เพราะเธอต้องการเงินจำนวนมากในการผ่าตัด เพื่อรักษาชีวิตของผู้มีพระคุณและคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต เธอจึงจำใจต้องทำงานที่ตัวเองไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องทำ เพื่อเงินเธอจึงต้องเอาตัวเข้าแลก และต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจ
더 보기มะปราง หรือ ปราง คือชื่อของฉัน ส่วนมากคนเรียกแบบสั้นๆ มากกว่า
ฉันอยู่กับย่าสองคน จะเรียกแบบนั้นก็ได้ เพราะพ่อของฉันก็ไม่ได้สนใจใยดีอยู่แล้ว ทิ้งเราสองคนไว้ให้อยู่ด้วยกัน ไม่เคยมาดูดำดูดีเลย และก็ไม่เคยคิดที่จะช่วยค่ารักษาพยาบาลของย่า ฉันไม่มีแม่ เท่าที่จำความได้ฉันก็โตมากับย่า พ่อเคยบอกว่าฉันถูกแม่ทิ้งตั้งแต่เกิดแล้ว ส่วนพ่อก็เลี้ยงไม่เป็น ก็เลยยกฉันให้กับย่า เราอยู่กันแบบ พอมีพอกิน เพราะหลังจากที่จบม.6 ฉันก็ต้องไปทำงาน จะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยมันก็ไม่ไหว ถึงจะอยากเรียนก็เถอะ ค่ารักษาพยาบาลค่ายาของย่าในแต่ละเดือน มันค่อนข้างแพง ฉันก็เลยต้องทำงานหลายอย่าง เพื่อให้มันพอกับค่ายารักษา ฉันรู้ว่าที่ทำอยู่เนี่ยมันเหนื่อยและลำบาก แต่ฉันต้องทำ เพราะฉันรักย่าที่สุด และอยากให้ย่าอยู่กับฉันให้นานที่สุด แต่แล้ววันนึงฉันก็เหมือนถูกฟ้ากลั่นแกล้ง หมอบอกว่าตรวจพบเนื้องอกในสมองของย่า ซึ่งจะต้องทำการผ่าตัด แต่จะต้องส่งไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ และที่สำคัญค่ารักษา มันแพงมาก ลำพังคนที่ทำงานเงินเดือนหลักหมื่นอย่างฉัน จะหาเงินหลักล้านมาได้ยังไงกัน จนกระทั่ง ฉันได้รู้จักกับใครบางคน เขายื่นข้อเสนอให้กับฉัน เพื่อแลกกับเงินหลักล้านในการรักษา และจะดูแลจนกว่าย่าฉันจะหายดี ฉันตอบรับอย่างไม่ลังเลเลย ไม่รู้ด้วยว่าข้อเสนอที่ว่ามันคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่ฉันคิดอยู่ตอนนั้นคือ ฉันทำเพื่อย่า เพื่อคนที่ฉันรักที่เหลืออยู่คนเดียว จนได้ไปอยู่กับเขา ฉันถึงได้รู้ว่า ข้อเสนอที่ว่านั้น "มันคือการขายตัว" ***************** วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ ~ มะปรางยืนมองรถพยาบาลที่พาย่าของเธอไป ถึงตอนนี้จะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถวางใจได้อยู่ดี "คุณยังไม่กลับหรอคะ" "ฉันจะรอไปพร้อมเธอ ไปเก็บเสื้อผ้า จะได้เลยไปกับฉันเลย" "ปรางขอแวะหาย่าก่อนได้ไหม" "อืม ถึงยังไงเธอก็ต้องไปเซ็นเอกสารเรื่องผ่าตัดอยู่แล้ว" "ค่ะ ๆ" หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปในบ้านและเก็บข้าวของในทันที ก่อนจะล็อคประตูบ้านและออกมาหามาเฟียหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ารออยู่ "เรียบร้อยแล้วค่ะ" "แค่นี้ ?" หมายถึงเสื้อผ้าที่เธอเก็บยัดใส่กระเป๋าลงมา มันน้อยซะจนเขาคิดว่าเธอไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองเลยหรือไง "คะ ?" "เสื้อผ้าเธอน่ะ เอาไปแค่นี้หรือไง ฉันไม่ได้ให้เธอไปอยู่แค่วันสองวันนะ" "เดี๋ยวปรางขยันซักเอาค่ะ" "....." ที่เก็บมาเท่านี้เพราะเสื้อผ้าตัวดีๆ ไม่ยืดไม่ขาด ก็มีอยู่ไม่กี่ตัวเอง อยู่ที่โน่นขยันซักเอาบ่อยๆ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก "ไปขึ้นรถได้แล้ว" "ค่ะ" หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกไปพร้อมกัน ก่อนที่จะกลับเข้าเพ้นท์เฮ้าส์มาเฟียหนุ่มก็ให้คนขับรถของตัวเองแวะเข้าไปที่โรงพยาบาลก่อน เพราะต่อให้เธอไม่ร้องขอ เขาก็ต้องพาเธอไปอยู่ดี พอมาถึงโรงพยาบาล มะปรางก็รีบเดินสับตีนแตกเข้าไป ก่อนที่ตัวเธอนั้นจะต้องชะงักอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด "ตอนนี้คนไข้ถูกพาเข้าห้องวางยา เตรียมผ่าตัดแล้วครับ" เวรเปลบอกกับเธอ "ค่ะ ผ่าตัดได้เลยค่ะ ฉันไม่มีปัญหา" เธอตกลงตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ตั้งแต่ที่หมอบอกว่าทางเดียวที่จะทำให้ย่าของเธอหายดี ก็คือต้องผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออก แกร๊ก ~ "ญาติคนไข้ที่ชื่อเนื้ออ่อนค่ะ" "ฉันเองค่ะ ฉันเป็นหลาน" "เดี๋ยวเชิญเข้าห้องเซ็นเอกสารหน่อยนะคะ" "ค่ะ" มะปรางรีบเดินตามพยาบาลเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่เธอก็ไม่ได้เห็นย่าของเธอหรอก เพราะเธอก็ได้แต่ยืนอยู่ด้านนอก "จะเสร็จตอนกี่โมงหรอคะ ย่าจะออกจากห้องผ่าตัดเมื่อไหร่" "ระยะเวลาการผ่าตัดโดยประมาณแล้วจะอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมงนะคะ รวมระยะการพักฟื้นแล้วด้วย แต่ยังไม่รวมระยะเวลาในการดูอาการนะคะ ญาติคนไข้กลับก่อนได้เลยค่ะ เสร็จการผ่าตัดแล้ว ถูกย้ายไปห้องปลอดเชื้อแล้ว ทางโรงพยาบาลจะโทรไปแจ้งอีกทีค่ะ" "ขอบคุณนะคะ" ใจจริงเธอก็อยากจะอยู่นั่นแหละนะ แต่ก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่ และเขาก็ยังรออยู่ข้างนอกด้วย "เสร็จแล้วหรอ" พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็ได้เจอกับเขาที่ยืนอยู่ "ปรางนึกว่าคุณจะรออยู่ในรถ" "ฉันแค่กลัวเธอหนีมากกว่า" "ปรางไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ ย่าก็อยู่ในห้องผ่าตัด ปรางไม่เอาชีวิตย่ามาเสี่ยงหรอก" "หมอว่ายังไงบ้าง" "หมอบอกว่าให้กลับก่อนค่ะ ผ่าตัดเสร็จแล้วหมอจะโทรบอกอีกทีค่ะ" "เมื่อไหร่" "หลายชั่วโมงอยู่ค่ะ พรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าย่าจะออกจากห้องปลอดเชื้อได้หรือเปล่า พยาบาลบอกแค่นี้ค่ะ" "อ่อ งั้นก็ไปขึ้นรถได้แล้ว" "....." ทำหน้าเศร้า ในใจเธอไม่อยากไปด้วยซ้ำ อยากอยู่ที่นี่ รอจนกว่าจะได้รู้ข่าวจากปากของคุณหมอว่าย่าของเธอปลอดภัยดี "มีอะไรอีก" "ย่าของปรางจะปลอดภัยใช่ไหม" พูดเสียงเศร้า "หมอบอกเธอว่ายังไงล่ะ" "หมอบอกว่า ถ้าผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกได้ โอกาสที่จะเสียชีวิตก็น้อยลงค่ะ" "ก็แปลว่าปลอดภัย ไม่ต้องห่วงหรอก หมอที่ฉันให้ผ่าตัดย่าเธอ เป็นหมอฝีมือดี จบจากต่างประเทศ" "ขอบคุณนะคะ" "ไปขึ้นรถได้แล้วหรือยัง" "ค่ะ ได้แล้วค่ะ" มะปรางเดินตามหลังมาเฟียหนุ่มไปขึ้นรถ ก่อนที่จะถูกเขาพากลับไปที่เพ้นท์เฮ้าส์ เพื่อทำข้อตกลงบางอย่างที่เขาพูดเอาไว้ *********** #เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น มะปรางไปทำงานที่ร้านอาหารร้านเดิมที่เคยทำงานอยู่ แต่หลังจากที่รู้ข่าวเรื่องย่าของเธอแล้ว เธอก็มีความคิดที่จะต้องหาเงินจำนวนเท่านี้ ให้ทันก่อนที่เนื้อร้ายมันจะลุกลามไปมากกว่านี้ จนกระทั่งได้เจอเขา และเขาก็ยื่นข้อเสนอบางอย่างมาให้กับเธอ ด้วยความที่เขารับปากเรื่องค่ารักษาและการดูแล ทำให้มะปรางตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว และเขาก็ให้คนของเขาจัดการให้ทุกอย่าง แม้กระทั่งให้รถพยาบาลมารับย่าของเธอที่บ้าน ************* #เพ้นท์เฮ้าส์ "อันนี้บ้านเหรอคะ" "อืม จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ตามใจเธอ" เขาไม่ได้ขัดใจ เพราะถ้าจะให้คนบ้านๆ อย่างเธอเรียกตามความเป็นจริงมันก็คงจะกระดากปาก เธออยากเรียกอะไรก็แล้วแต่ตามใจเลยแล้วกัน เพราะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว "ใหญ่จัง มีแม่บ้านไหมคะ" "เขามาทำงานตามเวลา ถ้าฉันอยู่พวกเขาจะไม่อยู่" "อ๋อ..." "เอาของเข้าไปเก็บสิ ห้องเธออยู่ทางนั้น" "หะ ให้ปรางอยู่ข้างบนเลยหรอคะ ปรางอยู่ข้างล่างก็ได้นะคะ" "ฉันสั่งเธอก็ต้องทำ รีบไปเร็วเข้า จะได้ลงมาคุยกัน" "ค่ะ" มะปรางรีบเอาของขึ้นไปเก็บ ก่อนจะรีบเดินลงมาหาเขาที่ด้านล่าง "ฉันจะคุยกับเธอเรื่องข้อตกลงน่ะ" "ปรางทราบแล้วค่ะ ขอแค่คุณแจงรายละเอียดมาก็พอ ปรางต้องทำงานกี่วัน กี่เวลา ทำอะไรบ้าง" "นอนกับฉัน" "คะ ?!" "ข้อเสนอที่ฉันยื่นไป คือเธอต้องนอนกับฉัน" "ปะ ปรางไม่ได้ขายตัวนะคะ ปรางคิดว่าคุณจะให้ปรางมาเป็นแม่บ้านซะอีก แล้วก็ทำงานชดใช้หนี้" "กี่ชาติล่ะ เธอถึงจะทำงานใช้หนี้ตั้งหลายล้านให้กับฉันหมด" "....." "หรือเธอจะปฏิเสธ ฉันจะได้ให้หมอยุติการผ่าตัด" "มะ ไม่นะคะ ปรางไม่ปฏิเสธค่ะ ก็แค่ตกใจ เพราะเราไม่ได้คุยกันมาก่อน" อันที่จริงถ้าเธอรู้ก่อนมันก็จะไม่ตกใจแบบนี้หรอก อย่างน้อยเธอก็จะได้คิดและตกลง และทำใจว่าตัวเองจะต้องมานอนกับเขา ตามข้อเสนอที่เขายื่นให้ "งานง่ายๆ แค่ขึ้นเตียงแล้วนอนกับฉัน คงไม่ยาก" "ปะ ปรางจะเป็นของคุณคนเดียวใช่ไหมคะ" "พูดอะไรของเธอ" "คุณจะไม่เอาปรางไปขายให้คนอื่นใช่ไหม แบบว่า มีคนอื่นร่วมด้วย" "หึหึ งั้นก็จำเอาไว้ให้ดี ว่าฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร" "....." โล่งอก "วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่มีอารมณ์ เธอไปอาบน้ำพักผ่อนเลยก็แล้วกัน" "อ่าวแล้ว..." "ถึงฉันจะให้เธอมาเป็นคู่นอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องมีเซ็กซ์ทุกวันและตลอดเวลา" "ขอโทษค่ะปรางไม่รู้" "อืมๆ ไปได้แล้ว" "ค่ะ"#วันต่อมาเพ้นท์เฮ้าส์หรูอนาคินทร์โทรเรียกคู่ขาเก่าของตัวเอง "มารีน" ให้มาที่เพ้นท์เฮ้าส์เพราะมีเรื่องที่ต้องการเคลียร์ให้รู้เรื่อง พอเธอมาถึงก็ยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจ เพราะคิดว่าอนาคินทร์ยอมยกโทษให้กับตัวเองแล้ว ถึงได้โทรมาให้เธอมาหาถึงที่นี่แต่พอได้เห็นหน้าของมะปราง สีหน้าที่ยิ้มแย้มก็เปลี่ยนไปในทันที เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว"คิมโทรหาให้รีนมาหาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าคะ""มีอยู่แล้ว นั่งลงก่อนสิ""ค่ะ" เธอนั่งลงพร้อมกับสายตาที่มองไปยังอีกฝ่ายเป็นระยะๆ ในใจก็คิดว่าเธอจะต้องถูกต่อว่าอย่างแน่นอน เพราะเมื่อวานตัวเองก็แสดงละครได้ดีเลยทีเดียว"ฉันไม่เคยคิดเลยนะ ว่าวันนึงจะต้องมานั่งตัดสินเรื่องของผู้หญิง""อันที่จริงรีนก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนะคะ แค่เธอยอมขอโทษรีนก็พอแล้วค่ะ" เธอตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จออกมาอย่างหน้าด้านๆ เพราะคิดว่ามาเฟียหนุ่มยังไม่รู้เรื่อง มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกอนาคินทร์เปิดคลิปในโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะยื่นให้กับคนตรงหน้าได้ดู ซึ่งมันก็เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิด ที่เฉลยทุกสิ่งทุกอย่าง เล่นเอามารีนถึงกับนั่งหน้าซีดเลยทีเดียว"เอ่อ...""ฉันไม่
#เวลาต่อมาเพ้นท์เฮ้าส์หรูของอนาคินทร์ เสียงกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ดังขึ้นรัวๆ ชนิดที่ว่าไม่ยอมหยุดพักเลย จนมะปรางนั้นเริ่มเกิดอาการรำคาญและไปเปิดประตูรอบแรกมองจากตาแมว คิดว่าทำเมินก็คงจบ ไม่มาอีก ไม่คิดว่าจะกดรัวๆ อีกแบบนี้แกร๊ก !"พอเถอะค่ะคุณ เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว""หลีกไป!" ผลักมะปรางให้หลีกทาง จากนั้นก็เดินเข้ามาด้านใน ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่เองเลย"คุณคะ กลับไปเถอะค่ะ อย่า..อ๊ะ!?""อย่ามาปากดีกับฉัน" เธอเอามือบีบที่คางของมะปรางอย่างแรง มองหน้าเหมือนจะเอาเรื่องให้ได้"ถ้าคุณคิมมาเห็นคุณอีก คุณจะโดนเอาได้นะคะ"โดนไล่ไปตั้งกี่รอบแล้วทำไมถึงยังกล้ามา แถมยังกล้าพูดว่าเขาแค่โกรธ โดนไล่ขนาดนี้ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายเกลียดเลยนะ"คิมเขาก็แค่ยังโกรธฉัน ที่ไม่หายโกรธสักทีก็เพราะเธอไง""เกี่ยวอะไรกับฉันคะ?""คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่าเธอไม่ใช่แค่แม่บ้าน" จับต้นแขนของมะปรางแล้วบีบอย่างแรง"โอ๊ยคุณ ! ฉันเจ็บนะคะ""ตอนแรกฉันคงโง่เองแหละ ที่คิดว่าเธอเป็นแค่แม่บ้าน แต่พอเห็นเธอนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคิมแล้ว ฉันก็เริ่มคิด เพราะคิมเขาไม่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับใคร""ปล่อยฉ
