Share

บทที่ 91

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้

นางไม่สนใจข่าวลือให้ร้ายพวกนั้นเลย แต่จงใจสร้างความขัดแย้งในหมู่ทหาร สร้างความอยุติธรรม รบกวนขวัญกำลังใจของกองทัพถือเป็นข้อห้ามก่อนการสู้รบขั้นสูงสุด

ยี่ฝางเคยผ่านสนามรบมาแล้ว นางจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? บางทีนางอาจต้องการใช้ประโยชน์จากคำซุบซิบมากดดันเป่ยหมิงอ๋อง เพื่อจะให้เป่ยหมิงอ๋องแขวนนางเพื่อรักษาขวัญกำลังใจของกองทัพ

“ตอนนี้ข่าวแพร่สะพัดในหมู่กองกำลังเสริมเท่านั้นใช่ไหม?” ซ่งซีซีถาม

เสิ่นว่านจือยังคงโกรธจัดจนใบหน้าที่แทบจะปริออกจากกันค่อย ๆ กลายเป็นสีม่วงอมแดง “ช่แล้ว กองกำลังเสริมพักอยู่ในค่ายที่อยู่แยกกันจากกองทัพเป่ยหมิงเดิม ดังนั้นกองทัพเป่ยหมิงจึงไม่ทราบเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ต้องมีคนมาสอบถามที่นั่นอย่างแน่นอน”

ซ่งซีซีขมวดคิ้วแน่นขึ้น หลังผ่านการรบมาหลายครั้ง ทหารที่ให้การนับถือนางมีหลายคน เกรงว่าหากพวกเขารู้เรื่องนางถูกใส่ร้าย เรื่องราวจะไม่หยุดเป็นแค่การสอบถามเท่านั้น อาจบานปลายถึงขั้นตีกันด้วย

หากเป็นแบบนี้ ส่งผลให้ขวัญกำลังใจของทหารกระเจิดกระเจิง ยากที่จะสร้างความสามัคคี

แล้วจะทำสงครามได้อย่างไร? ยกมือของเขตหนานเจียง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (3)
goodnovel comment avatar
อารมณ์รัตน์
ให้เหรียญน้อยเกินโฆษณานานมาก
goodnovel comment avatar
Naruemon Bunchim
ช่ายเบื่อโฆษณา
goodnovel comment avatar
จีระนันต์ ภูธนนันทน์
น่าติดตามแต่เบื่อเพราะโฆษณามากเกินและนาน ทำไห้เบื่อ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 92

    ซ่งซีซีปักหอกดอกท้อลงบนพื้น แล้วมัดผมอย่างดี ลมหนาวพัดแรงจนทำให้เสื้อผ้าของนางเสียดสีส่งเสียงดังออกมานางเงยคางขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเย็นชาราวกับหิมะ “แค่ชนะเจ้าได้?”"ถูกต้อง!" ปี้หมิงพูดเสียงดัง: "ขอแค่ชนะข้าน้อยได้ ข้าน้อยสามาบานว่าจะติดตามท่านไปจนตาย ไม่ผิดคำพูด"“ผู้หมวดปี้เยี่ยมมาก!”“เอาชนะนาง ปล่อยให้นางกินบารมีท่านพ่อและท่านพี่ของนาง แล้วเหยียบหัวทหารพวกเราขึ้นไปรึ”“ความดีความชอบทางทหารยากเย็นแสนเข็นแค่ไหน นางก็แค่สตรี กล้ามาใช้บารมีจอมปลอมมาคุมกองทัพซวนเจีย ผู้หมวดปี้พวกเราไม่ยอมรับ สู้นาง”ปี้หมิงพูดอย่างเย็นชา: "แม่ทัพซ่งได้ยินแล้วใช่ไหม?"ซ่งซีซีกวาดตามองกองทัพซวนเจียที่ตะโกนกึกก้อง จากนั้นจึงถือหอกดอกท้อไว้ในมืออีกครั้ง "ได้ ลงมือเถอะ!"ดวงตาของปี้หมิงเต็มไปด้วยความรังเกียจ "อย่าหาว่าข้ารังแกผู้หญิง แม่ทัพซ่ง ข้าจะยอมให้ท่านหนึ่งกระบวนท่า!""ขอบใจมาก!" ซ่งซีซีม้วนริมฝีปากแล้วยิ้ม ไฝสีแดงใต้ตาของนางแดงราวกับเลือดห่างออกไปอีกด้านหนึ่ง จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางรวมถึงทหารหลายคนได้ยินเสียงความโกลาหลจากฝั่งนี้ ต่างยืนอยู่บนหอคอยเพื่อสังเกตการณ์ดวงตาของยี่ฝางเย็นชา "ยอดเยี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 93

