Share

บทที่ 506

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
จ้านเส้าฮวนนั่งอยู่ขอบเตียง นางสบถขึ้นมาเบา "ข้าจะไม่ไปยุ่งกับนางหรอก ก่อนที่นางจะแต่งเข้ามาข้ายังคิดว่านางมากความสามารถ สามารถเทียบสินเดิมกับซ่งซีซีด้วยซ้ำ แต่บัดนี้เงินแค่ไม่กี่หมื่นก็เอาออกมาไม่ได้ น่าเหลือเชื่อจริงๆ แต่ดีกว่ายี่ฝางสักหน่อย ยามที่พี่ชายรองแต่งยี่ฝางนั้นต้องออกเงินไปมากเท่าไร แต่สินเดิมที่นำกลับมาก็นิดเดียวเอง น่าอับอายเหลือเชื่อจริงๆ ยังพระราชทานอภิเษกสมรสจากฮ่องเต้นี่น่ะ"

นางหาว่าพี่สะใภ้ทั้งสองเสร็จก็ตำหนินางหมินต่อ "พอพี่สะใภ้ใหญ่ป่วยก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้แต่สินเดิมของข้ายังไม่ได้จัดเตรียม ไม่รู้ว่านางจะเตรียมอะไรให้ข้า ข้าว่าอย่าไปตั้งความหวังกับนางมากไปจะดีกว่า นางขี้เหนียวกว่าผู้ใดเสียอีก"

ลูกสะใภ้ทั้งสามคนไม่มีคนไหนได้เรื่อง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านฟังดูก็รำคาญใจ "เอาล่ะ หุบปากไปเลย"

จ้านเส้าฮวนปิดปาก และแสงก็ส่องไปที่ใบหน้าของนาง หน้าไม่ได้กลมเหมือนเมื่อก่อน ทำให้นางดูดุร้ายกว่าเก่ามาก

ยามเวลานี้นางหมินกำลังตัวสั่นอยู่ในห้อง

นางได้ยินคนใช้มารายงานว่าหวังชิงหลูยังไม่ได้กลับมา เด็กบริการคนนั้นยังรออยู่ นางก็กังวลแทบแย่

นางกลัวว่าหวังชิงหลูไม่สามารถหาเงินจำนว
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 507

    ภายใต้แสงสลัว มีร่างหนึ่งรีบเข้ามาที่ประตูและประคองนาง "เกิดอะไรขึ้น"หวังชิงหลูเห็นใบหน้าของจ้านเป่ยว่าง สามีของตนเองท่ามกลางน้ำตาที่พร่ามัว นางซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ร้องไห้ยิ่งดังขึ้นและเสียใจมากขึ้นจ้านเป่ยว่างไม่เคยเห็นนางนั่งบนพื้นและร้องไห้อย่างเสียท่าขนาดนี้ เขาคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาเลยรีบถามว่า "เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?"จินเอ๋อร์เล่าเรื่องวันนี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่ในขณะที่นางกำลังจะบอกว่าได้ใช้เงินทำขวัญของเจ้าสิบเอ็ดฝางนั้นก็โดนหวังชิงหลูคำรามใส่อย่างกะทันหัน "หุบปาก!"จินเอ๋อร์ตกใจมากจนเงียบไปอย่างรวดเร็วแต่จินเอ๋อร์ได้พูดถึงชื่อของเจ้าสิบเอ็ดฝาง แค่ไม่ได้บอกมันเป็นเงินทำขวัญเท่านั้น ต่อให้จ้านเป่ยว่างจะโง่มากแค่ไหนก็พอจะเดาได้แล้วนางใช้เงินบำนาญมรณะของเจ้าสิบเอ็ดฝางไปซื้อสินเดิมให้กับจ้านเส้าฮวน สินเดิมชิ้นนั้นมีมูลค่าสามหมื่นหกพันแปดร้อยตำลึง"คืนของ!" จ้านเป่ยว่างปล่อยนางไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง "พรุ่งนี้เจ้าจะไปที่ร้านจินจิง แล้วคืนชุดเครื่องประดับทับทิมบนศีรษะไปซะ"เงาร่างสูงของเขาบังหวังชิงหลูเอาไว้ หวังชิงหลูปาดน้ำตาออกและเงยหน้าขึ้น เพียงเห็นใบหน้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 508

    ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพร่ามัว นางก็พุ่งตัวไปข้างหน้าจนเกือบจะเป็นลมจ้านเป่ยว่างรีบกอดนางเอาไว้ และไม่มีอารมณ์จะโกรธอีก เขาก็ตะโกนอย่างเร่งด่วน "คนใช้ ไปตามหาหมอ ไปตามหาหมอ"จ้านเส้าฮวนร้องไห้ต่อหน้าหวังชิงหลู "เจ้าจะทำอะไร? เจ้าอยากให้ท่านอารมณ์เสียจนตายหรือไง ชุดเครื่องประดับบนศีรษะนี้เป็นเจ้าที่อยากทำหน้าใหญ่ใจโตเลยซื้อมา บัดนี้กลับอยากกลับคำ"หวังชิงหลูถอยหลังและมองดูฉากนี้อย่างทำอะไรไม่ถูก นางรู้สึกจนใจมาก ทั้งน้อยใจและกลุ้มใจ นางออกเงินสามหมื่นหกพันแปดร้อยตำลังซื้อชุดเครื่องประดับบนศีรษะให้นาง กลับแลกกับคำตำหนิของพวกนาง นางกลับเป็นฝ่ายผิดหรือ?ตามหาหมอในท่ามกลางดึกๆ ก็สร้างความวุ่นวายได้พักใหญ่ หวังชิงหลูต้องปาดน้ำตาออกและหยิบผ้าเช็ดหน้าทำความสะอาดใบหน้าและมือของฮูหยินผู้เฒ่าหมอบอกว่าเป็นเพราะภาวะสะเทือนใจอย่างรุนแรงเลยทำให้หน้ามืดเป็นลม แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง แค่กินยาสักหน่อยเดี๋ยวก็หายดีเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าจ้านตื่นขึ้นมา ความโกรธของจ้านเป่ยว่างก็หายไปจนหมด เขาเพียงคุกเข่าอยู่หน้าเตียงและกล่าวขอโทษท่านแม่ว่า "ข้าไม่ควรพูดจารุนแรง ทำให้ท่านแม่เป็นลม ข้ามีความผิด"ฮูหยิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 509

    มันเป็นเสียงเยาะเย้ยของยี่ฝางที่ดังมาจากข้างนอก "เจ้ากลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!""เจ้า..." หวังชิงหลูเอามือจับหน้าอกของตนเอง "เจ้ากล้าดียังไงล่ะ ภรรยาเท่าเทียมกันคนหนึ่ง... เป็นแค่อนุคนหนึ่งก็กล้ามาหัวเราะเยาะข้าเหรอ?""เฮอะ อนุภรรยาอย่างข้าก็ได้สินสอดจากจวนแม่ทัพไม่น้อยเลยน่ะ" ยี่ฝางหัวเราะออกมาดังๆ "ตั้งแต่ข้าแต่งเข้ามา ข้ากินของดีใช้ของดี ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกข้า ข้าก็ไม่เคยออกเงินแม้แต่เบี้ยเดียวมาอุดหนุนด้วยซ้ำเลย"หลังจากที่นางพูดจบ ขณะที่หวังชิงหลูหายใจถี่อย่างโกรธแค้นนั้น นางก็จากไปอย่างเฉยเมยในทั้งจวนแม่ทัพ มีนางเพียงคนเดียวที่สามารถดูเรื่องตลกอย่างกับไม่เกี่ยวข้องกับนางอย่างไรอย่างนั้น ให้จัดสินเดิมให้จ้านเส้าฮวนงั้นหรือ? ถ้านางกล้ามาถาม นางก็กล้าจะตบหน้านางมีแต่หวังชิงหลู...เอาเรือเข้าไปขวางน้ำเชี่ยว!หลังจากเยาะเย้ยหวังชิงหลูแล้ว ยี่ฝางก็กลับมาที่เรือน ตรวจสอบกลไกความปลอดภัยทั้งหมด จากนั้นสั่งไม่ให้สาวใช้เข้าไปในห้องก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้านอนนางเคยได้ยินเรื่องที่รัชทายาทเมืองซีจิงเปลี่ยนคนแล้ว และสามารถยืนยันตัวตนที่แท้จริงของชายที่ถูกนางจับตัวไปในเมืองลู่เปินเอ่อร์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 510