#เวลาต่อมา#โรงพยาบาล"นี่เธอ!""......" มะปรางชะงัก ก่อนจะหันมองไปตามเสียง ถึงต้นทางของเสียงนั้นจะไม่ได้เอ่ยชื่อของเธอ แต่ก็พอจะเดาได้ว่ากำลังเรียกเธออยู่ แถมน้ำเสียงก็ยังคุ้นหูอีกต่างหาก"มาทำอะไรที่นี่ แล้วนี่คิมมาด้วยหรือเปล่า""ฉันมาเอายาค่ะ คุณคิมก็ไปทำงานสิคะ เขาจะมากับฉันทำไม""ก็แล้วไป""จะถามแค่นี้หรอคะ""เดี๋ยว...""คะ?""ฉันว่าเธอแปลกๆ นะ สายตาของคิมที่มองเธอ มันไม่ใช่สายตาของคนที่มองคนทั่วไปเลย""คุณคิดมากไปหรือเปล่าคะ""ฉันก็ไม่ได้อยากจะคิดมากหรอก แต่มันก็อดไม่ได้ ดูจากสภาพของเธอแล้ว ก็พอถูไถเอาใส่ได้อยู่เหมือนกัน""คะ??" ทั้งงงทั้งตกใจ ผู้หญิงคนนี้กำลังหมายถึงเรื่องอะไรกัน อย่าบอกนะว่าพูดถึงเรื่องนั้น เรื่องบนเตียง !"ทีแรกฉันก็คิดว่าเธอเป็นแม่บ้านนะ แต่ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ""คุณคงเข้าใจผิดไปเอง ฉันขอตัวก่อนนะคะ""เดี๋ยวสิ ฉันยังพูดไม่จบ อย่ามาเดินหนีฉัน เสียมารยาท""ขอโทษค่ะ แต่ฉันว่าเรื่องที่คุณกำลังคุย มันดูไร้สาระ เวลาของฉันมันเหมาะกับการทำอย่างอื่นมากกว่าค่ะ""นี่เธอ !!""ขอตัวก่อนนะคะ ฉันต้องรีบไปแล้ว"พูดจบก็รีบเดินออกไป พยายามไม่ใส่ใจสายตาของผู้หญิงคนนั้นที่กำ
วันถัดมากริ๊ง กริ๊ง ~เสียงกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้นทำให้สองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งทานอาหารร่วมกันหันมองกันอย่างงงๆ ก่อนที่มะปรางจะเป็นฝ่ายพูดทักขึ้นมา"คุณคนนั้นอีกหรือเปล่าคะ?""แล้วไง" ตอบหน้าตาเฉยมาก"ไม่เปิดประตูหรอคะ""เปิดทำไม""ถ้าไม่เปิด เขาคงได้กดกริ่งอยู่แบบนั้น""......" มาเฟียหนุ่มถอนหายใจแรง เหมือนว่าเธอพูดถูก ถ้าไม่ออกไปเปิดประตู หรือไม่ไล่กลับไปให้มันรู้แล้วรู้รอด ก็คงจะได้ยินเสียงกริ่งอยู่แบบนั้น"ปรางไม่ยุ่งแล้วนะคะ ไม่อยากโดนว่า""ใครว่า""ก็คุณไงคะ เมื่อวานคุณว่าปราง""....." เขามองนิ่งๆ ไม่ได้พูดตอบกลับอะไร"ไม่รู้หรอกนะคะ ว่าเขาเป็นใครยังไงกับคุณ จะเคลียร์กันให้จบเถอะค่ะ ปรางเองก็ไม่ได้อยากเดือดร้อนด้วย ถ้าเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนขึ้นมา มันจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะคะ"เธอไม่ได้อยากเป็นเมียน้อยหรือเมียเก็บใคร เพราะเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นมันยังไงกันแน่ เป็นสามีภรรยากันจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่เด็กที่เขาเลี้ยงเอาไว้เหมือนกัน"เดี๋ยวฉันจัดการเอง"พูดจบมาเฟียหนุ่มก็ลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร เดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะเปิดมันออก"คิม ! ออกมา