    ระหว่างหอคอยเมืองและสนามในป่ามีระยะห่างกันพอสมควร พวกเขาจึงไม่รู้สึกถึงพลังภายใน และมองไม่เห็นรอยแตกบนพื้น สิ่งที่พวกเขาเห็นคือปี้หมิงยืนอยู่กับที่โดนซ่งซีซีแทงบาดเจ็บดังนั้นในความเห็นของยี่ฝางนั้น สิ่งนี้ช่างน่าขันยิ่งนัก เป่ยหมิงอ๋องต้องการส่งเสริมนาง ต้องการให้ซ่งซีซีเลื่อนขั้นจนสามารถทำได้ทุกอย่างหลังจากยี่ฝางหัวเราะเสร็จ น้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ “กองทัพซวนเจียล้วนเชื่อฟังเป่ยหมิงอ๋อง หากเป่ยหมิงอ๋องต้องการให้พวกเขายอมจำนนต่อใคร พวกเขาก็จะทำตาม แต่ว่าจะเล่นละครฉากนี้เพื่ออะไรกัน คิดว่าทหารเหล่านี้เป็นลิงกันหมดรึไง”จ้านเป่ยว่างก็สงสัยเล็กน้อย เป่ยหมิงอ๋องไม่ทำเรื่องเช่นนี้แน่ ทักษะการต่อสู้ของซ่งซีซีดีมากจริง ๆ แม้ว่าจะต่อสู้กันจริง ๆ ปี้หมิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเป็นไปได้ไหม ซ่งซีซีรู้เพียงไม่กี่กระบวนท่าพวกนั้นเท่านั้น? ไม่มีความสามารถอื่นอีกแล้ว?ไม่ว่าอย่างไร ความท้าทายในวันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าขันฉากหนึ่งจ้านเป่ยว่างโกรธเล็กน้อย การสร้างเรื่องในสนามรบ จัดฉากสร้างความดีความชอบให้ลูกหลานตระกูลขุนนางไม่ใช่เรื่องที่แปลก แต่การที่มอบกองทัพซวนเจียให้ซ่งซีซีไป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 94

    ซ่งซีซีฝึกกองกำลังจนดึกดื่นก่อนจะเดินทางกลับเมือง แต่กลับถูกยี่ฝางขัดไว้หน้าประตูเมืองกองไฟสว่างขึ้นจากระยะไกล ส่องให้เห็นใบหน้าอันโกรธแค้นและเหยียดหยามของยี่ฝาง“เล่นละครได้ดีนะ ยังพอรักษาหน้าไว้ได้ ชื่อเสียงของตระกูลซ่งถูกเจ้าทำลายย่อยยับไปแล้ว”ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ชื่อเสียงของตระกูลซ่งเกี่ยวอะไรกับเจ้า"ยี่ฝางกล่าวอย่างจริงจัง: “หยุดแกล้งทำตัวสูงส่งนักได้ไหม? วันนี้ข้าได้เห็นแล้ว การที่เจ้าได้เป็นผู้คุมกองทัพซวนเจียก็เพราะคำพูดประโยคเดียวของเป่ยหมิงอ๋อง จะเรียกให้ปี้หมิงออกมาเล่นละครทำไม? คิดว่าทำแบบนี้นี้แล้วจะโน้มน้าวเหล่าทหารได้อย่างนั้นรึ? เจ้าคิดว่าทุกคนตาบอดรึไง?”ซ่งซีซีมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เจ้าพูดถูก ไม่ใช่ทุกคนที่ตาบอด เรื่องบางสิ่งสามารถปิดบังไว้ได้ขณะหนึ่ง แต่ไม่สามารถปิดบังได้ตลอดไป"ยี่ฝางหรี่ตาลง อำนาจรัศมีของนางถดถอยลงเล็กน้อย “แกหมายถึงอะไร”"ไม่มีอะไร" ซ่งซีซีเดินผ่านนางและกำลังจากไปยี่ฝางคว้าแขนของนางไว้ด้วยมือข้างเดียว กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงต่ำ “ซ่งซีซี ข้าไม่สนใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร แต่นี่คือสนามรบ กองทัพซวนเจียเป็นกองกำลังชั้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 95

