Share

บทที่ 1569

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
วันแรกที่หิมะแรกโปรยปรายลงมา จักรพรรดิ์ซูชิงพลันเกิดความคิดประหลาดขึ้นมา ทรงมิได้เสด็จออกว่าราชการมานาน แต่กลับเสด็จประทับบนบัลลังก์มังกร ทรงประกาศว่าจะเสด็จออกตรวจตราด้วยพระองค์เอง เพื่อทอดพระเนตรแผ่นดินแคว้นซางอันงดงาม ส่วนราชกิจนั้นเดิมทีเนี่ยเจิ้งหวางเป็นผู้ดูแลอยู่แล้ว บัดนี้ก็ให้เขารับผิดชอบต่อไป

จักรพรรดิ์ซูชิงทรงมีพระพักตร์อิดโรย ผอมซูบ ขุนนางทั้งหลายพากันทูลทัดว่าไม่ควรเสด็จไป แต่พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้แล้ว จึงให้ซ่งซีซีกับชี่กุ้ยคุมคนติดตาม พร้อมพาหมอมหัศจรรย์ดันและหมอหลวงจินร่วมทางด้วย แล้วในวันถัดจากที่ประกาศ ก็ออกเดินทางทันที

การเสด็จออกตรวจครั้งนี้ของจักรพรรดิ์ซูชิง มิใช่การตัดสินใจชั่ววูบ แต่ได้ปรึกษาเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมานานแล้ว แม้หมอมหัศจรรย์ดันจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อพระองค์ยืนกรานจะไป เขาก็ทำได้เพียงติดตามร่วมเดินทาง

แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ จักรพรรดิ์ซูชิงย่อมอยากทอดพระเนตรอีกสักครั้ง แต่จุดหมายที่แท้จริงของพระองค์คือ สำนักเทพโอสถ

พระองค์ต้องการพบลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย

หมอมหัศจรรย์ดันก็เคยบอกกับเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีไว้เป็นการส่วนตัวแล้ว ว่าการเสด็จไป
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1570

    ก่อนจักรพรรดิ์ซูชิงจะเสด็จออกจากเมืองหลวง เซี่ยหลูโม่ก็ดำรงตำแหน่งเนี่ยเจิ้งอ๋อง และรับหน้าที่ว่าราชการแทนพระองค์แล้วเขามีผลงานการศึกอันเกรียงไกร ขุนนางทั้งราชสำนักเดิมทีก็มิได้มีผู้ใดไม่ยอมรับฟังคำสั่งเขา ตรงกันข้ามยังเคารพนับถือเขาไม่น้อยแต่บัดนี้ฮ่องเต้แม้ประชวรกลับปลอมกายออกจากวัง ร่ำลือในราชสำนักกลับเริ่มกล่าวถึงเนี่ยเจิ้งอ๋องด้วยความระแวงที่ระแวงเขา ก็เพียงเพราะหวั่นเกรงว่าองค์รัชทายาทยังเยาว์วัย เนี่ยเจิ้งอ๋องจะฉวยโอกาสข่มเหงและคิดชิงราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าแต่เดิม เรื่องทำนองนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่คนพูดมากเข้าก็กลายเป็นความจริง คำพูดของคนมากมายมีพลังยิ่งกว่าทองคำ ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนไม่น้อยที่มิได้ให้ความเคารพเซี่ยหลูโม่ดั่งเดิม ต่อราชโองการของเขาก็รับเพียงเปลือกนอก หาได้ทำตามจริงไม่ กระทำการลวกๆ เพียงขอไปทีหลี่เต๋อฮวยเห็นบรรดาขุนนางบางคนมีพฤติการณ์เยี่ยงนี้ ก็กระวนกระวายใจนัก จึงไปพบกับเจ้ากรมอาญาหลี่ลี่เป็นอันดับแรก เพราะหลี่ลี่คือท่านตาขององค์รัชทายาท เป็นบิดาของพระสนมซูเฟยผู้ล่วงลับ ยามนี้เมื่อเกิดข่าวลือว่าร้ายต่อเนี่ยเจิ้งอ๋อง หลี่ลี่ควรจะออกหน้าแก้ต่างให้เนี่ยเจิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1571

