“ครับ” เว่ยเหอรู้ว่านายน้อยของเขากลัวจะทำให้พวกเธอผิดหวัง ในเมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งเกินไป ตอนนี้คุณท่านก้าวไปไกลกว่านั้นและใช้ “การบำบัด” ที่แปลกประหลาดบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ท่านยืนกรานที่จะฟังนักเล่นแร่แปรธาตุ และขอให้นายน้อยซื้อไม้กฤษณาหนึ่งชิ้นกลับมา เว่ยเหอเข้าคลินิก ส่วนฉู่หลินเฉินกำลังรออยู่ในรถ เขามองไปยังวิวถนนที่อยู่ห่างไกลผ่านแว่นกันแดดอย่างใจลอย ในเวลานี้ แม่และลูกชายคู่หนึ่งบังเอิญเดินผ่านเขา คนตัวใหญ่ใหญ่และคนตัวเล็กเดินออกมาจากทางคลินิก และกำลังเดินจากไปไกล ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างผอมบางหุ่นดี และเดินอย่างมั่นคง เธอมัดผมสั้นประบ่าห้อยไว้ด้านหลังศีรษะแบบสบาย ๆ พร้อมสะพายกระเป๋าสีขาวเรียบง่ายธรรมดา โดยไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติม ทว่าเด็กน้อยที่เธอจูงอยู่นั้นกำลังสะพายกระเป๋าเป้สีดำ สวมกางเกงขาสั้นสีขาวและเสื้อสีแดง แขนและขาเล็ก ๆ แกว่งไปมาเวลาเดิน แต่เร็วมาก แสดงให้เห็นถึงความใสซื่อไร้เดียงสาของเด็ก ท่ามกลางกิ่งก้านและใบที่หนาแน่นของต้นมะเดื่อ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังแม่และลูก ภาพนี้ดูอบอุ่นและสวยงามมาก สายตาของฉู่หลินเฉินเอาแต่มองสองแม่ลูกชายคู่นั้น
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าของฉินซูก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป “เขามาทำไม?” จางอี้เฟยรู้สึกว่าฉินซูอาจเข้าใจผิด จึงตอบกลับทันที “ขอให้ฉันรักษาเขา” เมื่อฉินซูได้ยินแบบนี้ หัวใจที่เพิ่งพองโตก็ดิ่งลงอีกครั้ง เธอคิดว่าเขากำลังมาหาเธอ และเกือบจะคิดว่าเธอถูกจับได้แล้ว ฉินซูถามว่า “เขามารักษาโรคอะไร?” “อาการป่วยของเขาคล้ายกับหานโม่หยาง เขาอาจจะได้ยินรื่องผลการรักษาของหานโม่หยางที่รักษากับฉัน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาที่นี่เป็นพิเศษ แต่ฉันไม่ได้ตอบตกลง ฉันอยากจะถามความเห็นเธอก่อน…” “รักษาเลย!” ฉินซูพูดโดยแทบไม่ต้องคิดว่า “ทำไมนายไม่ตอบรับเล่า?” จางอี้เฟยรู้สึกมึนงงเล็กน้อยและพูดอย่างลำบากใจว่า “ฉันทำไปเพราะว่านึกถึงที่เธอยังไม่หายเกลียดฉู่หลินเฉินไง ยิ่งกว่านั้น...พูดตามตรง ฉันเพิ่งเรียนรู้จากเธอได้นิดหน่อยเอง ฉันไม่มั่นใจในโรคพวกนี้จริง ๆ ” ฉินซูเงียบและจมอยู่กับความคิด จางอี้เฟยไม่ได้ยินเสียงของเธอสักพัก จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “ฉินซู เธอคิดว่าฉันควรรักษาเขาไหม?” “ควร” ฉินซูให้คำตอบสั้น ๆ และชัดเจน ในขณะนี้ เธอสงบลงและคิดวิธีแก้ปัญหาได้ “อี้เฟย
