บทที่ 1
บรรยากาศภายในห้องรับแขกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด หญิงสาววัยกลางคนนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าซีดเซียวแทบจะเป็นลมจับเมื่อได้อ่านข่าวของ ลูกชายที่ออกหนังสือพิมพ์พาดหัวหน้าหนึ่ง “ยาดม ๆ อยู่ไหน” นิตยลัภย์พูดเสียงเหนื่อย ๆ ในขณะที่สาวใช้ คนสนิทก็รีบวิ่งไปนำยาดมมาให้ทันที “ใจเย็น ๆ นะคะ คุณผู้หญิง” แก้วใจพูดปลอบ ซึ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย แต่ยิ่งทำให้คนฟังเดือดเข้าไปอีก “ใจเย็น !” นิตยลัภย์ลุกขึ้นพูดมองลูกชายคนโตด้วยสายตาเดือดพล่านแสดงถึงอารมณ์ขุ่นมัว จนคำด่าบรรยายออกมาแทบไม่ถูก “รู้ไหม แกทำอะไรลงไป !” นิตยลัภย์ตวาดลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าสวยที่เริ่มมีริ้วรอยแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ” แทนไทตอบและมองด้วยสีหน้ารู้เครียด เขาไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เป็นเพราะพวกนักข่าวชอบทำความวุ่นวายให้ต้องเดือดร้อน ทั้งที่จริงแล้วแทบจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องวงการบันเทิงเลยสักนิด “ไม่ผิด ! นี่แกยังจะมาพูดแบบนี้อีกเหรอ !” นิตยลัภย์ตวาดเสียงเข้ม สีหน้าแสดงถึงการรับไม่ได้ของข่าวที่ออกมา “พวกนักข่าวชอบเสือก ตีไข่ใส่สี” ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ “เสือกนั่นแหละดีแล้ว ฉันจะได้รู้ว่าแกไปทำอะไรไว้บ้าง ลูกชายฉันแต่ละคน งามหน้าทั้งนั้น โอ๊ย ๆ ฉันอยากจะเป็นลม” นิตยลัภย์บ่นพร้อมยกมือขึ้นกุมขมับ ลูกชายคนโต...แทนไทที่เธออุตส่าห์เลี้ยงมาเป็นอย่างดีหวังพึ่งให้ สืบทอดกิจการต่อจากสามี แต่ที่ไหนได้ดันไปมีข่าวกับดาราซะงั้น แถมยังเป็นดาราผู้ชายซะด้วย แล้วแบบนี้เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ! ส่วนเตชินท์ลูกชายคนเล็กที่อายุห่างจากคนโตเพียงปีกว่าๆ จะให้เธอหวังอะไรได้ แค่เดินออกนอกเส้นทางที่เธอให้เรียนก็มากพอแล้ว แต่นี่วันๆ ไปมั่วอยู่กับผู้หญิงทั้งวันทั้งคืนไม่กลับบ้าน ทั้งมีข่าวหน้าหนึ่งขึ้นควงนางแบบดาราแทบทุกวัน “คุณแม่ก็อย่าไปเชื่อตามข่าวสิครับ” แทนไทพูดขึ้น “อย่าไปเชื่อ ! แกพูดออกมาได้ยังไง แล้วในข่าวจะไม่ให้ฉันคิดได้ยังไง” “เรื่องโกหกครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “โกหก ! ภาพถ่ายชัดเจนแบบนี้แกยังจะเรียกว่าโกหกอีกเหรอ !” นิตยลัภย์ชี้นิ้วลงไปที่หน้าหนังสือพิมพ์ แทนไทลุกขึ้นไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา นัยน์ตาคมจ้องมองข่าวพร้อมรูปข้าง ๆ ข่าวด้วยความโกรธและโมโห “ภาพนี้ไม่ใช่ผม!” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ใช่ ! จับมือถือแขนนี่หรือว่าไม่ใช่ !” นิตยลัภย์ตวาดด่าลูกชายด้วยอารมณ์โกรธอย่างหยาบคาย “ไม่ใช่ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ผม !” แทนไทตอบเหมือนเดิมทั้งที่ภาพนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน ชายหนุ่มมองหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ เขากัดฟันกรอด กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนคิดข่าวขึ้น ! มือของนิตยลัภย์ยังคงถือยาดมสูดดมเพื่อระบายความเครียดจากอกให้หายไป แต่ก็ไม่ลดลงไปได้ หัวใจแทบวาย ดีไม่พามาแนะนำตัวเธอคงอกแตกตายพอดีเมื่อรู้ว่าลูกชายตัวเองชอบผู้ชายด้วยกัน ! “งามหน้า จับมือถือแขนผู้ชายจนออกเป็นข่าว ฮึ ! อีกคนก็หายไปนอนกับผู้หญิงทั้งวันทั้งคืน ฉันอยากจะบ้าตาย” นิตยลัภย์นั่งลงบนโซฟาก่อนยกแขนขึ้นวางพนักพิงพร้อมกับส่ายหน้าสูดยาดม แทนไทลุกขึ้นจากโซฟาในขณะที่เตชินท์เดินเข้ามาพอดี ชายหนุ่มมองใบหน้ากะล่อนของน้องชายเจ้าเล่ห์ที่ยิ้มให้เขาแบบขำ ๆ คงจะเห็นข่าวแล้วสินะ ถึงได้รีบกลับมาที่บ้าน ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่กลับมาที่บ้านอย่างแน่นอน “สวัสดีครับพี่ชายสุดแมนของผม” เตชินท์ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเข้มเอ่ยทักพร้อมกับหัวเราะออกมา “สวัสดีครับคุณแม่สุดสวย วันนี้ผมกลับมาแล้วครับ” ลูกชายคนเล็กเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ พร้อมหอมแก้มของมารดาด้วยความชื่นใจก่อนจะหันไปยิ้มเยาะเย้ยให้กับพี่ชายคนโตที่เหล่ตามองด้วยความขุ่นเคืองก่อนเดินจากไป “กลับมาได้แล้วเหรอ หรือว่าไปทิ้งไข่ไว้ที่ไหนอีกล่ะ” นิตยลัภย์พูดประชด พลางมองหน้าลูกชายคนเล็กด้วยความไม่พอใจเช่นเดียวกัน “โธ่ คุณแม่ครับ ผมไม่กล้าอีกแล้วละครับ” เตชินท์พูดคำหวานพร้อมยิ้มแก้มป่องทำท่าออดอ้อน “ฮึ ! พอกันเลย ฉันไม่น่าภูมิใจที่มีลูกชายเลยสักนิด” นิตยลัภย์บ่นด้วยเสียงเครียด ชายหนุ่มมองใบหน้าของมารดาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างมีแผน เมื่อปีที่แล้วเขาเกือบจะต้องสละโสดเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าเขาเป็นพ่อเด็กในท้อง เรื่องวันนั้นทำให้เขาเครียดแทบเป็นแทบตายจนต้องไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งที่ใจจริงไม่เต็มใจสักนิด แต่ถ้าไม่ได้พี่ชายช่วยเอาไว้ป่านนี้คงกลายเป็นพ่อคนโดยที่ไม่รู้เรื่องว่าจริง ๆ แล้วผู้หญิงที่ควงอยู่ก็ควงผู้ชายคนอื่นนอกจากเขาเหมือนกัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะเรื่องผู้หญิงเขายังเหมือนเดิม ควงด้วย นอนด้วย เที่ยวด้วย แต่ไม่มีใครที่เขามอบหัวใจให้จริงจังสักคน เพราะใช้ชีวิตโสดมีความสุขมากกว่าเยอะ ! นิตยลัภย์มองใบหน้าของลูกชายคนเล็กที่เอาแต่ใจจนเคยตัว ดีที่ไม่ไปทำใครท้องมาจนต้องพากันเดือดร้อนอีก “อะไรกันครับ ก็พี่ชายสุดที่รักของคุณแม่ไง” เตชินท์เอ่ยขึ้น “พี่ชายแก ! ฉันจะปวดหัวตายอยู่แล้ว เลี้ยงมาให้เป็นผู้ชาย...” “พี่แทนก็เป็นผู้ชายนะครับ เพียงแต่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันเท่านั้นเอง” เตชินท์พูดพร้อมหัวเราะขำออกมาอย่างสนุก ไม่น่าเชื่อว่าพี่ชายจะเป็น ประเภทชอบป่าไม้เดียวกัน ต่อให้ไม่เป็นแบบที่ข่าวลงก็ขอขำให้สนุกหน่อย “แม่ไม่ยอมเด็ดขาด มีลูกชายทั้งทีจะให้มีคนรักเป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน รับไม่ได้ !” นิตยลัภย์ประกาศออกมาลั่นห้อง “แม่จะทำยังไงเหรอครับ ผมว่าพี่แทนอาจจะไม่กลับบ้านเลยก็ได้นะครับ ถ้าหากติดใจพระเอกดังคนนั้น” เตชินท์ใส่ไฟเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่แล้วให้ลามลุกขึ้นไปอีก “แกคิดว่าแม่จะยอมให้ตาแทนอยู่กับพ่อพระเอกขวัญใจหรือยังไง ฮะ !” นิตยลัภย์หันมามองลูกชายคนเล็กที่ยิ้มให้ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา “เปล่าครับ ผมว่าคุณแม่ต้องรีบจัดการหน่อยละครับ เรื่องแบบนี้รอช้าไม่ได้” ยิ่งพูดยิ่งใส่ไฟให้พี่ชาย ถึงไม่ใช่เกย์แต่ก็รู้ว่าพี่ชายเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษเลย “พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ?” นิตยลัภย์หันไปมองลูกชาย แววตาของเตชินท์เปล่งประกายแวววาวพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย “เปล่าครับคุณแม่ ผมหมายถึงว่าถ้าปล่อยเอาไว้นานพี่แทนจะล้ำเส้นจนแก้ไม่ทันนะครับ” เตชินท์เอ่ยขึ้น นิตยลัภย์ฟังที่ลูกชายคนเล็กพูดพร้อมกับคิดตาม ใช่แล้ว ยิ่งปล่อยไว้จะแก้ไขไม่ทัน แล้วเธอจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีล่ะ “นี่ตาเต เราว่าแม่ควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดี” เสียงเคร่งเครียดของ นิตยลัภย์เอ่ยถาม และน้อยครั้งที่เธอจะถามความคิดเห็นจากเตชินท์ เพราะว่าส่วนใหญ่มีแต่เรื่องมักมากทั้งนั้น เธอจึงไม่ค่อยอยากเอามาใช้สักเท่าไหร่ “คุณแม่แน่ใจเหรอครับว่าอยากฟังความคิดเห็นของผมน่ะครับ” “รีบ ๆ บอกมาเร็ว แม่จะได้จัดการได้” “ก็ง่าย ๆ ครับ ไม่มีอะไรมาก” เขาพูดพร้อมยิ้มออกมาจนนิตยลัภย์สังเกตถึงรอยยิ้มที่มุมปากเรียวแสนเจ้าเล่ห์ของลูกชายตัวเอง “ว่าไง ?” “แม่ก็หาสะใภ้เข้าบ้านสักคนสิครับ” นิตยลัภย์เมื่อได้ฟังก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจพลางคิดตาม หาคู่ให้ ลูกชายของเธออย่างนั้นเหรอ ? แต่ว่า... “จะมีใครยอมรับตาแทนล่ะ ข่าวออกซะขนาดนี้” นิตยลัภย์ท้อใจ “เรื่องนั้นเดี๋ยวก็มีคนมาแก้ข่าวเองละครับ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นถึง พระเอกดังคงไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียหายหรอก” ชายหนุ่มให้เหตุผล เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองพังลงอย่างแน่นอน “ก็จริง แล้วแม่จะไปหาผู้หญิงคนไหนมาแต่งงานกับเจ้าแทนด้วยล่ะ” “เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ครับ” เขายิ้มให้ “งั้นผมไปหาน้องแอนก่อนนะครับ พอดีนัดทานข้าวเย็นไว้” เมื่อพูดจบเตชินท์ก็ลุกขึ้นจากโซฟาเดินออกไปทันที เขามาเพื่อเรื่องแค่นี้นั่นแหละ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้พี่ชายเขาแทบอยากจะอัดเขาให้เละได้เลย คิดแล้วสนุกชะมัด ! นิตยลัภย์มองลูกชายคนเล็กเดินออกจากห้องไปพร้อมยกมือที่ถือยาดมขึ้นสูดเข้าปอดลึกๆ ใครจะมาแต่งงานกับลูกชายของเธอในเมื่อข่าวนั้นออกประกาศปาวๆ ว่าลูกชายของเธอเป็น... เว้นแต่ว่าสัญญาครั้งก่อนในอดีตของสามีจะสามารถช่วยให้ลูกชายเธอพ้นจากการเป็นเกย์ได้ ! ถ้าฝ่ายนั้นยอมรับปากแต่งงานด้วย...หลังจากที่กลับมาในตอนหัวค่ำพาลินก็เอาแต่นิ่งเงียบ ภาพที่ปีเตอร์เดินควงกับหญิงสาวสวยคนนั้นกลับผุดขึ้นมาในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า พาลินนั่งขดตัวอยู่บนโซฟา มือทั้งสองข้างกุมไหล่ที่เหน็บหนาวเอาไว้ เธอไม่ควรจะคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป เพราะไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรจะไปกับใครก็ตามแต่...“บ้า! บ้าที่สุด” เธอพึมพำกับตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่ชินเพราะปกติแล้วเขาไม่เคยเดินไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นยกเว้นกับเธอ ความรู้สึกนี้เหมือนกับตอนที่พี่แทนรักคุณขวัญ จนไม่สนใจเธอ เจ็บ!เธอเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุดเสียงออดดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง พาลินสะดุ้งจากภวังค์พร้อมกับมองไปที่ประตู หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูก่อนจะมองว่าเป็นใคร มือนั้นลังเลใจที่จะเปิด สุดท้ายแล้วก็เปิดและมองหน้าเขาที่ยิ้มให้กับเธอ“ยังไม่นอนใช่ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น พาลินส่ายหน้าเป็นคำตอบ“เข้าไปข้างในได้ไหม?”“อืม” เธอหลีกทางให้เขาเดินเข้ามาในห้องก่อนที่จะปิดประตูลงพาลินสบสายตามองแววตาคู่ที่อบอุ่น หัวใจ ของเธอระทวยลงเมื่อเห็นเขามองแบ
“ไปหาเจฟน่ะ เขาชวนฉันไปเดินเที่ยว”“งั้นเหรอ” เขาขานรับแบบไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากไปขัดขวางจึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วพูดว่า “งั้นผมกลับก่อน เที่ยวให้สนุกล่ะ” ขณะที่พาลินเดินเข้าไปในห้องนอนทำนองว่า เธอฟังแต่ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ชายหนุ่มหัวเราะให้ตนเองอย่างสมเพช ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้...