“นั่งลงสิ”
ท่าทางเป็นการเป็นงานของเคลวิน ทำให้เส้นประสาทของเฌอปรางตึงเครียดยิ่งขึ้น
หล่อนค่อยๆ หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นวมนุ่มที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะทำงานไม้ของเคลวิน
มือเล็กประสานกันบนตัก ภายในอุ้งมือชุ่มชื้นด้วยหยาดเหงื่อที่ขยันผุดพรายขึ้นมาเพราะความหวาดหวั่นที่กำลังเต้นระริกอยู่ภายในอกจนล้นปรี่
หล่อนค่อยๆ เงยหน้ามองเขา และก็ได้เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง เส้นผมสีเข้มของเขาหล่นลงมาปรกละที่บริเวณหน้าผาก แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจมันนัก เพราะมือใหญ่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการดึงกระดาษสีขาวที่ถูกเย็บรวมกันสองสามแผ่นออกจากซองสีน้ำตาลเข้มตรงหน้า
“เอาล่ะ ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องสัญญา”
เขาเงยหน้าขึ้นจากกระดาษสีขาวที่วางอยู่เบื้องหน้า ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องมายังหล่อน มีแววตำหนิอยู่ในนั้นกลายๆ
“ความจริงฉันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อเธอคือคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นเมียจ้างของฉัน ฉันก็เลยคิดว่า ยังไงก็ต้องตกลงทำความเข้าใจกันเอาไว้เสียก่อน เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบมานั่งทะเลาะกับผู้ร่วมงานภายหลัง”
ผู้ร่วมงาน...
เฌอปรางสะท้อนในอกยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าสำหรับเคลวิน นอกจากฐานะเด็กในปกครองแล้ว หล่อนก็เป็นได้แค่ผู้ร่วมงานเท่านั้น คงไม่มีสิทธิ์เป็นมากกว่านี้อีกแล้ว
“เมื่อกลางวันฉันเห็นเธอกับดนัทธ์”
“เอ่อ... พี่นัทมาทานข้าวกับหนูค่ะ”
“หลังจากที่เธอเซ็นชื่อลงในสัญญาจ้างแต่งงานฉบับนี้แล้ว ฉันขอห้ามไม่ให้เธออยู่ตามลำพังกับผู้ชายสองต่อสองอีก หรือถ้าเธอสองคนรักกันจริงๆ ก็รอให้สัญญาของเราจบสิ้นลงเสียก่อน”
“เอ่อ... หนูกับพี่นัท เราไม่ได้...”
เขาไม่ได้สนใจจะฟังคำพูดของหล่อนเลยด้วยซ้ำ
“ฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าเธอกับดนัทธ์จะมีอะไรยังไงกัน ฉันแค่สนใจชื่อเสียงของตัวฉันเองมากกว่า”
“หนู...”
“เมื่อก่อนนี้ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอจะผ่านอะไรมาบ้าง แต่นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ชีวิตของเธออยู่ในการดูแลของฉัน เธอต้องหยุดพฤติกรรมที่เสี่ยงจะทำให้ชื่อเสียงของฉันมัวหมอง และปฏิบัติตามคำสั่งของฉันอย่างเคร่งครัด”
คนฟังฝืนยิ้มและก้มหน้าซ่อนน้ำใสๆ ที่เอ่อล้นออกมาจากสองดวงตาเอาไว้ รู้สึกน้อยใจเหลือเกิน
“ทำได้ใช่ไหม เฌอปราง”
“หนู... ทำได้ค่ะ”
“ดีมาก งั้นก็อ่านสัญญาซะ”
กระดาษสีขาวถูกเลื่อนมาตรงหน้าของหล่อน และเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
“ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจ ถามฉันได้เลย อย่าเก็บเอาไว้ล่ะ”
“เอ่อ... ค่ะพ่อเลี้ยง”
หล่อนไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่อยู่ในกระดาษสีขาวสะอาดทั้งๆ ที่น้ำตาเอ่อล้น
