“หนู...” หล่อนอึกอักพูดไม่ออก สมองมโนไปไกลแสนไกลเหลือเกิน
“เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะไปประกาศกับคนงานทุกคนในไร่ชาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา ส่วนเธอเก็บเรื่องสัญญาเอาไว้เป็นความลับล่ะ ฉันไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปให้แม้แต่มดหรือหนูรู้ทั้งนั้น”
“เอ่อ... แล้วถ้าคนงานในไร่สงสัยล่ะคะ เพราะ... ว่าพ่อเลี้ยงกับหนูเราไม่เคย... เอ่อ...”
หล่อนยังพูดไม่ทันจบ เขาก็แทรกขึ้นอย่างเข้าใจความหมายของคำพูดที่ยังไม่ได้เล็ดลอดออกมาจากปากอิ่ม
“ใครจะสงสัยก็ช่างปะไร ในเมื่อคนที่ฉันต้องการให้เชื่อสนิทใจก็คือณิชา”
หล่อนก้มหน้าหลบสายตาของเคลวินอีกครั้ง
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะพ่อเลี้ยง”
“ดี”
“เอ่อ... งั้นหนูขอตัวกลับที่พักก่อนนะคะ”
“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมล่ะว่าตอนนี้เธอได้รับจ้างแต่งงานกับฉันเรียบร้อยแล้ว”
“ค่ะ... หนูไม่ลืมค่ะ” หล่อนตอบรับเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงของลมหายใจ
“งั้นไปเถอะ เดินกลับห้องดีๆ ล่ะ”
“ขอบ... คุณค่ะพ่อเลี้ยง”
หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง แข้งขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเดินออกไป
น้ำตาหยดแหมะอาบแก้ม เมื่อหันหลังให้กับเขาได้สำเร็จ หัวใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน
ต่อจากนี้ไป ชีวิตของหล่อนก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว จากเด็กสาวในปกครองที่แอบรักเขา โชคชะตากลับเล่นตลกให้ต้องร่วมหอลงโรงกับเขาด้วยพันธสัญญาระยะสั้น
หกเดือน...
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาจากแก้มนวลหลายครั้ง ขณะก้าวเท้าออกไปจากบ้านไม้หลังมหึมาของเคลวิน มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนพักของตัวเองอย่างเลื่อนลอย
หกเดือนต่อจากนี้ไป หล่อนจะกลายเป็นเครื่องมือที่เคลวินใช้ร่างกายฟาดฟันเอาคืนคนเคยรักอย่างณิชา ผู้หญิงที่เคลวินทั้งรักทั้งหวงแหนมากกว่าลมหายใจของตัวเอง
ดวงใจสาวคล้ายกับกำลังถูกมีดแหลมจากเงื้อมมือของผู้ชายที่ตัวเองรักทิ่มแทงไม่ยั้ง
หล่อนเจ็บเหลือเกิน...
ลายเซ็นของเด็กสาวที่เขาอุปการะเอาไว้เพราะสงสารที่หล่อนต้องกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กอยู่ในกระดาษสีขาว และมันก็คือหนังสือสัญญาจ้างแต่งงานในระยะเวลาหกเดือน
วูบหนึ่งในใจก็อดรู้สึกสงสารเด็กสาวไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้โง่งมจนมองไม่เห็นแววตาเศร้าหมองในดวงตากลมโตคู่นั้นของหล่อน แต่ไฟแค้นที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในอก ทำให้เขาเลือกที่จะเห็นแก่ตัว
เฌอปรางเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นณิชา เพราะถึงแม้ว่าหน้าตาของเด็กสาวจะไม่ได้สวยจัดชนิดที่ผู้ชายต้องตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเหมือนณิชา แต่เฌอปรางมีความน่ารัก สดใน และความเป็นธรรมชาติอยู่ในตัวเองมากมาย
หากเปรียบเทียบระหว่างสองสาวต่างวัยกับแสงตะวัน เฌอปรางก็เหมือนแสงอาทิตย์อบอุ่นในยามเช้า ในขณะที่ณิชาคือแสงแดดยามเที่ยงวันที่ร้อนแรงแผดเผา
และที่สำคัญที่สุด เฌอปรางเด็กกว่าณิชามาก อย่างน้อยๆ เขาก็มั่นใจว่า แผนการเอาคืนในครั้งนี้ของตนเอง ก็สามารถทำให้ณิชาเจ็บๆ คันๆ หัวใจได้ไม่ยาก
“ผมจะทำให้คุณรู้ว่า... คุณต่างหากที่ถูกเท ณิชา”
เคลวินเอนศีรษะพิงกับพนักเก้าอี้ ดวงตาคมกริบค่อยๆ ปิดลง ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้งในวินาทีต่อมา เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังกังวานขึ้น
“เจ้าชาร์ล...?”