ฤดูร้อนคืนหนึ่ง ในภูเขาที่ทั้งชื้นและอบอ้าวฉินซูใช้เวลาทั้งวันหายาสมุนไพร เหนื่อยล้าสายตัวแทบขาด ฝ่าเท้าทั้งสองเกิดอาการห้อเลือดเธอถอดรองเท้าและถุงเท้าออก เหยียดเท้าลงไปแช่ในแม่น้ำขณะกำลังเพลิดเพลินกับความเย็นสบายของสายน้ำ จู่ ๆ ก็มีเสียงดังสะเทือนขึ้นมาจากทางด้านหลัง และเสียงนั้นก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งกำลังบินแกว่งไปแกว่งมา ค่อย ๆ ลดตัวลงสู่พื้นดิน ในที่สุดก็ลื่นไถลจนแทบจะไปติดอยู่บนพื้นหญ้าพายุลมที่โหมกระหน่ำพัดทำให้ปีกของเครื่องบินแยกออกเป็นชิ้น ๆ ใบหญ้าทั้งหมดพัดปลิวจนเกิดเสียงดังซ่าซ่าลมพัดแรงจนฉินซูไม่สามารถลืมตาได้ปังเสียงที่ดังนั้นตามมาด้วยการพลิกคว่ำของเฮลิคอปเตอร์ห่างออกไปจากเธอเพียงแค่ 20 ถึง 30 เมตรฉินซูลืมตาขึ้นมาด้วยความลังเล เธองุนงงไปชั่วครู่นี่มัน… เครื่องบินตก?ในที่สุดเธอก็มีปฏิกิริยาออกมา หันไปมองเฮลิคอปเตอร์ที่สูญเสียการควบคุมมีคนอยู่ข้างใน!ภายในแสงที่มืดสลัว พยายามฝืนมองเข้าไป ปรากฏเงาของคน ๆ หนึ่งในตำแหน่งที่นั่งนักบินควันดำหนาทึบพวยพุ่งออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ อาจจะทำให้เกิดระเบิดในฐานะแพทย์ฝึกหัด ฉินซูไม่สามารถปล
ฉินซูเข้าร่วมการฝึกอบรมในชนบทที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยจำนวนนักศึกษาแพทย์ที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้มีด้วยกัน 20 กว่าคน สถานที่จัดตั้งค่ายอยู่ในหมู่บ้านซานเซียหลังจากกลับมาถึงค่าย เพื่อน ๆ ต่างก็นอนหลับกันหมดฉินซูตักน้ำชำระล้างร่างกายเมื่อเห็นร่องรอยที่อยู่บนร่างกายของตนเอง เบ้าตาก็แดงก่ำอุตส่าห์ทะนุถนอมความบริสุทธิ์ของตนเองไว้กว่า 20 ปี โดยคิดไว้ว่าจะมอบมันให้แก่ชายผู้เป็นที่รัก“เมิ่งฟาน ฉันขอโทษ”ฉินซูก้มหน้าสะอื้นไห้ ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าเธอจะควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้คืนสู่สภาพเดิมได้อีกครั้งการร้องไห้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เธอเสียตัวไปแล้ว และไม่ได้มีความคิดที่จะปกปิดหลินเมิ่งฟาน เธอตัดใจสินที่จะสารภาพกับเขาหลังจากกลับไปเรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ อีกทั้งเมิ่งฟานยังเป็นคนที่อ่อนโยน เอาใจใส่ และรักเธอมาก เธอเชื่อว่าเขาจะต้องเข้าใจเธอ…หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จ ฉินซูก็กลับไปนอนเธอพบว่าเตียงนอนด้านข้างยังว่างเปล่า หวังอี้หลินเพื่อนสนิทของเธอยังไม่กลับมา“อี้หลินบอกว่าต้องไปกินข้าวที่บ้านญาติในเมือง ระยะทางค่อนข้างจะไกลมาก ดูท่าแล้วคืนนี้คงจะไม่กลับมา...”คิดได้แบบนี
