Share

บทที่ 403

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น สมาชิกสตรีรวมตัวพูดคุยกัน ส่วนฮ่องเต้ก็พูดคุยกับสมาชิกบุรุษกัน

องค์หญิงหมิ่นชิงนั่งข้างซ่งซีซี แล้วพูดว่า "ตแนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่ ร่างกายของข้าไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ไปเข้าร่วมงานด้วยตนเอง แค่ส่งคนไปส่งของขวัญแทน พี่อยากให้เจ้ายกโทษให้พี่ด้วยนะ"

ซ่งซีซีรู้ว่านิสัยขององค์หญิงคนนี้ ไม่ใช่ว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่น ยามนี้นางยังเรียกตนเองว่าพี่ ซ่งซีซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ทำไมท่านพี่ต้องพูดเช่นนั้นล่ะ ท่านพี่ได้ส่งของขวัญมาให้ ข้าต้องกล่าวขอบคุณถึงจะถูก ตอนนี้สุขภาพของท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"

"ยังมีอาการไอ และมีไข้สูงอยู่สองสามวันแล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่นั้น ข้าลงจากเตียงไม่ได้เลยจริงๆ" องค์หญิงหมิ่นชิงไอออกมาอีกสองสามเสียงขณะที่นางพูด สาวใช้ก็รีบนำน้ำดำส้มมา นางจิบไปสองสามคำ อาการถึงดีขึ้นหน่อย แต่ใบหน้าของนางก็แดงก่ำจากการไอ

"ท่านพี่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ" ซ่งซีซีกล่าว

"อืม" องค์หญิงหมิ่นชิงพยักหน้า "ซีซีมีน้ำใจจริงๆ"

องค์หญิงฮุ่ยเจิงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงาน และนางก็หัวเราะเบาๆ ด้านข้าง "ท่านไม่รู้ว่าคืนนั้นน้องโม่ได้ห่วงใยมากแค่ไหน เขาไม่แม้แต่ให้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 404

    คำพูดของสนมฮุ่ยไทเฟยทำให้ทุกคนในงานต่างมองพระชายาอ๋องฮวยด้วยสายตารังเกียจพระชายาอ๋องฮวยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และละอายใจมาก นางมองไปยังซ่งซีซี โดยหวังว่าซ่งซีซีจะช่วยพูดให้นางสักหน่อย แต่ซ่งซีซีมีสีหน้าเย็นชา และไม่เห็นอารมณ์ใดๆ อยู่ในดวงตาของนาง นางได้แต่ยอมแพ้ แต่แอบแค้นอยู่ในใจ เป็นถึงท่านน้าของตนเองแท้ๆ ยังไม่ช่วย จะไม่ทำให้แม่ของนางผิดหวังหรือหลังจากพูดคุยกันสักพัก องค์หญิงใหญ่ถึงกลับมา หลังจากไหว้ให้ทุกคนเสร็จแล้วก็กลับนั่งลงอีกครั้งซ่งซีซียังไหว้ให้นางราวกับว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นองค์หญิงใหญ่แสร้งเก่งกว่านางตั้งเยอะ ยังเหลือบมองนางอย่างให้ความสนใจและอบอุ่นอีกด้วยฮองไทเฮาถามถึงไทเฟยหรง และองค์หญิงใหญ่ก็กล่าวว่า "เสด็จแม่รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่คืนนี้จะไม่มาฉลองปีใหม่กับทุกคน คืนนี้อากาศหนาว กลัวว่าเดี๋ยวโดนลมพัดจะเป็นหวัดเอาได้""อืม อีกเดี๋ยวข้าจะหาหมอหลวงดูแลนางให้เป็นพิเศษ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงมาก" ฮองไทเฮากล่าว"ขอบพระทัยพี่สะใภ้" องค์หญิงใหญ่กล่าวใกล้ถึงเวลาเปิดงานแล้ว นางกำนัลมาเชิญพวกเขา ทุกคนทยอยลุกขึ้น และล้อมรอบฮองไทเฮาไปที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 405