    ระหว่างเดินทาง เรือและรถม้าเหน็ดเหนื่อยนัก จักรพรรดิ์ซูชิงก็มิได้สบายอันใด อาการประชวรก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันหมอมหัศจรรย์ดันแม้จะช่วยฝังเข็มและจ่ายยาให้ ก็เพียงบรรเทาเท่านั้น หากยังคงเดินทางต่อไป อาการย่อมยิ่งเลวร้ายลงโชคยังดีที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงมีพระราชหฤทัยเด็ดเดี่ยว แม้ระหว่างทางจะทรงทุกข์ทรมานเพียงใด ก็ยังข่มกลั้นฝืนทน เพราะลมหายใจนี้ พระองค์จะมิอาจปล่อยให้ขาดหายได้สำนักเทพโอสถ ตั้งอยู่ ณ เมืองหมิงโจวทางทิศใต้ อากาศทั้งสี่ฤดูอบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักฟื้นร่างกายที่สุดแม้เวลานี้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว กลับไร้ซึ่งความเหน็บหนาว ราวกับเพิ่งย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นชาวเมืองหมิงโจวมิได้รู้จักชื่อสำนักเทพโอสถกันนัก กลับคุ้นเคยกับร้านขายยาเย่าหวัง ซึ่งเป็นร้านยาใหญ่ที่สุดในหมิงโจวเสียมากกว่าแท้จริงแล้วสำนักเทพโอสถ แต่มิได้มีเพียงที่หมิงโจวแห่งเดียว แต่แห่งนี้กลับเป็นสถานที่ที่ผลิตสมุนไพรล้ำค่ามากที่สุดขุนเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อนเหล่านี้ ล้วนซ่อนสมบัติล้ำค่าไว้มากมายสำนักเทพโอสถ ตั้งอยู่กลางหุบเขา มิได้สูงนัก เส้นทางวกวนลี้ลับ ระหว่างทางรายล้อมด้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1572

    หลังตะวันลับเหลี่ยมเขาทิศตะวันตก อุณหภูมิในหุบเขาก็ลดต่ำลง จักรพรรดิ์ซูชิงแม้ตอนขึ้นเขาจะมีคนหามบัลลังก์ให้ ทว่าบัดนี้กลับเป็นฝ่ายแบกองค์ชายใหญ่เดินกลับไปยังเรือนพักองค์ชายใหญ่ซบอยู่บนแผ่นหลังผ่ายผอมของเสด็จพ่อ น้ำตาไหลพรากไม่หยุดแม้แต่น้อยนี่คือภาพที่แม้ในฝันเขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน อย่าว่าแต่แบกเขาเลย แม้เพียงจะให้เสด็จพ่อเอื้อมพระหัตถ์ลูบศีรษะเขาสักครั้ง ก็ยังเป็นสิ่งที่เขาเห็นว่าเกินจะหวังแต่...เสด็จพ่อผอมเหลือเกิน เหตุใดถึงได้ผอมเช่นนี้? บนหลังแทบไม่มีเนื้อเหลืออยู่เลยซ่งซีซีกับผู้อื่นยังคงรออยู่ที่หน้าประตูเขา แม้แต่ขุนนางชั้นสูงอย่างชีกุ้ยก็ยังมิได้เข้าไป ผู้ที่หามบัลลังก์เข้าไปเมื่อครู่ล้วนเป็นขุนนางที่จงรักภักดีอย่างถึงที่สุด ผู้อื่นย่อมไม่อาจได้พบองค์ชายใหญ่พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าฮ่องเต้เสด็จมายังสำนักเทพโอสถครั้งนี้ ก็เพื่อรักษาพระอาการประชวรเท่านั้นจักรพรรดิ์ซูชิงแบกเขากลับเข้าไปยังเรือนพักของตน เรือนพักแห่งนี้ ตอนเข้ามาก็ดูเหมือนสวรรค์ซ่อนเร้นเบื้องนอกแลไปก็เป็นเพียงเรือนพักธรรมดาหลังหนึ่ง แต่เมื่อย่างก้าวเข้ามา จึงเห็นว่าภายในแบ่งออกเป็นเรือนน้อยเรือนใหญ่แยกต่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1573

    จักรพรรดิ์ซูชิงพำนักชั่วคราวอยู่ในสำนักเทพโอสถ ที่แห่งนี้มีโอสถครบครันทุกชนิด แต่พระอาการของพระองค์นั้นกลับอยู่ในจุดที่ยาใดก็ไร้ผลเสียแล้วแต่เมื่อได้อยู่ที่นี่ พระทัยกลับรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งร่างก็ประหนึ่งได้วางภาระทั้งหมดลงแล้ว เสมือนเป็นบิดาผู้สามัญในหมู่บ้านที่เฝ้าอยู่เคียงข้างบุตรในทุกวันคืนซ่งซีซีสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ นางก็คุยกับองค์ชายใหญ่พักหนึ่งองค์ชายใหญ่มักจะถามถึงพี่รุ่ยเอ่อร์ ถามว่าเขามีสหายใหม่แล้วหรือไม่ซ่งซีซีคิดว่าเขาจะหวง จึงตอบว่า “เขานอกจากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีสหายอื่นอีกเลย เขาคิดถึงเจ้าตลอด”องค์ชายใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน สีหน้าเผยแววรู้สึกผิด “ข้ามีสหายของตนเองแล้ว จี๋เสียงก็คือสหายของข้า เขาก็ควรจะมีสหายของเขา ข้าเองก็คิดถึงเขาเสมอ แต่ชีวิตนี้ คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว”เมื่อกล่าวจบ แววตาเขาก็มีเพียงความหดหู่สิ้นหวังซ่งซีซีลูบศีรษะเขา พลางยิ้มกล่าว “อนาคตยังอีกยาวไกล เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจนักว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีกเล่า?”“เพราะผู้ใหญ่ไม่ยอม ผู้ใหญ่มักจะต้องคิดเรื่องต่างๆ มากมาย ยังมีสิ่งที่กลัวอีกมากด้วย”“วันหน้า พวกเจ้าก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ เมื่อถึงยามนั้น เจ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1574

