เพราะเธอต้องการเงินจำนวนมากในการผ่าตัด เพื่อรักษาชีวิตของผู้มีพระคุณและคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต เธอจึงจำใจต้องทำงานที่ตัวเองไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องทำ เพื่อเงินเธอจึงต้องเอาตัวเข้าแลก และต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจ
View Moreมะปราง หรือ ปราง คือชื่อของฉัน ส่วนมากคนเรียกแบบสั้นๆ มากกว่า
ฉันอยู่กับย่าสองคน จะเรียกแบบนั้นก็ได้ เพราะพ่อของฉันก็ไม่ได้สนใจใยดีอยู่แล้ว ทิ้งเราสองคนไว้ให้อยู่ด้วยกัน ไม่เคยมาดูดำดูดีเลย และก็ไม่เคยคิดที่จะช่วยค่ารักษาพยาบาลของย่า ฉันไม่มีแม่ เท่าที่จำความได้ฉันก็โตมากับย่า พ่อเคยบอกว่าฉันถูกแม่ทิ้งตั้งแต่เกิดแล้ว ส่วนพ่อก็เลี้ยงไม่เป็น ก็เลยยกฉันให้กับย่า เราอยู่กันแบบ พอมีพอกิน เพราะหลังจากที่จบม.6 ฉันก็ต้องไปทำงาน จะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยมันก็ไม่ไหว ถึงจะอยากเรียนก็เถอะ ค่ารักษาพยาบาลค่ายาของย่าในแต่ละเดือน มันค่อนข้างแพง ฉันก็เลยต้องทำงานหลายอย่าง เพื่อให้มันพอกับค่ายารักษา ฉันรู้ว่าที่ทำอยู่เนี่ยมันเหนื่อยและลำบาก แต่ฉันต้องทำ เพราะฉันรักย่าที่สุด และอยากให้ย่าอยู่กับฉันให้นานที่สุด แต่แล้ววันนึงฉันก็เหมือนถูกฟ้ากลั่นแกล้ง หมอบอกว่าตรวจพบเนื้องอกในสมองของย่า ซึ่งจะต้องทำการผ่าตัด แต่จะต้องส่งไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ และที่สำคัญค่ารักษา มันแพงมาก ลำพังคนที่ทำงานเงินเดือนหลักหมื่นอย่างฉัน จะหาเงินหลักล้านมาได้ยังไงกัน จนกระทั่ง ฉันได้รู้จักกับใครบางคน เขายื่นข้อเสนอให้กับฉัน เพื่อแลกกับเงินหลักล้านในการรักษา และจะดูแลจนกว่าย่าฉันจะหายดี ฉันตอบรับอย่างไม่ลังเลเลย ไม่รู้ด้วยว่าข้อเสนอที่ว่ามันคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่ฉันคิดอยู่ตอนนั้นคือ ฉันทำเพื่อย่า เพื่อคนที่ฉันรักที่เหลืออยู่คนเดียว จนได้ไปอยู่กับเขา ฉันถึงได้รู้ว่า ข้อเสนอที่ว่านั้น "มันคือการขายตัว" ***************** วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ ~ มะปรางยืนมองรถพยาบาลที่พาย่าของเธอไป ถึงตอนนี้จะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถวางใจได้อยู่ดี "คุณยังไม่กลับหรอคะ" "ฉันจะรอไปพร้อมเธอ ไปเก็บเสื้อผ้า จะได้เลยไปกับฉันเลย" "ปรางขอแวะหาย่าก่อนได้ไหม" "อืม ถึงยังไงเธอก็ต้องไปเซ็นเอกสารเรื่องผ่าตัดอยู่แล้ว" "ค่ะ ๆ" หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปในบ้านและเก็บข้าวของในทันที ก่อนจะล็อคประตูบ้านและออกมาหามาเฟียหนุ่มที่ยืนล้วงกระเป๋ารออยู่ "เรียบร้อยแล้วค่ะ" "แค่นี้ ?" หมายถึงเสื้อผ้าที่เธอเก็บยัดใส่กระเป๋าลงมา มันน้อยซะจนเขาคิดว่าเธอไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองเลยหรือไง "คะ ?" "เสื้อผ้าเธอน่ะ เอาไปแค่นี้หรือไง ฉันไม่ได้ให้เธอไปอยู่แค่วันสองวันนะ" "เดี๋ยวปรางขยันซักเอาค่ะ" "....." ที่เก็บมาเท่านี้เพราะเสื้อผ้าตัวดีๆ ไม่ยืดไม่ขาด ก็มีอยู่ไม่กี่ตัวเอง อยู่ที่โน่นขยันซักเอาบ่อยๆ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก "ไปขึ้นรถได้แล้ว" "ค่ะ" หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกไปพร้อมกัน ก่อนที่จะกลับเข้าเพ้นท์เฮ้าส์มาเฟียหนุ่มก็ให้คนขับรถของตัวเองแวะเข้าไปที่โรงพยาบาลก่อน เพราะต่อให้เธอไม่ร้องขอ เขาก็ต้องพาเธอไปอยู่ดี พอมาถึงโรงพยาบาล มะปรางก็รีบเดินสับตีนแตกเข้าไป ก่อนที่ตัวเธอนั้นจะต้องชะงักอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด "ตอนนี้คนไข้ถูกพาเข้าห้องวางยา เตรียมผ่าตัดแล้วครับ" เวรเปลบอกกับเธอ "ค่ะ ผ่าตัดได้เลยค่ะ ฉันไม่มีปัญหา" เธอตกลงตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ตั้งแต่ที่หมอบอกว่าทางเดียวที่จะทำให้ย่าของเธอหายดี ก็คือต้องผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออก แกร๊ก ~ "ญาติคนไข้ที่ชื่อเนื้ออ่อนค่ะ" "ฉันเองค่ะ ฉันเป็นหลาน" "เดี๋ยวเชิญเข้าห้องเซ็นเอกสารหน่อยนะคะ" "ค่ะ" มะปรางรีบเดินตามพยาบาลเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่เธอก็ไม่ได้เห็นย่าของเธอหรอก เพราะเธอก็ได้แต่ยืนอยู่ด้านนอก "จะเสร็จตอนกี่โมงหรอคะ ย่าจะออกจากห้องผ่าตัดเมื่อไหร่" "ระยะเวลาการผ่าตัดโดยประมาณแล้วจะอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมงนะคะ รวมระยะการพักฟื้นแล้วด้วย แต่ยังไม่รวมระยะเวลาในการดูอาการนะคะ ญาติคนไข้กลับก่อนได้เลยค่ะ เสร็จการผ่าตัดแล้ว ถูกย้ายไปห้องปลอดเชื้อแล้ว ทางโรงพยาบาลจะโทรไปแจ้งอีกทีค่ะ" "ขอบคุณนะคะ" ใจจริงเธอก็อยากจะอยู่นั่นแหละนะ แต่ก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่ และเขาก็ยังรออยู่ข้างนอกด้วย "เสร็จแล้วหรอ" พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็ได้เจอกับเขาที่ยืนอยู่ "ปรางนึกว่าคุณจะรออยู่ในรถ" "ฉันแค่กลัวเธอหนีมากกว่า" "ปรางไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ ย่าก็อยู่ในห้องผ่าตัด ปรางไม่เอาชีวิตย่ามาเสี่ยงหรอก" "หมอว่ายังไงบ้าง" "หมอบอกว่าให้กลับก่อนค่ะ ผ่าตัดเสร็จแล้วหมอจะโทรบอกอีกทีค่ะ" "เมื่อไหร่" "หลายชั่วโมงอยู่ค่ะ พรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าย่าจะออกจากห้องปลอดเชื้อได้หรือเปล่า พยาบาลบอกแค่นี้ค่ะ" "อ่อ งั้นก็ไปขึ้นรถได้แล้ว" "....." ทำหน้าเศร้า ในใจเธอไม่อยากไปด้วยซ้ำ อยากอยู่ที่นี่ รอจนกว่าจะได้รู้ข่าวจากปากของคุณหมอว่าย่าของเธอปลอดภัยดี "มีอะไรอีก" "ย่าของปรางจะปลอดภัยใช่ไหม" พูดเสียงเศร้า "หมอบอกเธอว่ายังไงล่ะ" "หมอบอกว่า