 INICIAR SESIÓN
INICIAR SESIÓNเสียงออดที่ดังสนั่นจากหน้าห้องพัก ปลุกคนที่หลับอยู่ภายในห้องนอนที่อยู่ด้านในสุดให้รู้สึกตัวตื่น ซีลีนผงกศีษะผมเผ้ายุ่งเหยิงเงยหน้าหันไปมองยังต้นเสียงพลางจิ๊ปากรำคาญ
เธอเจ็ตแล็ก...
และเพิ่งจะหลับไปเมื่อตีสี่กว่าๆ
ให้ตาย...
ตอนนี้เวลาเก้าโมงเช้า นั่นหมายถึงเท่ากับตีสองของฝรั่งเศส
ซีลีนเพิ่งจะหลับไปเพียงสี่ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นร่างบอบบางจึงตัดรำคาญด้วยการพลิกตัวไปนอนอีกฝั่ง ซึ่งคิดเอาเองว่าจะทำให้ได้ยินเสียงออดเบาลง แต่ทว่า
ปังๆๆๆ
คราวนี้มีเสียงทุบประตูเพิ่มเข้ามาด้วย
ไม่ต้องสืบเลยว่าใครที่ทำตัวไร้มารยาทได้ขนาดนี้ สาวยุโรปรูปร่างสูงเพรียวลุกจากเตียงและเดินออกไปยังด้านนอก ยีผมยุ่งให้เข้าทรง พร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากหาวด้วยความสับสนมึนงง
อีกนิดเดียว ไมกรนคงกินหัวอย่างไม่ต้องสงสัย
แกร๊ก~
"เธอ...!"
น้ำเสียงดุดันทำให้ใบหน้าสวยสะกดเงยขึ้นมองเขาอย่างขุ่นเคือง ดวงตาสีฟ้าปรือเปล่าง่วงนอนจนแทบจะยืนไม่อยู่ ยกมือชี้หน้าใส่คนตัวสูงอย่างโกรธเกรี้ยว
"หยุดเคาะประตู วันนี้ฉันจะพักผ่อน" ดันประตูจะปิดลงอีกครั้ง แต่กลับถูกมือแกร่งดันไว้จนยอมแพ้
หมุนตัวเดินจะกลับเข้าไปนอนต่อ แต่ร่างสูงตามมารั้งแขนเธอไว้เสียก่อน
"ไปแต่งตัว เราจะไปหาริวาโน่"
"เพื่อ? งานแต่งมันอีกสองเดือน บ้าปะเนี่ย" สะบัดแขนจนหลุดอย่างหงุดหงิด
เธอง่วงและต้องการพักผ่อน แต่เขากลับมาปลุกเธอตั้งแต่เช้าเพราะเรื่องงี่เง่า
"ไปแต่งตัว ไม่งั้นฉันจะจับเธอเปลี่ยนเอง"
คำขู่เข็ญที่ได้ฟังทำเอาใบหน้าสวยหัวเราะเหอะ ออกแรงจูงต้นแขนกำยำเดินเข้ามาในห้องนอนอย่างไม่กลัวเกรง แม้ในตอนที่อยู่ในสภาพชุดนอนตัวเดียวก็ตาม
คนตัวเล็กกว่าลากพ่อคนตัวโตชอบวางท่ามายืนที่หน้าตู้เสื้อผ้า หยิบเดรสรัดรูปสีฟ้าน้ำทะเลยัดใส่มือเขาพร้อมกับชุดชั้นในเข้าเซ็ตสีเดียวกัน
"เปลี่ยนดิ"
"ฮะ?"
"จะเปลี่ยนชุดให้ฉันไม่ใช่หรือไง?" เลิกคิ้วโก่งได้รูปใส่อย่างยียวน
ราฟาเอลไปไม่เป็นกับคำพูดโจ่งแจ้งของคนตัวเล็กตรงหน้า เกิดมาเข้ายังไม่เคยเจอใครที่บ้าและหน้าด้านได้เท่านี้
ใส่ชุดนอนบางแจ๋วมาเปิดประตูก็ตกใจไปรอบหนึ่งแล้ว คราวนี้ยังมาท้าให้คนแปลกหน้าจับเปลี่ยนชุดอีก
ไร้ยางอายจนเขาไปต่อไม่ถูก
"ไม่แก้ผ้าฉันแล้ว?"
"เออ!"
