ในปีนั้นอากาศหนาวจัด คุณย่าเก็บฉินซูที่ยังเป็นเด็กทารกมาเลี้ยง ท่านเลี้ยงดูฉินซูโดยลำพัง สอนวิธีฝังเข็มให้เธอถ้าไม่ใช่เพราะคุณย่า ในโลกนี้ก็จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อฉินซูคนนี้คุณย่ามอบชีวิตใหม่ให้แก่เธอ…ฉินซูกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือแน่นเธอโกรธมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นได้ขณะเดียวกัน มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ จากด้านนอก“คุณฉิน คุณตื่นหรือยัง?”ฉินซูพยายามจัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงเพื่อคุณย่า เธอจึงทำได้เพียงทำตามคำพูดของพ่อแม่บุญธรรมไปก่อน ก่อนที่เธอจะหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ได้ “เชิญค่ะ”น้ำเสียงของฉินซูแผ่วลง หญิงวัยกลางคนยกถาดเข้ามา“คุณท่านให้ฉันเข้ามาดูคุณ ถ้าคุณตื่นแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ทุกคนพร้อมกันหมดแล้ว”ฉินซูมึนงง ตอบไปแค่ว่า “ตกลง”จากนั้นเธอก็มองดูหญิงวัยกลางคนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบกระโปรงหนึ่งตัว รองเท้าหนึ่งคู่ และเครื่องประดับหนึ่งชุดออกมาจากในตู้เสื้อผ้า“คุณท่านเตรียมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้คุณ”แค่ไปพบคุณท่านเอง ดูจะยิ่งใหญ่ไปหน่อยฉินซูคิดในใจแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าตระกูลฉู่ร่ำรวยขนาดไหน จะพิถีพิถันกับการแต่งหน้าแต่งตัวก็เป
เว่ยเหอตกตะลึง นี่มัน...อะไรกันเนี่ย?ฉู่หลินเฉินเม้มปากแน่น ดวงตาเรียวยาวตัดกับนัยน์ตาดำขลับจ้องไปยังฉินซู รังสีแห่งความน่าเกรงขามและเยือกเย็นแพร่กระจายไปทั่วบริเวณภายในพริบตาฉินซูรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อเผชิญเข้ากับสายตาที่ดุดันดั่งเหยี่ยวเจ้าเวหา หัวใจของเธอก็บีบรัดขึ้นมาทันทีในชั่วพริบตาเดียว เหมือนลมหายใจถูกบีบรั้งด้วยมือที่มองไม่เห็นจนทำให้หายใจแทบไม่ออกฉินซูหลบสายตาของเขาอย่างไม่ให้ผิดสังเกตในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่เย็นชาของฉู่หลินเฉินก็ดังขึ้น “เว่ยเหอ ส่งแขก”เว่อเหอเข้าใจความหมายของคุณชายทันที รีบเดินไปยังด้านหน้าของนักข่าว“ตอนนี้คุณชายมีธุระส่วนตัวที่ต้องจัดการ ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน อีกเรื่องหนึ่ง ขอให้ทุกท่านลบภาพถ่าย และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่วันนี้ทิ้งทั้งหมด”นักข่าวต่างก็มองหน้ากัน หากจะขอให้กลับออกไปพวกเขาก็เข้าใจ แต่มันยากที่จะเข้าใจในความต้องการอย่างหลัง จึงพากันมองไปยังคุณท่านของตระกูลฉู่“อาเฉิน นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ซ่งจิ่นหรงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เพราะเธอคือคนที่ตั้งใจเชิญนักข่าวมา“เดี๋ยวคุณย่าก็จะเข้าใจ”ตามความต้องการของฉู่หลินเฉิ
