Share

บทที่ 473

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เพื่อยืนยันว้าพลังของไส้เดือนฝอยเสน่ห์นี้ ชิงเชวี่ยสั่งคนนำไก่ตัวหนึ่งมา และให้ไก่ตัวนั้นกินเข้าไป จากนั้นรมยาเพื่อกระตุ้นพลังของไส้เดือนฝอย เมื่อทุกคนเห็นไก่ตัวนั้นดูเหมือนบ้าคลั่งขึ้นมา มันจะแค่จิกทุกคน และบินไปทั่วห้องโถง โหดร้ายเป็นพิเศษ

แม้แต่ไก่ชนท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุด เมื่อถูกนำมาต่อสู้กับมัน ก็โดนอีกฝ่ายจิกจนดวงตาข้างหนึ่งก็ถูกจิกออกไปในทันที

หลังจากที่ชิงเชวี่ยรมยาอีกครั้ง ไก่ตัวนั้นก็หยุดแล้วค่อยๆ อาเจียนไส้เดือนฝอยออกมา

นางพูดว่า "แมลงชนิดนี้เรียกว่าไส้เดือนฝอยเสน่ห์ และมันถูกควบคุมโดยคน เมื่อนางเหลียงกินมันเข้าไปนั้นเป็นเพียงไข่ ไข่แมลงนี้ไม่สามารถฆ่าได้ด้วยอุณหภูมิสูงและเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วก็ไหลตามเลือดจนขึ้นสมอง โดยปกติกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณครึ่งปีซึ่งสอดคล้องกับคำสารภาพของหมอสวีพอดี ตอนนี้ไส้เดือนฝอยได้โตขึ้นแล้ว ไม่ว่าเข้าไปร่างของผู้ใด ตราบใดที่ได้กลิ่นยาหรือถูกควบคุมโดยใครสักคน ก็สามารถให้คนที่โดนพิษนั้นทำอะไรบ้าคลั่งเช่นกัน"

เมื่อทุกคนตกตะลึงอยู่ เจ้ากรมหลี่ก็พูดขึ้นว่า "เพระางั้นมีคนจงใจทำร้ายครอบครัวของพวกเขา อีกอย่างคิดแผนมาด้วย นางเหลียงเป็นแค่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 474

    เซี่ยหลูโม่ถามถึงหลานเอ่อร์ "ตอนนี้นางเป็นยังไงบ้าง อารมณ์ดีขึ้นหรือเปล่า? หลังจากเหลียงเส้าถูกไล่ออกจากตำแหน่ง น่าจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้างสินะ"ซ่งซีซีส่ายหัว "คำก็รักแท้สองคำก็รักแท้ จะให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวได้อย่างไร ไม่เพียงไม่เจียมตัว บัดนี้แม้แต่เรือนของหลานเอ่อร์ก็ไม่เข้าไปแล้วด้วยซ้ำฉั""รักแท้เหรอ?" เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้ว "มันไม่เท่ากับดูหมิ่นสองคำนี้หรือ ยังมีภรรยารองอีกคนมิใช่หรือ ลูกสาวของพ่อค้าคนนั้น สตรีที่ออกเงินไถ่ให้หญิงงามเมืองเพื่อเขา""ตั้งแต่ที่นางเหวินเข้าจวนมา ยังไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย" ซ่งซีซีหยุดงานปักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง "นางเหวินอายุเพียงสิบเจ็ดปีในปีนี้ ด้วยความช่องโหว่ระหว่างจวนเฉิงเอินป๋อกับครอบครัวของนาง หากนางอยากหนีออกไปจากนรกนั้นคงเป็นไม่ได้ นางก็เป็นเหยื่อที่เพื่อผลประโยชน์ของพ่อและพี่ชายด้วย คิดว่านางเต็มใจแต่งงานกับเหลียงเส้าเป็นฮูหยินรองจริงๆ หรือ?""ข้างนอกต่างลือนางเช่นนั้นจริงๆ" แม่นมเหลียงนำแกงเข้ามาด้วยตนเองพลางพูดซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้ารู้ โดยบอกว่านางเหวินเพื่อให้ฐานะครอบครัวเพิ่มขึ้น เกาะจวนป๋อเข้าเป็นอนุภรรยา นางทำด้วยสมัครใจ แต่ว่ามันทำด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 475