เขาทิ้งช่วงเวลาให้หล่อนได้ทำความเข้าใจกับสัญญาจ้างแต่งงานที่เขาเป็นคนร่างมันขึ้นมากับมืออยู่หลายนาที จนมั่นใจว่ามันเพียงพอที่จะทำให้หล่อนเข้าใจ จึงถามขึ้น
“สัญญาเป็นยังไงบ้าง”
หล่อนเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง กะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่หยาดน้ำให้หายไปจากดวงตา ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองเขา และฝืนใจระบายยิ้ม
“ก็... ดีค่ะ”
“แสดงว่าเธออ่านสัญญาละเอียดแล้วอย่างนั้นใช่ไหม”
สายตาของเขาจ้องเขม็งมองมาที่หล่อนและรอคอยคำตอบ
“เอ่อ... ค่ะ หนูอ่านสัญญาละเอียดแล้วค่ะ”
"ถ้าอ่านละเอียดแล้ว เธอคงรู้ข้อห้ามทั้งสามข้อที่เธอต้องทำให้ได้แล้วใช่ไหม"
"ค่ะ หนูทราบแล้วค่ะ"
"งั้นลองบอกฉันมาสิ ว่าข้อห้ามมีอะไรบ้าง"
หล่อนช้อนตาขึ้นมองผู้มีพระคุณด้วยสายตาที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้แทบไม่มิด
"ข้อแรก หนูไม่มีสิทธิ์ในตัวของคุณค่ะ"
"ถูกต้อง"
เขายิ้มอย่างพอใจ
"แล้วข้อสองล่ะ"
หล่อนกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก
"ห้ามรักคุณค่ะ"
เขายิ้มอย่างพอใจอีกแล้ว
"แล้วข้อสามล่ะ"
"ห้าม... เอ่อ... ห้ามปล่อยให้ท้องค่ะ เพราะถ้าท้อง คุณจะไม่รับผิดชอบ"
"ถูกต้อง และฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด"
หล่อนไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกไป
"แล้วถ้าครบสัญญาหกเดือนแล้ว เอ่อ... หนูต้องไปจากที่นี่ไหมคะ"
"ฉันคิดว่ามันจะดีสำหรับเราสองคน หากไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก หรือเธอคิดว่าไงล่ะ"
ท่าทางของเคลวินเย็นชา ไร้หัวใจ ทำราวกับกำลังเจรจาธุรกิจไม่มีผิด
"เอ่อ หนูแล้วแต่พ่อเลี้ยงค่ะ"
เธอทำได้แค่ฝืนยิ้ม ซ่อนน้ำตา ให้กับผู้ชายที่ตนเองทั้งรักทั้งบูชาเท่านั้น
“งั้นก็เป็นอันว่าเราสองคนพอใจกับสัญญาจ้างแต่งงานฉบับนี้ ถูกต้องนะ”
หล่อนก้มหน้าลงมองมือเล็กของตัวเอง พยายามซ่อนความเสียใจจากสายตาของเคลวินอย่างสุดความสามารถ
“ค่ะ”
“ขอบใจเธอมากนะ สำหรับความมีน้ำใจของเธอ”
“หนู... ทำทุกอย่างเพื่อพ่อเลี้ยงได้อยู่แล้วค่ะ เพราะ... พ่อเลี้ยงมีพระคุณท่วมหัวของหนู”
เขาระบายยิ้มบางๆ สายตาที่มองหล่อนนั้นเย็นชา
“เรื่องบุญคุณอย่าคิดมากเลย ฉันดูแลเธอก็เพราะมนุษยธรรมน่ะ เพราะถึงไม่ใช่เธอ ฉันก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน”
“ยังไง... หนูก็ต้องขอบคุณอยู่ดีแหละค่ะ”
หล่อนจำต้องฝืนยิ้มออกมากับคำพูดไร้หัวใจของผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้า ทั้งๆ ที่ภายในอกเต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะ
“เอ่อ... ถ้าพ่อเลี้ยงไม่มีอะไรแล้ว หนู... ขอตัวนะคะ”
หล่อนพูดขึ้นหลังจากเซ็นชื่อลงในสัญญาเรียบร้อยแล้ว
“อย่าเพิ่งสิ เรายังไม่ได้คุยเรื่องจำนวนเงินที่เธอจะได้รับหลังจากสัญญาฉบับนี้จบเลยนะ”
เคลวินไม่ได้ใส่จำนวนเงินลงในสัญญา นั่นเป็นเพราะเขาต้องการสอบถามความคิดเห็นของเฌอปรางก่อน
“เอ่อ... หนูไม่เอาหรอกค่ะ”
คิ้วหนาดกที่พาดอยู่เหนือดวงตาคมกริบดุกระด้างของเคลวินเลิกสูง
“แต่ฉันคิดว่าเธอควรจะรับมันเอาไว้”
“แต่หนู...”