กระแทกเสียงตอบอย่างรำคาญ โยนเสื้อผ้าที่ถูกยัดใส่มือทิ้งกับเก้าอี้ ผลุนผลันจะเดินออกจากห้องเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่
ซีลีนกลับเดินมาคว้าตัวเข้าไว้จนเซกลับไปอีกรอบรู้สึกถึงความนูนใหญ่ที่ดันเบียดกับหน้าอกเขาชัดเจน รวมถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นเดียวกับเมื่อคืนที่ติดตัวเขากลับห้อง
นมใหญ่ ตัวหอม
เชี่ย...
"อะ อะไร"
"ยืมลูกน้องนายหน่อย สักสองสามคนฉันจะไปชอปปิงตอนบ่าย" ดันเขาออกห่างและรู้ตัวว่ากำลังแต่งตัวไม่เหมาะสม จึงเดินกลับไปหยิบเสื้อคลุมสีดำเข้าเซ็ตกับชุดนอนมาสวมทับ "เอาไปถือของ"
"ไม่ได้ ฉันต้องใช้"
เขาเองก็พกบอดี้การ์ดจากอิตาลีมาเพียงสิบนาย อีกจำนวนหนึ่งจะตามมาพร้อมกับพ่อในเดือนหน้า ราฟาเอลไม่อยากเสี่ยงใช้งานคนของริวาโน่
ความจงรักภักดีลูกน้องที่นี่ต่อตัวริวาโน่สูงลิบ ถึงขั้นตั้งแง่และขบถกับคำสั่งของเขาในบางครั้ง หากใช้ให้ไปทำงานสำคัญอย่างการสะกดรอยน้องชาย คงไม่พ้นถูกนำไปรายงานกับเจ้าตัว
นอกจากนี้ยังต้องให้ลูกน้องตามไปข่มขู่ญาติหรือคนสำคัญของบรรดาลูกน้องของริวาโน่ เป็นการกดดันไม่ให้รายงานว่าเขาและซีลีนมาถึงสิงคโปร์แล้ว
"นายจะใช้ถึงกี่โมง"
"ทั้งวัน"
"ไม่ได้ ฉันจะใช้ด้วย" เธอเถียงเขากลับอีกแล้ว "ฉันให้ใช้ได้ถึงบ่ายสอง หลังจากนั้นก็ไปส่งฉันชอปปิงที่ห้าง"
พูดจบก็เดินไปหยิบชุดที่นำออกมาเมื่อสักครู่เดินเข้าห้องน้ำ มิวายตะโกนออกมาจากด้านในสั่งเขากลายๆ
"ไปรอที่ห้องนั่งเล่น อย่าให้เห็นว่ากลับไปก่อน ไม่งั้นฉันจะบอกริคคาโน่ว่านายแอบส่องนมกับขาอ่อนฉัน!!"
มาเฟียหนุ่มสั่งคนของตนเองให้ไปจัดการกับญาติของลูกน้องริวาโน่ บังคับข่มขู่ทุกวิถีทาง ไม่ให้เรื่องที่เขากับซีลีนมาที่สิงคโปร์ถึงหูน้องชายก่อนเวลา
ระหว่างที่เขากำลังยืนสั่งงานอยู่น้องอยู่บริเวณระเบียงห้องอาหารของโรงแรม ซีลีนที่ติดสอยห้อยตามลงมาทานมื้อเช้าด้วยก็เอาแต่แสดงสีหน้ารับไม่ได้กับกับวิธีการของเขา แต่ก็ไม่ได้ออกปากห้ามมาตรงๆ
หญิงสาวยังคงหลักการของตนเองเอาไว้ ว่าเรื่องไหนไม่กระทบกับอาร์โนลด์เธอจะไม่เอาตัวเข้าไปสอด
กระทั่งเวลาผ่านไปจนเกือบบ่ายสอง ลูกน้องก็กลับมาพร้อมกับงานผลงานที่สำเร็จตามที่เขาต้องการ
"แต่คนของคุณริวาโน่ดูจะยิ่งโกรธเรามากขึ้นนะครับ"
เป็นใครก็ต้องโกรธ ครอบครัวและคนรักถูกคุกคามโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ก็สมควรจะโกรธอยู่แล้ว
"ไม่เป็นไร แค่ริวาโน่ไม่รู้เรื่องที่ฉันมาที่นี่ก็พอ อย่างอื่นช่างมัน" เขามั่นใจว่า หากผู้หญิงที่อยู่กับน้องชายรู้ว่าคนรักตนเองกำลังจะแต่งงานกับคนอื่นกะทันหัน ร้อยทั้งร้อยคงต้องเลิกรา
จะติดก็ตรงที่ยัยผมบลอนด์นี่ไม่ให้ความร่วมมือกับเขาแม้แต่น้อย ไม่งั้นคงง่ายกว่านี้