    เป่าจูรีบวิ่งออกไปนำน้ำชามาให้ น้ำชาเต็มๆ ค่อยๆ เทให้นางลงในถ้วยนางดื่มไปอีกถ้วยหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "ท่านหญิงตั้งหน้าตั้งตารอเขามาอยู่เลย ดังนั้นเมื่อเขามาเราเลยไม่ได้ห้าม โดยคิดว่าสามีภรรยากันมีความเข้าใจผิดกันย่อมอธิบายได้ พูดกันดีๆ อย่างน้อยก่อนที่เด็กจะคลอดออกมา ท่านหญิงจะมีอารมณ์ดีๆ อย่าเอาแต่ร้องไห้ตามลำพังในตอนกลางคืนตลอด"ซ่งซีซีเริ่มกังวล "เขาเข้าไปดุหลานเอ่อร์หรือ?""ดุเหรอ? หากแค่ดุข้าจะไม่ลงมือกับเขาหรอก เขาผลักท่านหญิง ผลักท่านหญิงให้ท้องของนางชนที่มุมโต๊ะ ท่านหญิงเจ็บปวดมากจนเหงื่อออก ข้าเลยเข้าไปซัดเขา""ผลักหลานเอ่อร์ สถานการณ์ของหลานเอ่อร์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" ซ่งซีซีรีบถามขึ้น"ตามหาหมอประจำจวนมาตรวจให้แล้ว เด็กในท้องอันตรายมาก ต้องพักฟื้นในเตียงหนึ่งเดือน" ศิษย์พี่ซือโซดื่มน้ำชาอีกถ้วย "เนื่องจากท่านหญิงเอาแต่เรียกหาท่านแม่ ข้าจึงไปที่จวนอ๋องฮวยก่อนเพื่อให้พวกเขาไปเยี่ยมท่านหญิงสักหน่อย"ศิษย์พี่ซือโซหยุดพูดอยู่นาน ซึ่งทำให้ทุกคนใจร้อนมาก ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้งว่า "พวกเขาไปแล้วหรือยัง?""ไม่ไป!" ศิษย์พี่ซือโซดื่มน้ำชาอีกถ้วย "วันนี้ข้ากระหายน้ำมากจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 476

    จิ้งซินอยู่กับไทเฟยมาโดยตลอด ดังนั้นในตอนแรกนางก็อยากจะไปด้วยกัน แต่ซ่งซีซี ให้นางอยู่ต่อโดยพูดว่า "ที่เรือนข้ายังขาดแคลนคนใช้ เจ้าคอยรับใช้ที่เรือนของข้าก่อน"จิ้งซินหรี่ตาลง "เจ้าค่ะ!"นางหยุดฝีเท้า และไม่ได้ตามไป แต่มีความตื่นตระหนกในดวงตาของนาง หรือว่าพระชายามองอะไรออกแล้วหรือ?เห็นแค่ซ่งซีซียิ้มสดใส "ข้าได้ยินจากเสด็จแม่ว่าเจ้าหวีผมได้ดี นับจากนี้ไปเจ้ามาหวีผมให้ข้าในเรือนของข้า"เมื่อเห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของพระชายา จิ้งซินจึงถามว่า "พระชายา ปกติเป็นเป่าจูหวีผมให้ท่านโดยตลอด หากข้าน้อยแย่งหน้าที่ของเป่าจูไปคงจะไม่ดีกระมัง"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้ามีภารกิจอื่นให้เป่าจูทำ ไม่มีคำว่าแย่งชิง เจ้าไม่ต้องกังวล"จิ้งซินถึงกับโล่งใจได้เล็กน้อย "เจ้าค่ะ ตราบใดที่ไทเฟยเห็นด้วย ข้าน้อยจะไปที่เรือนดอกบ๊วยเพื่อรับใช้พระชายาเจ้าค่ะ"นางแอบมองท่านอ๋องอย่างลับๆ และเห็นว่า ท่านอ๋องไม่โต้ตอบอะไร สีหน้าของเขาไม่แยแส และเห็นๆ อยู่ว่าไม่เหมือนท่าทีที่เกิดความสงสัยอะไรเลยจวนเฉิงเอินป๋อสว่างไสวสองสามีภรรยาเฉิงเอินป๋อ นายท่านและฮูหยินอื่นๆ จากบ้านอื่นต่างก็ออกมาต้อนรับสนมฮุ่ยไทเฟยด้วยสนมฮ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 477