ความรู้สึกซาบซึ้งของฉินซูนั้นสลายหายไปหมดสิ้นในชั่วพริบตาเธอพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย “คุณท่านจะไม่เป็นอะไร”ดวงตาที่นิ่งเฉย น้ำเสียงที่ไพเราะ แสดงออกให้เห็นถึงความมั่นใจไปโดยปริยายแค่เพียงชั่วพริบตาของฉู่หลินเฉิน เมื่อเขามองเธออีกครั้ง ก็เห็นเธอก้มลงไปเริ่มทำการปฐมพยาบาลโรคลมชักเมื่อกำเริบดูเหมือนจะน่ากลัว แต่ความจริงแล้ว ขอเพียงแต่คนที่อยู่ข้าง ๆ รู้วิธีจัดการที่ถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยเหลือได้ ทำให้ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิตแต่ถ้าโกลาหลเหมือนอย่างคนในตระกูลฉู่ก่อนหน้านี้ ผลลัพธ์ก็จะกลายเป็นอีกอย่างขณะที่ฉินซูเข้าสู่กระบวนการรักษา เธอก็จะจดจ่ออยู่กับการรักษาอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างในตอนนี้ เธอพูดออกมาโดยที่ไม่เงยหน้า “พวกคุณถอยออกไป อย่ามุง ให้อากาศได้ถ่ายเท!”ฉู่หยุนซีที่ยืนอยู่ด้านข้างเบิกตากว้าง นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงที่หลอกลวงคนนี้กล้าออกคำสั่งกับคนในครอบครัวเธอแต่เธอสิ่งทำให้เธอตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ ฉู่หลินเฉินลุกขึ้นให้ความร่วมมือเป็นคนแรก เขาถอยออกไปด้านข้างและยังส่งสัญญาณให้ฉู่สวี่และภรรยาถอยออกมาฉู่หยุนซีกัดฟันกรอด ยิ่งเห็นสายตาของฉินซูยิ่งทำให้ไม่พอใจฉิน
สายตาที่ดุดันมองไปยังฉินซูโดยทันที เขาแปลกใจเล็กน้อย และในไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นความโกรธจาง ๆ ผู้หญิงคนนี้…“เธอมีความเห็นได้ด้วยเหรอ?” ฉู่หยุนซีกรอกตาอย่างไม่พอใจฉินซูมองไปที่เธอ ยิ้มออกมาเล็กน้อย สีหน้าเฉยเมย “ฉันก็เป็นแค่ของเลียนแบบ เป็นผู้หญิงหลอกลวงที่มาจากครอบครัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีฐานะทางสังคมอะไร สิ่งสำคัญก็คือ ฉันแสดงละครไม่เก่ง ถ้าเกิดว่าฉันบังเอิญเผยความจริงออกมา มันจะไม่ยิ่งทำให้ตระกูลคุณเสียหน้าเหรอ?”ฉู่หยุนซีตกตะลึงของเลียนแบบ ครอบครัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีฐานะทางสังคม ผู้หญิงหลอกลวง… ทั้งหมดนี้เป็นคำพูดที่เธอเพิ่งจะเหน็บแนมฉินซูไปคาดไม่ถึงว่าเธอจดจำมันไว้ในใจทุกคำ และยังจะเหน็บแนมกลับมาอีก!ฉู่หยุนซีพาลโกรธจากความอับอาย พูดอย่างหยิ่งยโส “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงกับต้องให้ตระกูลฉู่ของฉันขอร้องเธอเชียวเหรอ?”พูดจบ ก็จงใจย้ำอีกประโยคว่า “ของเลียนแบบ!”ฉินซูไม่สนใจทันใดนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอึมครึม หันไปมองสายตาที่นิ่งเฉยและเย็นชาของชายหนุ่ม“คุณคิดว่าคุณมีสิทธิเลือกไหม?”เสียงต่ำของชายหนุ่มเอ่ยเตือนสติ“ถ้าฉันไม่ให้ความร่วมมือ พวกคุณจะส่งฉันไปสถานีตำรวจเหรอ?”
