Share

บทที่ 1271

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อข่าวไปถึงเยี่ยนโจว ทุกอย่างในจวนอ๋องเยี่ยนก็ล้มระเนระนาด

อ๋องเยี่ยนโกรธมาก ทุบทุกอย่างจนในบ้านเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องแตก “พวกสวะ ทหารส่วนตัวห้าพันคนถูกฆ่าตายในคราวเดียว แต่ไม่มีใครมารายงาน เซี่ยทิงหลานไปทำบ้าอะไร? คนมากมายไปถึงหลูโจว เขากลับไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ เลย แถมไม่ได้ส่งใครมารายงานข่าวด้วยซ้ำ”

ใบหน้าของเขาดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวมาก แม้แต่อ๋องฮวยก็ยังยืนเฉยๆ ไม่กล้าพูดอะไร

เหตุการณ์นี้ ทำให้พวกเขาไม่ทันระวังจริงๆ

ความสนใจของพวกเขา อยู่ที่ทหารส่วนตัวที่ย้ายมาจากอำเภอหยงเท่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดปัญหาในหลูโจว

หมู่บ้านต้าสือในหลูโจว ถูกซ่อนไว้อย่างดี จะถูกค้นพบได้อย่างไร?

หลูโจวไม่ควรอยู่ในสายตาพวกเขาตั้งแต่แรกสิ

ที่นั่นภูมิประเทศดีมาก นอกจากมีอุโมงค์อยู่หนาแน่นแล้ว ยังมีหมู่บ้านต้าสือ ที่มีภูเขาสามด้านโอบล้อม เขาคิดว่าถ้าล้มเหลวก็ถอยกลับไปที่หมู่บ้านต้าสือ สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้หลายปี จากนั้นค่อยสำรวจอุโมงค์ลับ

ภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ป้องกันง่าย แต่โจมตียาก แต่กลับถูกเลือกจัดการก่อนเช่นนี้

อู๋เซียงดูเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง โกรธไปก็เปล่าประโยชน์ ตัดสินใจตั้งแต
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Pimpan Ruangtanatip
เคยดูโฆษณาเพื่อปลดล็อค ตอนนี้ทำไมไม่มีให้ดู
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1272

    ในห้องหนังสือของจวนอ๋องเยี่ยน แสงไฟไม่ดับลงเลยตลอดทั้งคืนอ๋องเยี่ยนได้เรียกเหล่ากุนซือมาร่วมประชุมหารือกัน เขาหวังว่าจะมีใครสักคนเห็นด้วยกับเขาเพราะเขาเชื่อจริง ๆ ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม การเคลื่อนไหวใด ๆ จะมีแต่พาไปสู่ความตายเท่านั้นตราบใดที่สังหารเซี่ยทิงหลานได้ ก็จะไม่มีพยานหลักฐานที่จะกล่าวหาเขาในข้อหากบฏได้ทว่ากุนซือทั้งหมด รวมถึงขุนนางในเยี่ยนโจวที่ร่วมแผนการณ์กับเขา ต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะสังหาร เซี่ยทิงหลาน กองกำลังห้าพันที่ถูกกำราบจนพ่ายแพ้ และคุมตัวเซี่ยทิงหลานกลับเมืองหลวงนั้น จะสังหารพวกเขาได้อย่างไร? แทนที่จะเทกำลังทั้งหมดไปสังหารเซี่ยทิงหลาน พวกเขาควรลุกขึ้นก่อการโดยตรงจะดีกว่า เฮ้อซวงจื้อ…ผู้ว่าการเยี่ยนโจวกล่าว “ท่านอ๋อง หากพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป บัดนี้การเลี้ยงกองทัพก็สิ้นเปลืองทรัพย์สินไปมากมาย อีกทั้งไม่มีเงินจากเมืองหลวงมาสนับสนุน หากยังถ่วงเวลาไปอีก เกรงว่าคงจะไม่อาจคงอยู่ได้ และจิตใจผู้คนก็จะระส่ำระสายไปด้วย” เฮ้อซวงจื้อเคยเป็นอดีตรองเสนาบดีกรมคลัง แต่เพราะทำความผิดเล็กน้อยจนถูกจักรพรรดิองค์ก่อนเนรเทศไปยังเฉีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1273