หนุ่มหล่อเจ้าของไร่ชาพึมพำด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกดรับสายตาของเพื่อนสนิท
“เป็นไงบ้างวะไอ้เคน นายโอเคขึ้นหรือยัง”
เสียงแสดงความเป็นห่วงของชาร์ลีดังตามสายโทรศัพท์มาเข้าหู เคลวินแค่นยิ้มหยัน
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่วะ”
“ยังจะมาปากแข็งอีก ฉันรู้เรื่องของคุณณิชาจากไอ้แม็กแล้วนะโว้ย เสียใจด้วยนะเพื่อน”
เคลวินเงียบไปเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่พยายามซ่อนเอาไว้ทำให้เขาเจ็บแปลบในอก
“ฉันสบายดี ไม่มีปัญหาอะไร พวกนายสบายใจได้”
“อย่ามาปากแข็งหน่อยเลยไอ้เคน นายกำลังอยู่ในสภาวะเจ็บปวด แต่กำลังพยายามปกปิดมันอยู่”
“ก็อย่างที่บอกไง ฉันสบายดี นายไม่ต้องเป็นห่วง ณิชาก็แค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิตฉันเท่านั้น ไม่มีก็ไม่ใช่ว่าจะหายใจต่อไปไม่ได้สักหน่อย”
ชาร์ลีรู้ดีว่าเพื่อนรักไม่ได้รู้สึกสบายดีอย่างที่พยายามแสดงออกมา
“ฉันเป็นกำลังใจให้เสมอนะ ไอ้แม็กกับไอ้อเล็กมันก็เป็นห่วงนายเหมือนกัน นี่กำลังรวมก๊วนกันอยู่ว่าจะขึ้นไปหานายที่เชียงรายเร็วๆ นี้”
“จริงหรือ”
“จริงสิวะ แต่ไม่รู้จะครบแก๊งหรือเปล่านะ เพราะตอนนี้เมียไอ้แม็กมันท้องแก่น่ะ ถ้าขาดก็น่าจะขาดมันคนหนึ่งแหละ”
“ฉันเข้าใจ ไม่มีปัญหาหรอก เอาที่พวกนายสะดวกก็แล้วกัน”
“โอเค งั้นจะรีบไปด่วนจี๋เลย”
เคลวินหัวเราะเสียงเลือดเย็นออกมา “ดีจะได้มาร่วมงานแต่งงานของฉันด้วย”
“แต่งงาน?!”
“ใช่ นายตกใจอะไรวะไอ้ชาร์ล”
“ก็จะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไงวะ ในเมื่อคุณณิชากำลังจะแต่งงานในวันพรุ่งนี้กับเศรษฐีฝรั่ง ส่วนแก... ซึ่งเป็นคนรักเก่าก็ประกาศว่ากำลังจะแต่งงาน... นี่มันเรื่องตลกอะไรกันวะ”
หากชาร์ลีอยู่ตรงหน้าของเคลวินตอนนี้ คงได้เห็นกรามแกร่งของเพื่อนขบกันแน่นจนเป็นสันนูนเป่ง มือใหญ่ที่วางบนโต๊ะไม้ก็กำแน่นเป็นกำปั้นไม่ต่างกัน
“ไม่ใช่เรื่องตลก แต่มันคือเรื่องจริง”
“เรื่องจริง?”
ชาร์ลีต้องตั้งสติอยู่พักใหญ่ กว่าจะสามารถทำให้สมองที่แตกกระเจิงไปกลับคืนมาได้
“นายแต่งกับใครวะ ไอ้เคน”
“เฌอปราง”
“ฮะ... เด็กเฌอปราง?!”