สิ่งที่ตอบเธอคือสายตาที่ลึกลับไม่มีที่สิ้นสุดของฉู่หลินเฉิน และคำพูดที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้ “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ที่อยู่อาศัยและการเดินทางของเธอ ฉันเป็นคนตัดสินใจ”ฉินซูนิ่งเงียบ คิดไปถึงนักข่าวเมื่อกี้ในช่วงเวลาที่เธอต้องแสดงละครเป็นคุณหนูของตระกูลฉู่ ก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโดนนักข่าว “จับตามอง” ได้เธอไม่ใช่ฉินซู เด็กผู้หญิงที่เป็นนักเรียนแพทย์ธรรมดาทั่วไปเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จะกลับไปเรียนต่อที่มหาลัยก็ไม่สามารถทำได้แต่ฉินซูก็ยังคงพยายามต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง“แบบนั้นก็อาจจะรบกวนคุณไปหน่อย ฉันอยู่ที่บ้านก็ได้ แค่ไม่ออกไปข้างนอกตามอำเภอใจ… ถ้าคุณมีอะไรที่ต้องการความร่วมมือจากฉัน ฉันพร้อมช่วยตลอดเวลาเลย”ฉินซูพูดอย่างตรงไปตรงมา สายตามองไปที่ด้านข้างของเขาคิ้วขมวดเข้ม จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางเม้มสนิท… โครงหน้าที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติฉินซูไม่ได้เป็นคนที่ยึดติดกับรูปร่างหน้าตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้ชายคนนี้หล่อแบบ 360 องศา ไม่มีที่ติเลยจริง ๆอยู่ ๆ ฉู่หลินเฉินหันศีรษะมา ฉินซูรีบหยุดความคิดของเธอลงไปในวินาทีนั้น และมองเขาอย่างนิ่งเฉย“ไม่ได้” เขาปฏิเสธอย่าง
หวังอี้หลินรับโทรศัพท์จากเว่ยเหออีกครั้ง หลังจากฟังเรื่องราวที่เขาเล่าจนจบ ในที่สุดความวิตกกังวลในจิตใจเธอก็ลดลงเธอกลัวมากว่าฉินซูจะบอกความจริงต่อหน้าคนตระกูลฉู่ จากนั้นคำโกหกของเธอก็จะทำร้ายตัวเธอเองแต่เมื่อเรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นตอนนี้หวังอี้หลินมั่นใจ ฉินซูไม่รู้เลยสักนิดว่าคนที่เธอช่วยในคืนนั้นคือใคร!ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าคำโกหกของตัวเองจะถูกเปิดโปง! รอให้ฉินซูออกไปจากตระกูลฉู่ เธอก็จะกลายเป็นคุณหนูของตระกูลฉู่!หวังอี้หลินมีความมั่นใจมาก แต่เธอแสร้งทำเป็นพูดอย่างน้อยใจ “แล้วเมื่อไหร่ที่คุณชายฉู่จะสามารถแต่งงานกับฉันได้? ทันทีที่ฉันคิดว่าฉินซูแต่งงานกับคุณชายฉู่แทนฉัน ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเลย”เว่ยเหอพูด “คุณไม่ต้องเป็นกังวล คุณชายฉู่ไม่ได้ชอบฉินซู และอีกไม่นานก็จะไล่เธอไป”พูดจบก็กล่าวเสริมว่า “คุณชายฉู่กำชับว่า ถ้าคุณต้องการอะไรให้บอกได้เลย”หวังอี้หลินดีใจมาก กรอกตาไปมา “ถ้าอย่างนั้น สร้อยเส้นนั้นที่คุณชายฉู่มอบให้ฉัน ฉันเอามันกลับมาได้ไหม? เพราะฉันชอบมันมาก”ถ้าฉินซูเห็นสร้อยคอเส้นนั้น เธอก็จะจำเรื่องคืนนั้นได้ มันไม่ดีแน่เธอต้องเตรียมการเผื่อไว้“อันน
