Share

บทที่ 1189

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
นอกเหนือจากการเป็นอาจารย์แล้ว เสิ่นว่านจือยังจัดตั้งกลุ่มเล็กๆ ร่วมกับศิษย์พี่ซือโซและคนอื่นๆ เพื่อจับตัวโจรเด็ดบุปผาพวกนั้นโดยเฉพาะ

เมื่อก่อนเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ตามหาตัวพวกเขาให้เจอ ทุบตีให้พวกเขาสารภาพ แล้วส่งไปให้ทางการ สุดท้ายพอไปถึงทางการกลับให้การว่าถูกทุบตีถึงได้ยอมรับสารภาพ

ศิษย์พี่ซือโซแอบติดตามเด็กสาวที่ถูกรังแกอย่างลับๆ แต่พวกนางต่างก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น

คนที่ไม่ยอมรับยังถือว่าดี มีบางคนพอเห็นหน้าพวกนางก็ไล่ตะเพิดออกไป

ดังนั้นเนื่องจากขาดหลักฐาน จึงได้รับการปล่อยตัวในที่สุด

เจตนาฆ่าของเสิ่นว่านจือเกิดขึ้นมากกว่าพันครั้ง ตามหลักการแก้แค้นให้สาสมของยุทธภพ นางสามารถฆ่าคนและเดินจากไปได้เลย

แต่ตอนนี้นางไม่ใช่คนในยุทธภพ ท่านอ๋องเป็นคนของทางการ ซีซีก็ดูแลรับผิดชอบกองทัพซวนเจีย นางไม่อาจเป็นนักโทษฆ่าคนได้

นี่เป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุดที่นางคิดได้ แต่มันก็โง่เขลาและไม่ได้ผลจริงๆ

นางทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์ จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครถูกส่งเข้ามาเลย

ดังนั้น ในดวงตาของนางจึงมีความโศกเศร้าและโกรธขึ้งอยู่เสมอ

ทั้งสองคุยกันสักพัก ซ่งซีซีก็ปลอบนางว่า "ท่
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1190

    ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง นอกจากองครักษ์แล้วก็ไม่ได้ฝึกฝนองครักษ์ลับใดๆ ไว้เลย อย่างมากที่สุดก็มีหลายคนที่ออกไปทำงานข้างนอกให้ มีวรยุทธ์พอใช้ได้ แต่พวกเขาออกไปงานข้างนอก บางครั้งทุกๆ ครึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือนถึงจะกลับมาสักครั้งรองลงมาก็มีสายลับ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อสอดแนมศัตรู ไม่ใช้เพื่อการส่วนตัวง่ายๆไม่มีการฝึกกำลังคนไว้มากนัก ประการแรกนั้นเป็นเพราะก่อนที่เซี่ยหลูโม่จะเดินทางไปเขตหนานเจียงก็ได้สร้างความดีความชอบทางการรบไว้แล้ว ตอนที่อยู่ที่เมืองหลวงได้เป็นผู้นำกองทัพซวนเจีย อดีตฮ่องเต้ก็ไม่อนุญาตให้เขามีทหารประจำจวนมากเกินไป โดยเฉพาะการฝึกฝนองครักษ์ลับนั้นยิ่งเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งประการที่สอง หลังจากไปที่สนามรบในเขตหนานเจียง เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เมื่อกลับสู่ราชสำนักพร้อมชัยชนะ ภายใต้ความระแวงสงสัยของฝ่าบาท ก็ยิ่งไม่มีความคิดในเรื่องนี้ด้วยซ้ำแน่นอนว่าจะมีการตรวจประเมินผล หน่วยองครักษ์ในจวน รวมถึงทหารประจำจวนตามข้อกำหนดของชินอ๋องนั้น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถพาทุกคนหลบหนีได้อย่างปลอดภัยตอนนี้ หากฝ่าบาทให้เขาไปทำธุระอย่างเปิดเผย ก็สามารถระดมพลในกองทัพซวนเจียได้ แต่ตอนนี้ถ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1191

