“อะไรคะเนี่ย”นีรนาราหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่กับท่าทางเขินอายที่ไม่ได้เห็นมานานนั่น ไม่ต่างอะไรกับคนรอบข้างที่กลั้นขำไว้ไม่ไหว เหลือเพียงวิภาดาที่ยิ้มอ่อนใจส่ายหัวกับความติดตลกของลูกชาย ไม่รู้คนที่เคยเห็นแต่ตอนทำงานจะเชื่อมั้ยว่าพ่อนักธุรกิจสุดหล่อจะเป็นคนแบบนี้“โอ้ย แม่ปวดหัวมาก ลูกชายหล่อแต่แปล
“พี่กรคงเรียนหนักแล้วก็ทำงานยุ่งมากมาตลอดเลยใช่มั้ยคะ”“ก็ใช่ครับแต่พี่ก็ชอบมันนะ หมายถึงครอบครัวพี่ไม่ได้บังคับเลยแต่พี่สนใจมันเองมากกว่า อาจเพราะเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำงานยุ่งทุกวันเลยอยากช่วยเค้าได้เร็วๆด้วยครับ”วิกรอธิบายเพิ่ม เพราะคนอื่นๆที่ไม่รู้จักเค้ามักจะเข้าใจผิดกันตลอดว่าที่บ้านจะต้องเข้มงวดแ
“ไม่ไปยุโรปกันแน่นะคะลูก”วิภาดาถามย้ำอีกครั้งแม้ลูกจะยืนยันว่าจะเปลี่ยนที่เที่ยวก็ตาม วันครบรอบแต่งงานที่เคยวางแผนกันไว้ว่าจะไปแถวๆยุโรปกลายเป็นต้องเปลี่ยนแผนใหม่เพราะว่านีรนาราท้องขึ้นมาซะก่อน “ไม่ไปครับ ผมกลัวนีนจะลำบากถ้าเดินทางไกลมากเราเลยตกลงจะไปแค่ที่ภูเก็ตครับ”“นั่นสิเนอะกำลังท้องอยู่ด้วย
“รวมผมด้วยเหรอครับ”วิกรที่ได้ยินว่าตัวแสบรีบหันไปถามแม่อย่างไม่เชื่อว่าตัวเองจะถูกเหมารวมกับน้องๆด้วย“เราตอนเด็กก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะตากร ให้แม่แฉเลยดีมั้ยคะ”“อย่าเลยครับ วันนี้คุณแม่คงเหนื่อยรีบพักผ่อนนะครับ”วิกรยิ้มเอาใจก่อนจะรีบห้ามไม่ให้แม่แฉความดื้อต่อหน้าภรรยาสุดที่รัก วิภาดามองค้อนก่อนจะยอมไ
“การละครมากค่ะลูกชาย แม่หมั่นไส้นะคะแบบนี้”วิภาดาเบ้ปากใส่ลูกชายที่ทำท่าทางตื่นเต้นเกินเหตุ เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งวิกรและนีรนาราอย่างกลั้นไม่อยู่“ฮ่าๆ อะไรกันครับหยอกนิดหน่อยก็ไม่ได้นะครับเดี๋ยวนี้”“แน่สิคะ แม่มีหนูนีนเป็นลูกคนโปรดแล้วคนอื่นไม่สนแล้วค่ะ”“โห คุณแม่ครับนี่ลูกชายไงครับอย่าใจร้าย”
“ไม่ไปโรงพยาบาลแน่นะครับ”วิกรถามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลายวันมานี้นีรนารามีอาการป่วยบ่อยๆจนวันนี้ถึงกับลุกไปทำงานไม่ไหว แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลอยู่ดี“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่เวียนหัวนิดหน่อยนอนพักไม่นานก็หาย”“ตามใจครับ แต่ว่าถ้าไม่โอเครีบโทรหาพี่เลยนะครับรู้มั้ย”“รู้แล้วค่า พี่กรไม่ต้อ