ฉินซูใช้ความเร็วสูงสุดในการวิ่งเข้ามาที่โรงพยาบาล เธอวิ่งไปที่เคาท์เตอร์พยาบาล ถามอย่างมีมารยาทว่า "สวัสดีค่ะ ขอถามที่นี่มีคนไข้ที่ชื่อว่าฉินกู่เซียงไหมคะ? เพิ่งเข้ามาเมื่อวันนี้ตอนเช้า"คนไข้ที่มารักษาที่โรงพยาบาบเอกชนมีไม่เยอะ จะมีก็แต่คนที่ป่วยหนักหรือต้องได้รับการรักษาเป็นพิเศษ ดังนั้นพยาบาลจะคุ้นหน้าคนไข้เป็นอย่างดี"ห้องไอซียู 402""ขอบคุณค่ะ!"พูดสองคำจบฉินซูก็รีบวิ่งไปเธอยืนอยู่นอกประตูวอร์ดและมองผ่านกระจกเข้าไป ผู้สูงอายุรูปร่างผอม ผมสีขาวดังหิมะที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยคือคุณย่าของเธอจริง ๆ!เธอดูอ่อนแอลงกว่าเมื่อก่อนมาก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แขนของเธอเสียบสายเต็มไปหมด มีชุดให้น้ำเกลือ และยังมีจอสำหรับแสดงค่าอาการต่าง ๆ อีกด้วยฉินซูมองดูด้วยความสงสาร ดวงตาของเธอเจ็บปวดในตอนนี้ เสียงดุที่คุ้นหูก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง"นี่มันโรงพยาบาลอะไรกัน ฉันเพิ่งจะจ่ายไปห้าพัน ผ่านไปแปบเดียวก็หมดแล้ว จะถลุงเงินกันใช่ไหม?"ใบหน้าของคุณหมอเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย "คุณผู้หญิง ค่ารักษาของเราเป็นไปตามมาตรฐานทั้งหมดนะครับ อาการป่วยของคุณแม่ของคุณมันซับซ้อนมาก พวกเราใช้ห้องไอซียูที
ฉินซูพยายามเก็บความประหม่าเอาไว้ พยายามพูดอย่างสบาย ๆ ว่า "ตอนนั้นสถานการณ์มันค่อนข้างซับซ้อน คุณหมอก็รู้ว่าฉันคือใครแล้ว ฉันก็คงพูดว่าไม่ใช่ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าทำแบบนั้นก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของตระกูลฉู่ใช่ไหม?"เมื่อพูดจบก็แอบสังเกตปฏิกริยาของชายหนุ่มเงียบ ๆเขาไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเขากลับเคร่งขรึมขึ้นทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปหาฉินซูช้า ๆ"ดูแล้วที่แท้เธอฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ รู้ด้วยว่าโรงพยาบาลฟู่คังอยู่ภายใต้ตระกูลฉู่ ดังนั้นตำแหน่ง "ภรรยาของทายาทตระกูลฉู่" ไม่เพียงแต่ทำให้คนในครอบครัวเธอได้รับการรักษาที่ดีที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดยังฟรีอีกด้วย"เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉินซู ก้มลงมองเธอและพูดค่อย ๆ ว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันควรจะชมเธอดีไหม....เหมือนสุนัขที่อาศัยบารมีของเจ้านายมาอวดเบ่ง?ฉินซูกระตุกมุมปากชมอย่างนั้นเหรอ? เขาว่าเธอเป็นสุนัขชัด ๆเมื่อรู้ว่าเขาเข้าใจเธอผิด เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาตรง ๆ "คุณชายฉู่ ฉันไม่เคยชิดจะใช้ประโยชน์จากตำแหน่งภรรยาตระกูลฉู่ หรือเอารัดเอาเปรียบแม้แต่นิดเดียว”เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสงบของเธอ ฉู่หลินเฉินเลิ่กคิ้วขึ้นพลางถาม "อ