    ทันทีที่แม่ทัพฟางได้ยินสิ่งที่นางพูด เขาก็ปฏิเสธทันทีก่อนที่ผู้บังคับบัญชาจะเอ่ยปาก “ปกป้องอะไร กองทัพซวนเจียหนึ่งหมื่นห้าพันนายมีไว้ให้แม่ทัพซ่งนำทัพไปสังหารศัตรู แต่เจ้าก็พูดถูก กองทัพซวนเจียเป็นหน่วยทหารแนวหน้า เอาไว้เป็นหน่วยจู่โจมทลายเมือง”ยี่ฝางเยาะเย้ย "ผู้บังคับบัญชาช่างหวนคิดถึงอดีต หากกองทัพซวนเจียสามารถทลายเมืองได้แล้วกลายเป็นผลงานของซ่งซีซี แล้วมันจะต่างอะไรกับการมอบความดีความชอบให้นางโดยตรงไปเลยเล่า"แม่ทัพฟางพูดด้วยความโกรธ: “เจ้าพูดอะไรน่ะ หากนางสามารถนำกองทัพซวนเจียบุกทลายเมืองได้ ผลงานนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของนาง อะไรคือมอบให้ หรือว่าเวลาแม่ทัพยี่ออกรบมีแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็บุกจู่โจมได้ เหล่าทหารทั้งหลายหลบอยู่ข้างหลังอย่างนั้นรึ?”ยี่ฝางถามกลับ: "แม่ทัพฟางหมายความว่าแม่ทัพซ่งจะออกรบด้วย ไม่ได้หลบอยู่ด้านหลังออกคำสั่งเท่านั้น?"แม่ทัพฟางพูดด้วยความโกรธ: "เหลวไหล เราเป็นแนวหน้า ย่อมมีแม่ทัพเป็นผู้นำทัพ มีที่ไหนกันที่บอกว่าแม่ทัพหลบอยู่ข้างหลังแล้วใช้แต่อำนาจสั่งการ?"“นางเป็นผู้นำทัพรึ?” ยี่ฝางราวกับว่ากำลังฟังเรื่องขำขันอยู่ ยิ้มเยาะเย้ยอยู่หลายครั้งก่อนที่จะพูดว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 96

    แม่ทัพฟางไม่เห็นด้วยอย่างมาก กล่าวขี้นว่า: "เรื่องดังกล่าวได้ผ่านการตัดสินใจไปแล้ว ทำไมยังต้องมีท้าทายไปมาอีก ที่นี่ไม่ใช่สนามท้าประลองยุทธ แต่เป็นสนามรบ การทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อความสามัคคีของกองทัพ"หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้า ยี่ฝางได้แต่รู้สึกว่าแม่ทัพฟางกลัวซ่งซีซีจะแพ้จึงได้พูดห้าม นางจึงรีบพูดขึ้นด้วยความมั่นใจว่า “ถ้าใครมีความสามารถ ทำไมจะท้าทายไม่ได้เล่า แม่ทัพฟางกลัวว่านางจะแพ้รึ หากเกรงว่านางแพ้แล้วจะอับอายขายหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ก็ได้ มอบกองทัพซวนเจียมาให้ข้าเลย”แม่ทัพฟางตะคอก “ช่างเป็นความคิดที่สวยงามเสียจริง เจ้าพากำลังเสริมเข้าสู่สนามรบ คิดไปเสียว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นคนของเจ้ารึ เหตุผลที่ไม่ให้เจ้าไปท้าประลองก็คือการปกป้องศักดิ์ศรีของเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนดี ก็ต้องแล้วแต่เจ้าแล้วล่ะ”“ไม่ต้องพล่ามให้มากความ กองทัพซวนเจียไม่สามารถตกอยู่ในเงื้อมมือของซ่งซีซี เว้นเสียแต่ว่านางจะเอาชนะข้าได้” หลังจากพูดจบ นางก็ลุกขึ้นทำความเคารพ “ขอตัว”หลังจากที่ยี่ฝางออกไป แม่ทัพฟางก็ถามด้วยความสงสัยว่า: “ผู้บังคับบัญชา กองทัพซวนเจียได้มอบหมายให้แก่แม่ทัพซ่งเป็นผู้บ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 97

    คำพูดคำนี้ของนาง ทำให้จ้านเป่ยว่างซึ้งใจเล็กน้อยคนอื่นพูดคำเดียวกันนี้ก็ไม่สามารถทำให้เขาประทับใจได้เท่ากับ ยี่ฝางเป็นคนพูด เพราะยี่ฝางไม่ใช่สตรีที่เป็นแม่ศรีเรือน นางคือแม่ทัพนายกองที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพ และเป็นวีรบุรุษผู้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพชายแดนเฉิงหลิงแม่ทัพหญิงผู้องอาจ กลับเอ่ยว่ายอมอยู่บ้านปรนนิบัติดูแลสามีได้อย่างไม่มีปัญหา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจทันที ความผิดหวังในอดีตที่เคยมีต่อยี่ฝางได้มลายหายไปแล้วการประลองยุทธ์ถูกกำหนดไว้ในยามพระอาทิตย์ตก เซี่ยหลูโม่เพียงมอบหมายให้จางต้าจ้วงแจ้งข่าวให้ซ่งซีซีร้บทราบเท่านั้น ส่วนซ่งซีซีนั้น ยังคงฝึกซ้อมอยู่ในสนาม เมื่อได้ทราบข่าวจากจางต้าจ้วง นางก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ค่ะ รับทราบแล้ว"เนื่องจากทั้งกองทัพต่างรู้เรื่องดังกล่าว ดังนั้นเสิ่นว่านจือและคนอื่น ๆ จึงไปหาซ่งซีซีที่สนามหลักจากเสร็จสิ้นการฝึกทหารของพวกเขาทุกคนต่างตบไหล่นาง และพูดเพียงสองคำเท่าที่จำเป็น "ลุยมัน"ซ่งซีซียิ้มให้พวกเขา การเอาชนะยี่ฝางนั้นมันช่างหนักหนาเอาการอยู่ มันยุ่งยากตรงที่ต้องพยายามสู้กันนางแทนที่ฆ่านางให้ตาย จำเป็นต้องใช้ความอดทนอย่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 98