    เมื่อหลานเอ่อร์ได้ยินเสียงอันอ่อนโยนนี้ นางก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกแม้ว่าศิษย์พี่ซือโซจะเล่าเรื่องที่ไปที่มาให้ฟังแล้ว แต่สาวใช้ข้างกายของหลานเอ่อร์ก็ยังคงร้องไห้พลางเล่าซ้ำอีกครั้ง"ตั้งแต่ท่านซื่อจื่อถูกไล่ออกจากตำแหน่ง นางก็ถูกขังบริเวณเช่นกัน แต่ท่านหญิงของเราก็ไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุขเช่นกัน ท่านซื่อจื่อโยนความผิดทั้งหมดมาลงที่ท่านหญิงของเรา ตอนที่ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าได้เจอมาสองครั้ง เอาแต่ชี้หน้าท่านหญิงของเราพลางด่าว่านางออกไปพูดไปเรื่อย เลยทำให้นางโดนอวี้ฉื่อไปร้องเรียน""ถึงแม้ว่าฮูหยินจะปกป้องท่านหญิง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าปกป้องท่านซื่อจื่อ โดยบอกว่าถึงแม้คุณหนูของเราจะเป็นท่านหญิง แต่นางก็แต่งงานเข้าจวนเฉิงเอินป๋อแล้ว ดังนั้นทุกอย่างต้องให้สามีมาก่อน ไม่ควรพูดไม่ดีกับสามีของตนเองแม้แต่คำเดียวให้คนนอกรู้ ไม่งั้นก็ถือว่าละเลยต่อหน้าที่ที่เป็นภรรยาเอก""เช่นเดียวกับวันนี้ เห็นๆ อยู่ว่าอนุเยียนหลิวมายั่วก่อน ท่านหญิงของเราแค่ไปพบหน้านาง ยังไม่ทันจะพูดอะไร นางก็ล้มลงกับพื้น แล้วท่านซื่อจื่อก็มาเอาเรื่องด้วยความโกรธ ยังลงไม้ลงมือผลักท่านหญิงไปชนกับมุมโต๊ะ"หงเอ๋อร์ปาดน้ำตาพลางชี้ไป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 477

    ขณะอยู่บนรถม้า เสิ่นว่านจือได้บอกคำพูดของลูกสะใภ้ของนางโดยบอกให้นางให้ทำท่าสุภาพก่อนแล้วค่อยวางอำนาจหลังจากไปถึงจวนเฉิงเอินป๋อ หลังจากที่ได้เห็นสถานการณ์ที่น่าสังเวชของหลานเอ่อร์ นางจะต้องแสดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดออกมา เพื่อทำให้ทุกคนในนั้นหวาดกลัว รวามฮูหยินผู้เฒ่าของจวนเฉิงเอินป๋อด้วยเสิ่นว่านจือนำเยียนหลิวเข้ามา จากนั้นเตะนางล้มลงไปที่พื้น "นังตัวดีคนนี้แหละ กล้ามาเล่นลูกไม้ต่อหน้าท่านหญิง ทางจวนป๋อจะไม่มีผู้ใดยอมออกหน้าช่วยท่านหญิง ล้วนเข้าข้างนังตัวดีคนนี้ แล้วแต่พระสนมไทเฟยมาจัดการเองเจ้าค่ะ"ฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็เกลียดผู้หญิงคนนี้มากเช่นกัน แต่นางรู้ว่านางเป็นสุดที่รักของบุตรชาย และบุตรชายก็เป็นสุดที่รักของฮูหยินผู้เฒ่าด้วย นี่ถึงเป็นเหตุผลที่ยอมเก็บนางไว้ในจวนตอนนี้เมื่อเห็นนางถูกเสิ่นว่านจือเตะลงกับพื้น มีสภาพไม่น่ามอง ต้องยอมรับว่าในใจก็ค่อนข้างสะใสสนมฮุ่ยไทเฟยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น นางแค่ถามเบาๆ ว่า "ไม่รู้ว่าจวนเฉิงเอินป๋อมีกฎอะไรบ้าง แต่หากอยู่ในวัง ถ้านางสนมคนใดกล้ารุกรานหวงโฮ่ว หรือใส่ร้ายหวงโฮ่ว หากไม่ฆ่าตัวตายด้วยด้ายสาวก็ใช้สุราพิษ จวนป๋อไม่มีพวกนี้หรือ หากไม่ด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 479

    เมื่อเห็นสีหน้าของท่านแม่เปลี่ยนไปอย่างมาก เฉิงเอินป๋อจึงเกลี้ยกล่อมทันทีว่า "ท่านแม่ พูดดีๆ...""หุบปาก! เจ้าที่ไม่เอาไหน คนอื่นมารังแกถึงที่แล้ว ยังทำท่าอย่างว่าง่ายอีกหรือ?" ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนด้วยความโกรธ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเดือดดาล "ออกไปจากที่นี่"นางเดินไปนั่งลง หายใจเข้าลึกๆ และมองเข้าไปในดวงตาของสนมฮุ่ยไทเฟย "ที่ต่ำที่สูง ที่ต่ำที่สูงอะไรกัน ท่านหญิงอย่างนางแต่งเข้าจวนเฉิงเอินป๋อของข้า งั้นก็คือสะใภ้ของจวนป๋อของเรา สตรีอยู่บ้านก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งพ่อ พอออกเรือนไปก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งสามี นางจงใจก่อกวนเรื่อง ยุยงให้พระชายาเป่ยหมิงอ๋องไปร้องเรียนสามีของตนเอง แค่เพื่อเรื่องเล็กน้อยฝ่ายในนี่ มีครอบครัวไหนบ้างที่ไม่แต่งอนุภรรยา เรียนอะไรไม่เรียน กลับเรียนการกระทำที่ไม่ดีมา เรียนเป็นคนขี้อิจฉาริษยาและใจแคบได้อย่างดีมากทีเดียว"สนมฮุ่ยไทเฟยจ้องมองด้วยดวงตากลมๆ หอชืม? ด่าซ่งซีซีงั้นเหรอ? หาว่าลูกสะใภ้ของนางงั้นเหรอ? หาว่าลูกสะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งงานเข้าจวนก็ปกป้องนางตลอดงั้นเหรอ?ด้วยเสียง "ปัง" ถ้วยของสนมฮุ่ยไทเฟยก็กระแทกพื้น ถ้วยสีขาวกระเด็นไปทุกที่ และนางก็ตะโกนด้วยความโกรธ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 480