    เซี่ยหรูหลิงไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอยู่พักหนึ่ง มือทั้งสองข้างขดอยู่ในแขนเสื้อ กำแน่น ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ฝ่ามือยังมีเหงื่อออกเขารู้ว่าเขาต้องตัดสินใจเลือกเมื่อเขากลายเป็นผู้คุมของหอต้าหลี่ เขาคิดเรื่องนี้ในใจเป็นพันๆ ครั้ง หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ต่อมาเฉินเส้าชิงเห็นว่าเขาจิตใจไม่สงบ บอกเขาว่าอย่าคิดอะไรเลย แต่ต้องทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดคิดไม่ถึง ว่าจะยังไม่มีคำตอบ ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของเซี่ยหลูโม่ เขาก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นมองดูดวงตาที่มีเสน่ห์ของเขา จิตใจว่างเปล่า พูดขึ้นเกือบจะไม่รู้ตัวว่า "ในหลูโจวมีทหาร แต่ว่ามีเท่าไหร่นั้นข้าก็ไม่รู้”“เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากไหน” เซี่ยหลูโม่ถามหลังจากที่เซี่ยหรูหลิงบอกว่ามีทหารในหลูโจว ก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็สงบใจลง ที่แท้การตัดสินใจเลือกไม่ใช่เรื่องยากเขาพูดอย่างใจเย็นว่า "ในจวนอ๋องที่เยี่ยนโจว ห้องหนังสือมีสองชั้น ข้ามักจะอ่านหนังสือบนชั้นสอง บางครั้งพอไปอ่านก็อยู่อ่านทั้งวัน ได้ยินพวกเขาที่อยู่ข้างล่างคุยกันหลายครั้ง แต่ถึงแม้จะกั้นห่างกันเพียงหนึ่งชั้น แต่ห้องหนังสือก็ใหญ่มาก มีหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1192

    เมื่อเซี่ยหรูหลิงเดินออกจากห้องโถง เชิดหน้ายืดอกอย่างองอาจ แววตาแน่วแน่ พลังใจเปี่ยมล้น ดูไม่หดหู่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดสุดท้ายของเซี่ยหลูโม่ที่พูดกับเขาว่า "เฉินยี่บอกข้าแล้ว ถ้าเจ้าทำงานผู้คุมได้ดี ฝึกฝนไปอีกหนึ่งปีครึ่งปี ข้าจะเสนอเลื่อนขั้นให้เจ้า"ในขณะนั้น ขอบตาของเขาแดงก่ำจริงๆยกเว้นเสด็จแม่ของเขาแล้ว ก็ไม่มีใครเชื่อมั่นในความสามารถของเขา ไม่มีใครยกย่องเขาอย่างแท้จริงเสด็จแม่ชมเชยเขา แต่ว่า คำชมของเสด็จแม่มักจะแฝงมากับการให้กำลังใจ เขาไม่ได้เก่งด้านวรรณกรรมหรือศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เสด็จแม่จะให้กำลังใจเขาว่าเขาทำได้ดีแล้ว ภายหน้าเมื่อเติบโตขึ้นเขาจะประสบความสำเร็จเช่นไรๆนั่นคือการให้กำลังใจ ไม่ใช่การยืนยันตอนนี้ เขาได้รับการยืนยันแล้ว และเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าการยืนยันนั้นเจือปนกับเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร ความรู้สึกในขณะนี้ช่างสวยงามมาก จนเขาไม่อยากเจาะลึกลงไปมากนักถ้าสามารถให้เขาเดินต่อไปบนเส้นทางนี้ เขาก็จะพยายามทุกวิถีทางเขาไม่เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อมาตั้งแต่เด็ก บุตรที่เกิดจากสาวใช้ต้นห้อง ได้รับการเลี้ยงดูจากภรรยา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1193

    ซ่งซีซียังต้องกำชับอีกหลายอย่างเช่นกัน บอกให้เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ กระทำการสิ่งใดต้องระมัดระวัง พบเจอดอกไม้ริมทางที่ไหนก็ให้มองก็พอ อย่าเด็ดกลับมาเด็ดขาดครั้นได้ยินประโยคที่บ่งบอกถึงความหึงหวง เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกยินดีเหมือนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กระโดดขึ้นขี่ม้าแล้วคลี่ยิ้ม ยังแสดงความสุจริตใจอีกว่า "ข้าจะไม่ชายตามองแม้เพียงแวบเดียว"แต่กุ้นเอ๋อร์ก็งุนงงอยู่พักหนึ่งว่า "ฤดูหนาวเช่นนี้ บนท้องถนนจะเจอดอกไม้ริมทางได้อย่างไร? ถึงจะมีดอกไม้ แต่ก็มีแต่ดอกไม้ที่คนปลูกไว้ จะยอมให้คนเด็ดกลับมาได้อย่างไร? ถ้าแค่มองก็ไม่เป็นไรหรอก แล้วทำไมจะไม่มองล่ะ?”ซึ่งคำพูดเหล่านี้ทำให้อาจารย์หยูกับเสิ่นชิงเหอต่างก็หัวเราะเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "เจ้ากุ้นผู้น่าสงสาร รีบหุบปากเถอะ เหมือนนำหัววัวมาต่อกับปากม้าจริงๆ คนอื่นพูดเรื่องหนึ่งแต่เจ้ากลับพูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง"กุ้นเอ๋อร์ลูบคางอย่างใช้ความคิดอยู่นาน จนกระทั่งจางต้าจ้วงบอกว่าออกเดินทางได้ เขาก็ยังไม่เข้าใจสนมฮุ่ยไทเฟยพอเห็นลูกชายขึ้นหลังม้าก็กลับไปทันที ที่หน้าประตูใหญ่อากาศหนาวมาก จนนางสั่นไปทั้งตัว อีกทั้งส่งเขาขึ้นม้าก็พอแล้ว ที่เขาหันกลับมามองบ่อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1194