    ลูกชายของเขาได้รับแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในศักดินา ไม่ใช่ว่าเขาต้องการกลับไปยังเมืองหลวงเพียงลำพังเพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว เขาเองก็อยากมีลูกและหลานอยู่รอบตัวเขาด้วยเพียงแต่ว่าเมื่อผู้คนแก่ตัวลง พวกเขามักจะกลับบ้านเกิดของตนเอง ในเวลาเดียวกันก็แสดงให้ฮ่องเต้ดูว่ามีคนแก่อยู่ในเมืองหลวง ลูกหลานของเขาจะคิดอะไรไม่ซื่อสัตย์แน่ๆเขาไม่กังวลบลูกหลานของตนเอง แต่มีบางสถานการณ์เนี่ย เขาที่เป็นผู้เฒ่ามองออกแล้ว แค่กลัวว่าคนบางคนมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่ และจะไปซื้อเจ้าเมืองและจวิ้นอ๋องเป็นพวก ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนที่จะกลับเมืองหลวงเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณของเขาคืนนี้เขาลากเซี่ยหลูโม่ออกไป จงใจอาศัยมีอาการเมาและพูดคำพูดพล่อยๆ ออกไป จะว่าเป็นคำเตือนก็ได้ หรือเป็นบอกใบ้ก็ได้ สุดท้ายแล้วสิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถทำได้นั้นก็มีเพียงเท่านี้สุดท้าย เขาก็ตบไหล่เซี่ยหลูโม่ แล้วพูดว่า "ภรรยาของเจ้าน่ะ ข้าดูแล้วค่อนข้างชอบ หาเวลาว่างๆ พานางมากราบไหว้ข้าสักหน่อย"เซี่ยหลูโม่ยิ้มและพูดว่า "ขอรับ จะพาไปเยี่ยมแน่นอน""เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว!" ท่านอ๋องฮุยลูบเคราพลางหัวเราะ จากนั้นก็เดินจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 406

    หลังจากสนุกสนานกันทั้งคืน เมื่อเฝ้าเวลาจนถึงยามจืน ทุกคนก็กลับห้องพักของตนเองไปแล้วรุ่ยเอ๋อร์ง่วงนอนตั้งนานแล้ว แต่เพียงพยายามที่จะฝืนเอาไว้ กุ้นเอ๋อร์อุ้มเขากลับไปห้องนอนเซี่ยหลูโม่อุ้มซ่งซีซีไว้ในอ้อมแขนของเขา ผ้าห่มนั้นอบอุ่น และเขาแค่หวังว่าทำให้หัวใจของนางอบอุ่นขึ้นเช่นกันเดิมทีเขาคิดว่านางจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย นางนอนเงียบๆ ในอ้อมแขนของเขา หายใจปกติ โดยไม่รู้ว่านางหลับไปจริงๆ หรือเปล่าแน่นอนว่าซ่งซีซีไม่ได้หลับไป นางนอนไม่หลับและไม่อยากขยับหรือพูดอะไรเรื่องบางเรื่องต้องผ่านให้ได้ ผ่านด้วยความอดทนและเข้มแข็ง เวลาจะนำพาฝุ่นมาและปิดผนึกความเจ็บปวดทั้งหมดนี่เป็นวิธีที่นางแก้ปัญหาแต่สิ่งที่ดีกว่าเมื่อก่อนคือตอนนี้นางมีคนที่รักและปกป้องนางอย่างแท้จริงเซี่ยหลูโม่รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่เขารู้สึกห่วงใยนางมากกว่าเวลานางนางมีความสุขนางจะยิ้มให้เขา แต่เมื่อนางเสียใจนั้น นางจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าเขานางมักจะซ่อนด้านมืดและความเศร้าของตนเองเอาไว้เสมอ และมอบความสงบและรอยยิ้มให้เขาเสมอซีซีไม่เคยบอกว่านางชอบใจเขา มีอยู่แค่ครั้งเดียวที่พูดกับรุ่ยเอ๋อร์ แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 407

    ซ่งซีซีตอบกลับอืม "ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคิดแบบนี้ข้าพอจะเข้าใจได้ แต่ตระกูลเสิ่นของเจ้าเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงหนาน สืบทอดมาตั้งหนึ่งศตวรรษมไม่เคยตกอับด้วยซ้ำ แค่เป็นเพราะเรื่องของท่านอาของเจ้า ส่งผลทำให้พวกนางหาคู่ครองได้ยากหน่อย แต่พวกเจ้าก็เป็นคนชั้นสูงอยู่แล้ว ทำไมต้องไปหาคู่เป็นคนใหญ่คนโตด้วยล่ะ แต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า ก็สามารถกุมอำนาจในครอบครัวฝ่ายชายได้ ชีวิตแบบนี้จะไม่สบายกว่าหรือ""ดังนั้นข้าด่าว่านางโง่ไง" เสิ่นว่านจือใส่ต่างหูไข่มุกตงจูให้นาง "อ๋องเยี่ยนมุ่งเป้าไปที่ตระกูลเสิ่น มันผิดปกติหรอก เขาออกจากเมืองหลวงตั้งแต่เช้านี้ ไม่รู้ว่าเขาจะจัดงานศพของท่านป้าของเจ้ายังไง""ส่งคนไปจับตาดูหรือยัง" ซ่งซีซีถาม"จับตาดูอยู่" เสิ่นว่านจือบีบแก้มของนาง "ยิ้มให้หน่อย หลายวันมานี้เจ้าก็ไม่ค่อยยิ้มเลย หากข้ามีลูกหลาน หลังจากข้าจากไป ข้าจะหวังว่าลูกหลานของข้าจะยิ้มทุกวัน"ซ่งซีซีตบมือนาง "เจ้าไม่แม้แต่มีสามีด้วยซ้ำ แล้วจะมีลูกหลานได้อย่างไร""คางคกสามขามันหายาก แต่ผู้ชายเนี่ยนะหาง่ายจะตาย" แม้ว่าเสิ่นว่านจือพูดแบบนี้ แต่ความเป็นจริงนางก็หมดอารมณ์นางไม่มีความปรารถนาที่จะแต่งง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 408

    ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เมื่อเห็นน้ำชาอุ่นๆ และข้าวต้มร้อนๆ จากจวนอ๋อง นางจึงกินข้าวต้มเนื้อสับไปสองชามใหญ่แล้วยังถามว่าขออีกชามได้ไหมซ่งซีซีวางตัวเงินหนึ่งหมื่นตำลึงและข้าวต้มลงบนโต๊ะ ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังก็เบิกตากว้าง และเงยหน้าขึ้นมองซ่งซีซี นางประหลาดใจมากจนมือและริมฝีปากของตนเองต่างก็สั่นเทานางเหนื่อยหน่ายมาสองวัน และหาเงินได้เพียงเจ็ดร้อยตำลึงเท่านั้นในขณะที่นางตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดอะไรได้นั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดจากด้านข้างว่า "คนใช้ หยิบกล่องที่บรรจุตัวเงินของข้ามา และมอบตัวเงินสองหมื่นตำลึงให้ฮูหยินผู้เฒ่า"สิ่งที่ลูกสะใภ้ต้องการทำ นางจะให้ความสนับสนุนอยู่แล้ว แท้ยังต้องสนับสนุนเป็นสองเท่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตื่นเต้นและแทบจะน้ำตาไหล"อย่าตื่นเต้นไปเลย อย่าตื่นเต้นนะ ฮูหยินผู้เฒ่ากรุณานั่งลง" ซ่งซีซีกลัวว่าถ้านางลิงโลดเกินไป เดี๋ยวจะทำเอาเลือดขึ้นสมอง งั้นเรื่องทำเพื่อความหวังดีจะกลายเป็นเรื่องร้ายเข้าหลานสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าหลายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาหนึ่งในนั้นควบคุมตนเองไม่ได้และพูดด้วยดวงตาแดงๆ ว่า "วันนี้เราไปถึ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 409

    จะว่าไป ไม่ได้สนใจเรื่องทางฝั่งจวนแม่ทัพมานานแล้วจริงๆตอนนี้ฮูหยินสองคนของจ้านเป่ยว่างต้องสามารถดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอย่างดีมากสนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวว่า "ใช่ หลังจากทะเลาะกับคนอื่นแล้ว มักจะพูดอะไรไม่ใช้สมอง ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ล้วนจะด่าไปหมด อีกอย่างพูดคำหยาบคายที่รุนแรงที่สุดเสมอ"เวลาที่สนมฮุ่ยไทเฟยพูดนั้น นางก็หดคอกลับ เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกร้อนตัวอยู่บ้างเสิ่นว่านจือถามด้วยรอยยิ้ม "ท่านพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจสินะ"สนมฮุ่ยไทเฟยยิ้มเบาๆ "คราวก่อนที่ข้าทะเลาะกับพระสนมเด๋อกุ้ยเฟย ข้าพ่ายแพ้ พอฝ่าบาทมาก็มาปลอบใจข้า แต่ข้าก็ด่าเขาไปด้วย เกิดเป็นเรื่องใหญ่เข้า โชคดีที่ท่านพี่มาช่วย ไม่งั้นข้าคงถูกส่งตัวไปขังที่วังเย็นแล้ว"ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมองหน้ากันและยิ้ม แม่สามีของนางคนนี้เนี่ย บางครั้งพูดจาไม่ดูสถานการณ์จริงๆแต่ไทเฮาก็ตามใจและเอ็นดูนางมากทีเดียว บัดนี้กลายเป็นแม่สามีคนแล้ว ถึงยอมกล่าวหาว่านางสักหน่อย แต่ช่วงปีใหม่ได้พักที่วังเป็นเวลาหลายวัน ก็คงสอนนางให้รู้ว่าการเป็นแม่สามีคนควรทำอะไรบ้างกล่าวโดยสรุปว่าหลังจากกลับมาจากวัง เสด็จแม่ก็ปฏิบัติต่อนางได้ดีขึ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 410

    อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีคนบางคนพูดว่าซ่งซีซีเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ตัวตนเดิมเป็นถึงบุตรีของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกงด้วย มีทรัพย์สินของครอบครัวเยอะ มีเงินทองนับไม่ถ้วน แค่บริจาคเงินนับหมื่นตำลึงมันไม่เห็นจะมีอะไรเลยในทางกลับกัน ทางจวนแม่ทัพยากจน และฮูหยินผู้เฒ่าป่วยมานาน ที่จวนไม่สามารถหาเงินมาบริจาคก็พอเข้าใจได้แต่ความคิดเห็นดังกล่าวนี้ก็ถูกโต้เถียงกลับทันที"เจ้ามีความเข้าใจผิดกับคำว่ายากจนหรือเปล่า ตอนนั้นที่จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับยี่ฝาง ได้ยินว่าค่าหมั้นก็หมื่นสองหมื่นตำลึงแล้ว ไหนจะหวังฮูหยินคนนั้นที่แต่งเข้าไป สินเดิมมีมากเท่าไรเจ้าไม่เห็นหรือไง""ว่าเขายากจน เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาออกให้นั้นก็มากพอที่เจ้าใช้ชีวิตได้เป็นปีแล้ว""ถึงจะยากจน ไม่บริจาคก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องด่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังเป็นขอทานล่ะ ปีนี้นางอายุเกินเก้าสิบปีแล้ว นางไปขอบริจาคในท่ามกลางอากาศหนาวจัดไปเพื่อผู้ใด เพื่อผู้ประสบภัยนี่น่ะ ทำไมนางต้องโดนด่าว่าเป็นขอทานล่ะ""อีกอย่าง ที่จวนเป่ยหมิงอ๋องมีเงินก็จริง เจ้ามีเงินไหม เงินสิบตำลึงมีอยู่ใช่ไหม จะให้เจ้าบริจาควักหนึ่งตำลึงเจ้ายินยอมไหมล่ะ ไม่ยินยอมใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 411

    ซ่งซีซีหัวเราะแต่ก็ต้องถามให้ชัดเจนกว่านี้ เลยให้เสิ่นว่านจือจับนางกลับมา แล้วผลักนางนั่งลงบนเก้าอี้"เจ้าเคยเจอเขามาเหรอ?"ดวงตาของเซียนหนิงเป็นประกาย "อืม ตอนที่เขาเข้าวังไปคารวะให้หวงโฮ่ว ข้าได้เห็นแล้ว""เจ้าชอบอะไรในตัวเขา" ซ่งซีซีถาม"ไม่รู้สิ แค่มองก็ชอบแล้ว"ซ่งซีซีไม่รู้ว่าฉีลิ่วมีหน้าตาเป็นอย่างไร ชอบแบบนี้ก็เรียกได้ว่าชอบตั้งแต่แรกพบ มันมักจะเพราะรูปร่างหน้าตา"อืม งั้นให้พี่ส่งคนไปถามให้ไหม?""เรื่องนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับเสด็จแม่และพี่สะใภ้นะ" เซียนหนิงอดไม่ได้ที่ยกยิ้มขึ้นมา "แต่ก็ได้นะ ลองถามดูก็ได้"ที่จริงแล้ว เรื่องแต่งงานขององค์หญิง ไม่จำเป็นต้องถามก็ได้ หากนางชอบใจผู้ใด ก็แค่ไปขอพระราชโองการเท่านั้นอย่างไรก็ตาม ซ่งซีซียังคงต้องการทราบความคิดเห็นของฉีลิ่ว หากถูกบังคับให้แต่งงานเพียงเพราะความกดดันจากราชวงศ์ งั้นแต่งงานไปก็คงใช้ชีวิจอย่างไม่มีความสุขอยู่ดีนางรู้ความตั้งใจของหวงโฮ่ว ลูกหลานของตระกูลฉีต่างโดดเด่น หากให้เลือกคนจากบรรดาพวกเขาเพื่อแต่งงานกับองค์หญิง งั้นฉีลิ่ว ลูกชายจากบ้านที่สามที่ถือว่าไม่เอาไหนก็เหมาะสมที่สุด จะไม่ทำให้บุรุษอื่

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status