Share

บทที่ 113

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีคนเยอะกว่า ยี่ฝางพยายามต่อต้านอยู่ นางมองไปรอบๆ และพบว่ามีทหารของเมืองซีจิงเพิ่มมากขึ้น

พวกเขาไม่ได้อยู่ในสนามรบหลัก แต่กลับกำลังรอนางอยู่ที่นี่ นางตระหนักว่านางเคยได้โอกาศทองโดยใช้กลยุทธ์นี้ แต่คราวนี้นางยังคงใช้กลยุทธ์เดิมแต่กลับตกหลุมพรางของศัตรูแล้ว

ยี่ฝางและยี่เทียนหมิง ลูกพี่ลูกน้องของนางเก่งการต่อสู้ และสามารถต้านทานได้ระยะหนึ่ง แต่พวกทหารที่อยู่ข้างๆ พวกเขาต่างเสียชีวิตไปในกองเลือดทีละคน ชาวซีจิงไม่ได้เมตตาแม้แต่น้อย พวกเขาฆ่าคนอย่างไม่ลังเล คนพวกนี้อาจเป็นนักรบโดดเด่นของพวกเขา

ยี่ฝางรู้สึกหวาดกลัวมากจนอยากจะวิ่งหนี แต่ข้างหลังนางล้อมรอบไปด้วยทหารเมืองซีจิงทั้งหมด พวกเขาถือมีดยาวและไม่ก้าวไปข้างหน้า ได้ขัดขวางทางหลบหนีของนาง

นางทำได้เพียงสู้กลับด้วยความตื่นตระหนก แต่นางก็กลัวจนไม่มีแรงที่จะใช้ท่าได้ เมื่อนางเห็นมีดมุ่งมาเพื่อตัดแขนของนาง นางก็คว้าทหารที่อยู่ข้างหน้านางโดยไม่รู้ตัวเพื่อให้เขามาขัดขวางให้

ทหารถูกฟาดที่ศีรษะและเลือดก็ไหลกลั้วคอไม่หยุด

ทหารคนนั้นหันกลับมาอย่างยากลำบากและมองดูแม่ทัพยี่ด้วยความไม่อยากเชื่อ พวกเขาเคยร่วมมือกันสร้างผลงานที่
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (2)
goodnovel comment avatar
หน่อย ต้นภูบาล
จ่าย 575 บาท ทำไมได้อ่านแค่ 114 บทสั้นๆ
goodnovel comment avatar
จีระนันต์ ภูธนนันทน์
เบื่อโฆษณาถี่เกิน
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 114

    ใบหน้าของยี่ฝางซีดเผือด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน?นางรู้ดีว่าตนเองทำอะไรกับคนคนนั้นในเวลานั้น แม่ทัพตัวน้อยคนนั้นนำคนกว่าร้อยคน และเขาก็ต่อสู้เก่งด้วย พวกเขาเคยต่อสู้ด้วยกันได้ฆ่าคนของนางไปหลายคน จากนั้นก็หนีไป เพื่อตามหาพวกเขา นางสั่งให้สังหารหมู่หลายหมู่บ้านในเมืองลู่เปินเอ่อร์ เพราะนางสงสัยว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านของประชาชนคนใดคนหนึ่งอยู่นางต้องหาเขาเพื่อล้างแค้นให้กับลูกน้องของนางที่เสียชีวิตไปและสร้างอำนาจให้ตัวเอง ยิ่งกว่านั้น การฆ่าทหารสิบนายนั้นสู้กว่าการฆ่าหัวหน้าทหารคนหนึ่งไปไม่ได้นั่นคือความคิดทั้งหมดของนางในเวลานั้น แต่นางไม่คาดคิดว่าหลังจากจับหัวหน้าทหารตัวน้อยคนนั้นแล้ว เขากลับหยิ่งยโสอย่างยิ่ง และกล่าวหาว่านางละเมิดข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศ เพราะได้สังหารหมู่พลเรือนคนๆ นี้สาปแช่งอย่างโหดเหี้ยม โดยบอกว่าการสังหารหมู่นั้นถือว่าสร้างบาปไว้ และสาปแช่งพวกเขาไม่มีลูกหลานอีกเลยเป็นเพราะเขาสาปแช่งอย่างโหดเหี้ยมเกินไปจนทำให้เขาถูกลงโทษ ส่วนการดุด่ว่าจะไม่มีลูกหลานอีก งั้นก็จะให้เขาไม่สามารถมีลูกหลานได้อีก เลยตอนเขาเสียก่อนยิ่งมีลูกน้องของนางถึงกับขี้บนตัวของเขา และยัดขี้ให