ถ้าผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกได้ โอกาสที่จะเสียชีวิตก็น้อยลงค่ะ" "ก็แปลว่าปลอดภัย ไม่ต้องห่วงหรอก หมอที่ฉันให้ผ่าตัดย่าเธอ เป็นหมอฝีมือดี จบจากต่างประเทศ" "ขอบคุณนะคะ" "ไปขึ้นรถได้แล้วหรือยัง" "ค่ะ ได้แล้วค่ะ" มะปรางเดินตามหลังมาเฟียหนุ่มไปขึ้นรถ ก่อนที่จะถูกเขาพากลับไปที่เพ้นท์เฮ้าส์ เพื่อทำข้อตกลงบางอย่างที่เขาพูดเอาไว้ *********** #เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น มะปรางไปทำงานที่ร้านอาหารร้านเดิมที่เคยทำงานอยู่ แต่หลังจากที่รู้ข่าวเรื่องย่าของเธอแล้ว เธอก็มีความคิดที่จะต้องหาเงินจำนวนเท่านี้ ให้ทันก่อนที่เนื้อร้ายมันจะลุกลามไปมากกว่านี้ จนกระทั่งได้เจอเขา และเขาก็ยื่นข้อเสนอบางอย่างมาให้กับเธอ ด้วยความที่เขารับปากเรื่องค่ารักษาและการดูแล ทำให้มะปรางตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว และเขาก็ให้คนของเขาจัดการให้ทุกอย่าง แม้กระทั่งให้รถพยาบาลมารับย่าของเธอที่บ้าน ************* #เพ้นท์เฮ้าส์ "อันนี้บ้านเหรอคะ" "อืม จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ตามใจเธอ" เขาไม่ได้ขัดใจ เพราะถ้าจะให้คนบ้านๆ อย่างเธอเรียกตามความเป็นจริงมันก็คงจะกระดากปาก เธออยากเรียกอะไรก็แล้วแต่ตามใจเลยแล้วกัน เพราะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว "ใหญ่จัง มีแม่บ้านไหมคะ" "เขามาทำงานตามเวลา ถ้าฉันอยู่พวกเขาจะไม่อยู่" "อ๋อ..." "เอาของเข้าไปเก็บสิ ห้องเธออยู่ทางนั้น" "หะ ให้ปรางอยู่ข้างบนเลยหรอคะ ปรางอยู่ข้างล่างก็ได้นะคะ" "ฉันสั่งเธอก็ต้องทำ รีบไปเร็วเข้า จะได้ลงมาคุยกัน" "ค่ะ" มะปรางรีบเอาของขึ้นไปเก็บ ก่อนจะรีบเดินลงมาหาเขาที่ด้านล่าง "ฉันจะคุยกับเธอเรื่องข้อตกลงน่ะ" "ปรางทราบแล้วค่ะ ขอแค่คุณแจงรายละเอียดมาก็พอ ปรางต้องทำงานกี่วัน กี่เวลา ทำอะไรบ้าง" "นอนกับฉัน" "คะ ?!" "ข้อเสนอที่ฉันยื่นไป คือเธอต้องนอนกับฉัน" "ปะ ปรางไม่ได้ขายตัวนะคะ ปรางคิดว่าคุณจะให้ปรางมาเป็นแม่บ้านซะอีก แล้วก็ทำงานชดใช้หนี้" "กี่ชาติล่ะ เธอถึงจะทำงานใช้หนี้ตั้งหลายล้านให้กับฉันหมด" "....." "หรือเธอจะปฏิเสธ ฉันจะได้ให้หมอยุติการผ่าตัด" "มะ ไม่นะคะ ปรางไม่ปฏิเสธค่ะ ก็แค่ตกใจ เพราะเราไม่ได้คุยกันมาก่อน" อันที่จริงถ้าเธอรู้ก่อนมันก็จะไม่ตกใจแบบนี้หรอก อย่างน้อยเธอก็จะได้คิดและตกลง และทำใจว่าตัวเองจะต้องมานอนกับเขา ตามข้อเสนอที่เขายื่นให้ "งานง่ายๆ แค่ขึ้นเตียงแล้วนอนกับฉัน คงไม่ยาก" "ปะ ปรางจะเป็นของคุณคนเดียวใช่ไหมคะ" "พูดอะไรของเธอ" "คุณจะไม่เอาปรางไปขายให้คนอื่นใช่ไหม แบบว่า มีคนอื่นร่วมด้วย" "หึหึ งั้นก็จำเอาไว้ให้ดี ว่าฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร" "....." โล่งอก "วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่มีอารมณ์ เธอไปอาบน้ำพักผ่อนเลยก็แล้วกัน" "อ่าวแล้ว..." "ถึงฉันจะให้เธอมาเป็นคู่นอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องมีเซ็กซ์ทุกวันและตลอดเวลา" "ขอโทษค่ะปรางไม่รู้" "อืมๆ ไปได้แล้ว" "ค่ะ"#หนึ่งปีผ่านไปภายในเพ้นท์เฮ้าส์ที่เคยเงียบสงบ ตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงเด็กเล็ก และเสียงหัวใจจากความรักของคนสองคนที่มีให้กันและกันอนาคินทร์นั่งอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่น เสื้อลายเปื้อนแป้งข้าวของลูกชายตัวน้อยวัยเกือบขวบ 'อคิน'ลูกชายที่เขาทั้งรักทั้งหวงกำลังคลานดุ๊กดิ๊กบนเบาะนุ่มๆ พร้อมกับหัวเราะคิกคักเมื่อพ่อกำลังหยอกล้อเล่นด้วย"จ๊ะเอ๋อคินน้อย แฮร่!""พิกกะบู แหว่!""ฮ่าๆๆ เอิ๊ก~ ปู๊ดด! เอิ๊กกก""โอ้โห พ่นน้ำลายเต็มหน้าพ่อเลย" อนาคินทร์เอามือเช็ดน้ำลายที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพ่นใส่หน้าออกอย่างไม่นึกรังเกียจ เพราะแค่ได้เห็นลูกชายกำลังเล่นอย่างสนุกสนานมีความสุข เขาก็มีความสุขมากที่สุดแล้ว เสียงหัวเราะของลูกคือเสียงที่เขารักมากที่สุดในโลกมะปรางยืนมองอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอมันเปี่ยมไปด้วยความสุข เธอยิ้มกับภาพตรงหน้าภาพที่เธอไม่เคยฝันไว้เลยว่าอนาคินทร์จะเป็นพ่อที่อบอุ่นได้ขนาดนี้เขาไม่ใช่แค่เลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี แต่เขาเรียนรู้วิธีพับผ้าอ้อมเอง คอยป้อนนมเปลี่ยนแพมเพิส ดูแลเวลากลางคืน เรื่องงานบ้านในครัวกับข้าวที่เคยรสชาติไม่คงที่ตอนนี้เขาทำข้าวต้มได้อร่อยกว่าพ่อครัวระดับมิชลินซ
#หกเดือนต่อมาณ เพ้นท์เฮ้าส์หรู มะปรางนั่งพิงหมอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น หน้าท้องของเธอตอนนี้เริ่มนูนชัดขึ้นจนไม่อาจปิดบังได้อีกแล้ว ทุกครั้งที่ขยับตัวหรือจะลุกเดิน ต้องใช้เวลาและแรงเพิ่มขึ้นกว่าปกติแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปยิ่งกว่าร่างกายของเธอ คือพฤติกรรมของคนที่อยู่ข้างกันอนาคินทร์คนนี้ไม่ใช่ผู้ชายเงียบขรึมในชุดสูทกับแฟ้มงานหนาๆ อย่างที่ใครหลายคนเคยรู้จักอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาสวมผ้ากันเปื้อนลายทางยืนทำอาหารอยู่ในครัวทุกวัน และวันนี้เขากำลังยืนล้างจานในครัวด้วยท่าทีตั้งอกตั้งใจ ถึงจะมีฟองเต็มแขนและทำจานตกแตกเสียงดังไปหลายใบแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยปริปากบ่นอะไรตอนเช้าเขาตื่นก่อนเธอทุกวัน หัดทำอาหารบำรุงสุขภาพแบบคนท้องด้วยสูตรที่เรียนจากยูทูบกลางวันก็จัดตะกร้าผ้า ตอนเย็นเขาคอยนวดเท้าให้เธอเบาๆ ให้คลายความตึงจากเนื้อที่ขยายใหญ่มากขึ้น ทั้งที่แต่ละวันของตัวเองก็ปวดหลังจากการทำงานในครัว และเตรียมของเตรียมห้องสำหรับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเหนื่อยกว่างานที่เคยทำอยู่หลายสิบเท่าเลยแต่ไม่เคยมีซักครั้งที่เขาจะปริปากบ่น มีแต่รอยยิ้มที่อบอุ่นกับสายตาที่มองหน้าท้องของเธอราว