"ด่าฉันในใจหรือเปล่า?" ถ้วยกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับกอดอกมองมาที่คนตัวสูงอย่างไม่พอใจ
"ร้อนตัวเหรอ?" นอกจากจะไม่ตอบ ยังเลิกคิ้วเข้มใส่อย่างกวนประสาท
ซีลีนพ่นลมหายใจออกมาทางปาก ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องที่ไหล่ ร่างบางหยัดกายขึ้นเต็มความสูงจนเห็นเดรสสั้นเต็มตัวที่สวมในวันนี้
เดรสสีฟ้าน้ำทะเลตัดกับผมบลอนด์หม่น และริมฝีปากอวบอิ่มด้วยลิปสติกสีชมพูทำให้เธอดูดีไม่น้อย
หากจะถามผู้ชายสักร้อยคนเกี่ยวกับความสวยของเธอกี่ครั้ง ก็ยังได้รับคำตอบว่าเธอเป็นคนสวยอย่างไม่โกหก แน่นอนว่าในร้อยคนนั้นมีราฟาเอลรวมอยู่ด้วย
แต่นิสัยกับความเอาแต่ใจ มันทำให้เขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้
เมื่องานเขาเสร็จสิ้น ลูกน้องของคนเองก็ถูกผู้หญิงคนนี้เอาไปใช้งานต่อทันที และราฟาเอลก็ต้องตามเธอขึ้นรถมาด้วย
"ทำไมฉันต้องมา"
"เพราะนายให้ฉันยืมแค่คนเดียวไง มันไม่พอ" บอดี้การ์ดหนึ่งนายชอปปิงไม่กี่ร้านก็ต้องหยุด เพราะไม่มีคนมาถือของ
ลูกน้องไม่ว่างก็จะใช้เจ้านาย มีปัญหา?
"ริคคาโน่บอกให้นายดูแลฉัน จำไม่ได้?"
"ฉันไม่มีเกิดมาเพื่อถือของให้ใคร" ตอบกลับอย่างถือตัว
แต่ทำอย่างไรได้ รู้ตัวอีกทีก็ถูกเธอจูงมือเข้ามานั่งในลีมูซีนสีดำเรียบร้อย แถมยังลงจากรถไม่ได้เพราะยัยตัวแสบนั่งขวางทางออกเอาไว้ พร้อมกับสั่งให้รถออกเสร็จสรรพ
"มีเงินชอปปิงขนาดนั้น จะมาง้อเงินบ้านฉันทำไม"
กึก!
คำพูดจี้ใจดำ ทำให้อารมณ์สุนทรีย์ที่กำลังชมวิวด้านนอกสะดุด เมื่อหันมาก็เห็นดวงตาสีเขียวเพอริโดจ้องมองพร้อมกับรอยยิ้มหยัน
"ไม่ใช่แค่ฉันที่ต้องง้อบ้านนายหรอกนะราล์ฟ..." เป็นครั้งแรกที่เจ้าของร่างบอบบางตรงหน้าคลี่ยิ้มหวานหยดใส่เขา "บ้านนายเองก็ต้องการทะเบียนสมรสจากฉัน พาน้องชายตัวเองกลับบ้านเหมือนกัน"
"ราล์ฟ?" คนตัวสูงเมินเฉยกับสิ่งที่เธอพูด และให้ความสนใจกับชื่ที่เธอเรียกเขาแทน
ชื่อของเขาคือราฟาเอล และไม่มีชื่อเล่นอะไรแบบนั้น
"นายเหมือนหมาที่บ้านฉันเคยเลี้ยง มันชื่อ...ราล์ฟ เห่าเก่งแต่กัดไม่เป็น" พูดจบก็ยิ้มกริ่มออกมาที่ทำให้คนตรงหน้าควันออกหูได้สำเร็จ
หญิงสาวลอยหน้าลอยตามองออกไปนอนหน้าต่าง ไม่สนใจมาเฟียหนุ่มที่กำลังนั่งกำหมัดอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย
"ถ้ายังด่าอีกประโยคเดียว ฉันจะเอาปืนยัดปากเธอ" น้ำเสียงเข่นเขี้ยวออกมาทันทีที่รู้ตัวว่าถูกเอาไปเทียบกับหมา
หญิงสาวยกขาที่นั่งไขว่กันอยู่ลง เตรียมจะพูดจาก่อกวนเขาอีกหน
ราฟาเอลทำให้เธอสนุก ที่นี่มันน่าเบื่อสำหรับเธอ การได้กวนเขาเล็กๆ น้อย ถือเป็นการฆ่าเวลาที่ดี
เอี๊ยดดด!!