“ไอ้ชาร์ล นายจะตะเบ็งเสียงทำไมนักหนาวะ หนวกหูว่ะ”
เคลวินบ่นเสียงหงุดหงิด
“ก็ถ้านายมาเป็นฉัน นายก็คงตกใจไม่ต่างจากฉันหรอกโว้ยไอ้เคน” ชาร์ลีบ่น ก่อนจะถามต่อ
“สรุปผู้หญิงที่นายกำลังจะแต่งงานด้วยคือเด็กเฌอปราง เด็กที่แกอุปการะมาตั้งแต่สิบขวบ ถูกต้องไหม”
“อืม”
“พระเจ้า ไอ้เคน นี่นายกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย”
“ฉันก็กำลังทำในสิ่งที่ควรทำยังไงล่ะ” เคลวินไม่ได้สะทกสะท้านกับคำตะโกนโหวกเหวกของชาร์ลีที่ดังมาตามสายโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย
“ฉันเดานะ นายบังคับเด็ก ใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้บังคับ แต่ฉันตกลงกันด้วยเหตุผล และเฌอปรางก็ยอมรับข้อเสนอของฉันอย่างเต็มใจ”
“ไอ้บ้า ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเด็กสาวอายุแค่สิบแปด จะยอมแต่งงานกับนาย เพียงเพราะข้อเสนอไม่กี่ข้อน่ะ”
“นายรู้แล้วหรือว่าข้อเสนอที่ฉันตกลงกับเฌอปรางมีอะไรบ้าง”
“ยัง” ชาร์ลีตอบสั้นๆ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันรู้จักนิสัยนายดี นายไม่มีทางหยิบยื่นข้อเสนอที่นายเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้กับเด็กเฌอปรางอย่างแน่นอนจริงไหม”
“ถูกต้อง” เคลวินตอบรับหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว “มันเป็นธรรมดาของผู้ที่เหนือกว่าอยู่แล้ว นายก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฉันหรอกไอ้ชาร์ล”
“แต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบเด็กอายุแค่สิบแปด แล้วก็หลอกใช้เธอมาเป็นเครื่องมือแก้แค้นแฟนเก่าก็แล้วกัน”
เคลวินหน้าเครียดขึ้นเมื่อถูกเพื่อนตำหนิ “หลังจากจบสัญญาหกเดือน เฌอปรางจะได้เงินจากฉันเก้าล้านบาท เป็นไงล่ะ ฉันใจกว้างจนนายคิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ ไอ้ชาร์ล”
“นี่นายยอมทุ่มเงินเก้าล้านบาท เพียงเพื่อเอาคืนคุณณิชาอย่างนั้นหรือ”
ดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินวาวโรจน์ ไฟแค้นลุกโชนในนั้นมากมาย
“ฉันยอมเสียเงินมากกว่านี้อีก หากมันแลกกับการทำให้ณิชากระอักเลือดออกมาได้”
“นายรักคุณณิชามาก ก็เลยแค้นมากใช่ไหม”
เคลวินไม่ได้ตอบเพื่อนสนิท เขานั่งนิ่ง จมอยู่กับเพลิงแค้นจนหัวใจร้อนรุ่ม
“ฉันมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะถามนาย ไอ้เคน”
“อะไร”
“นายจ้างเด็กเฌอปรางมาแต่งงานด้วยแค่เพียงในนาม ฉันเข้าใจถูกต้องใช่ไหม”
ริมฝีปากหยักสวยของเคลวินบิดเบี้ยวก่อนจะมีรอยยิ้มหยันผุดพรายขึ้น
“ผิด”
“นี่อย่าบอกนะว่านาย...”
เคลวินไม่คิดจะรอให้ชาร์ลีพูดจบประโยค เขาแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงหยันโลก
“นายคงไม่คิดว่าฉันจ่ายเงินเก้าล้านบาทให้เฌอปรางมานอนหลับสบายๆ บนเตียงของฉันหรอกนะ”
“เฮ้ย... นั่นเด็กสิบแปดนะเพื่อน”
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