    เช้าวันต่อมา คนในจวนอ๋องเยี่ยนดูหนาแน่นขึ้น มีทั้งเหล่าขุนนางจากตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งเมืองเจียงหนานเข้ามาร่วมด้วย ตามหลักแล้ว ตระกูลขุนนางเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ไม่ปรารถนาให้เกิดความวุ่นวาย เพราะในยามบ้านเมืองสงบสุขเท่านั้นที่พวกเขาจะได้เสวยสุขอย่างมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม ตระกูลขุนนางที่ผ่านไปหลายทศวรรษย่อมรู้สึกกังวล เมื่อยศฐาบรรดาศักดิ์จาก ‘กง’ ลดลงเป็น ‘ป๋อ’ หรือแม้แต่กำลังจะหมดสิทธิ์สืบทอดบรรดาศักดิ์ ความกังวลนั้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ เพราะอย่างไรพวกเขาก็เคยรุ่งโรจน์มาก่อนแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกตระกูลจะเข้าร่วมกับอ๋องเยี่ยน ยังมีบางคนที่หวังจะอยู่สงบสุขในมุมเล็ก ๆ ของตนเอง คนเหล่านี้อาจรู้ถึงแผนการของอ๋องเยี่ยน แต่ด้วยวิถีการดำรงชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการไม่สร้างศัตรู จึงเลือกทำเหมือนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากวันนี้ผู้คนยังมารวมตัวกันไม่ครบ อ๋องเยี่ยนจึงเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีกครั้ง กล่าวว่ารอให้ทุกคนมาพร้อมหน้าก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้คำพูดของอู๋เซี่ยงที่ว่าเขากำลังลังเลใจระหว่างการลุกขึ้นก่อกบฏกับการยอมจำนนดูมีน้ำหนักขึ้นทางด้านหลูโจว เซี่ยหลูโม่ได้ส่งม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1274

    เซี่ยหลูโม่ตั้งใจจะบอกว่ามีคนอยู่เบื้องหลังอ๋องเยี่ยน แต่คิดว่าหากพูดไปอาจทำให้มู่ฉงกุยเดาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ จึงกล่าวว่า “ตอนนั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัด หากลงมือสังหารโดยไม่มีเหตุผล ฮ่องเต้ย่อมถูกตราหน้าว่าเป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยม ฆ่าพระปิตุลาโดยไร้เหตุผล ซึ่งจะกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้พวกเขาก่อกบฏได้ง่ายขึ้น อีกอย่าง การก่อกบฏไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงคนเดียวจะทำได้ ต้องมีผู้สนับสนุน ยิ่งอ๋องเยี่ยนขยายอิทธิพลได้ขนาดนี้ หากมีคนชูธงนำกบฏขึ้นมา ย่อมเกิดความวุ่นวายเป็นวงกว้าง ส่วนเรื่องที่ปล่อยให้เขากลับเยี่ยนโจวก็เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเชื่อมโยงกับคนที่เคยเกี่ยวข้องกับเซี่ยอวิ้นในอดีตอีก”มู่ฉงกุยฟังแล้วพยักหน้ารับ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”“หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกเขาจะหาข้ออ้างในท้องถิ่นเพื่อเริ่มก่อความวุ่นวาย เมื่อบ้านเมืองเกิดโกลาหล พวกเขาจะรวบรวมกำลังทหารขึ้นมาอ้างว่าปราบกบฏ ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่สงครามในท้ายที่สุด ดังนั้นแม่ทัพมู่ต้องระวังตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตเจียงหนานเป็นแหล่งข้าวและศูนย์กลางการค้าของแคว้น หากพื้นที่นี้เสียหาย จะส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพของบ้านเมืองได้” เซี่ยหลูโม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1275