หล่อนกำลังจะปฏิเสธ แต่เขาแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเสียก่อน
“อย่างน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นค่าตัวของเธอ เฌอปราง”
ความตื่นตกใจในดวงตาคู่งามของเด็กสาวที่ตนเองอุปการะเอาไว้มีผลแปลกๆ กับหัวใจหนุ่มไม่น้อย แต่ความเห็นแก่ตัวที่ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยความแค้นทำให้เขาเลือกที่จะไม่ไยดีกับมัน
“ขอโทษนะที่ฉันต้องพูดตามตรง แต่ฉันไม่อยากให้เธอปฏิเสธสิ่งที่เธอควรจะได้รับมัน”
“หนู... แล้วแต่พ่อเลี้ยงค่ะ”
เขามองเด็กสาวที่ก้มหน้ามองโต๊ะไม้ราวกับบนนั้นมีลายแทงสมบัติพันล้านด้วยความไม่พอใจนัก
“เธอควรจะหัดเอาตัวเองเป็นที่ตั้งบ้าง อย่างน้อยๆ ก็ต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ใช่ตามใจฉันแบบนี้”
“เพราะหนู... รักและเคารพพ่อเลี้ยงค่ะ”
เคลวินมองหล่อนแค่แวบเดียว ก่อนจะก้มลงจิ้มนิ้วลงบนแป้นโทรศัพท์มือถือที่เขาเปิดโปรแกรมคำนวณเลขเอาไว้
เฌอปรางเงยหน้าขึ้นมองเขา เรียวปากแห้งผากราวกับคนขาดน้ำ กระบอกตาก็ปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน จนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ท่าทางของเคลวินไม่ได้สนใจไยดีอะไรต่อความรู้สึกของหล่อนเลยแม้แต่น้อย
ทุกอย่างคือการจ้าง และเขาก็กำลังคำนวณเม็ดเงินที่สมควรจะจ่ายให้กับลูกจ้างหัวอ่อนเช่นหล่อน
“ฉันจ้างเธอหกเดือน ก็ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบวัน... งั้นถ้าฉันจ่ายเธอสักเก้าล้าน ก็เท่ากับว่าเธอทำงานได้รับค่าจ้างวันละห้าหมื่นบาท... ราคานี้โอเคสำหรับเธอไหม เฌอปราง”
หล่อนควรตื่นเต้นกับยอดเงินที่หลุดออกมาจากปากของเขา แต่ทำไมนะ เงินเก้าล้านมันถึงไม่มีคุณค่าอะไรกับหล่อนเลย หากมันต้องแลกกับการที่ต้องเดินออกไปจากที่นี่ และไม่ได้เห็นเคลวินอีกตลอดกาล
“หนู... แล้วแต่พ่อเลี้ยงค่ะ”
“แล้วแต่ฉันอีกแล้ว” เขาทำเสียงดุใส่
“ก็หนู... ไม่รู้ว่าควรจะรับเงินเท่าไหร่ดีน่ะค่ะ”
“โอเค งั้นก็ตามนี้นะ ฉันจะจ่ายให้เธอทันทีเก้าล้านบาท หลังจากสัญญาจบลง ซึ่งก็หมายถึงในอีกหกเดือนข้างหน้า”
“หนู... ขอแค่หนึ่งล้านก็พอค่ะ”
“ไหนว่าแล้วแต่ฉันไงล่ะ เฌอปราง”
เขาดุ และทำให้หล่อนต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาคมกริบ
“เอ่อ... งั้นแล้วแต่พ่อเลี้ยงค่ะ” หล่อนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เสียงถอนใจแรงๆ ดังออกมาจากปากหยักสวยของคนตัวโต และเขาก็จ้องมองมาที่หล่อนด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
“แล้วเธอจะถามฉันไหมว่าเธอต้องย้ายมาอยู่ในห้องของฉันเมื่อไหร่”
“เอ่อ... หนู...” ดวงหน้านวลซีดสลับแดงระเรื่อ
“ถ้าไม่ถาม ฉันบอกเองก็ได้...”
ใบหน้าหล่อจัดของเคลวินยื่นเข้ามาใกล้ อะไรบางอย่างในดวงตาของเขาทำให้กายสาวร้อนผะผ่าว
“พรุ่งนี้... คืนพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้เลยเหรอคะ?!”
“หรือว่าเธออยากย้ายมาคืนนี้เลยล่ะ”
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