"ว้าย!"
พรึ่บ!
ไม่ทันที่จะได้เอาอะไรต่อ รถที่วิ่งอยู่ก็เบรกกะทันหัน คนตัวเล็กหน้าคะมำไปด้านหน้า และโชคดีที่มีมือหนาของใครบางคนกางรับตัวเธอเอาไว้ก่อนที่หน้าจะกระแทกกับเบาะ
เป็นมือของคนตัวโตอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเองก็ไม่ได้อยากช่วย มือมันยื่นไปตามสัญชาตญาณ
ก้มมองมือสากของตนเองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ก่อนจะพบว่ามันกำลังกางแปะอยู่บนหน้าอกอวบอิ่มของหญิงสาว และความนุ่มนิ่มนั้นทำให้เขาเผลอเกร็งมือบีบเบาๆ อย่างลืมตัว
"อ๊ะ!"
"เอ่อ..."
"นายครับ ขอโทษครับ พอดีหมาแม่ลูกมันพากันวิ่งตัดหน้า..." บอดี้การ์ดที่หันมารายงานสถานการณ์หุบปากฉับ เมื่อเห็นตำแหน่งมือของผู้เป็นนายกับสีหน้าของหญิงสาวผมบลอนด์
"ฉันไม่..."
"ยังไม่เอามือกลับไปอีก!!"
เพียะ!
ฝ่ามือสวยฟาดลงที่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรงด้วยความโกรธ เธอรู้ว่าการที่มือโดนหน้าอกมันเป็นอุบัติเหตุ
แต่ไอ้เรื่องที่บีบนมเมื่อกี้มันไม่ใช่!
✦•·············•✦•·············•✦

สองปีต่อมา ณ เอ็กซองโพรวองซ์, ฝรั่งเศส “จุนตากับจุนยายนอนอยู่นี่เหยอ” เด็กชายโรเมโอวัยสี่ขวบครึ่งถามด้วยความสงสัยระหว่างที่จูงมือบิดาเดินเข้าไปตามเส้นทางที่ถูกปูด้วยพื้นซีเมนต์ ในขณะที่อาณาบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยป้ายหินอ่อนและพื้นหญ้าเตียนโล่ง กระทั่งเดินมาหยุด ณ สถานที่หนึ่งซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยสวนดอกคาเนชั่นสีชมพูขนาดย่อมที่สามีส่งคนมาจัดแต่งและให้คอยดูแลเป็นประจำ ดอกคาเนชั่นที่เซรีน่าแม่ของภรรยาชื่นชอบ “ใช่ค่ะ คุณตากับคุณยายพักผ่อนอยู่ที่นี่” หญิงสาวตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงยินดี “หม่ามี้กับปะป๊าพาน้องโรมมาทุกปี จำไม่ได้เหรอ?” คำถามทวนความจำถูกเอ่ยขึ้น และเด็กชายเอียงคอนึกตามก่อนจะเบิกดวงตากลมโตสีเขียวมะกอกตนเองและคลี่ยิ้มกว้าง “จริงด้วย!! ปีนี้ไม่มีดอกไม้เหรอ ดอกไม้ๆๆ” ถามหาช่อดอกไม้ ซึ่งตนเองถือมาวางด้วยตนเองเมื่อปีที่แล้ว พลางกระโดดโลดเต้นไปมาวนรอบตัวมารดา คุณพ่อตัวสูงซึ่งมีเป้อุ้มเด็กเล็กคล้องอยู่ด้านหน้ายกยิ้มให้กับความเฉลียวฉลาดของลูกชาย ก่อนจะหันไปมองบอดี้การ์ดซึ่งทำหน้าที่ถือช่อดอกคัตเตอร์สีข
มาเฟียหนุ่มพาคนตัวเล็กเขามาในห้องเก็บไวน์แห่งความหลัง ยื้อแย่งผลักดันกันอยู่ครู่ใหญ่ เนื่องจากหญิงสาวอิดออดไม่ยอมตามใจเข้ามาข้างในแต่โดยดี ดวงตาสีฟ้าสำรวจห้องเก็บไวน์แบบพื้นไม้ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ ดูสง่างามและคลาสสิค ลวดลายพื้นไม้และสีเข้มตามธรรมชาติทำให้ห้องรู้สึกอบอุ่นทั้งที่อุณภูมิในห้องนี้อยู่ที่สิบแปดองศาเซลเซียส ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในห้องนี้ผลิตด้วยวัสดุหนังสีดำชั้นดีของอิตาลี ชั้นวางไวน์ทำจากไม้ ออกแบบให้ปิดด้วยกระจกใสหนา