    เสียงของนาง อย่างน้อยแม่ทัพทั้งหลายและกองทัพซวนเจียต่างก็ได้ยินนางพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมแต่ประโยคนี้ทำให้ผู้คนในสนามที่เดิมทีรู้สึกดูแคลนซ่งซีซีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งดูถูกนางมากขึ้นเสียงของการสนทนาค่อย ๆ กลายเป็นคำด่าทอถาโถมเข้าหาซ่งซีซีอย่างไม่ขาดสายเสิ่นว่านจือและคนอื่น ๆ โกรธจนหน้าเขียว หากพวกเขาไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์ทางทหาร พวกเขาก็คงจะปรี่ไปสั่งสอนยี่ฝางว่าการเป็นคนต้องทำเช่นไรเมื่อมองไปที่ซ่งซีซี กลับไม่เห็นความโกรธเลยสักนิดเดียว มีคนมายั่วยุขนาดนี้ นางกลับไม่แสดงความโกรธเลย นางมองไปที่ยี่ฝางอย่างสงบ โดยไม่ตอบสักคำเดียวซ่งซีซีไม่ตอบ และสีหน้าของก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มีเพียงดวงตาของนางที่สลดลง“ ซ่งซีซี!” เซี่ยหลูโม่หยิบกระบองยางจากมือของจางต้าจ้วงแล้วโยนให้แก่ซ่งซีซี “อย่าใช้หอกดอกท้อ ใช้ไม้กระบองเถอะ”ซ่งซีซีรับมันไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโยนหอกดอกท้อกลับไปที่เซี่ยหลูโม่ แล้วมองเซี่ยหลูโม่อย่างลึกซึ้งก่อนพูดขึ้นว่า "ค่ะ!"นางเข้าใจความหมายของเป่ยหมิงอ๋อง ดาบผาหน้าไม้ไร้ตา เมื่อไหร่ที่ระงับความอาฆาตพยาบาทไว้ไม่อยู่ หอกดอกท้อสามารถปาดคอยี่ฝางได้ในทันที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 99

    ยี่ฝางตื่นตระหนก มองดูดวงตาสีเข้มของซ่งซีซี จากนั้นก็มองไปที่กระบองไม้ในมือของนางที่กลับไม่มีร่องรอยใด ๆ ปรากฎ จึงแอบประหลาดใจขึ้นมาเป็นไปได้ไหมว่านี่ไม่ใช่กระบองธรรมดา? ใช่แล้ว เป่ยหมิงอ๋องยืนกรานที่จะปกป้องนาง จะให้กระบองไม้ธรรมดาแก่นางได้อย่างไรกัน?มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ๆเมื่อนึกถึงตรงนี้ นางยิ้มอย่างเย็นชา "กระบองไม้นี้ เกรงว่าไม่ใช่แท่งไม้ธรรมดาสินะ ดูเหมือนว่าผู้บังคับบัญชาได้เลือกอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่นาง"กระบองไม้นั้นยาวพอ ๆ กับหอกดอกท้อ เดิมทีเอามาใช้เป็นเสาไม้สำหรับการตั้งแคมป์ เพียงแค่ยี่ฝางใส่ใจเพิ่มขึ้น ก็จะรู้ว่ามันเป็นเพียงกระบองไม้ธรรมดาแต่นางเชื่อปักใจว่าเป่ยหมิงอ๋องลำเอียงต่อซ่งซีซี เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลือกกระบองไม้ธรรมดาแก่ซ่งซีซีเพื่อใช้ในการประลองยุทธ์เช่นนี้เนื่องจากทหารจำนวนมากมองเห็นไม่ชัดเนื่องจากอยู่ระยะไกล เมื่อได้ยินคำพูดของนางต่างก็รู้สึกว่ามันเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมแม้ว่าจะมีบางคนตะโกนว่ามันไม่ยุติธรรม ดาบธรรมดาจะเปรียบเทียบกับอาวุธที่เหนือกว่าได้อย่างไร?“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนดาบยาวให้นางเสียดีกว่า นึกว่าเก่งสักแค่ไหน ที่แท้ก็ตบตา

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status