“คุณดูไม่มีความสุขนะเวลาที่อยู่กับผม” เจฟพูดขึ้น เพราะตั้งแต่เดินซื้อของก็ไม่เห็นเธอปริปากพูดสักคำ มีเพียงแค่เขาถามและเธอตอบเท่านั้น“เปล่าสักหน่อย แค่รู้สึกไม่สบาย” พาลินโกหก“งั้นเหรอ ให้ผมไปส่งดีไหม”หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก”“งั้นก็แล้วแต่นะ ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วยบอกได้นะ ยินดีเสมอ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยิ้มให้“ขอบคุณนะ”เจฟ คือเพื่อนที่เรียนอยู่มหา’ ลัยเดียวกับเธอแต่คนละสาขาวิชา เธอรู้มาตลอดว่าตั้งแต่เรียนอยู่หลายครั้งที่ชายหนุ่มแสดงออกกับความรู้สึกที่มีต่อเธอ...ทว่าคงเป็นไปไม่ได้“โอ้นั่น! ปีเตอร์นี่มากับสาว
“ตอนนั้นโกรธค่ะ โกรธมากด้วยแต่ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ เพราะฉันก็มีส่วนที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้”“ไม่หรอกครับ ผมต่างหาก ถ้าผมไม่คิดจะทำร้ายคุณผมคงไม่ต้องมาทรมานอยู่แบบนี้ คุณเป็นผู้หญิงที่ดี ผมดีใจที่คุณแทนรักคุณ” วศินพูดพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวสำหรับเขาแล้วความรักของเขาคงจะเป็นเพียงได้แค่การมองดูและแอบชอบต่อไป ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะไม่เคยลืม เพราะว่ารักไม่จำเป็นต้องได้อยู่ด้วยกัน สำหรับเขาขอแค่มองห่าง ๆ ต่อไปก็พอ…แทนไทเดินออกจากห้องน้ำพร้อมส่งสายตามองภรรยาที่นอนดูทีวีอยู่บนเตียงก็อดที่จะยิ้มขำออกมาไม่ได้ สองเท้าก้าวย่างเข้าไปหาแล้วนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนขยับเข้าไปหาอย่างช้าๆชายหนุ่มหันไปมองซีรีส์เกาหลีที่ภรรยาสาวกำลังดูอยู่นั้น คู่พระนางกำลังกอดกันอย่างหวานซึ้ง ก่อนหันมามองหญิงสาวที่กำลังจิกหมอนดูเพลินพลางหัวเราะยิ้มเขิน ๆ ออกมา เขาเอื้อมมือไปหยิบรีโมตที่ข้างตัวเธอขึ้นมาพร้อมเลื่อนนิ้วไปที่ปุ่มสีแดงเพื่อกดปิดจอให้ดับลงทันทีที่จอภาพดับสนิทเป็นสีดำณัฐกฤตาหันมามองสามีด้วยความไม่พอใจ พลางเอื้อมมือไปเพื่อแย่งรีโมตคืน“เอาคืนฉันมาเล
“แพงไม่กล้าหรอกค่ะ...ในเมื่อพี่แทนพูดอยู่เสมอว่าแพงเป็นน้องสาวคนเดียวของเขา แม่คิดว่าแพงจะกล้าเหรอคะ แพงกลัว กลัวว่าพี่แทนเขาจะรังเกียจ กลัวว่าพี่แทนจะไม่คุยกับแพง...แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นเพราะแพงทำให้พี่แทนเกลียด แพงทำร้ายคุณขวัญ แพงเลวใช่ไหมคะคุณแม่”พาลินระบายความทุกข์ในใจออกมาให้ฟัง“ลูกผู้หญิงทุกคนก็อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรัก แล้วลูกได้ไปพูดกับ ตาแทนหรือยัง เราควรที่จะพูดทำความเข้าใจนะ” กรพรรณพูดอย่างเห็นใจ“ไม่ดีกว่าค่ะ แพงไม่อยากทำให้พี่แทนเกลียดไปมากกว่านี้” เธอส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า“แทนไม่เกลียดลูกหรอก เขาก็แค่โกรธที่ลูกทำร้ายเขา ถึงแม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่เราก็ผิดนะแพง แม่ว่าควรไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”“แพงคุยแล้วค่ะ แต่คงไม่มีประโยชน์ค่ะ”“แล้วเราจะหลบหน้าไม่คุยกับตาแทนไปทั้งชีวิตยังงั้นเหรอ แม่ว่ามันอึดอัดนะ” กรพรรณมองลูกสาวด้วยความห่วงใย“เป็นแบบนี้ดีแล้วค่ะ เพราะแพงเป็นคนก่อ แพงก็ต้องเป็นคนยอมรับผลที่แพงก่อ”พาลินยอมรับ
“คุณวศินตอนนี้เป็นอัมพาตครับ เพราะตอนกระแทกฝั่งคนขับถูกกระแทกเข้าอย่างแรงครับ”“เป็นเพราะฉันที่ทำให้...”“ไม่ใช่ความผิดคุณ แต่เป็นความผิดของวศินต่างหากละครับ ถ้าไม่คิดจะทำร้ายคุณคงไม่ต้องพบจุดจบแบบนี้หรอกครับ ดีนะที่ยังไม่พาคุณเข้าโรงแรมไม่ยังงั้นผมจะเป็นคนอัดคุณวศินเอง” แทนไทพูดตามความจริง เพราะถ้าวศินไม่คิดจะทำร้ายภรรยาเขาทุกอย่างก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ เวรกรรมตามทันเร็วราวกับติดปีก ก็ต้องให้วศินรับกรรมที่ก่อไว้“แล้วทำไมถึงรู้ว่าคุณวศินจะพาฉันเข้าโรงแรมล่ะคะ ในเมื่อฉันก็ไม่ได้โทร. บอก หรือว่าคุณไปเยี่ยมเขามาแล้ว ?” หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ“เปล่าครับ ผมไม่ได้ไปเยี่ยม แต่แพงเป็นคนบอกผม...เธอร่วมมือกับคุณวศิน” น้ำเสียงของแทนไทดูหมองเศร้าลงเมื่อพูดถึงพาลิน“คุณพาลิน ? เธอทำแบบนั้นทำไมคะ” ณัฐกฤตาเอ่ยขึ้น“แพงชอบผม เธอเลยทำแบบไม่ทันคิด”“แล้วคุณได้คุยกับคุณแพงหรือยังคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง สายตาคู่สวยมองชายหนุ่มที่ก้มหน้าลง เธอรู้ว่าเขาคิดกับพาลินเหมือ
สามวันแล้วที่ณัฐกฤตายังไม่ฟื้นขึ้นมา ทำให้แทนไทเริ่มเป็นห่วงว่าหญิงสาวจะเป็นอะไรไป เขาไม่ได้เข้าทำงานตลอดสามวัน เพราะว่าจิตใจตอนนี้ไม่อยู่กับงานเลยแม้แต่น้อย ส่วนวศินนั้นอาการสาหัสเพราะเป็นอัมพาตส่วนล่างโดยทั้งหมดเพราะถูกแรงกระแทกอย่างแรง จะกลับมาเดินได้ใหม่คงต้องใช้เวลาอีกสักปีหรือสองปีตามที่หมอบอกแทนไทเอื้อมมือไปลูบที่เส้นผมบางของภรรยาด้วยความรักแล้วความห่วง ส่งสายตามองหญิงสาวในยามหลับ เขาอยากจะให้เธอตื่นขึ้นมาคุย นี่ก็ผ่านมาแล้วสามวันช่างทรมานใจเขาเหลือเกิน คิดถึง...จนแทบปวดใจ“ที่รัก ตื่นขึ้นมานะครับ ผมคิดถึงคุณ” แทนไทพูดพร่ำพร้อมพรมจูบไปทั่วมือสวยของภรรยา“ได้เวลาเช็ดตัวคนไข้แล้วนะคะ”ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับถาดเช็ดตัวคนไข้แทนไทเดินออกจากห้อง ขณะที่พยาบาลเลื่อนผ้าม่านปิดล้อมเตียงไว้ เขาเดินออกมาตามทางเดินเรื่อย ๆ ก่อนหยุดเดินลงเมื่อเห็นพาลินเดินเข้ามาหา“พี่แทน”พาลินเรียกชายหนุ่มในสรรพนามที่เหมือนเดิม แต่แววตาที่เขามองแตกต่างออกไปอย่างชัดเจ