ช่วงค่ำวันเดียวกัน เขาชวนเธอขึ้นไปบนดาดฟ้าของเพ้นท์เฮ้าส์ ที่ปกติเขาจะไม่ขึ้นไปเลย และยังออกคำสั่งย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ให้เธอขึ้นไป ราวกับว่าด้านบนมันมีอะไรที่เธอไม่สมควรขึ้นไปเห็น ทั้งที่ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไร นอกจากพื้นที่โล่งๆ กับลมแรงๆแต่ทว่าวันนี้เขาจัดทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะเอ่ยปากชวนเธอ ไฟประดับเล็กๆ พาดผ่านราวเหล็ก ท่ามกลางลมเย็นๆ และท้องฟ้าของเมืองกรุง ที่เต็มไปด้วยแสงจากตึกสูงด้านหน้าของเธอมีโต๊ะเล็กๆ กับอาหารง่ายๆ ที่เขาทำเอง หน้าตาอาหารก็ไม่ได้ดูแย่อะไรเลย ส่วนเรื่องรสชาติก็คงต้องดูอีกที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำอาหารเอง"วันนี้โรแมนติกเชียวนะคะ มีอะไรพิเศษหรือเปล่า" เธอแซวเบาๆ ขณะนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาเตรียมไว้ให้"ก็ลูกในท้องไงพิเศษ""หืม?""ลองชิมอาหารดูสิ""จะรสชาติยังไงนะ" เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แต่ก็ไม่เชิงจะกล่าวหาว่าอาหารของเขามันรสชาติแย่จนกินไม่ได้หรอก มันก็ไม่แปลกเพราะนี่มันเป็นครั้งแรกที่เขาทำ"อร่อยหรือเปล่า?" ดวงตาของอนาคินทร์เต็มไปด้วยความหวัง เขาคาดหวังกับคำตอบของเธอมาก เธอค่อยๆ เคี้ยวก่อนที่ตาจะโตขึ้นมาพร้อมด้วยท่าทางแปลกๆ"อร่อยมากค่ะ""ฮู่ว
เช้าวันถัดมาวันนี้แทนที่อนาคินทร์จะเร่งรีบออกไปทำงานเหมือนทุกที เขากลับนั่งอยู่บนโซฟา ใส่เสื้อยืดตัวเก่า กางเกงวอร์มแบบสบายๆ พร้อมไอแพดในมือที่เต็มไปด้วยลิสต์เรื่อง 'อาหารบำรุงครรภ์' กับ 'วิธีดูแลภรรยาตั้งท้องระยะต้น'มะปรางเดินออกมาจากห้องนอน เห็นเขานั่งหน้าขรึมเหมือนประชุมงาน แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินว่าเขากำลังเปิดดูวิดีโอสอนทำอาหารอยู่"ไม่ไปทำงานเหรอคะ?" เธอถามเขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ "ไม่ไปวันนี้ลางานไว้แล้ว อาทิตย์นี้ขอ Work from home ไปก่อน งานไม่สำคัญเท่าลูกในท้องหรอก"มะปรางอึ้งไปนิด ไม่คิดว่าเขาจะเห่อถึงขนาดนี้ "จริงจังขนาดนั้นเชียว""แหงสิ ลูกฉันนะ" เขาพูดพร้อมกับหยิบสมุดที่อยู่ข้างๆ ตัวเองขึ้นมาเปิด "อันนี้เป็นลิสต์การกิน การดูแลตัวเอง ฉันจดไว้ให้""โห..." เพิ่งเคยเห็นลายมือการเขียนของเขาเป็นครั้งแรกเลย เพราะส่วนมากก็เห็นแค่ลายเซ็นของเขาผ่านๆ ตา สวยนะเนี่ย เขียนสวยเหมือนผู้หญิงเขียนเลย"เอาไปอ่านแล้วก็ทำตามด้วย""ว่าแต่คุณบอกว่า จะพาปรางไปหาหมอ""อืม นัดไว้ช่วงบ่ายน่ะ""ถึงว่าคุณไม่ไปทำงาน""มีหลายอย่างที่ฉันต้องทำ""....." เช้ามาเขาตื่นก่อน ส่วนเธอเพลียๆ ก็เลยนอนต่อ