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 115

    พวกสายลับในแคว้นซาง พวกเขาได้ทุ่มเทความพยายามมามากแล้ว ต่อมาสายลับก็อยู่ภายใต้การควบคุมของท่านพี่รัชทายาทโดยตรงหลังจากที่ท่านพี่รัชทายาทเกิดเรื่อง พวกสายลับกลับได้สังหารพวกผู้หญิงและเด็กทุกคนในครอบครัวซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของท่านพี่รัชทายาทเท่านั้น แต่ยังทำให้สถานที่ที่รวบรวมข่าวกรองถูกทำลายหมดซ่งฮวยอันเป็นแม่ทัพที่น่าชื่นชม ผู้ชายทุกคนในครอบครัวของเขาเสียชีวิตในสนามรบเขตหนานเจียง ภรรยาและเด็กของพวกเขาแม้แต่คนรับใช้ที่บ้านต่างก็ไม่มีใครรอดชีวิต เรื่องน่าสังเวชเช่นนี้ กลับเป็นฝีมือของชาวซีจิงเนื่องจากเหตุการณ์นี้ ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยเรื่องที่ยี่ฝางสังหารหมู่ด้วย เลยถูกซ่อนมันไว้ยี่ฝางเป็นผู้บงการ แต่สายลับจากเมืองซีจิงก็ทำสิ่งที่ทั้งโหดร้ายและเลือดเย็นเช่นกัน มีเพียงตระกูลซ่งเท่านั้นที่เป็นเหยื่อ ได้ยินมาว่าที่ตระกูลซ่งเหลือซ่งซีซีเพียงคนเดียว คงเป็นแม่ทัพหญิงคนนั้นที่นางกำลังพูดถึงยี่ฝางยังเข้ามาแทนที่ซ่งซีซี กลายเป็นภรรยาของจ้านเป่ยว่างสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองซีจิง แต่เมื่อครอบครัวของซ่งฮวยอันถูกฆ่าตายหมด และซ่งซีซีถูกทอดทิ้ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 116

    ในใจของยี่ฝางตื่นตระหนกอย่างมาก เมื่อลูกพี่ลูกน้องถามจี้นาง นางก็รู้สึกร้อนตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็รีบแก้ต่างว่า "ข้าคิดว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้าเป็นทหารเมืองซีจิง ข้าไม่เห็นว่าเป็นเสี่ยวจูจือเลย"ยี่เทียนหมิงพูดด้วยความโกรธ "เจ้าเล่ห์ ทหารศัตรูจะอยู่เคียงข้างเจ้าได้ยังไง? หาข้อแก้ตัวก็ไม่หายสักข้อที่ให้ดูสมเหตุสมผลหน่อย"ยี่ฝางระเบิดอารมณ์ออกมา "พอได้แล้ว ตอนนี้เราทุกคนต่างก็เป็นนักโทษของศัตรูแล้ว เราได้สังหารหมู่หมู่บ้านในเมืองลู่เปินเอ่อร์แล้ว พวกเขาจะไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ หากมีเวลามาด่าว่าข้าสู้เอาเวลานี้ไปคิดหาทางออกจะดีกว่า"ยี่เทียนหมิงกล่าวว่า"เจ้าเป็นคนออกคำสั่งให้สังหารหมู่หมู่บ้าน เจ้าบอกว่าหัวหน้าทหารคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักพลเรือน เจ้าบอกว่าทหารบางคนปลอมตัวเป็นสามัญชน ดังนั้นเลยสั่งให้ฆ่าให้หมดโดยไม่ต้องปรานี"เมื่อรู้ว่าคนข้างนอกสามารถได้ยินเข้า ยี่ฝางจึงพูดเสียงดัง "ข้าแค่ให้คพวกเจ้าฆ่าคนไม่กี่คนเพื่อบีบบังคับหัวกน้าคนนั้นออกมา ไม่ได้ให้พวกเจ้าฆ่าทั้งหมด"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทหารที่ถูกจับกุมคนอื่นๆ ก็ประณามด้วยความโกรธว่า "เจ้าสั่งให้ฆ่าพวกเขาให้หมด และตัดหูพวกเขาออ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 117