    ซ่งซีซีช่วยพยุงนางไปนั่งที่เก้าอี้เอนนอน "ขอบคุณแทนศิษย์พี่ห้า แต่ข้าไม่เดาหรอก ท่านบอกว่าท่านเห็นใคร?""วิกเตอร์!" เสิ่นว่านจือตั้งแข็งค้าง อาจเป็นเพราะเมามากเกินไป แต่บางทีอาจจะประหลาดใจเกินไป "ใช่ คือวิกเตอร์ แถมยังไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีวิกเตอร์หลายคน"“มีวิกเตอร์หลายคน หรือมีหลายคนที่เหมือนวิกเตอร์?” ซ่งซีซีจับหน้าผากของนาง “ดื่มไปเยอะเท่าไหร่ ถึงได้เมาขนาดนี้?”“วิกเตอร์...” นางพูดด้วยความงุนงง หัวสมองยังคงทึบตัน “แต่ไม่ได้ดูสูงอายุเท่าวิกเตอร์”"เหมือนวิกเตอร์ใช่ไหม? คนแคว้นซา?" ซ่งซีซีรู้สึกสงสัย แคว้นซากับแคว้นซางยังไม่มีการติดต่อสื่อสารกัน คนจากแคว้นซาจะมาที่แคว้นซางได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาเมืองหลวง หรือแม้แต่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงก็ยิ่งไม่มีเสิ่นว่านจือลิ้นพันกันไปหมด ไม่รู้ว่าดื่มไปมากแค่ไหน "ใช่...ใช่ ชาวแคว้นซา ในเมืองหลวงมีคนแคว้นซาได้อย่างไร? พวกเขา...ซ่อนตัวอยู่ในหอหนานเฟิง ทำไมลูกค้าที่ไปหอหนานเฟิงถึงไม่พูด? ขนาดข้ายังมองเห็นพวกเขา ลูกค้าเหล่านั้นก็ต้องมองเห็นพวกเขาเหมือนกัน”ซ่งซีซีตกใจมากลูกค้าที่ไปหอหนานเฟิงต้องไม่บอกแน่ๆ หากบอกออกไปก็เท่ากับเป็นการป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1195

    ซ่งซีซีไปบอกเรื่องนี้กับอาจารย์หยู อาจารย์หยูก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ถามโดยไม่รู้ตัวว่า "คนแคว้นซาเข้ามาเมืองหลวงและอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ดังนั้นจึต้องตรวจสอบหอหนานเฟิงที่เหลือ จากนั้นตามหาตัวเถ้าแก่ของหอหนานเฟิง หากพวกเขาสามารถรับชาวแคว้นซาให้ทำการค้าในหอหนานเฟิงได้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย"สิ่งที่ต้องทราบให้ชัดเจนคือ พวกเขามาเมื่อใด ใครพาพวกเขามาที่นี่ และอะไรคือจุดประสงค์ของการมาเมืองหลวงซ่งซีซีวางแผนที่จะไปตรวจสอบที่หอหนานเฟิงที่เหลือด้วยตนเอง แน่นอนว่าต้องชวนเสิ่นว่านจือและหวังเยว่จางไปด้วยนางไปที่หอหนานเฟิงเพียงสามในห้าแห่งติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน นับจำนวนคนทั้งหมดได้สิบห้าคนดูจากลมหายใจและการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถมองออกว่าทั้งสิบห้าคนเป็นวรยุทธ์แท้จริงแล้วพวกเขาดูไม่เหมือนคนจากแคว้นซา แต่ดูเหมือนคนจากเขตหนานเจียงที่มีรูปร่างปานกลางมากกว่า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีหากเป็นแสงสลัวก็คงยากที่จะมองออกได้ นอกจากนี้พวกเขายังพูดภาษาแคว้นซางได้ดีมาก การออกเสียงถูกต้องบริบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยถึงความแปลกประหลาดนี้สำหรับเถ้าแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1196