ฉินซูวิ่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยของคุณย่า แต่กลับไม่พบใคร“คุณฉินคะ พวกคุณได้ทำเรื่องย้ายคุณฉินกู้เซียงไปที่โรงพยาบาลอื่นแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณเป็นคนในครอบครัวทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ?”เมื่อได้ยินพยาบาลพูดดังนั้น ฉินซูขมวดคิ้วเล็กน้อย “ย้ายไปเมื่อไรคะ?”“วันนี้ช่วงสาย ๆ ค่ะ”ฉินซูรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่หัวใจ จะต้องเป็นโจวซือฉินและจงจื้อหย่วนแน่ ๆ!อาการป่วยของคุณย่า แค่ขยับเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังต้องระวัง ไม่ต้องพูดถึงการย้ายโรงพยาบาล!พวกเขาต้องการทำอะไรกันแน่ฉินซูบอกขอบคุณพยาบาลและรีบออกไปฉินซูโทรหาโจวซือฉิน “คุณย่าอยู่ที่ไหน?”ที่ปลายสายโทรศัพท์ โจวซือฉินไม่แม้แต่จะปิดบังความผิดของเขาสักสักนิด มิหนำซ้ำยังพูดออกมาอย่างภูมิใจว่า “ว้าว เธอนี่เป็นหลานสาวที่กตัญญูจริง ๆ นะ ไปโรงพยาบาลมาแล้วสินะ?”เขาพูดด้วยเสียงที่เยือกเย็นขึ้น “ฉินซู ถ้าเธออยากเจอย่าของเธอ ก็เอาเงินมาแลกซะโดยดี เข้าบ้านฉู่ไปแล้วยังไม่ได้เงินมาง่าย ๆ อีกเหรอ? จำไว้นะ ห้าล้านเท่านั้น ขาดไปนิดเดียวฉันก็ไม่ยอม””คุณ!”ฉินซูยังไม่ทันพูดจบ โจวซือฉินก็วางโทรศัพท์ไปเสียก่อน ฉินซูโกรธจนกำโทรศัพท์ไว้แน่น ข้อนิ้วของเธอกลายเป็
รถมายบัคสีดำจอดอยู่บนถนนที่มีต้นไม้ร่มรื่นสองข้างทางด้านหลังโรงพยาบาลเว่ยเหอเปิดประตูอย่านุ่มนวล ฉินซูเห็นสันกรามคมชัดของฉู่หลินเฉิน เขาใส่สูททอมือสีดำ ดูงดงามมีความปราณีต ตอนเข้าที่บ้านตระกูลฉู่ เธอไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไรแต่ตอนนนี้เธอรู้ภูมิหลังทั้งหมดของตระกูลฉู่แล้ว และยังรู้ด้วยว่าคุณชายฉู่เป็นคนที่เธอไม่อาจแตะต้อง เพราะรังสีที่น่าเกรงขามของเขา ฉินซูเลือกที่นั่งข้างคนขับให้ตัวเอง เธอเตรียมตัวลดตัวลงนั่ง“มานี่!”เสียงคำสั่งเย็นชาจากคนที่นั่งอยู่เบาะหลังดังขึ้น ไม่ง่ายที่เธอจะขัดขืนคำสั่งนั้นฉินซูทำได้เพียงขยับย้ายตัวเองไปนั่งอยู่ที่เบาะหลังเธอนั่งห่างกับฉู่หลินเฉินหลายสิบเซนติเมตร มือขวาวางไว้บนประตูรถข้างนึง ราวกับว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้เธอคลายความกดดัน ที่ต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนนี้ได้บ้าง.... ฉู่หลินเฉินวางแล็ปท็อปเครื่องหนึ่งไว้บนตัก มุมหนึ่งของดวงตาชำเลืองมองท่าทางเหล่านั้นของฉินซู เขาหัวเราะเยาะเบา ๆรถยนต์วิ่งไปอย่างราบรื่นฉู่หลินเฉินจ้องแล็ปท็อปอย่างเดียว มือที่เรียวยาวของเขาสัมผัสแป้นพิมพ์นั่น ราวกับว่าเขากำลังจัดการกับเรื่องบางอย่างอยู่ และไม่ได้สน