    แต่ไม่นานนัก ความหวังของยี่ฝางก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิงกองไฟถูกจุดไว้ด้านนอก ประตูไม้ถูกแตะออกด้วยกำลัง และร่างสูงร่างหนึ่งก็ค่อยๆ เดินเข้ามาด้วยความรู้สึกถูกกดขี่อย่างรุนแรงแม้จะหันหลังให้กับกองไฟข้างนอกแล้ว ยี่ฝางยังคงมองเห็นโครงร่างของเขาได้ชัดเจนและรู้ว่าเขาเป็นใครซูลันจี ผู้บังคับบัญชาของเมืองซีจิง ซึ่งนางเคยทำสัญญาสันติภาพกับเขาในเมืองลู่เปินเอ่อร์ยี่ฝางตัวสั่นอย่างรุนแรงพลางพิงกำแพง มองดูซูลันจีด้วยความหวาดกลัวเมื่อทำสัญญาสันติภาพที่ชายแดนเฉิงหลิง ชายผู้นี้ดูแข็งแกร่งและเป็นวีรบุรุษ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงการกดดัน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังมีออร่าที่สง่างาม เรื่องการเจรจาสันติภาพและการทำสัญญากับเขาต่างดำเนินการอย่างราบรื่นและรวดเร็วบางข้อ นางเป็นคนเสนอสเอง เขาตอบตกลงโดยไม่ได้คิดอะไรเลย แต่มีเงื่อนไขเพียงเดียวก็คือหลังจากลงนามแล้ว ให้นางปล่อยคนโดยเร็วที่สุดตอนนั้นเขาช่างพูดง่ายจน ง่ายจนนางคิดว่านี่คือผลงานทางทหารที่พระเจ้ามอบให้นางแต่เวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความกระหายเลือด ความเยือกเย็นในดวงตาของเขา นางไม่เคยเห็นมาก่อน พร้อมกับความรู้สึกกดขี่ เหมือนก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 118

    ด้านนอกประตูไม้ มีเสียงร้องครวญครางดังขึ้นไม่หยุด ซึ่งทำให้ยี่ฝางตกใจจนแทบจะเป็นลมนางรู้ว่าพวกเขาได้รับการลงโทษแบบไหนกัน เพราะนางเคยใช้วิธีลงโทษนี้กับหัวหน้าทหาร... ไม่สิ องค์ชายของเมืองซีจิงการถูกตอน ตัดมันทั้งเป็น และดูมันกลิ้งไปบนพื้นเหมือนกับแมลงที่กำลังบิดตัวหากเขายอมส่งเสียงร้องครวญครางแค่เสียงเดียวก็ได้ คงไม่ถูกทรมานเขาต่อไป แต่เขายังกัดฟัน และปฏิเสธที่จะร้อง ดังนั้นทหารทั้งหมดจึงไปปัสสาวะตามบาดแผลและร่างกายของเขา จากนั้นก็ฟันร่างกายของเขาทีละครั้ง มองดูเลือดผสมกับปัสสาวะเมื่อก่อนตอนที่นางคิดถึงฉากนี้ ยี่ฝางก็รู้สึกสะใจแต่ตอนนี้พอนึกถึงฉากนั้น นางรู้แต่หวาดกลัวไปหมดซูลันจีหยิบกริชออกมา นางกรีดร้อ "อย่า อย่าเข้ามา"ซูลันจีโน้วตัวไปตัดเชือกที่อยู่รอบตัวของนาง เมื่อเห็นนางขดตัวกลมด้วยความกลัว ในใจโกรธถึงที่สุดแล้วรัชทายาทกลับถูกสัตว์ร้ายที่ขี้ขลาดอย่างนางทรมานเชือกถูกตัดออก และมือใหญ่ของเขาก็คว้าผมของนางไว้ ก่อนที่ลากนางออกไปความหนาวเย็นและความเจ็บปวดบนหนังศีรษะล้วนเข้ามาปกคลุมนาง นางน้ำตาคลอเบ้า เมื่อถูกลากออกไปนั้น ซูลันจีจับผมนางโดยทิ้งนางออกไปอย่างแรงมันเป็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 119

    และเมื่อนางคิดว่าพวกเขาจะทรมานนางต่อไป นางก็ถูกลากกลับไปที่บ้านไม้ และทุกคนก็ถูกลากกลับไปที่บ้านไม้กองไฟถูกจุดขึ้นในบ้านไม้ เนื่องจากมีลมพัดมาจากทุกทิศทุกทาง ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยที่พวกเขาได้รับมาได้แต่จากไฟถ่านนี้เท่านั้น ดังนั้นทุกคนต่างคลานไปทางไฟถ่านโดยหวังว่าจะขจัดความหนาวเย็นและความเจ็บปวดบนตัวออกกางเกงของยี่ฝางถูกถอดออกหมดแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่ต้นขาของนางทำให้นางไม่สามารถขยับขาได้ เนื่องจากในห้องอบอุ่นขึ้นมาหน่อยแล้ว เลือดจึงยังคงไหลอย่างช้าๆ และมีกองเลือดอยู่ใต้ร่างกายของนางแต่ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเจ็บมาก เลยไม่มีใครมองมาที่นาง มีเพียงเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่มีคนเข้ามา ป้อนยาให้นางชามหนึ่ง ยาที่ผสมกับกลิ่นปัสสาวะทำให้นางเกือบจะอาเจียนออกมาอีกครั้งนางไม่ได้อาเจียนเพราะกลัวว่าจะถูกฉี่อีก นางรู้สึกว่าเมื่อตกอยู่ในกำมือของซูลันจีแล้ว นางไม่มีทางรอดชีวิตได้ หากให้ยาพิษแก่นาง ก็เท่ากับให้นางตาย นางก็จะตายอย่างสบายๆ ก็ไดีหลังจากดื่มยาแล้ว องค์ชายสามคนนั้นก็เข้ามาใช้กำลังต่อยนาง ที่ใบหน้าและร่างกายมีบาดแผลไปทั่ว แต่เขาไม่ได้ใช้มีดมาฟันนาง นอกจากใบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 120

    พวกซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือกำลังนั่งข้างๆ กองไฟเพื่อให้เพิ่มความอุ่นให้ร่างกาย และเม้มริมฝีปากที่แห้งแตก "มีหลักฐานใดที่ว่า นางอยู่ในกองทหารที่ล่าถอยของแคว้นซาหรือ""เปล่า แต่เมื่อสงครามเริ่มขึ้นนั้น นางก็ไล่ตามกลุ่มทหารของเมืองซีจิงไป จากนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย"เสิ่นว่านจือพูดอย่างเย็นชา "ถ้าอย่างนั้นก็ลองค้นหากองศพทั่วเมืองดูสิว่ามีนางหรือเปล่า""นางจะไม่ตาย" แววตาของจ้านเป่ยว่างฉายแววความโกรธ "เจ้าอย่าไปสาปแช่งนาง ต่างก็เป็นสมาชิกของกองทัพเป่ยหมิง เจ้าจะสาปแช่งสหายร่มกองของเจ้าได้อย่างไร"เสิ่นว่านจือพลิกฝ่ามือของนางแล้วพูดออกมาว่า "สงครมจบลงแล้ว ข้าไม่เป็นทหารอีกเลย อย่าพูดว่าข้ากับนางเป็นสหายร่มกองกัน นางไม่มีค่าพอ"จ้านเป่ยว่างโกรธมากจนไม่อยากพูดกับนาง เขามองไปที่ซ่งซีซี ก่อนพูดอย่างจริงจัง "เป็นข้าที่ทำผิดต่อเจ้า มันไม่เกี่ยวอะไรกับยี่ฝาง ถ้าทหารคนอื่นถูกจับ เจ้าจะไปช่วยชีวิตคนคนนั้นหรือไม่?"ซ่งซีซีถามกลับว่า "ถ้าเป็นทหารคนอื่นถูกจับ เจ้าจะปล่อยให้ทหารตั้งสองหมื่นคนเสี่ยงชีวิตเพื่อไล่ล่ากองทัพที่กำลังล่าถอยของศัตรูหรือไม่"จ้านเป่ยว่างพูดไม่ออกในทันที "นี่..."ซ่งซีซีกล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 121

    เมื่อจ้านเป่ยว่างได้ยินเช่นนี้ เขาก็โกรธจัด เขาคว้ามือของนาง แล้วเดินออกไปข้างๆ "ซ่งซีซี เจ้ารู้ว่านางถูกจับแต่ไม่ยอมไปช่วยเหลือนาง เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้ารู้ใช่ไหมว่านางอยู่ที่ไหน"เสิ่นว่านจือเฆี่ยนแส้ออไปเพื่อบังคับให้จ้านเป่ยว่างปล่อยมือของซ่งซีซี จากนั้นเขาก็ถอยออกไปก้าวหนึ่งเสิ่นว่านจือเดินเจ้าไปหาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นชา "หากมีอะไรจะพูด ก็ให้รักษาระยะห่างเอาไว้ด้วย อย่าใกล้ชิดซีซีของเรามากเกินไป"จ้านเป่ยว่างเกลียดชังเสิ่นว่านจือสุดๆ เลย แต่เนื่องจากทักษะการต่อสู้ที่เก่งของนาง และนางไม่ใช่ลูกน้องภายใต้บังตับบัญชาของเขา เลยจัดการได้ยาก เขาจึงต้องอดทนไว้ แล้วถามซ่งซีซีต่อไป "เจ้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหนใช่ไหม?"ซ่งซีซีส่ายหัว "ข้าไม่รู้ นางอาจจะอยู่ในทะเลทราย บนทุ่งหญ้า หรือไม่ก็ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา แต่ไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหน เราจะปล่อยให้กองทัพซวนเจียทั้งหมดไปตามหานางคนเดียวไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป""แล้วเราจะรออะไรที่นี่ รอให้พวกเขาส่งคนกลับมาหรือ?" จ้านเป่ยว่างโกรธมากจนยืนตัวไม่นิ่งอีกเลยดวงตาของซ่งซีซียังคงสงบ "ใช่ รอให้พวกเขาส่งคนกลับมา"จ้านเป่ยว่างมองนางด้วยความประหลาดใจ "เ

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status