“ขอโทษด้วยนะครับที่มาสาย โชคดีของผมที่คุณน้องหนูช่วยนำมา ไม่งั้นผมสายแย่เลย”
เสียงทุ้มๆ ของผู้ชายที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้นัชชาชะงัก ความร้อนราวจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกาย แม้ขณะนี้เขาจะปล่อยมือออกจากรอบเอวหนาๆ ของหล่อนแล้วก็ตาม แต่ความอุ่นซ่านราวจะยังอยู่ คล้ายว่าเขาจะโอบกอดหล่อนไว้
“คุณน้องหนูเชิญนั่งเลยครับ เดี๋ยวเราเริ่มประชุมได้เลย”
“เอ่อ... ค่ะ ขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องรอ”
นัชชาตอบรับเขา ก่อนจะหันไปขอโทษขอโพยผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นๆ
ไม่มีสีหน้าตำหนิจากใคร มีแต่สีหน้าจริงจังพร้อมสำหรับการประชุม เพราะคนที่เอ่ยอ้างว่าหล่อนพามานั้นเขาคือ ‘คุณก้องภพ’ รองประธานบริษัท หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ลูกชายของท่านประธาน เจ้าของที่นี่ไง
หล่อนหย่อนกายอวบๆ ลงนั่งในเก้าอี้ว่างฝั่งซ้ายมือของเขา เพราะนี่คือการประชุมวางนโยบายของฝ่ายจัดซื้อประจำไตรมาสที่ 3 ซึ่งคนเตรียมข้อมูลพรีเซ้นท์คือหล่อน และเขาที่ส่งยิ้มน้อยๆ พร้อมผายมือมาด้านหน้า นั่นคือสัญญาณให้หล่อนเริ่มต้นได้เลย
นัชชาโค้งศีรษะเพียงนิด ยิ้มแหยน้อยๆ ในเชิงขออภัย แต่เขากลับส่งยิ้มกว้างกลับมาให้
เลือดลมราวจะสูบฉีดไปทั่วร่างสาววัย 25 ปี คำทำนายของหมอดูตาทิพย์ราวจะก้องอยู่ในหู
‘มีลาภเป็นสัตว์สองเท้า มีลาภเป็นสัตว์สองเท้า มีลาภเป็นสัตว์สองเท้า...’
หรือจะเป็น... เขา
ไม่น่า... นี่ลูกชายเจ้าของบริษัทเชียวนะ
แต่... รอยยิ้มแบบนั้น นั่นเขาอ่อยหรือเปล่า
ไม่น่า... เธออ้วน
แต่... จะมีไหม ใครสักคนที่ชอบคนอ้วน
ฉันก็แค่... อวบมากไปนิด
ไม่อะ... เธออ้วน!!
ดูตาเขาสิ... อ่อยชัดๆ
นัชชากัดฟันกรอด พยายามสะกดจิตตัวเองให้จดจ่ออยู่กับเอกสารการประชุม และเมื่อเขาก้มหน้าลงมองเอกสารในมือ สติของหล่อนก็พร้อมสำหรับหน้าที่การงาน
.
.
การประชุมดำเนินไปราว 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้นลง รองประธานบริษัทมอบหมายงานให้แต่ละแผนกที่เกี่ยวข้องทำสรุปผลความน่าจะเป็นหากนำแผนงานนี้มาใช้ และขอนัดประชุมกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เช้า เวลาเดิม
“ทุกท่านเชิญตามสบายครับ แต่คุณน้องหนู อยู่ก่อน ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“คุยกับหนูเหรอคะ”
“ใช่ครับ เชิญนั่ง”
นัชชาใจเต้นตึกตัก คุณก้องภพมีอะไรจะคุยกับหล่อน หรือเขาจะตำหนิที่หล่อนมาสายจนเขาต้องช่วยเหลือ
ดวงตากลมโตมองบรรดาผู้ร่วมประชุมที่ต่างทยอยกันเดินออกไป หัวใจหล่อนเต้นตึกตักเสียยิ่งกว่าเดิม แค่คิดว่าได้อยู่กับเขาตามลำพัง หัวใจหล่อนก็แทบจะกระเด็นออกมานอกอก แต่พอนึกว่าเขาอาจจะตำหนิ นั่นยิ่งเต้นแรงขึ้นอีกเท่าตัว นี่ถ้าเขาเปิดปากด่า หล่อนคงหัวใจวายตาย
“เอ่อ... คุณก้องภพ มีอะไรจะคุยกับหนูหรือคะ”
หล่อนเปิดปากถามทันทีที่ผู้ร่วมประชุมคนสุดท้ายเดินออกไป เพราะแค่คิดว่าเขาจะต่อว่า หล่อนก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ดังนั้นให้เขาด่าๆ ไปเถอะ หล่อนจะได้รีบหลบไปเลียแผลใจ ที่ริอ่านมโนว่าเขาเป็นสัตว์ 2 เท้าของหล่อน
“คุณน้องหนูเป็นคนเตรียมเอกสารการประชุมเองทั้งหมดหรือคะ”
“คะ? อ้อ... ค่ะ” หล่อนเอ๋อเล็กน้อยที่เขาใช้คำลงท้ายว่า ‘คะ’ กับหล่อน แต่เมื่อนึกได้ว่าพี่ติ๊กเจษฯ ก็พูดแบบนี้กับบรรดาแฟนคลับเหมือนกัน หากคุณก้องภพจะใช้คำนี้กับหล่อนที่เป็น ‘แฟนเขา’ จะเป็นอะไรไปล่ะ คิดแล้วก็มโนไปดาวอังคาร จนยิ้มเรี่ยราด ดวงตาเยิ้มฝัน
“คุณน้องหนูครับ คุณน้องหนู...”