    เมื่อกลับถึงวังหลวง จักรพรรดิ์ซูชิงก็ล้มหมอนนอนเสื่อ มิอาจลุกขึ้นจากเตียงได้อีกหมอมหัศจรรย์ดันกล่าวกับไทเฮาเพียงไม่กี่คำ ความหมายก็คือว่า เกรงว่าอีกไม่กี่วัน ฮ่องเต้คงจะเสด็จสวรรคต หากอยากพบผู้ใด ก็จงรีบพบเสียแต่ตอนนี้ผู้ที่ฮ่องเต้อยากพบเป็นคนแรก ย่อมไม่พ้นไทเฮา“เด็กคนนั้น พอเห็นข้าก็พร่ำถามไม่หยุด คำถามแรกที่เอ่ยขึ้นมาก็คือเรื่องเสด็จย่า เสด็จแม่มิได้รักเขาเปล่าเปล่าเลยจริงๆ”ไทเฮาถอนพระทัยยาว “น่าสงสารนัก ชั่วชีวิตนี้ก็ต้องซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ไม่ได้ออกมาอีก ขาของเขา...ไม่อาจมีหวังแล้วจริงหรือ?”“เกรงว่าคงไม่มีหวังแล้ว” ริมพระโอษฐ์ของจักรพรรดิ์ซูชิงแห้งซีดไร้สีเลือด “แต่ก่อนจะจากกัน เขากล่าวว่า...เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ เมื่อลูกเรียนรู้วิชาแพทย์สำเร็จแล้ว จะรักษาโรคของพระองค์ให้หายแน่”ไทเฮารู้สึกปวดร้าวในพระทัย “เด็กดีจริงๆ”จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรเพดานเหนือม่านเตียง แล้วพึมพำว่า “ใช่แล้ว เด็กดีจริงๆ”เมื่อพบไทเฮาเสร็จแล้ว พระองค์ก็ให้เซี่ยหลูโม่พาองค์รัชทายาทเข้ามาเมื่อครั้งยังทรงมีเรี่ยวแรง พระองค์เคยพาองค์รัชทายาทขึ้นว่าราชการ พาไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อตรวจฎีกา ร่วมประชุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1575

    วันที่สิบสามเดือนเหมันต์ พระองค์กลับมีสติแจ่มใสขึ้นมาก จนเอ่ยว่าหิว และระบุชัดว่าต้องการเสวยโจ๊กเนื้อกับขนมนมอบกรอบอู๋ต้าปั้นรีบสั่งให้คนจัดเตรียม พอโจ๊กเนื้อกับขนมนมอบกรอบมาจัดถวาย เฉินฮองเฮาก็นั่งอยู่ข้างเตียงป้อนพระองค์เหมือนเช่นเคย แต่พระองค์กลับบอกว่าอยากนั่งเสวยเองอู๋ต้าปั้นจึงเข้ามาพยุงพระองค์ให้ลุกขึ้น แล้ววางเบาะนุ่มหนาไว้ที่ด้านหลังพระองค์ผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก เมื่อนั่งก็จะไถลตัวลงทุกครั้ง อู๋ต้าปั้นจึงต้องคุกเข่าข้างเตียง ใช้สองมือประคองช่วงเอวของพระองค์ไว้แน่นโจ๊กหนึ่งชาม พระองค์ก็เสวยจนหมดจริงๆ ไม่เหลือแม้แต่น้อย แล้วจึงเสวยขนมนมอบกรอบหนึ่งชิ้น เพียงแต่พอเสวยเข้าไปแล้วรู้สึกคลื่นไส้ จึงไม่ได้แตะชิ้นที่สองอีกหมอมหัศจรรย์ดันกลับให้คนไปเชิญไทเฮามา พอพูดไม่กี่ประโยค ใบหน้าไทเฮาก็เปลี่ยนสี น้ำตาร่วงลงมาทันทีแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง ใจของไทเฮาก็ยังเหมือนถูกมีดกรีด ร้าวจนตัวสั่นไปหมดผ่านไปพักใหญ่จึงมีรับสั่งให้ไปเชิญเนี่ยเจิ้งอ๋องกับองค์รัชทายาทมา แล้วให้เชิญบรรดาองค์หญิงในตำหนักฝ่ายในมาด้วยจักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าพระองค์ประชวร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1576