หลินเมิ่งฟานโดนตบฉินชูที่อยู่ด้านหน้าเขาในตอนนี้ เคยเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดู อ่อนโยน จงรักภักดี และพึงพอใจในศักดิ์ศรีทั้งหมดของเขาตลอดมาฝ่ามือที่ตบลงบนใบหน้าเขาทำให้ศักดิ์ศรีทั้งหมดสลายหายไปในพริบตา“ฉินซู”หลินเมิ่งฟานโกรธ เนื่องจากความละอายและขุ่นเคือง เขาต้องการที่จะเอาคืนเธอดวงตาที่แหลมคมจ้องมองไปที่คอของเธอเขากระชากคอเสื้อเธอบริเวณกระดูกไหปลาร้าเล็ก ๆ ของเธอปรากฏร่องรอยต่าง ๆถางเสี่ยวหรูที่โดนตบรู้สึกคับแค้นใจ เมื่อเห็นร่องรอยนั้นก็ยิ้มเยาะและพูดจาถากถางขึ้นมา “เมิ่งฟาน ดูเหมือนว่าแฟนสาวคนนี้ของเธอที่ยึดมั่นถือมั่นในคุณธรรมนักหนาก็ร้ายไม่เบานะ!”หลินเมิ่งฟานหน้าซีด“ฉินซู เกิดอะไรขึ้น?!”ฉินซูหัวเราะเยาะ “เหอะ นายคิดว่าไงล่ะ?”เธอมาหาเขาเพื่อให้เขาช่วยปลอบประโลม แต่กลับมาพบเจอสถานการณ์ที่ตัวเองโดนสวมเขาในตอนนี้ ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานให้เขาฟังแล้วฉินซูปัดมือเขาออก ค่อย ๆ จัดแต่งคอเสื้อให้เข้าที่ เผยน้ำเสียงแข็งกระด้างเสียดสีออกมา “นายมีอะไรกันลับหลังฉันได้ ฉันก็สามารถสวมเขาให้นายได้เหมือนกัน!”“ทำไมเธอถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้? อยู่
หวังอี้หลินได้รับรูปถ่ายสร้อยคอ เมื่อมองดูเธอก็รู้สึกคุ้นตาขึ้นมาทันทีจางเหวิน แม่ของเธอเข้าไปมองดูใกล้ ๆ แล้วถอนใจ “คาดไม่ถึงเลยว่าสร้อยคอที่ไม่มีราคาเส้นนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของภรรยาทายาทตระกูลฉู่”หวังอี้หลินตกใจเธอจำได้แล้ว!สร้อยคอเส้นนี้ คือเส้นที่ห้อยอยู่ที่คอของฉินซูที่แท้ ฉินซูก็เป็นคนที่ช่วยฉู่หลินเฉิน!หวังเจิ้นฮวาพูด “หยุดพูด แล้วรีบหาสร้อยคอเส้นนั้นให้เจอให้เร็วที่สุดเถอะ ถ้าหาไม่เจอ ลูกสาวของเราจะแต่งงานเข้าไปในตระกูลฉู่ได้อย่างไร?”“ใช่ ใช่ ใช่!”จางเหวินพูดพลางไปหยิบกระเป๋าสัมภาระของหวังอี้หลิน“คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ต้องหาแล้ว! หนูรู้แล้วว่าสร้อยเส้นนั้นอยู่ที่ไหน”หวังอี้หลินหยุดทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่หนักแน่นสองสามีภรรยามองเธอด้วยความประหลาดใจ“สร้อยคออยู่ข้างนอก หนูจะไปเอามันกลับมา”พูดจบหวังอี้หลินก็ออกไปหวังเจิ้นฮวาและจางเหวินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างอีกครั้งจางเหวินตบหน้าอกตัวเอง “เจ้าเด็กคนนี้ ทำให้พวกเรากังวลจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ไม่รู้ว่าของสำคัญขนาดนั้นเอาไปวางไว้ข้างนอกได้อย่างไร...”หวังอี้หลินมุ่งตรงไปหาฉินซูที่มหาวิทยาลัยเพื่อ