    เสียงกรีดร้องจากหอประชุมดังขึ้นเรื่อยๆ หงเซียวทิ้งท้ายไว้คำหนึ่งแล้วก็รีบวิ่งไปที่หอประชุม "อย่าวิ่งไปไหน หาที่ซ่อนก่อน"ในหอประชุม กั๋วไท่ฮูหยินและเจิ้งฮูหยินหวาดกลัวจนแทบทนไม่ไหว รีบไปปกป้องบรรดาคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหยานหรูอวี้และคุณหนูใหญ่หวู่ถือไม้กระบองไว้ในมือ ทุบตีชายเหล่านั้นด้วยความกลัว ด้วยเกรงว่าพวกเขาจะแตะต้องคุณหนูที่อยู่ข้างหลังอย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของหยานหรูอวี้มีจำกัด นางเห็นชายคนนั้นกำลังจะกอดจูช่างอวี่ แต่จูช่างอวี่กรีดร้อง นางจึงกระแทกไม้กระบองใส่ แต่ชายคนนั้นไม่ได้ล้มลง แต่กลับวิ่งเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้มเมื่อหงเซียวมาถึง หยานหรูอวี้ก็ถูกชายคนนั้นกอดไว้แล้ว แถมยังยื่นปากเข้าไปที่ใบหน้าของหยานหรูอวี้ หยานหรูอวี้พยายามอย่างหนักที่จะผลักเขาออกไป แต่ไม่มีกำลังเท่าผู้ชาย จึงทำได้เพียงข่วนใบหน้าของชายคนนั้นแบบมั่วๆ ยับยั้งไม่ให้เขาใช้ปากแตะโดนใบหน้าของตัวเองเมื่อเห็นแบบนี้ หงเซียวก็โกรธมาก คว้าด้านหลังของชายคนนั้นด้วยมือเดียว แล้วโยนเขาลงกับพื้นอย่างแรง แถมยังกระทืบท้องของเขา ทำให้ชายคนนั้นกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดหงเซียวแย่งไม้กระบองของคุณหนูหวู่ แล้วฟ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1197

    ซ่งซีซีมาถึงในเวลานี้ ตอนที่ยังไม่เข้ามานางก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีบางคนเบียดแน่นอยู่ข้างนอกไม่สามารถเข้ามาได้ แต่ทุกคนได้ยินถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างก็คาดเดาอยู่ข้างนอกหลังจากที่ซ่งซีซีเข้ามาก็กวาดตามองไปรอบๆ ฟังเสียงประท้วงของทุกคน เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีที่นางปรากฏตัว ฮูหยินทุกคนก็รีบเข้ามาหานาง แล้วถามนางว่าจะทำอย่างไรดี แม้จะไม่กล้ามีคำถามกับนาง แต่คำพูดก็แฝงไว้ด้วยความสงสัยและต้องการคำอธิบายเพียงแต่คำพูดและท่าทีไม่ดุดันเหมือนเมื่อครู่ใบหน้าของซ่งซีซีไม่ได้เคร่งเครียด แต่ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่คาดคิดว่าในวันสุดท้ายก่อนจะถึงวันหยุดจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นวันนี้ประตูใหญ่ของสถาบันการศึกษาสตรีจะเปิด เนื่องจากนักเรียนต้องนำสิ่งของติดตัวไปด้วยมากมายในช่วงวันหยุด ล้วนเป็นสมาชิกในครอบครัวขุนนาง ดังนั้นโดยทั่วไปเหล่าคนรับใช้จะมีการควบคุมเข้มงวดมาก ดังนั้นเดิมทีก็ไม่มีอะไรต้องกังวลกลับไม่คาดคิด ว่าคนร้ายฉวยโอกาสนี้ หลังจากที่ประตูเปิดก็บุกเข้ามา ก่อนที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะมาถึงด้วยซ้ำ แบบนี้เมื่อสามารถบุกเข้ามาได้แล้ว ก็ทำให้ทุกคนเห็นว่าพวกคุณหนูเกือบจะถูกลวนลาม ทำให้เกิด

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status