ฉู่หลินเฉินออกไปได้ไม่นาน ฉินซูก็เดินออกมาจากห้องรู้สึกหิวแล้วสิไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาอาหารเย็นเธอก็เตรียมลงไปทำอะไรกินที่ห้องครัวเมื่อเปิดตู้เต็นเครื่องใหญ่ออกมาแล้ว ก็พบว่านอกจากน้ำดื่มแล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นในตู้เย็นเลย ปกติผู้ชายคนนั้นอยู่บ้านไม่ทำกับข้าวเหรอ?เธอมองไปที่เตาและเครื่องครัวที่แทบจะใหม่เอี่ยม เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เธอเดาของเธอนั้นถูกแล้ว ฉินซูวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง เธอทนไม่ได้จึงกดโทรเบอร์ของผู้ชายคนนั้น"คุณชายฉู่ ไม่ทราบว่าคุณจะกลับมาเมื่อไร?"ฉู่หลินเฉินพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "มีเรื่องอะไร?""เปล่า ฉันแค่อยากถามว่าข้าวเย็นต้องทำยังไง?"ฉินซูเหลือบมองไปที่ห้องครัวไรควันนั่นอีกครั้ง พลางพูดขึ้นว่า "ถ้าจะให้ออกไปกินข้างนอก ฉันดูมาแล้วว่าข้างนอกไม่มีร้านอาหาร ถ้าไปไกลกว่านั้นก็จะเจอกับนักข่าว....." เธอไม่อยากถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าวเหมือนคราวก่อนฉู่หลินเฉินตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถามขึ้นเบา ๆ ว่า "ขับรถเป็นไหม?""เป็น ฉันสอบใบขับขี่เมื่อปีที่แล้ว และก็เคยช่วยคุณครูขับรถอยู่หลายครั้ง""กุญแจอยู่ในลิ้นชักชั้นแ
ฉินซูหันกลับไปมองอย่างไม่พอใจ หลินเมิ่งฟานนี่ ทำไมถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้นะ? ฉู่หลินเฉินพูดดำน้ำเสียงที่เข้มงวด "ขึ้นรถ!" เธอจำต้องยอมขึ้นไปนั่งบนรถหลังจากนั้น ฉู่หลินเฉินก็เหลือบมองหลินเมิ่งฟานอีกครั้ง แค่มองครั้งเดียว ก็ทำให้อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าและถอยกลับอย่างเกรงใจ ไม่กล้าบุ่มบ่ามอีกดวงตาของฉู่หลินเฉินแสดงออกถึงความเหยียมหยาม เขาออกคำสั่ง "ออกรถ!"เมื่อรถแล่นออกไปไกล ฉู่หยุนซีและหวังอี้หลินที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ในมุมมืดด้วยความตื่นเต้น จึงเดินออกมา"มีละครสนุก ๆ ดู ฉันต้องไปดูสักหน่อยแล้ว พี่ชายฉันจะจัดการกับยายของปลอมนั่นยังไงนะ!"ฉู่หยุนซีพูดอย่างมีความสุข"หยุนซี ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ต้องไปแล้วไหม พี่ชายของเธอเคยบอกว่า ช่วงนี้อย่าเพิ่งออกมาเจอหน้าเขา"หวังอี้หลินพูดขึ้น สายตามองไปยังหลินเมิ่งฟานที่ยังไม่ได้ออกจากภัตตาคาร"ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ เธอรอที่นี่ไปก่อน ฉันจะให้ผู้ช่วยมารับเธอ"ฉู่หยุนซีไม่รอให้เธอตอบ เธอรีบขับรถตามออกไป เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ หวังอี้หลินยกยิ้มที่มุมปากของเธอเบา ๆ เธอเดินตรงไปยังหลินเมิ่งฟานเธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "นี่คงไม่ใช่คุ
