Share

บทที่ 1266

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เซี่ยหลูโม่และจางต้าจ้วงตามกลุ่มส่งอาหารออกไป เนื่องจากคนที่นี่ไม่มีการปิดบังใบหน้า จู่ๆ มีคนสองคนที่ไม่รู้จักเดินเข้ามา พวกเขารู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ได้ถามอะไร

บางที อาจเป็นคนมาใหม่ เมื่อครู่ก็อยู่ข้างหลังตลอด

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในหมู่บ้านต้าสือแล้ว กลุ่มคนของเซี่ยทิงหลานนั้นไม่เป็นระเบียบจริงๆ

อูโซเว่ยกับซ่งซีซีก็กลับไปตามทางที่เข้ามา โดยรักษาระยะห่างไว้ เซี่ยหลูโม่รู้ส่าข้างหน้ามีคน แต่ถึงฝันละเมอก็ไม่กล้าคิดว่าคนเหล่านั้นจะเป็นซ่งซีซีและอาจารย์

เขาคิดว่าคนที่นำกลุ่มเป็นหัวหน้า มีหน้าที่ตรวจตรา เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาแอบขโมยเสบียงอาหาร เพราะคนเหล่านี้ดูเหมือนคนที่มาทำงานหนักชั่วคราว

ซ่งซีซีมองย้อนกลับไปหลายครั้ง แต่นางไม่เห็นเซี่ยหลูโม่ เพราะมีคนมากเกินไป เห็นแต่หัวดำๆ เต็มไปหมด และระยะห่างระหว่างพวกเขาค่อนข้างไกล

นางหันกลับไปมองตลอด เพราะได้ยินเพียงเสียงของจางต้าจ้วง ไม่ใช่เสียงของเขา

เสิ่นว่านจือกระซิบข้างหูของนาง “วางใจเถอะ ตอนนั้นที่เกิดความวุ่นวาย มีคนสองคนแอบเข้ามาในกลุ่มของเรา แม้ว่าจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่พวกเขาก็น่าจะเป็นท่านอ๋องกับจางต้าจ้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1267

    ในหมู่บ้านถูกคนของพวกเขายึดครองหมดแล้ว ต้องการน้ำอุ่นก็มีน้ำอุ่น ต้องการเสื้อผ้าก็มีเสื้อผ้า แต่เสื้อผ้าเหล่านี้ค่อนข้างสั้น อูโซเว่ยไม่ยอมให้เขาดูไม่ดี สั่งให้คนไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่มา เลือกขนาดที่พอดีกับตัวเขาเซี่ยหลูโม่แช่ตัวในอ่าง ส่วนซ่งซีซีช่วยเช็ดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายและสระผมที่ยุ่งเหยิงของเขาเซี่ยทิงหลานเป็นคนที่รู้จักเพลิดเพลินกับความสำราญ น้ำยาสระผมกลิ่นหอมที่เขาใช้สระผมนั้นดีเป็นพิเศษ หลังจากขัดและสระผมสักพักหนึ่ง ผมของเขาก็นุ่มขึ้นเพียงว่ามันสกปรกเกินไป เขาจึงต้องเปลี่ยนน้ำสามครั้ง ถึงอาบสะอาด ซ่งซีซีค่อยๆ ช่วยเขาโกนเครา เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาดังเดิมในทางกลับกัน เซี่ยหลูโม่รู้สึกใจสลายเมื่อมองดูใบหน้าที่ซูบเซียวของนาง หลายวันมานี้นางกลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้ารู้แต่แรกก็คงจะส่งจดหมายหานางสักฉบับ นางจะได้ไม่เป็นห่วงขนาดนี้ยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ากลับมา จำต้องสวมเสื้อผ้าของเซี่ยทิงหลานก่อน มันสั้นเกินไปนิดหน่อย เมื่อสวมถุงเท้าจึงดูเรียบร้อยขึ้นสองสามีภรรยากอดกันแน่น น้ำเสียงของเขาก็แหบห้าว “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะมา ไม่คิดว่าศิษย์พี่เสิ่นจะคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1268