มองเห็นการจัดเก็บไวน์อย่างมีระเบียบพร้อมควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อรักษาคุณภาพของไวน์ในระยะยาว มองไฟที่ใช้ในห้องที่ตกแต่งให้เป็นสีโทนอบอุ่นเสริมบรรยากาศของห้องเก็บไวน์แบบพื้นไม้ คนตัวสูงดันเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้หนังทรงสูงสามารถปรับระดับขึ้นลงได้ ปึก! "ที่รักอยากลองดื่มไวน์แดงที่นี่ดูไหม พ่อเก็บไว้เป็นอย่างดีเลย" เขาตะล่อมเธอด้วยการหยิบขวดเครื่องดื่มสีเข้มออกมาจากชั้นเก็บไวน์ เปิดจุกก๊อกด้วยความชำนาญก่อนจะเทของเหลวจำนวนหนึ่งลงในโถพักไวน์ "ระหว่างรอพักไวน์ เรามาท
โครงการฮันนีมูนของสองสามีภรรยารูซโซ่ถูกพับเก็บยาวๆ นับปี เนื่องจากหน้าที่การงานที่รัดตัวกันทั้งคู่ ราฟาเอลกำลังขยายอำนาจตนเองเข้าไปในฝรั่งเศสจึงต้องบินไปกลับอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับภรรยาอย่างซีลีน อาร์โนลด์ รูซโซ่ที่ต้องบินไปทำงานที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของอเมทิสต์แทบทุกเดือน ทั้งสองจึงต้องผลัดกันอยู่บ้านเลี้ยงลูกเพื่อไม่ให้เด็กน้อยขาดความรักความอบอุ่น เรียกได้ว่าในหนึ่งเดือนนั้นการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกช่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก กระทั่งโรเมโออายุครบสองขวบ สถานการณ์ของอเมทิสต์และลูซโซ่เวิลด์ไวด์ในฝรั่งเศสจึงคงที่ และทำให้มีเวลากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ภายหลังฤดูหนาวสิ้นสุดลงและเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ราฟาเอลจึงตัดสินใจไปเยี่ยมบิดาที่แคว้นทัสคานี เมืองฟลอเรนซ์ ขับรถจากโรมเพียงสามขั่วโมงก็มาถึงเมืองที่เป็นดั่งจุดเริ่มต้นของประวัติอิตาลี นับตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเกิดขึ้นที่นี่ อิตาลีก็เต็มไปด้วยความฝันที่ผู้คนหลงใหลใฝ่หา ขับรถข้ามสะพานแม่น้ำอาร์โนมาถึงคฤหาสน์สไตล์เรเนซองส์เก่าแก่ ซึ
เด็กชายโรเมโอขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในวัยสามเดือนเศษ การขึ้นเครื่องบินครั้งนี้ยาวนานกว่าสิบสองชั่วโมง โดยแวะพักที่ดูไบสองชั่วโมง ก่อนจะแลนด์ดิ้งลงที่สนามบินภูเก็ต โดยเป้าหมายของการมาในครั้งนี้คือร่วมงานแต่งของน้องชายซึ่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมในเครือลูซโซ่ นับตั้งแต่ที่บิดาสละตำแหน่งให้ตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูล หุ้นทั้งหมดของบิดาในธุรกิจโซนเอเชียก็ถูกโอเป็นชื่อของน้องชาย เซนในตอนนี้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของธุรกิจโรงแรมไปแล้ว สิทธิ์ขาดในอำนาจการตัดสินใจกลายเป็นของน้องนับตั้งแต่วันนั้น เขาเองก็ไม่ได้ทัดทานความต้องการของพ่อ กลับรู้สึกว่าพ่อคิดถูกที่ยกธุรกิจในเอเชียให้เซนดูแล ไอ้เด็กนี่มันฉลาด เก่ง เด็ดขาด แม้จะชอบกวนส้นตีนเขาก็ตาม งานแต่งเล็กๆ ถูกจัดที่หาดส่วนตัวของโรงแรม ราฟาเอลรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่งานแต่งของน้องเล็กมากเมื่อเทียบกับงานของตนเอง ทว่าหากมองไปยังบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ทั้งหมดต่างแสดงความยินดีกับน้องชายด้วยความรู้สึกแท้จริง อบอุ่นและจริงใจ ราฟาเอลคิดว่าแบบนี้ก็ไม่ได้แย่ “ของขวัญฉ