แล้วอีกอย่าง ที่อยู่ของภัตตาคารนี้คุณก็เป็นคนให้ฉันมา ถ้าฉันอยากจะนัดเจอใครจริง ๆ ฉันจะทำให้ตระกูลฉู่เสียหน้าทำไม และก็คงจะไม่เลือกช่วงเวลานี้ ในสถาที่นี่หรอกนะ?"ฉู่หลินเฉินยังคงนิ่งเฉย เขาเพียงแค่หัวเราะเย้ย "นั่นมันคือเรื่องที่เธอฉลาดและกล้าทำไม่ใช่หรือไง?"ฉินซูเงียบ ใบหน้าหม่นลง "มันคืออคติที่คุณมีต่อฉัน"เขาไม่ฟังคำพูดนั้น เหลือบมองไปที่เธอ "เรื่องคืนเงิน ก็เป็นเรื่องที่เธอเพิ่งแต่งขึ้นมาสินะ""ไม่ใช่! หลินเมิ่งฟานเอาเงินคืนฉันแล้ว เงินก้อนนี้ฉันตั้งใจเอามาคืนคุณ""ไหนเงินล่ะ""เขาเอาใส่ไว้ในบัตรธนาคารและได้ให้บัตรฉันมาแล้ว"พูดเสร็จ ฉินซูก็เอามือจับที่กระเป๋า"บัตรล่ะ?"สีหน้าของฉินซูเปลี่ยนไปทันที นัยตาเย็นชาของฉู่หลินเฉินหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับเขาเดาอะไรบางอย่างได้จากการกระทำของเธอเขาตะโกนเสียงเย็น "หยุดรถ!"คนขับรถเหยียบเบรกกระทันหันร่างของฉินซูกระแทกเข้ากับเบาะที่นั่ง เธอพยายามจับเอาไว้ ได้ยินเขาพูดขึ้นอย่างเดือดดาล "ไสหัวไป!"เธอถูกไล่ลงจากรถอย่างไร้ความปราณี เธอมองดูความไร้น้ำใจพลางเดินไปที่หลังรถ ฉินซูแสยะยิ้มอย่างอดไม่ได้ผู้ชายคนนั้นอารมณ์แบบไหนกัน
เมื่อเห็นเหล่าชายฉกรรจ์ที่หน้าตาดูไม่ใช่คนดีแล้ว ฉินซูก็ใจเสียขึ้นมานี่เธอกำลัง....กับพวกอันธพาลงั้นเหรอ?ยังมีอะไรที่ซวยกว่านี้อีกไหม!เธอก้าวถอยหลังเบา ๆ จ้องมองไปที่คนสองสามคนอย่างป้องกันตัว "พวกนายคิดจะทำอะไร?""ลูกพี่ของเราเบื่อมาก กำลังอยากได้สาวสวยไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อน"ชายผมเกรียนที่เป็นหัวโจกหัวเราะพลางเดินเข้าใกล้ฉินซูมากขึ้น "ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเองนะ""ขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันมีเรื่องต้องทำ" ฉินซูกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา อยากจะหนีไปจากพวกเขา"เหรอ? ถ้าวันนี้ไม่ไปดื่มกับพวกเรา ก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว" ชายหัวโจกผมเกรียนพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น พร้อมถือวิสาสะคว้าข้อมือของฉินซูเธอขมวดคิ้ว "ทำตัวเป็นอันธพาลเหรอ? ถ้าไม่ปล่อยมือ ฉันจะเรียกตำรวจ!"พูดจบเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาให้เห็น ชายหัวเกรียนปล่อยเธอ แต่ก็ไม่ยอมให้เธอเดินไปไหน แถมยังพูดอย่างกวน ๆ ว่า "ตำรวจเหรอ? เธอแจ้งเลย"ฉินซูกัดฟัน ทำท่าทางเหมือนกำลังจะกดโทรออก"ลูกพี่ครับ ผู้หญิงคนนี้กำลังหลอกพวกเรา โทรศัพท์ของเธอมันปิดเครื่องอยู่!"ฉินซู :“......”อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ไล่ฉินซูลงจากรถแล้ว ฉู่หลินเฉินก็ยังไ