    เซี่ยหลูโม่มองเสื้อคลุมนั้น “นี่ของข้านี่ เจ้าเห็นว่าข้าอ้วนหรือ? ข้ามิได้อ้วนนี่นา”“อ้อ ของเจ้าหรือ? งั้นก็ยาวเกินไปหน่อย เอาไว้ให้คนแก้ให้หน่อยแล้วกัน”เซี่ยหลูโม่ว่า “เจ้าจะใส่เสื้อหลวมๆ ก็ให้คนตัดใหม่ให้สิ ไฉนต้องเอาเสื้อตัวเก่าของข้ามาแก้ด้วยล่ะ? ใส่ก็ไม่สบาย”“ข้าจะกลับไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี พอได้สวมเสื้อของเจ้า ก็เหมือนเจ้าคอยอยู่ข้างกายข้ายังไงเล่า” ซ่งซีซียิ้มจนตาโค้ง ราวกับการจากกันหนึ่งปีในปากของนางนั้นเป็นแค่เพียงวันเดียว ดูไม่เป็นเรื่องสำคัญอันใดเลยแม้แต่น้อย“หนึ่งปี?” เซี่ยหลูโม่ถึงกับตกตะลึง “เจ้าจะกลับไปหนึ่งปีเชียวหรือ? ทำไมล่ะ?”“ก็แน่นอนว่าอาจารย์คิดถึงข้า แล้วข้าก็คิดถึงอาจารย์ด้วยสิ” ซ่งซีซีเท้าสะเอว แล้วยื่นเสื้อให้เป่าจูที่ยืนปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆ “แต่ไม่ใช่ว่าจะไปตอนนี้นะ รุ่ยเอ๋อร์กำลังจะรับตำแหน่งสืบทอดจวนกั๋วกง รอเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยกลับเขาเหม่ยซาน”“ทำไมต้องกลับไปนานขนาดนั้น?” เซี่ยหลูโม่รู้สึกว่าท่าทางยืนของนางแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เอาแต่ถามต่อซ่งซีซีลงนั่งอย่างไม่รีบร้อน “ข้าจะไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี แล้วจะอุ้มเด็กกลับมาคนหนึ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1577

    ดอกอาซาเลียของสำนักเทพโอสถ บานสะพรั่งไปทั่วทั้งเขา ภาพสีสันสดใสเหล่านี้ ช่างงดงามจนทำให้ผู้คนหลงใหล โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เคยมาเยือนสำนักเทพโอสถ ต่างก็อยากจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป ทว่ากลับมีคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น เขาควบม้าจนถึงเชิงเขา พอผูกม้าไว้เรียบร้อยก็เดินเท้าขึ้นเขา สายตาของเขาจับอยู่เพียงหนทางข้างหน้า แม้ดอกอาซาเลียสีแดงจะชูช่อเข้ามาขวางทาง เขาก็เพียงใช้มือปัดออก เขาเดินเร็ว บางครายังใช้วิชาตัวเบาช่วย สำนักเทพโอสถนั้นแม้จะไม่สูงนัก แต่กลับซ่อนตัวได้แนบเนียน ทางขึ้นเขายังแยกย่อยมากมาย ทว่าเขาได้ดูแผนที่มาไม่น้อยกว่าพันครั้ง ขึ้นใจจนจำได้แม่นยำ ในวัยยี่สิบต้นๆ เขาได้รับสืบทอดตำแหน่ง ขณะนั้นท่านอาเล็กมอบของขวัญยิ่งใหญ่หลายสิ่ง และของขวัญที่ใหญ่ที่สุดก็คือแผนที่ฉบับนั้น พร้อมกับข่าวหนึ่งที่ทำให้เลือดทั้งตัวของเขาเดือดพล่าน ซิวเช่อ… ยังมีชีวิตอยู่ คืนนั้นเขาไม่ได้นอนแม้แต่น้อย ภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวทีละฉาก ราวกับเป็นเรื่องราวชาติปางก่อน หลังรับตำแหน่ง ต้องเข้าวังถวายบังคม ไปไหว้บรรพชน และเยี่ยมเยือนขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดี ท่านอาเล็กอยากให้เขาใช้โอกาสนี้สร้างส

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status