    ฮูหยินเสิ่น ก็คือกู้ชิงหวู่ในวันนั้น หลังจากที่นางอยู่ไฟเสร็จแล้ว ทั้งร่างดูเปล่งปลั่งสดใส ไร้ร่องรอยความอวบอ้วน ร่างบางยังคงงามสง่าดุจดรุณี ที่นี่ลมทรายแห่งหนใต้พัดแรง ฤดูหนาวเมื่อปีก่อนก็เย็นเยือกเป็นพิเศษ แต่นางกลับดูอิ่มเอิบจนผิวพรรณขาวนวลราวหยก งดงามล้ำเกินบรรยาย ในจวนแห่งนี้ ของดีใด ๆ ล้วนมุ่งตรงให้นางทั้งสิ้น ทั้งนมอูฐตุ๋นรังนกทุกวัน อาบน้ำนมแพะเป็นกิจวัตร ตั้งแต่ไม่มีเงินจากเมืองหลวงส่งมา นางก็ไม่เคยประหยัดเรื่องพวกนี้เลยร่างที่บำรุงเช่นนี้ อย่างน้อยในสายตาของหวังเบียว ก็ถือว่านางช่างสูงค่าล้ำเลิศ มือเล็กนุ่มนิ่มราวไร้กระดูกของนางที่เขาได้สัมผัส ทำให้หัวใจของเขาหลอมละลาย เขาเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะชีวิตนี้เคยผ่านหญิงงามมามาก ไม่ว่าจะงามล้ำลือชื่อ หรืออ่อนหวานสุภาพ แต่กลับเป็นชิงหวู่ ผู้มีเสน่ห์ตามธรรมชาติที่ตราตรึงใจเขาอย่างลึกล้ำ แม้ฝางเทียนสวีจะเตือนว่าให้อยู่ห่างนางไว้แต่หวังเบียวได้ยินแล้ว กลับไม่ใส่ใจคำพูดพวกนั้น แถมยังจะก่นด่าคนอีก เพราะกู้ชิงหวู่เคยบอกเล่าเรื่องราวของตนให้เขาฟังแล้ว นางเล่าว่าแรกเริ่มเดิมที เพียงแค่ต้องการเอาชีวิตรอด ไม่ได้คิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1276

    เมื่อได้ยินเขาตอบตกลง กู้ชิงหวู่จึงหยุดร้องไห้ แต่ปลายนิ้วยังคงกำเสื้อของเขาไว้แน่นและซบในอ้อมกอดของเขา บนใบหน้าของนางยังคงมีคราบน้ำตา แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและความเกลียดชัง นางเกลียดชายแก่คนนี้อย่างที่สุด และยังเกลียดทุกคนที่เคยใช้ประโยชน์จากความงามและร่างกายของนาง นางไม่อยากเป็นเพียงหมากในกระดานอีกต่อไป นางเหนื่อยล้ากับบทบาทนี้แล้ว และไม่เคยได้รับความจริงใจจากผู้ใดเลยแต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น หากต้องสมรสกับชายธรรมดา นางคงทนลำบากไม่ได้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะถูกใช้ประโยชน์ แต่ชีวิตก็ยังคงสุขสบาย เมื่อนางออกจากเมืองหลวงและระเหระหนอยู่ไม่กี่วัน นางก็เข้าใจว่านางไม่อาจแยกจากความมั่งคั่งได้ ดังนั้น เมื่อคนคนนั้นมาหานาง นางจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล เพราะในเวลานั้นมันคือทางออกเดียวของนาง ด้วยชาติกำเนิดของนาง นางไม่มีทางถูกแต่งงานเข้าเป็นภรรยาหลวงในตระกูลใหญ่โต แม้แต่เหลียงเส้าปากบอกว่าจะรักนางเพียงคนเดียวตลอดชีวิต แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทำให้นางมีสถานะที่มั่นคงได้ นางยังคงเป็นเพียงภรรยาน้อยคนหนึ่งอยู่ดีเมื่อนึกถึงเขาในตอนนี้ นางก็รู้สึกขยะแขยง สำหรับหวังเบียว เขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1277

    เมื่อจ้านเป่ยว่างเดินทางมาถึงชายแดนเฉิงหลิง เขาได้นำของขวัญสำหรับวันคล้ายวันเกิดไปส่งที่จวนแม่ทัพใหญ่เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกดุด่าหรือถูกตำหนิ ทว่า...ทางฝั่งตระกูลเซียวกลับเพียงส่งคนออกมารับของขวัญ และจัดแจงให้พวกเขาพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนสองสามวัน แล้วค่อยออกเดินทางกลับเขตหนานเจียง ไม่มีใครออกมาด่าว่าเขา หรือแม้แต่ทำร้ายเขา เขายืนอึ้งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลากร่างที่อ่อนล้าของตนเองเดินออกมา“จวนผู้บัญชาการที่นี่ เทียบกับจวนผู้บัญชาของเราในเขตหนานเจียงไม่ได้เลย! ใหญ่โตหรูหราก็จริง แต่เรียบง่ายจนเกินไป ของตกแต่งที่พอจะดูดีสักชิ้นก็ไม่มี”หลังออกจากจวนผู้บัญชาการ หยางกวน…พลทหารที่เดินทางมาด้วยกันกล่าวขึ้นจ้านเป่ยว่างตอบกลับเพียงว่า “อย่าเอาผู้บัญชาการหวังมาเทียบกับแม่ทัพใหญ่เซียว”ในใจกลับคิดเงียบ ๆ ว่า...เขาไม่คู่ควร หยางกวนคิดว่าเขากำลังปกป้องผู้บัญชาการหวัง จึงรีบหุบปากทันที พวกเขาทั้งสี่คนถูกจัดให้อยู่ในค่ายพักแรมรวมกันในที่พักขนาดใหญ่ แน่นอนว่าหากพวกเขาต้องการกลับเขตหนานเจียงก่อนกำหนด ก็สามารถทำได้แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยว่าไม่สามารถกลับไปยังเขตหนานเจียงได้อีกแล้ว เพราะต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1278