    ในหลูโจวมีร้านแห่งหนึ่งชื่อตึกหย่งเล่อ ตั้งตระหง่านริมแม่น้ำหลูโจว ผู้ที่มาใช้จ่ายที่ถนนหย่งเล่อล้วนมีแต่คนร่ำรวยหรือไม่ก็ผุ้สูงศักดิ์แต่มุมซ้ายของถนนหย่งเล่อ หันหน้าไปทางท่าเรือ มีสถานที่ว่างๆ รกๆ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งแผงขายของทุกวันมีทั้งคนขายข้าว คนขายขนมงา และคนขายเกี๊ยว ของที่นี่ถูกและดี ที่มาหาอาหารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดาและคนงานรับจ้างที่ท่าเรือด้านนอกแต่ละแผงมีโต๊ะเตี้ยๆ ตั้งอยู่ไม่กี่ตัว และมีม้านั่งเล็กๆ หลายตัวไว้ให้ผู้มารับประทานอาหารสามารถนั่งกินอาหารได้ที่นี่พลุกพล่านมาก ผู้คนพูดถึงทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องกิจการบ้านเมือง สำหรับคนธรรมดา สิ่งนั้นอยู่ไกลเกินไปในหมู่พวกเขามีสองคนนั่งอยู่หน้าแผงขายเกี๊ยว เสื้อผ้าของพวกเขาค่อนข้างเรียบง่ายและธรรมดา หนึ่งในนั้นสวมเสื้อบุผ้าฝ้ายสีเทาและหมวกสีขาวชายอีกคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบปี สวมเสื้อผ้าผ้าหยาบสีเขียว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หนาวเย็น เสื้อผ้าของเขาดูค่อนข้างบางเล็กน้อย แต่หลังจากกินเกี๊ยวไปหนึ่งชาม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขาหลังจากกินอาหารเสร็จวางชามลง ชายในเสื้อบุผ้าฝ้ายสีเทาก็พูดว่า “แบบนี้ ไม่สน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1269

    การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถูกประกาศว่าเป็นการปราบปรามโจรก่อนมีการเคลื่อนไหว พวกเขานั่งคุยกันหารือกัน การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เป็นอันตราย ภารกิจก็ไม่ยาก อย่างไรก็ตามสามารถมั่นใจได้ว่าคนจากหมู่บ้านต้าสือในหลูโจว ไม่ใช่อดีตทหารส่วนตัวของอำเภอหยงดังนั้น คนของอ๋องเยี่ยนย้ายไปอยู่ที่ไหน?เซียหรูหลิงกล่าวก่อนหน้านี้ว่ามีฐานที่มั่นแบบเดียวกันนี้ในหลายอำเภอหลายเมือง เขาคิดว่า มันน่าจะใหญ่เท่ากับหมู่บ้านต้าสือหลายพันคน จะบอกว่ามากก็ไม่มาก จะบอกว่าน้อยก็ไม่น้อยในสถานที่ที่ไม่มีกองทหารรักษาการณ์ อาศัยเพียงทางการท้องถิ่นเพียงลำพังไม่สามารถทำลายล้างคนห้าพันคนได้ ในทางกลับกัน กลับเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกตอบโต้และเข้ายึดครองถ้าหลายแห่งเกิดเรื่องขึ้นพร้อมกัน จะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประชาชน เมื่อกองทัพมาถึง ก็ไม่รู้ว่าถูกยึดครองไปกี่แห่งแล้วดังนั้นการทำลายล้างทหารส่วนตัวของหลูโจวในครั้งนี้จึงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาใหญ่จะตามมาทีหลังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสงครามในเขตหนานเจียง อ๋องเยี่ยนยังคงขยายอำนาจตลอด ราชสำนักยังไม่ได้เตรียมการป้องกันเขาเลย แม้ว่าเขาจะถูกควบคุมได้หลังจากชัยช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1270