    ณ จวนองค์หญิงใหญ่!องค์หญิงใหญ่ถามชายวัยกลางคนอย่างเคร่งขรึมโดยก้มศีรษะลงต่อหน้านางว่า "ได้ยังไง ทำไมซ่งซีซีจะค้นพบตัวตนของนางหวู่ได้? ใช่นังตัวดีคนนั้นไปบอกซ่งซีซีเองหรือเปล่า"ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียว และใบหน้าที่หล่อเหลากลับดูหดหู่ เมื่อได้ยินองค์หญิงใหญ่พูดเช่นนั้น เขารีบส่ายหัว "เป็นไปไม่ได้ ชิงหวู่จะไม่มีทางริเริ่มที่ไปบอกซ่งซีซี อีกอย่างชิงหวู่ก็เชื่อฟังคำสั่งของท่านเสมอ สิ่งที่ท่านสั่งให้นางทำนั้นนางไม่เคยกล้าฝ่าฝืน""ปล่อยให้นางทำนางก็ไม่กล้า" ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยความโกรธและความอำมหิต "แม่ของนางยังคงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของจวนองค์หญิง หากอยากให้นางออกมา นางย่อมต้องเชื่อฟังเท่านั้น""ขอรับ นางต้องเชื่อฟัง"องค์หญิงใหญ่มองดูคนตรงหน้าอย่างเย็นชา และเมื่อเห็นท่าทางของคนนั้นนางก็โกรธขึ้นมา "เจ้าไปถามนางสักหน่อย แล้วบอกคนอื่นๆ ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวด้วย อย่าถูกคนนอกรู้ตัวตนด้วย ข้าคาดว่าซ่งซีซีแค่รู้ตัวตนของนางคนเดียวก็พูดโวยวาย ต่อสาธารณะ อยากให้ข้าลูบหน้าปะจมูก ทำอะไรไม่ถูก ข้าไม่มีทางติดกับดักนาง""ขอรับ รับทราบขอรับ ข้าจะไปบอกพวกนาง"เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีอะไรอย่าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 511

    สีหน้าของกู้ชิงหวู่นั้นเรียบเฉย บ่งบอกถึงการเสียดสีอยู่เสมอ แม้แต่ต่อหน้าพ่อของนางก็ตามนางพูดว่า "ลูกไปที่จวนเฉิงเอินป๋อเป็นอนุภรรยา จะไปติดต่อกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋องอย่างเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร ถ้าท่านแม่ใหญ่องค์หญิงไม่เชื่อใจลูก ก็สามารถให้ยาพิษหนึ่งแก้วแก่ลูกได้"ฝู้หม่ากู้ขมวดคิ้ว "เจ้าพูดอะไรเหลวไหล ให้ยาพิษแก่เจ้า ทำไมต้องเสียเงินเสียแรงไปอบรมเจ้าล่ะ เจ้าอย่าลืมภารกิจของตนเอง แม่แท้ๆ ของเจ้ายังอยู่ในมือของนาง"ดวงตาจของกู้ชิงหวู่ยิ่งฉายแววความเยาะเย้ยและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง "ถ้าท่านพ่อชอบท่านแม่ของข้ามาก ทำไมท่านไม่กล้าต่อต้านนาง แต่ปล่อยให้ลูกถูกคนอื่นทำร้ายตามอำเภอใจเพื่อแลกกับให้ท่านแม่ไปอยู่กับท่านหรื?"ใบหน้าของฝู้หม่ากู้ดูไม่สบอารมณ์ "เจ้าทำให้จวนเฉิงเอินป๋อเกิดความวุ่นวายไปหมด ท่านแม่ใหญ่ของเจ้าก็ดีใจกับเรื่องนี้ แต่ถูกค้นพบตัวตนทำให้นางโกรธน้ดหน่อย น้องสาวของเจ้าออกเดินทางแล้ว นางจะไปพบเป่ยหมิงอ๋องในระหว่างทาง น้องสาวของเจ้าทั้งงดงามและเป็นสตรีที่มีวรยุทธ์เป็นแนวที่เป่ยหมิงอ๋องชอบ เป่ยหมิงอ๋องน่าจะให้ความสนใจกับนาง ขอแค่นางแต่งเข้าจวนเป่ยหมิงอ๋อง งั้นแผนของเรา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 512

    เหลียงเส้าถูกเรียกกลับไปยังจวนเฉิงเอินป๋อ เขายังคงถือตัว โดยบอกว่าเขาไม่ผิด ฮ่องเต้ตำหนิเขาและปลดยศซื่อจื่อของเขาไปเป็นการตัดสินที่ไม่สมควรคนหนุ่มมักจะเย่อหยิ่ง คิดว่าตนเองฉลาดคนเดียวคนอื่นล้วนโง่หมด ดูถูกทุกคน แม้ว่าจะเป็นพ่อแม่ของตนเอง ครอบครัวของตนเอง เขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาเมื่อเห็นว่าเขาดื้อรั้นขนาดนี้ เฉิงเอินป๋อก็โกรธมากจนตบหน้าเขาแล้วพูดด้วยดุเดือดว่า "เจ้าไปกล่าวขอโทษต่อท่านหญิงเดี๋ยวนี้เลย หากเจ้ากล้าพูดจาไม่มีต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอีก ก็ไสหัวออกไปซะ อย่าคิดจะเหยียบเข้ามาในจวนเฉิงเอินป๋ออีกในอนาคต แม้แต่ที่พักซอยฝูหรงก็ถูกยึดกลับคืนมาด้วย"ในขณะที่เหลียงเส้ากลับมานั้นเขายังคงกังวลเล็กน้อย เพราะถึงยังไงยศซื่อจื่อก็ถูกปลดแล้ว หลังจากปากแข็งพูดไปอีกกี่คำ หากคนในครอบครัวยังคงเอาใจเขางั้นเขาก็จะฉวยโอกาสอ่อนข้อให้แล้วพาเยียนหลิวกลับมาทว่าไม่มีผู้ใดเอาใจเขาหลังจากกลับบ้าน แม้แต่ท่านย่าที่คอยเอาใจใส่เขามาตลอดก็ยังเงียบอยู่ ตอนนี้เขาถูกตบหน้าอีกครั้งและยังบังคับให้ไปกล่าวขอโทษท่านหญิง ซึ่งทำให้เขาไม่ยอมเขาปิดหน้า ยังทำท่าดื้อรื้อและคำรามด้วยความโกรธ "เอาเลย เอากลับไปหมด ให้ข้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 513