หลายเดือนต่อมา ร่างสูงกำยำสาวเท้ายาวๆ ด้วยความเร่งรีบไปตามโถงทางเดินโรงพยาบาล มาเฟียหนุ่มวัยสามสิบปีกลับมาจากอเมริกาด้วยเครื่องบินส่วนตัวทันทีที่ทราบว่าภรรยาคลอดลูกชายแล้ว เมื่อประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก ราฟาเอลก็รีบตรงดิ่งเข้ามาหาภรรยาซึ่งในมือมีเด็กทารกเพศชายอยู่ในมือ ใบหน้าสวยแม้ในยามไร้เครื่องสำอางหันมามองสามี ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “อ้าว! ทำไมกลับมาเร็วจัง อีกตั้งสามวันไม่ใช่เหรอ?” สามีออกไปทำงานต่างประเทศหนึ่งสัปดาห์ แต่นี่เพียงสามวันเขาก็กลับมาเสียแล้ว “ที่รัก!” สองมือคว้ากอดภรรยาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนด?” กำหนดวันคลอดของภรรยาคือในอีกห้าวัน แต่นี่ซีลีนกลับคลอดลูกชายก่อนกำหนดถึงหกวัน เขาที่ได้รับข่าวจากคาลาร์ร์และเอ็มมาว่าคนตัวเล็กปวดท้องใกล้คลอดจึงบินตรงกลับมาที่โรมด้วยความร้อนใจ ยอมทิ้งแม้กระทั่งสัญญากาสิโนที่ลาสเวกัส ซึ่งในอีกไม่กี่วันก็จะได้เซ็นสัญญา แต่ช่างมัน คนอย่างราฟาเอลไม่สน ณ ตอนนี้ลูกกับเมียที่หนึ่งเดียว ธุรกิจพวกนี้ยังมีเวลากลับไปเจรจากันใหม่
เมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงเวลาเคานต์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ แขกที่มาร่วมงานต่างจับจองตำแหน่งในการยืนชมพลุที่กำลังจะเข้าสู่ท้องฟ้า คนที่ทำหน้าที่กดปุ่มปล่อยพลุในปีนี้ไม่ใช่ดาราสาวชื่อดังอย่างเทเรซ่า แต่กลับเป็นริคคาโน่ที่เป็นอดีตผู้นำและอดีตผู้บริหารจองลูซโซ่ ซึ่งนั่นก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนในงานได้ไม่ต่างกัน "ทำไมไม่เป็นคนจุดเอง" ซีนใหญ่ขนาดนี้ หากได้เห็นใบหน้าของราฟาเอลตามหน้าสื่อเท่ากับเป็นการโพรโมตการเป็นผู้นำคนใหม่ไปในตัว "ฉันจุดใครจะอยู่ข้างเธอ" เพราะสอบถามกับช่างเทคนิคในวันตรวจเช็กงานวันนั้นแล้ว ว่าใช้เวลาไม่เกินสิบวินาทีหลังกดปุ่ม พลุทั้งหมดก็จะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตามเชตที่ตั้งเอาไว้ "เข้ามาอยู่ในนี้มา" เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่มาเฟียหนุ่มสวมอยู่ถูกเปิดออก พร้อมกับมือของเขาที่ดึงตัวของเธอให้เขาไปอยู่ด้านใน ก่อนจะใช้เสื้อตัวใหญ่ปิดไว้จนกลายเป็นว่าทั้งคู่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวเดียวกัน "ถ้ากลัวเสียงจะใส่ที่อุดหูก็ได้นะ" เขาพกทุกอย่างใส่กระเป๋ามาเตรียมพร้อมให้ "ไม่ได้กลัวแล้ว" เธอสบายใจและคลายความกลัวลงนับตั้งแต่








