Share

บทที่ 203

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
แต่แล้ว หากองค์หญิงใหญ่อยากสร้างปัญหาให้ผู้ใด ก็ย่อมไม่ออมมือให้ จากนั้นนางก็ส่งคนไปเชิญชวนหมอมหัศจรรย์ดันกลับมา

หมอมหัศจรรย์ดันเคยอธิบายกับปัญหาเรื่องนี้ไปแล้ว และฮูหยินของขุนนางนั้นก็อยู่ด้วย แต่เขายินดีที่จะชี้แจงอีกครั้ง

ยืนอยู่ด้านหลังฉากบังตา เสียงของเขาทั้งแก่ชราและจริงจัง "ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านป่วยเป็นโรคหัวใจและไอเป็นเลือด โรคนี้เรื้อรังมาหลายปีแล้ว และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จนถึงบัดนี้ยังรักษาได้ยาก ใช้ได้แต่ยาดันเสวี่ยเพื่อควบคุมโรคด้วย ในตอนแรกที่ข้ารักษาให้นางเพราะเห็นแก่คุณหนูซ่ง นับตั้งแต่ที่คุณหนูซ่งแต่งเข้าจวนแม่ทัพ ดูแลนางทั้งวันทั้งคืนอย่างเอาใจใส่เป็นเวลาหนึ่งปี ค่ายาดันเสวี่ยทุกเดือนที่นางกินมีราคาไม่ใช่น้อย เงินนี้มาจากไหนคงไม่ต้องพูดเจาะลึกก็รู้แล้วแหละ ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าจ้านไม่ให้ความร่วมมือมาก นางเอาแต่พูดต่อหน้าข้าว่าค่ายาแพงมาก แต่กลับไม่ถามว่ายานี้ได้ทำมาจากสมุนไพรอันล้ำค่าอะไรบ้าง ถ้าไม่ใช่คุณหนูซ่งมาขอร้องข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้าคงไม่ไปจวนแม่ทัพตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว"

"ดังสุภาษิตที่ว่า คนเราดำรงชีวิตอยู่ด้วยหน้าตาที่รู้ละอายใจ เช่นเดียวกับต้นไม้ที่ดำรงชีวิตอยู่ด
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ความจริงจะต้องถูกเปิดเผย
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
หมอมหัศจรรย์ดันอธิบายได้ชัดเจนมาก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 204

    ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงแม้แต่เหตุการณ์ที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านถูกหมอมหัศจรรย์ดันด่าว่าอย่างรุนแรงนั้นก็ลืมหายไปอย่างรวดเร็วพวกเขาทั้งหมดมองไปที่สนมฮุ่ยไทเฟย นั่นหมายความว่าอะไร? เป่ยหมิงอ๋องต้องการแต่งงานกับซ่งซีซีงั้นเหรอ? ท่านอ๋องจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หย่าแล้วเหรอ?ไม่เพียงแต่ฮูหยินทั้งหลายเท่านั้น แม้แต่องค์หญิงใหญ่ยังประหลาดใจอีกด้วย นางมองไปที่สนมฮุ่ยไทเฟย จากนั้นมองดูซ่งซีซี ก่อนจะขมวดคิ้วซ่งซีซีก็มองดูสนมฮุ่ยไทเฟยอย่าเรียบๆ แวบนึง เรื่องนี้ยังไม่ได้ตกลงอะไร อย่างน้อยยังไม่ได้ทำการสู่ขอเลย ทำไม่ถึงประกาศเช่นนี้ออกมาแล้วล่ะอีกอย่าง นางไม่ชอบตัวเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ได้ถามอะไรสักคำ ไม่มีข่าวอัไรแพร่ออกไป นางกลับประกาศในที่นี่ทั้งอย่างนี้ยอมรับนาง? แต่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วเกินไปจนทำให้นางตั้งตัวไม้ทันยิ่งกว่านั้นแม้ว่าจะพูดเรื่องนี้ก็ไม่ควรมาพูดในช่วงเวลาเช่นนี้ นางถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นเวลานาน ดว่าจะหมอมหัศจรรย์ดันมาเล่าให้ฮูหยินทุกคนฟังว่าทำไมเขาไม่ยอมรักษาให้ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าน ทว่านางก็รีบช่วยหาทางให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีทางออกเลยว่าที่แม่สามีคนนี้ ไม่ได้เรื่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 205