    ปฏิบัติการฉับพลัน คนกลุ่มหนึ่งตรงไปที่ถนนทางทิศเหนือของหมู่บ้านต้าสือ ซึ่งเป็นทางเข้าไปในหมู่บ้านแต่แน่นอนว่าก่อนที่กลุ่มนี้จะเคลื่อนไหว กลุ่มอื่นๆ ได้เข้าสู่ภูเขาแล้ว โดยโจมตีจากด้านหน้า ซ้ายและขวา ซึ่งได้วางแผนล้อมจับพวกเขาไว้ทุกด้านแล้วอย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อสู้เนื่องจากพท้นที่กว้างขวาง ศัตรูคุ้นเคยกับภูมิประเทศที่เป็นภูเขามากกว่า โชคดีที่อูโซเว่ยพาคนล่วงหน้ามาปิดกั้นทางเข้าเส้นทางลับในหมู่บ้านต้าสือ บังคับให้พวกเขาต่อสู้ต่อไปจางต้าจ้วงยังแวะช่วยสองคนก่อนหน้านี้ที่ถูกจับมัดด้วย ให้เขาช่วยตามหาคนเหล่านั้น และเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาออกจากหมู่บ้านต้าสือโดยไม่มีอาวุธทั้งสองคนนั้นในที่สุดก็ได้รับการช่วยเหลือ พวกเขาทั้งหนาวทั้งหิว เมื่อรู้ว่ามีการต่อสู้กันข้างนอก พวกเขาจึงรีบลนลานไปพบคนที่อาศัยอยู่บนภูเขา พาพวกเขาอพยพออกไปแต่พวกที่ทำงานหนักเหล่านี้เป็นคนจำนวนน้อยเสมอ จริงๆ แล้วที่นี่มีทหารส่วนตัวถึงห้าพันคน ดังนั้นการต่อสู้จึงค่อนข้างยากไม่กี่ชั่วยามต่อมา กลุ่มที่สองได้ยึดครองหมู่บ้านต้าสือ ตัดเสบียงอาหาร บังคับพวกเขาขึ้นภูเขา ตราบใดที่ยึดอาหารได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1271

    เมื่อข่าวไปถึงเยี่ยนโจว ทุกอย่างในจวนอ๋องเยี่ยนก็ล้มระเนระนาดอ๋องเยี่ยนโกรธมาก ทุบทุกอย่างจนในบ้านเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องแตก “พวกสวะ ทหารส่วนตัวห้าพันคนถูกฆ่าตายในคราวเดียว แต่ไม่มีใครมารายงาน เซี่ยทิงหลานไปทำบ้าอะไร? คนมากมายไปถึงหลูโจว เขากลับไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ เลย แถมไม่ได้ส่งใครมารายงานข่าวด้วยซ้ำ”ใบหน้าของเขาดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวมาก แม้แต่อ๋องฮวยก็ยังยืนเฉยๆ ไม่กล้าพูดอะไรเหตุการณ์นี้ ทำให้พวกเขาไม่ทันระวังจริงๆความสนใจของพวกเขา อยู่ที่ทหารส่วนตัวที่ย้ายมาจากอำเภอหยงเท่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดปัญหาในหลูโจวหมู่บ้านต้าสือในหลูโจว ถูกซ่อนไว้อย่างดี จะถูกค้นพบได้อย่างไร?หลูโจวไม่ควรอยู่ในสายตาพวกเขาตั้งแต่แรกสิที่นั่นภูมิประเทศดีมาก นอกจากมีอุโมงค์อยู่หนาแน่นแล้ว ยังมีหมู่บ้านต้าสือ ที่มีภูเขาสามด้านโอบล้อม เขาคิดว่าถ้าล้มเหลวก็ถอยกลับไปที่หมู่บ้านต้าสือ สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้หลายปี จากนั้นค่อยสำรวจอุโมงค์ลับภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ป้องกันง่าย แต่โจมตียาก แต่กลับถูกเลือกจัดการก่อนเช่นนี้อู๋เซียงดูเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง โกรธไปก็เปล่าประโยชน์ ตัดสินใจตั้งแต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1272

    ในห้องหนังสือของจวนอ๋องเยี่ยน แสงไฟไม่ดับลงเลยตลอดทั้งคืนอ๋องเยี่ยนได้เรียกเหล่ากุนซือมาร่วมประชุมหารือกัน เขาหวังว่าจะมีใครสักคนเห็นด้วยกับเขาเพราะเขาเชื่อจริง ๆ ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม การเคลื่อนไหวใด ๆ จะมีแต่พาไปสู่ความตายเท่านั้นตราบใดที่สังหารเซี่ยทิงหลานได้ ก็จะไม่มีพยานหลักฐานที่จะกล่าวหาเขาในข้อหากบฏได้ทว่ากุนซือทั้งหมด รวมถึงขุนนางในเยี่ยนโจวที่ร่วมแผนการณ์กับเขา ต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะสังหาร เซี่ยทิงหลาน กองกำลังห้าพันที่ถูกกำราบจนพ่ายแพ้ และคุมตัวเซี่ยทิงหลานกลับเมืองหลวงนั้น จะสังหารพวกเขาได้อย่างไร? แทนที่จะเทกำลังทั้งหมดไปสังหารเซี่ยทิงหลาน พวกเขาควรลุกขึ้นก่อการโดยตรงจะดีกว่า เฮ้อซวงจื้อ…ผู้ว่าการเยี่ยนโจวกล่าว “ท่านอ๋อง หากพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป บัดนี้การเลี้ยงกองทัพก็สิ้นเปลืองทรัพย์สินไปมากมาย อีกทั้งไม่มีเงินจากเมืองหลวงมาสนับสนุน หากยังถ่วงเวลาไปอีก เกรงว่าคงจะไม่อาจคงอยู่ได้ และจิตใจผู้คนก็จะระส่ำระสายไปด้วย” เฮ้อซวงจื้อเคยเป็นอดีตรองเสนาบดีกรมคลัง แต่เพราะทำความผิดเล็กน้อยจนถูกจักรพรรดิองค์ก่อนเนรเทศไปยังเฉีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1273