เมื่อสักครู่ที่มีการต่อสู้กัน น่าจะไปกระทบเข้าที่กล้ามเนื้อ ทำให้ปากแผลเปิดออกมาเมื่อคิดถึงจุดนี้ เขามองไปที่ฉินซูด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย "เธอไม่ใช่พวกที่ขัดขืนเก่งหรือยังไง? เมื่อกี้ทำไมยืนแข็งทื่อเป็นไม้แบบนั้น?""ตอนแรกฉันจะแจ้งตำรวจ แต่โทรศัพท์แบตหมด เครื่องดับไปเสียก่อน"ฉินซูยื่นมือออกไป เธอพูดขึ้นอีกว่า "ฉันไม่มีแรงจะสู้ ถ้าเกิดขัดขืนขึ้นมา คนที่จะถูกทำร้ายก็คือฉัน สู้ทำเป็นอ่อนแอแล้วหาโอกาสหนีมาดีกว่า"ขณะที่พูด น้ำเสียงเธอเปลี่ยน แสดงความจริงใจ "เมื่อกี้นี้ขอบคุณนายมากจริง ๆ ถ้านายมาไม่ทันเวลา ฉันก็ไม่รู้จะหนีออกมาได้ยังไง"ฉู่หลินเฉินพ่นลมหายใจเบา ๆ"ทำไมนายถึงกลับมาล่ะ?" เธอถามเมื่อนึกถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา เธอก็เดาขึ้นว่า "นายเห็นข้อความที่ฉันส่งไปแล้ว?"สีหน้าของฉู่หลินเฉินดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย เขายื่นบัตรธนาคารให้ตรงหน้าเธอ "ฉันหยิบขึ้นมาจากใต้เบาะ"เมื่อเห็นบัตรแล้ว ฉินซูพูดกึ่งกระซิบ "ที่แท้ก็หล่นอยู่ที่ใต้เบาะนี่เอง!"น่าจะเป็นเพราะไม่ได้ระวังตอนขึ้นรถ บัตรเลยหล่นลงไปยังดีที่บัตรใบนี้ไม่ได้หายไป!เธอไม่ได้รับมันกลับมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า "ในนี้
กลางคืนใกล้เข้ามา แสงจันทร์ส่องสกาวอยู่นอกหน้าต่างทันทีที่ฉินซูนึกถึงเรื่องที่ถูกฉู่หลินเฉินไล่ลงจากรถเมื่อตอนเย็น แถมยังโชคไม่ดีพบเจอเรื่องราวเหล่านั้น ภายในใจก็รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาฉู่หลินเฉินเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ แค่เพียงหนึ่งประโยคของเขา ก็สามารถส่งเธอเข้าคุกได้ตลอดเวลา ตัวของเขาอยู่ที่นั่น ตนเองก็ไม่มีหนทางต่อต้าน อีกทั้งตอนนี้คุณย่ายังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลของฉู่ซื่อ ถึงเธอจะมีหนทางก็ต้องรอให้คุณย่าหายป่วยก่อนแต่ฉินซูไม่ใช่คนที่นั่งรอความตายเธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งจะชาร์จแบตเต็มแล้วขึ้นมาโทรออก“อาจารย์สวี่ โครงการวิจัยนั้นที่อาจารย์บอกเมื่อคราวก่อน ตอนนี้ยังต้องการคนอยู่ไหม? ฉันอยากลองดู”…เรื่องที่ฉินซูพบปะส่วนตัวกับหลินเมิ่งฟาน ถูกฉู่หยุนซีนำไปฟ้องผู้ใหญ่ของตระกูลฉู่โดยเธอที่พูดบิดเบือนเกินความจริง“ยังดีที่หนูไปเห็นก่อน ถ้าคนอื่นเห็น ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเราคงโดนเธอทำลายจนหมดสิ้น!”ฉู่หยุนซีเห็นคุณท่านตระกูลฉู่ขมวดคิ้ว ท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงเบะปากพูด “คุณย่า อย่าหลงกลเพราะเรื่องที่ฉินซูช่วยคุณย่าหรือรูปลักษณ์ท่าทางของเธอ เธอคือผู้หญิงเจ้าแผ