    แม้จักรพรรดิ์ซูชิงจะทรงทราบดีว่า เซี่ยหลูโม่เดินทางมาอย่างยากลำบาก แต่ก็ยังทรงเรียกเขาไว้ พร้อมกับเรียกเสนาบดีกรมยุทธศาสตร์ อธิบดีกรมทหาร และเจ้าสิบเอ็ดฝางเข้าวังมาร่วมประชุม จำเป็นต้องประเมินสถานการณ์หลายด้านและคาดการณ์ผลลัพธ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งจัดวางกองกำลังตามสภาพที่มีอยู่ สิ่งที่พระองค์ทรงกังวลที่สุดยังคงเป็นเขตหนานเจียง แต่เมื่อเซี่ยหลูโม่กล่าวถึงซูลันซือแห่งซีจิง พระพักตร์ของฮ่องเต้ก็เปลี่ยนไปทันที “ไม่มีทางที่บุคคลนี้จะมีความสามารถมากถึงขนาดร่วมมือกับแคว้นซาและซีจิงได้พร้อมกันแน่” พระองค์ตรัสพร้อมแสดงความไม่สบายพระทัยอย่างชัดเจน ราชวงศ์ซางนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจพูดคุยกับซีจิงได้อย่างเต็มปากเต็มคำ การเจรจายังไม่สิ้นสุด และยังติดค้างคำตอบที่ชัดเจนแก่ซีจิง แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องนี้ สิ่งที่ทำให้พระองค์กังวลยิ่งกว่าคือ คนผู้นี้มีความสามารถถึงเพียงนี้ แสดงว่าเขาต้องซุ่มวางแผนมานานเพียงใดกัน? หลี่เต๋อฮวย…เสนาบดีกรมยุทธศาสตร์จ้องมองแผนที่หลายรอบ ภูมิประเทศเหล่านี้เขาคุ้นเคยดีแต่หากว่ามีกองกำลังลับหรือโจรซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว การกวาดล้างคงไม่ง่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1279

    ยามเที่ยงของวันถัดมา ทั้งสองคนเพิ่งตื่นขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่งดวงตาสบกัน เซี่ยหลูโม่แววตาเข้มขึ้นทันที รู้สึกว่าการหลับไปเมื่อคืนทำให้พละกำลังกลับคืนมาทั้งหมด เขาดึงนางเข้ามากอดแนบชิด กระซิบข้างหูด้วยริมฝีปากที่แตะไปมา ซ่งซีซีรีบผลักเขาออก “ลุกขึ้นได้แล้ว!” เป่าจูที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงเคลื่อนไหว กลัวว่าทั้งสองจะรั้งกันต่อไป รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านอ๋อง พระชายา พระสนมไท่เฟยให้คนมาแจ้งสามรอบแล้วเจ้าค่ะ” เซี่ยหลูโม่ถอนมือออกจากที่เดิม ดวงตายังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความดื้อรั้นและอวดดี “ตอนนี้ฟังเจ้า คืนนี้เจ้าต้องฟังข้า” เมื่อคืน เซี่ยหลูโม่กลับมาดึกเกินไป จึงไม่ได้ไปคำนับพระสนมไท่เฟยปกติพระสนมไท่เฟยจะไม่ใส่ใจว่าเขาไปที่ไหน แม้กระทั่งออกศึกนางก็ไม่กังวลมากนัก ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ว่าศึกสงครามอันตรายเพียงใด แต่ฮองเฮามักทำให้นางเชื่อมั่นว่าบุตรชายของตนนั้นไร้ผู้เทียบทานแต่ครั้งนี้ จวนออกกองกันเกือบครึ่ง ทุกคนในจวนต่างเต็มไปด้วยความตึงเครียด จนนางพลอยวิตกไปด้วย เมื่อคืนซ่งซีซีกลับมาแล้ว แต่เขากลับยังไม่มา แม้จะบอกว่าเข้าวัง แต่เมื่อไม่ได้เห็นหน้าเขาจริง ๆ ใจของนางก็ยังไม่สงบ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status