    เช้าวันต่อมา คนในจวนอ๋องเยี่ยนดูหนาแน่นขึ้น มีทั้งเหล่าขุนนางจากตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งเมืองเจียงหนานเข้ามาร่วมด้วย ตามหลักแล้ว ตระกูลขุนนางเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ไม่ปรารถนาให้เกิดความวุ่นวาย เพราะในยามบ้านเมืองสงบสุขเท่านั้นที่พวกเขาจะได้เสวยสุขอย่างมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม ตระกูลขุนนางที่ผ่านไปหลายทศวรรษย่อมรู้สึกกังวล เมื่อยศฐาบรรดาศักดิ์จาก ‘กง’ ลดลงเป็น ‘ป๋อ’ หรือแม้แต่กำลังจะหมดสิทธิ์สืบทอดบรรดาศักดิ์ ความกังวลนั้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ เพราะอย่างไรพวกเขาก็เคยรุ่งโรจน์มาก่อนแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกตระกูลจะเข้าร่วมกับอ๋องเยี่ยน ยังมีบางคนที่หวังจะอยู่สงบสุขในมุมเล็ก ๆ ของตนเอง คนเหล่านี้อาจรู้ถึงแผนการของอ๋องเยี่ยน แต่ด้วยวิถีการดำรงชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการไม่สร้างศัตรู จึงเลือกทำเหมือนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากวันนี้ผู้คนยังมารวมตัวกันไม่ครบ อ๋องเยี่ยนจึงเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีกครั้ง กล่าวว่ารอให้ทุกคนมาพร้อมหน้าก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้คำพูดของอู๋เซี่ยงที่ว่าเขากำลังลังเลใจระหว่างการลุกขึ้นก่อกบฏกับการยอมจำนนดูมีน้ำหนักขึ้นทางด้านหลูโจว เซี่ยหลูโม่ได้ส่งม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1274

    เซี่ยหลูโม่ตั้งใจจะบอกว่ามีคนอยู่เบื้องหลังอ๋องเยี่ยน แต่คิดว่าหากพูดไปอาจทำให้มู่ฉงกุยเดาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ จึงกล่าวว่า “ตอนนั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัด หากลงมือสังหารโดยไม่มีเหตุผล ฮ่องเต้ย่อมถูกตราหน้าว่าเป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยม ฆ่าพระปิตุลาโดยไร้เหตุผล ซึ่งจะกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้พวกเขาก่อกบฏได้ง่ายขึ้น อีกอย่าง การก่อกบฏไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงคนเดียวจะทำได้ ต้องมีผู้สนับสนุน ยิ่งอ๋องเยี่ยนขยายอิทธิพลได้ขนาดนี้ หากมีคนชูธงนำกบฏขึ้นมา ย่อมเกิดความวุ่นวายเป็นวงกว้าง ส่วนเรื่องที่ปล่อยให้เขากลับเยี่ยนโจวก็เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเชื่อมโยงกับคนที่เคยเกี่ยวข้องกับเซี่ยอวิ้นในอดีตอีก”มู่ฉงกุยฟังแล้วพยักหน้ารับ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”“หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกเขาจะหาข้ออ้างในท้องถิ่นเพื่อเริ่มก่อความวุ่นวาย เมื่อบ้านเมืองเกิดโกลาหล พวกเขาจะรวบรวมกำลังทหารขึ้นมาอ้างว่าปราบกบฏ ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่สงครามในท้ายที่สุด ดังนั้นแม่ทัพมู่ต้องระวังตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตเจียงหนานเป็นแหล่งข้าวและศูนย์กลางการค้าของแคว้น หากพื้นที่นี้เสียหาย จะส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพของบ้านเมืองได้” เซี่ยหลูโม่

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status