    ซ่งซีซียิ้มเบาๆ และพูดต่ออย่างใจเย็นว่า "ข้าไม่รู้สึกน่าอับอาย เพียงแต่ว่าท่านหญิงเจียอี้ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือ? บุตรีคนโตขององค์หญิง ที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากราชวงศ์ ทว่ากลับพูดจาหยาบคาย แม้แต่ภาพวาดของศิษย์พี่ข้ายังมองไม่ออกก็เลยฉีกขาด ด่วนสรุปและใช้กำลังเช่นนี้ หากคนนอกรู้เรื่องเข้าก็จะเห็นท่านเป็นตัวตลกเลย แล้วที่ท่านให้ข้าไปไกลๆ นั้น เป็นคำสั่งให้ไล่ข้าออกหรือ เฮอะ น่าตลกสิ้นดี จวนองค์หญิงส่งคำเชิญให้ข้า ข้านำของขวัญวันเกิดมาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย บัดนี้กลับต้องการไล่ข้า นี่มันคือวิธีปฏิบัติต่อแขกของจวนองค์หญิงงั้นเหรอ หรือว่าจุดประสงค์ที่มอบคำเชิญนี้ให้ข้าจริงๆ แล้วมีเจตนาอื่นแอบแฝง คืออยากให้ข้าอับอายต่อหน้าฮูหยินทุกท่าน หรือว่าจะคิดว่าหลังจากที่ข้ากย่ากับจ้านเป่ยว่างจะต้องอายคนอื่นจนไม่กล้าพบหน้าใคร แล้วจะให้พวกท่านด่าทอใส่ร้ายตามอำเภอใจได้งั้นเหรอ""อยากจะชวนข้ามาเพื่อหัวเราะเยาะเรื่องของข้า งั้นคงต้องทำให้พวเจ้าผิดหวังแล้ว ข้าไม่ได้ทำผิดอะไร คนที่ต้องอายคนอื่นไม่ใช่ข้า คนของตระกูลซ่งซื่อตรงและใจกว้าง ไม่ว่าจะไปที่ไหน ข้าก็สามารถยืดหลังตรงและพูดอะไรออกมาอย่างไม่เกรงกล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 206

    ทันทีที่ซ่งซีซีจากไป เซี่ยหลูโม่ก็จากไปเช่นกันคำพูดที่พูดคุยกันในลานด้านในก็ไปถึงลานหลักด้วย พวกสมาชิกราชวงศ์ ขุนนางและทหารทุกคนก็รู้ว่า เป่ยหมิงอ๋องกำลังจะแต่งงานกับแม่ทัพซ่งซีซีความคิดของผู้ชายแตกต่างจากผู้หญิงไปผู้ชายให้ความสำคัญกับภูมิหลังครอบครัว ความบริสุทธิ์ แต่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มากกว่าซ่งซีซีคือใคร? นอกจากจะเป็นลูกสาวของเสนาบดีเจิ้นกั๋วกง มีจวนเสนาบดีกั๋วกงเป็นที่พึ่งพาแล้ว นางยังเป็นลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมิน และคุณชายเสิ่นชิงเหอก็เป็นศิษย์พี่คนโตของนางนอกจากเสิ่นชิงเหอแล้ว สถาบันว่านซงเหมินยังมีคนที่มีความสามารถอีกมากมาย สถาบันว่านซงเหมินไม่ได้เป็นเพียงนิกายศิลปะการต่อสู้เท่านั้น ผู้นำคนปัจจุบันของสถาบันว่านซงเหมิน คือเหลนชายของเหรินปิ่งยี่ แม่ทัพใหญ่ชั้นเอกในขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าอันหนาน ชื่ว่า เหรินหยางอวิ๋นเหรินหยางอวิ๋นก่อตั้งสถาบันว่านซงเหมินด้วยตัวเอง และนิกายของทั้งภูเขาเหม่ยชาน ต้องเห็นแก่หน้าเขา เพราะภูเขาเหม่ยชานทั้งหมดเป็นของเขา และในสมัยก่อนนั่นมันเป็นที่ดินที่เหรินปิ่งยี่ครอบครองแม้ว่ายศถาบรรดาศักดิ์ของเจ้าอันหนานไม่ได้รับสืบทอด แต่ที่ดินที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 207

    หลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว นางก็แสดงมันให้เซี่ยหลูโม่ดู เซี่ยหลูโม่ก็หยิบมันขึ้นมาดู ก่อนพูดอย่างมีความสุขว่า "ถูกปากข้าหมดเลย เอาตามนี้ จางต้าจ้วง เอาไปให้ผู้บริการทำตามนี้"จางต้าจ้วงตอบกลับว่าโอ้ ก่อนเอาแพไม้ไผ่ออกมา หลังสั่งเสร็จก็กลับมา"เกิดอะไรขึ้นที่ลานด้านใน? พวกเขาไม่เชื่อของขวัญวันเกิดที่เจ้ามอบให้โดยคิดว่ามันเป็นของปลอม? ได้รังแกเจ้าอยู่หรือไม่?" เซี่ยหลูโม่พอเดาคร่าวๆ ได้เขาก็ยังอยากให้นางเล่าให้ฟังซ่งซีซีจิบชาคำนึง ชุบคอที่แห้งของนางแล้วพูดว่า "รังแกข้าไม่ได้หรอก แต่มีคนจงใจหาเรื่องกับข้าจริงๆ ข้าไม่ได้เก็บไว้ในสายตา"เป่าจูพูดเสริมขึ้นมา "คำพูดสุดท้ายที่คุณหนูพูดนั้นทำให้ข้าน้อยตกใจแทบแย่เลย จะกล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง ถ้าองค์หญิงใหญ่ต้องการแก้แค้นขึ้นมาหล่ะก็ จะทำอย่างไรดีล่ะ"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่ว่าจะพูดหรือไม่ นางก็จะหาเรื่องกับข้า ทำไมข้าไม่ระบายความโกรธสักหน่อย" ซ่งซีซีเหลือบมองนางแวบนึง "เจ้าอยู่กับข้ามานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่อยู่ในจวนจนถึงภูเขาเหม่ยชาน แล้วจากภูเขาเหม่ยชานกลับเมืองหลวง เจ้าเห็นข้าเคยกลัวผู้ใดบ้างล่ะ""ก่อนหน้านี้ท่านไม่เกรงกลัวใคร แต่ตอนนี้ไม่ใช่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 208

    ถึงเวลาอาหารมาส่งพอดี ซ่งซีซีก็เงียบและมองดูอาหารต่างๆ วางเรียงกัน ในบรรดาหัวปลาสองสีที่นางชอบโรยพริกไทยสับ พริกสีแดงสดผสมกับพริกสีเขียว โดยมีวุ้นเส้นอยู่ข้างใต้ ซึ่งทำให้เจริญอาหารมากทีเดียวลำไส้ไขมันหม้อแห้ง เป็ดเลือดหยงโจว หม้อดินวุ้นเส้นไข่ปู ซี่โครงหมูนึ่งข้าวเหนียว เนื้อทอดเผ็ด เต้าหู้แห้งผัดเผ็ด มีอาหารเผ็ด แต่ก็มีไม่เผ็ดบ้าง กลิ่นหอมของอาหารพัดมาเตะจมูกทุกคนในห้องทันทีซ่งซีซีหิวมากจริงๆ นางจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อนตอบคำถามของเขาก่อนว่า "ยามเวลาที่ข้าออกจากจวน ลุงฟูบอกว่าฝู้หม่าได้แต่งอนุภรรยาตั้งหลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอนุภรรยาส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตหลังจากคลอดบุตร ข้าก็คิดอยู่ว่าถ้าอนุภรรยาคนนึงตายมันเป็นอุบัติเหตุหรือคลอดยาก แต่ด้วยที่มีอนุภรรยาตายอย่างหลายๆ คนก็ยากที่จะไม่ทำให้คนอื่นสงสัยเข้า"หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็หยิบชามขึ้นมา คีบวุ้นเส้นใต้หัวปลาแล้วใส่ลงในชาม วุ้นเส้นแช่ในเครื่องปรุงรสพริก รสชาติเข้าเนื้อเลย นางยังตักอาหารให้เซี่ยหลูโม่ด้วย "ลองชิมวุ้นเส้นหน่อยสิ วุ้นเส้นนี้ถึงเป็นประเด็นหลักในอาหารนี้"จากนั้นก็ตักพริกไทยผสมกับพริกเขียวช้อนนึงลงในชาม แล้วก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 209

    ซ่งซีซีก็สังเกตเห็นเช่นกัน พอเขากินก็จะไอทันที ไอจนหน้าแดงฉ่ำ เห็นๆ อยู่ว่ากินเผ็ดไม่ค่อยเป็นนี่ แล้วทำไมต้องเลือกร้านอาหารนี้ล่ะนางขยับอาหารที่ไม่เผ็ดวางตรงหน้าเขา "ถึงแม้ท่านจะชอบอาหารเผ็ด แต่วันนี้คอของท่านผิดปกติ หลีกเลี่ยงอาหารจัดก่อน และกินอาหารเบาๆ ให้มากๆ""คอของข้าไม่สบายจริงๆ" เซี่ยหลูโม่กระแอมในลำคอ และรู้สึกถึงความเจ็บปวดอันแสบร้อนที่ยังคงอยู่ในปากของเขา ซึ่งรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง"ข้าจะให้ผู้บริการนำชามนมแพะมาให้ท่าน" ซ่งซีซีลุกขึ้นเปิดประตูห้องส่วนตัวแล้วตามหาผู้บริการนำชามนมแพะมาให้ถ้วยนึง"นมสามารถบรรเทารสชาติเผ็ดได้" ซ่งซีซียิ้มราวกับกำลังกล่อมเด็กคนนึงอย่างไรอย่างนั้น "ดื่มเร็วๆ สิ"เซี่ยหลูโม่หยิบนมแพะขึ้นมา พอกินเข้าปากก็มีกลิ่นคาว แต่มันเย็นชื่นใจ ก็พอจพกินได้ ที่สำคัญที่สุดคือ นางมีน้ำใจมองออกไม่ได้เปิดโปงออกมา ไม่ได้เปิดโปงความฝืนของเขาและเอาใจเขา นางแตกต่างจากตอนที่อยู่ภูเขาเหม่ยชานอย่างสิ้นเชิงจริงๆแต่เขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เพราะฉากกล่อมให้เขาดื่มนมแพะเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่านางดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเจิ้นให้ดื่มยาแบบนี้มาตลอดกระมัง?เมื่อก่อนนางเคยเห็นผู้คนใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 210

    เซี่ยหลูโม่ยังคงตักอาหารให้นางต่อไป แต่ไม่ได้ตอบคำถามของนางซ่งซีซีเก็บความสงสัยไว้ ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญมากนักเขาก็ให้คำตอบด้วยรอยยิ้ม "หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ในวันนี้ คิดว่าหัวข้อที่ครอบครัวชั้นสูงในเมืองหลวงจิงนินทาจะเพิ่มขึ้นมาก"ซ่งซีซีมองเขาอย่างไม่แยแส "อืม สตรีผู้สูงศักดิ์หลายคนคงอกหักแน่ๆ เมื่อสนมฮุ่ยไทเฟยประกาศว่าข้าจะแต่งงานกับท่าน หลายคนก็มองข้าด้วยความเกลียดชัง""ก็จะมีคนมากมายที่จะอิจฉาข้า และริษยาข้า" เซี่ยหลูโม่พูดอย่างมีเลศนัยอย่างน้อยจ้านเป่ยว่างจะเสียใจ และเสด็จพี่ก็หวั่นไหวใจด้วย"ไม่หรอก ข้าเป็นแค่ผู้หญิงที่หย่า ใครจะชอบล่ะ"เขาใช้ปลายตะเกียบแตะหน้าผากของนางเบาๆ "เจ้ากำลังจะเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋องแล้วยังดูถูกตัวเองอีกเหรอ?""โลกก็มองคนเป็นแบบนี้แหละ" นางแตะที่เขาเช่นกัน จากนั้นรีบเอาออกทันที ก่อนยิ้มว่า "ข้าไม่ได้ดูถูกตัวเองหรอก ข้ารู้ว่าข้าโดดเด่นแค่ไหน"เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสของนาง ดวงตาของนางเปล่งประกาย เขาก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา แม้ว่านางแค่แกล้งทำ แต่นางยอมแกล้งทำ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเมื่อนางเพิ่งถึงเขตหนานเจียง ดวงตาของนางมักจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 211

    หลังจากกลับจากงานวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็ล้มป่วยลง นางไข้สูงกลางดึกและพูดอะไรเรื่อยเปื่อยนางหมินตามหาหมอมาในชั่วข้ามคืน และจ้านเป่ยชิงก็ไปหาจ้านเป่ยว่างที่พักอยู่โรงเตี๊ยมกลับมาด้วย ตอนแรกจ้านเป่ยว่างยังคิดว่าเขาโกหกเขา แต่เมื่อกลับมาเห็นท่านแม่ของเขาตัวสั่นไปหมด และเอาแต่พึมพำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาตระหนักว่าท่านแม่ของเขาป่วยหนักจริงๆยี่ฝางก็เข้ามาดูแลนางอย่างเห็นได้ยาก นางไม่ได้เจอจ้านเป่ยว่างมาหลายวันแล้ว นางมีความภาคภูมิใจในตัวของนางเอง และไม่อยากไปหาเขา โดยคิดว่าที่นี่คือบ้านของเขา ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องกลับมาจ้านเป่ยว่างไม่ได้มองนาง ได้แต่ถามอย่างกังวลว่า "ทำไมจู่ๆ ถึงป่วยกะทันหัน? และยังป่วยหนักเช่นนี้"จ้านเส้าฮวนร้องไห้เสียงดัง "จะเป็นเพราะอะไรได้อีกล่ะ ก็ซ่งซีซีคนนั้นแหละ นางไปงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ด้วย โดยอาศัยที่ตนเองจะแต่งงานกับเป่ยหมิงอ๋อง กลับฉวยโอกาสด่าองค์หญิงใหญ่และท่านหญิงเจียอี้ยกใหญ่…"ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกมา ทั้งจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางต่างก็มองไปยังจ้านเส้าฮวนด้วยความตกใจจ้านเป่ยว่างเกือบสูญเสียเสียง "อะไรนะ นางจะแต่งงานกับเป่ยหมิ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status