ในปีนั้นอากาศหนาวจัด คุณย่าเก็บฉินซูที่ยังเป็นเด็กทารกมาเลี้ยง ท่านเลี้ยงดูฉินซูโดยลำพัง สอนวิธีฝังเข็มให้เธอถ้าไม่ใช่เพราะคุณย่า ในโลกนี้ก็จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อฉินซูคนนี้คุณย่ามอบชีวิตใหม่ให้แก่เธอ…ฉินซูกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือแน่นเธอโกรธมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นได้ขณะเดียวกัน มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ จากด้านนอก“คุณฉิน คุณตื่นหรือยัง?”ฉินซูพยายามจัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงเพื่อคุณย่า เธอจึงทำได้เพียงทำตามคำพูดของพ่อแม่บุญธรรมไปก่อน ก่อนที่เธอจะหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ได้ “เชิญค่ะ”น้ำเสียงของฉินซูแผ่วลง หญิงวัยกลางคนยกถาดเข้ามา“คุณท่านให้ฉันเข้ามาดูคุณ ถ้าคุณตื่นแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ทุกคนพร้อมกันหมดแล้ว”ฉินซูมึนงง ตอบไปแค่ว่า “ตกลง”จากนั้นเธอก็มองดูหญิงวัยกลางคนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบกระโปรงหนึ่งตัว รองเท้าหนึ่งคู่ และเครื่องประดับหนึ่งชุดออกมาจากในตู้เสื้อผ้า“คุณท่านเตรียมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้คุณ”แค่ไปพบคุณท่านเอง ดูจะยิ่งใหญ่ไปหน่อยฉินซูคิดในใจแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าตระกูลฉู่ร่ำรวยขนาดไหน จะพิถีพิถันกับการแต่งหน้าแต่งตัวก็เป
เว่ยเหอตกตะลึง นี่มัน...อะไรกันเนี่ย?ฉู่หลินเฉินเม้มปากแน่น ดวงตาเรียวยาวตัดกับนัยน์ตาดำขลับจ้องไปยังฉินซู รังสีแห่งความน่าเกรงขามและเยือกเย็นแพร่กระจายไปทั่วบริเวณภายในพริบตาฉินซูรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อเผชิญเข้ากับสายตาที่ดุดันดั่งเหยี่ยวเจ้าเวหา หัวใจของเธอก็บีบรัดขึ้นมาทันทีในชั่วพริบตาเดียว เหมือนลมหายใจถูกบีบรั้งด้วยมือที่มองไม่เห็นจนทำให้หายใจแทบไม่ออกฉินซูหลบสายตาของเขาอย่างไม่ให้ผิดสังเกตในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่เย็นชาของฉู่หลินเฉินก็ดังขึ้น “เว่ยเหอ ส่งแขก”เว่อเหอเข้าใจความหมายของคุณชายทันที รีบเดินไปยังด้านหน้าของนักข่าว“ตอนนี้คุณชายมีธุระส่วนตัวที่ต้องจัดการ ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน อีกเรื่องหนึ่ง ขอให้ทุกท่านลบภาพถ่าย และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่วันนี้ทิ้งทั้งหมด”นักข่าวต่างก็มองหน้ากัน หากจะขอให้กลับออกไปพวกเขาก็เข้าใจ แต่มันยากที่จะเข้าใจในความต้องการอย่างหลัง จึงพากันมองไปยังคุณท่านของตระกูลฉู่“อาเฉิน นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ซ่งจิ่นหรงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เพราะเธอคือคนที่ตั้งใจเชิญนักข่าวมา“เดี๋ยวคุณย่าก็จะเข้าใจ”ตามความต้องการของฉู่หลินเฉิ