#เวลาต่อมา"นี่เธอ เมื่อไหร่คิมจะกลับ นี่มันนานแล้วนะ มันไม่ใช่บ่ายแล้ว นี่มันตอนเย็นแล้ว"เสียงแว๊ดๆ ของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงห้องรับแขกดังขึ้นมาจนทำให้มะปรางที่อยู่ในห้องครัวถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว เพราะเธอกำลังทำอาหารอยู่เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าทำไมเขาถึงไม่กลับ เผลอๆ คงเป็นเพราะเธอโทรบอกด้วยซ้ำเขาถึงไม่กลับแบบนี้ แล้วถ้าเขาไม่กลับมาจริงๆ เธอไม่รู้เลยว่าจะต้องรับมือยังไงกับผู้หญิงร้ายๆ แรงๆ แบบนี้ผู้หญิงคนนี้จะไม่อาละวาดทำลายข้าวของใช่ไหม ขอให้มันไม่เป็นอย่างนั้นก็แล้วกันนะ"นี่เธอฉันถามไม่ได้ยินหรือไง" เสียงดังเข้ามาในห้องครัว"มีอะไรหรือเปล่าคะ""ฉันถามว่าทำไมคิมถึงไม่กลับมาสักที นี่มันเย็นแล้วนะ""ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ""โอ๊ย ! ไม่ได้เรื่องอะไรเลย !" โวยวายเสร็จก็เดินกระทืบเท้าออกไปไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้จะมาหงุดหงิดใส่ทำไม ถ้าจะมองว่าเธอเป็นแม่บ้าน เธอยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งอะไรกับเจ้านายเลย ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เคยละลาบละล้วงเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับงานของเขาเลยสักครั้งเขาไปไหนมาไหน จะรู้ได้ยังไงตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้เขากลับมาเร็วๆ เธอจะได้ไม่ต้องรับมือกับผู้หญิงคนนี้ แล
สายๆ ของวันหนึ่งกริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง ~เสียงกดออดที่หน้าประตูมันทำให้เธอตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร จะบอกว่าเป็นเขาก็คงไม่ใช่ เพราะเขาไม่เคยกดกริ่งแบบนี้ ถ้ามาถึงเขาก็จะกดเข้ามาเลยเพราะมีคีย์การ์ดอยู่แล้ว หรือถ้าลืมอะไรไว้จริงๆ เขาคงโทรหาเธอเพื่อให้เอาออกมาให้หน้าประตูแล้วแกร๊ก ~พอเปิดประตูออกไปก็เจอผู้หญิงแปลกหน้าคนนึง แต่เธอสวยมาก ใส่ชุดเดรสสีแดงสด ปากก็แดงแจ๋ ใส่แว่นตาดำอีกด้วย"สะ สวัสดีค่ะ""เธอ..." ผู้หญิงตรงหน้าถอดแว่นออก ก่อนจะไล่สายตามองมะปรางที่ใส่ชุดธรรมดาๆ อยู่บ้าน บวกกับสภาพที่กำลังอยู่ในช่วงทำความสะอาดด้วย เนื้อตัวเลยมอมแมมไปหมด "เป็นแม่บ้านเหรอ?""คะ?""ฉันเป็นเมียเจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์นี้ ฉันจะมารอเขาที่ห้อง"ฟึ่บ !!" ?!! "ยังไม่ทันที่มะปรางจะได้ตอบกลับอะไรเลย ผู้หญิงคนนั้นก็แทรกตัวแล้วเดินเข้าไปก่อนแล้ว"นี่เธอลากกระเป๋าของฉันตามมาด้วย ค่อยๆ ล่ะ กระเป๋าของฉันมันแพง มันจะเป็นรอย แล้วเดี๋ยวของข้างในมันจะหล่นด้วย""....."มะปรางไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ ถึงเธอจะไม่ได้ตอบรับ แต่ก็คงต้องลากเข้าไปให้เขาจริงๆ นั่นแหละ"แล้วนี่คิมหายไปไหน""คุณคิมออกไปทำงานค่ะ ไปตั้งแต่เช้าแล้ว
댓글