้งสามวันไม่ใช่เหรอ?” สามีออกไปทำงานต่างประเทศหนึ่งสัปดาห์ แต่นี่เพียงสามวันเขาก็กลับมาเสียแล้ว “ที่รัก!” สองมือคว้ากอดภรรยาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนด?” กำหนดวันคลอดของภรรยาคือในอีกห้าวัน แต่นี่ซีลีนกลับคลอดลูกชายก่อนกำหนดถึงหกวัน เขาที่ได้รับข่าวจากคาลาร์ร์และเอ็มมาว่าคนตัวเล็กปวดท้องใกล้คลอดจึงบินตรงกลับมาที่โรมด้วยความร้อนใจ ยอมทิ้งแม้กระทั่งสัญญากาสิโนที่ลาสเวกัส ซึ่งในอีกไม่กี่วันก็จะได้เซ็นสัญญา แต่ช่างมัน คนอย่างราฟาเอลไม่สน ณ ตอนนี้ลูกกับเมียที่หนึ่งเดียว ธุรกิจพวกนี้ยังมีเวลากลับไปเจรจากันใหม่
เมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงเวลาเคานต์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ แขกที่มาร่วมงานต่างจับจองตำแหน่งในการยืนชมพลุที่กำลังจะเข้าสู่ท้องฟ้า คนที่ทำหน้าที่กดปุ่มปล่อยพลุในปีนี้ไม่ใช่ดาราสาวชื่อดังอย่างเทเรซ่า แต่กลับเป็นริคคาโน่ที่เป็นอดีตผู้นำและอดีตผู้บริหารจองลูซโซ่ ซึ่งนั่นก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนในงานได้ไม่ต่างกัน "ทำไมไม่เป็นคนจุดเอง" ซีนใหญ่ขนาดนี้ หากได้เห็นใบหน้าของราฟาเอลตามหน้าสื่อเท่ากับเป็นการโพรโมตการเป็นผู้นำคนใหม่ไปในตัว "ฉันจุดใครจะอยู่ข้างเธอ" เพราะสอบถามกับช่างเทคนิคในวันตรวจเช็กงานวันนั้นแล้ว ว่าใช้เวลาไม่เกินสิบวินาทีหลังกดปุ่ม พลุทั้งหมดก็จะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตามเชตที่ตั้งเอาไว้ "เข้ามาอยู่ในนี้มา" เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่มาเฟียหนุ่มสวมอยู่ถูกเปิดออก พร้อมกับมือของเขาที่ดึงตัวของเธอให้เขาไปอยู่ด้านใน ก่อนจะใช้เสื้อตัวใหญ่ปิดไว้จนกลายเป็นว่าทั้งคู่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวเดียวกัน "ถ้ากลัวเสียงจะใส่ที่อุดหูก็ได้นะ" เขาพกทุกอย่างใส่กระเป๋ามาเตรียมพร้อมให้ "ไม่ได้กลัวแล้ว" เธอสบายใจและคลายความกลัวลงนับตั้งแต่