"อ้วกก!!""....." อนาคินทร์ยืนมองมะปรางที่กำลังโก่งตัวอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ เขาเริ่มไม่สบอารมณ์เพราะอาการของเธอไม่ดีขึ้นเลย แต่เธอก็ดื้อมากไม่ยอมไปหาหมอกับเขาที่โรงพยาบาลสักที"อึก...""เมื่อไหร่จะฟังกัน""อะไรของคุณ มายืนหน้าตึงทำไมตรงนี้คะ""ไหนบอกดีขึ้นแล้ว?""ก็มันเหมือนจะดีขึ้น.." เธอตอบเสียงแผ่ว"นี่น่ะหรอที่เรียกว่าดีขึ้นของเธอ""คุณจะโมโหทำไมเนี่ย""ฉันโมโหเพราะเธอดื้อไง ถ้าเป็นอะไรหนักขึ้นมาจะทำยังไง?""ปรางไม่เป็นอะไรหรอก" เธอบอก เพราะตอนนี้รู้แน่ชัดแล้วว่าไอ้อาการที่เป็นอยู่มันคืออาการอะไร แต่มันก็ไม่แปลกที่เขาจะมีอาการแบบนี้ เพราะเขายังไม่รู้ว่าเธอก็แค่แพ้ท้อง"ไปแต่งตัว ฉันจะพาเธอไปหาหมอเดี๋ยวนี้แหละ""อื้อ..ไม่เอา ปรางไม่ไป""ฉันเคยยอมเธอครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนั้นฉันบอกว่าถ้าไม่เป็นอะไรหนักฉันจะไม่พาเธอไป แต่นี่เธอไม่ดีขึ้นเลย""ปะ ปรางไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ ค่ะ จริงๆ นะ คุณเชื่อปรางสิ""ฉันไม่ฟังเธอแล้ว!""คะ คุณคิม อ๊ะ! อย่าลากปราง คุณคิม!"เพราะถูกเขากำลังพยายามลากตัวไปเธอก็เลยพยายามที่จะขัดขืน แต่ด้วยแรงของคนตัวเล็กอย่างเธอก็มิอาจสู้แรงคนตัวใหญ่บึกบึนอย่างเขาได้ แต่เธอก็ไ
#เวลาต่อมากล่องเล็กๆ ในมือแทบจะหล่นลงพื้น ตอนที่มะปรางเห็นขีดที่สองค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนแถบสีขาว เธอนั่งนิ่งอยู่ในห้องน้ำ ใบหน้าไร้สีสัน ดวงตาจับจ้องที่ผลตรวจนั่นราวกับโลกหยุดหมุนมันคือความจริง...'เธอกำลังท้อง'มือเธอสั่นเล็กน้อย ใจเต้นระรัว ความกลัว ความสับสน ความยินดีบางอย่างที่เธอยังไม่กล้าเปิดรับ ก่อนที่เธอจะรีบซ่อนผลตรวจไว้ใต้เสื้อผ้าชั้นในของลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าถ้าเธอเอาทิ้งถังขยะเขาจะต้องเห็นแน่ๆ จากนั้นเธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยืนขึ้นอย่างมั่นคงที่สุดเท่าที่ทำได้ถึงยังไงชีวิตก็ต้องเดินต่อ เธอยังมีคนที่ต้องดูแล ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับตลอดไป ขอแค่เธอพร้อม เธอก็จะบอกเรื่องนี้กับเขาทันทีมะปรางใช้ที่ตรวจครรภ์หลังจากที่อนาคินทร์ออกไปทำงานแล้วและวันนี้เธอไปที่บ้านย่าเหมือนทุกครั้งพอถึงที่บ้านของย่าเธอยิ้มให้กับทุกคนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็เข้าครัวช่วยทำอาหาร ดูแลให้ย่ากินยา และนวดขาให้เหมือนเดิม แต่คนที่อยู่ด้วยกันทุกวันย่อมสังเกตได้"ช่วงนี้ปรางดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" ย่าพูดลอยๆ ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก มองหลานสาวด้วยแววตาอบอุ่นแ
Comments