    หลานเอ่อร์กล่าวว่า "ช่วยข้านั่งขึ้นแล้วปล่อยให้เขาเข้ามาเถอะ จะดูว่าเขาจะทำอะไร""ท่านหญิง ยังปล่อยให้เขามาหรือ?" เสี่ยวจินยังคงโกรธมากและเป็นกังวลเมื่อคิดถึงเขาเคยผลักคุณหนูชนกับโต๊ะหลานเอ่อร์กล่าวว่า "ไม่ต้องลัว ขอให้ศิษย์พี่ซือโซและศิษย์พี่หลัวคอยเฝ้าดูจากด้านข้าง เขาแตะต้องข้าไม่ได้"นางตายใจกับบุคคลนี้แล้ว แต่เรื่องบางเรื่องต้องมาพูดคุยต่อหน้าให้ชัดเจนเสี่ยวจินได้แต่ช่วยพยุงนางลุกขึ้นนั่ง โดยยัดเบาะนุ่มๆ ไว้บนหลังให้นาง "ไม่ว่ายังไงท่านก็ลุกจากเตียงไม่ได้ หมอบอกว่าท่านยังไม่สามารถลุกจากเตียงแล้วเดินไปรอบๆ ได้""ข้ารู้" ใบหน้าซีดเซียวของหลานเอ่อร์ ดูหมองคล้ำและไร้อารมณ์นับตั้งแต่เสด็จแม่บอกว่าห้ามนางหย่า นางก็นอนพักอย่างสิ้นหวังแบบนี้ตลอดทั้งวัน อย่าว่าแต่อนาคตจะเป็นอย่างไร นาง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรแต่วันนี้เขามาด้วยความโกรธ และจู่ๆ นางก็มีพลังขึ้นมาบ้าง นาง อยากจะทำอะไรสักอย่างหรืออยากจะพูดอะไรบางอย่างอย่างน้อย นางก็ไม่สามารถปล่อยให้การกระทำของท่านพี่ต้องเสียเปล่าเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้ามาใกล้ และเขาเสาเท้าเข้าไป แต่ศิษย์พี่ซือโซและศิษย์พี่หลัวควางติดต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 514

    เหลียงเส้าปรี๊ดแตก "ข้าไร้ค่าเช่นนี้ แต่เจ้ากลับกระตือรือร้นมาใกล้ชิดข้า เรื่องแต่งงานของเรา เป็นเจ้าชอบด้านเดียว ข้าแค่ถูกบังคับโดยอำนาจของจวนอ๋อง... ""หุบปากซะ" ดวงตาของหลานเอ่อร์แดงก่ำมาก และริมฝีปากของนางก็สั่นอีกครั้ง นางรู้สึกละอายใจและเสียใจมากเมื่อพูดถึงการแต่งงาน "ตอนแรกข้าถูกใจเจ้าจริงๆ แต่เจ้าก็บอกว่าถูกใจข้าด้วย นี่ถึงทำให้ข้ามีชะตากรรมที่ชั่วร้ายนี้เช่นนี้ หากจวนอ๋องฮวยของข้ามีอำนาจจริงๆ เจ้าจะกล้ารังแกข้าได้อย่างไร"สุดท้ายน้ำตาของนางยังคงไหลออกมาอย่างไม่เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่านางจะพยายามกลั้นไว้ แต่นางเป็นคนมีนิสัยอ่อนแอตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา อารมณ์ของนางก็ไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป ดังนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกันนางผอมมาก และท่าทางที่นางพยายามหลั่งน้ำตาเอาไว้แต่กลั้นไว้ไม่อยู่ทำให้เหลียงเส้ารู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดนี้ก็หายไปในชั่วพริบตา เขาสัญญาว่าจะรักเดียวใจเดียวกับเยียนหลิว จะไม่แสดงความรักหรือเห็นใจกับผู้หญิงคนอื่นเขาพูดอย่างเย็นชา "ข้ารังแกเจ้าหรือ ทำไมไม่บอกว่าเจ้ารังแกนาง ตอนนี้เจ้ายังอาศัยอยู่ใ

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status