    ฮูหยินผู้เฒ่าเหลียงตาพร่ามัว และนางเกือบจะสติแตกแล้ ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย และต้องใช้เวลาสักพักกว่านางจะสงบอารมณ์ลง นางชี้ไปที่สนมฮุ่ยไทเฟย และตัวสั่นอยู่พักหนึ่ง "ข้า...ข้าจะฟ้องให้ไทเฮาทราบแน่นอน สนมฮุ่ยไทเฟยรังแกคนมากเกินไป""ไปฟ้องเลย แม่มด!" สนมฮุ่ยไทเฟยเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง "ไทเฮาเป็นท่านพี่ของข้า แต่นางเป็นคนมีเหตุผล ถ้านางรู้ว่าครอบครัวของเจ้ารังแกหลานเอ่อร์ ด้วยความโกรธ เกรงว่ายศถาบรรดาศักดิ์ที่ของจวนป๋อก็จะถูกยกเลิกได้น่ะ นับประสาฮูหยินที่มียศ ไปเป็นคนสามัญชนได้เลย"“ยศถาบรรดาศักดิ์ของข้าเจ้ามีสิทธิ์มาตัดสินอะไรกัน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร”ฮูหยินผู้เฒ่าเหลียงรู้สึกหงุดหงิดถึงที่สุด จนนางโยนไม้ค้ำยันออกแล้วยื่นมือออกไปผลัก สนมฮุ่ยไทเฟยก็ทำท่าล้มลงกับพื้นแล้วตะโกนว่า "เจ้ากล้าดียังไงมาลงมือกับข้า คนของจวนป๋อกล้าไม่เคารพผู้มียศมากกว่า กล้าลงมือกับข้า"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนในจวนป๋อต่างก็ตกตะลึง สนมฮุ่ยไทเฟยที่เมื่อกี้ยังดุผู้คนไปเรื่อย ตอนนี้กลายเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยที่ถูกรังแก และถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว ซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ได้ขึ้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 481

    เมื่อทุกคนได้ยินคำแรกที่เขาถามทันทีที่นั่งลง ใจของพวกเขาก็สั่นเทาเฉิงเอินป๋อรีบพูดอขึ้น "ท่านอ๋องโปรดยกโทษให้ด้วย ไม่มีใครรังแกไทเฟย... "เซี่ยหลูโม่พูดอย่างเย็นชา "เฉิงเอินป๋อหมายความว่าเสด็จแม่ของข้าพูดโกหกและใส่ร้ายพวกเจ้าหรือ?""เปล่า ไม่ได้หมายความอย่างนั้นขอรับ" แม้ว่าเฉิงเอินป๋อจะเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเป่ยหมิงอ๋องที่แม่ทัพเลือดเย็นนั้น รัศมีของเขาก็อ่อนลงมาก ภายใต้การจ้องมองของดวงตาที่เยือกเย็นของเขา เขาก็รู้สึกขนลุก เสียวสันหลังวาบ "มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดขอรับ""เป่ยหมิงอ๋องต้องการรังแกคนอื่นด้วยอำนาจของตนเองหรือ" ฮูหยินผู้เฒ่าเหลียงกลับมามีสติและถามทันทีในที่สุดเหลียงเส้าก็จำได้ว่าตนเองเป็นนักวิชาการ เขาดูถูกเชื้อพระวงศ์ที่ถือตัวมากที่สุด จึงพูดอย่างไม่แยแสว่า "ไทเฟยใช้อำนาจของนางเพื่อรังแกผู้อื่นและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายในของจวนป๋อของข้า ตอนนี้แม้แต่ท่านอ๋องยังต้องปกป้องอีกด้วย แล้วอยากจะร่วมมือมารังแกจวนป๋อเล็กน้อยของข้าเหรอ?"เซี่ยหลูโม่ไม่แม้แต่จะมองเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเฉยเมย "พูดมากไป จางต้าจ้วง ตบปาก!"จา

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status