“คะ คุณก้องภพว่ายังไงนะคะ”
“ผมว่า เอกสารการประชุมละเอียดมาก คุณน้องหนูเตรียมมาได้อย่างครบถ้วน หายากนะครับ พนักงานที่จะใส่ใจงานดีขนาดนี้”
นัชชายิ้มที่เขาชมซึ่งๆ หน้า แต่คำชมดูแปลกพิกลแบบนี้ เขามีแผนร้ายอะไรหรือเปล่า หรือเขาจะลองใจว่าหล่อนเป็นพวกบ้ายอไหม หรือนี่เป็นคำชมก่อนคำตำหนิชุดใหญ่จะมาเยือน
“แต่วันนี้หนูมาสาย หนูต้องขอโทษคุณก้องภพด้วยนะคะ ถ้าคุณก้องภพไม่ช่วยออกหน้ารับแทน หนูคงดูไม่ดีในสายตาคนอื่นแน่” ชิงขอโทษไว้ก่อน อย่างน้อยหากเขาจะตำหนิจะได้ดูซอฟลง
“ผมไม่ได้ช่วยคุณน้องหนูนะครับ ผมช่วยตัวเองต่างหาก เพราะถ้าผมไม่เจอคุณน้องหนูที่หน้าห้อง ผมคงดูไม่ดีที่มาสายคนเดียว ก็เลยต้อง ‘กอด’ คุณน้องหนูไว้ในฐานะคนสายเป็นเพื่อนกัน”
นัชชาหุบยิ้มไม่ได้เลยเพราะเขาจงใจเน้นคำว่า ‘กอด’ ใช่ไหม
อูย... หล่อนร้อนไปทั้งร่างจนจะไหม้อยู่แล้ว แต่เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ต่อหน้าผู้บริหาร นัชชาจึงต้องเก๊กสีหน้าให้เป็นปกติ
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองเขา รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับหล่อน แต่เขากลับเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาอีก ดวงตาคมเข้มจ้องมองหล่อนและมียิ้มน้อยๆ บนใบหน้า ราวพบเจอของถูกใจ
‘ถูกใจใคร... เรา... ไม่น่า...’
แค่คิดก็อดไม่ได้ที่จะก้มมองฝ่ามืออวบอูมของตัวเองที่วางอยู่บนตักกว้างใหญ่จากต้นขาตันเป็นท่อนซุง ความร้อนผ่าวที่กระจายไปทั้งร่างราวจะสลายไปจากความจริงที่เห็น
‘อ้วนขนาดนี้ สัตว์กี่เท้าก็ไม่มองหล่อนหรอกย่ะ! ยายอ้วน!!’
เสียงพูดในคลิปถูกแทนที่ด้วยบทเพลงแห่งความรัก จากนั้นก็เป็นภาพถ่ายแรกที่คริตแอบถ่ายสมิดา ภาพหล่อนเคี้ยวขนมเต็มปาก ภาพหล่อนหาว ภาพหล่อนทำหน้ามุ่ยเพราะร้อน ภาพหล่อนกอดน้องหมีตัวโต จนมาถึงภาพในธีมวาเลนไทน์ ซึ่งความหมายของภาพก็มีเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้นที่รู้ เพราะเป็นวันแรกที่ความรักเบ่งบาน เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อคริตจูงมือเจ้าสาวขึ้นไปบนเวที สายตาเจ้าบ่าวที่มองเจ้าสาว ทำให้สาวพลัสไซส์ทุกคนมีความหวัง แค่หล่อนสวยในแบบฉบับของตัวเอง สวยด้วยทัศนคติการใช้ชีวิต แค่นั้นผู้ชายดีๆ ก็ตกถึงท้อง.. ในห้องหอ... “ที่รัก... อื้อ... น้องไม่ไหวแล้วนะคะ โอว... ซี้ด... พี่จ๋า... ไม่ไหวแล้ว... น้องไม่ไหวแล้ว...” สมิดาแอ่นร่างขึ้นสูงเปล่งเสียงครวญครางไม่ขาดปาก สะโพกใหญ่ก็ส่ายร่อนไม่หยุด เพราะลิ้นร้อนชอนลึกจนหล่อนทนอยู่เฉยไม่ไหว ต้องส่ายร่อนสะโพกให้เคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทว่ายิ่งส่ายร่อนมากเท่าไร ก็คล้ายกับว่าลิ้นร้อนจะสอดใส่และชอนเข้าลึกมากยิ่งขึ้น “โอว... ที่รักขา... โอว... ซี้ด... เสียว... โอว... น้องเสียว ซี้ด... เสียว...” ความเสีย
ดวงตากลมโตมีแววหวาดหวั่นมองเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวเจ้าเนื้อไม่ต่างจากหล่อน “บอกว่าประมาณสิบโมงน่ะค่ะ” หล่อนตอบอ้อมแอ้มเพราะนี่ก็ 10 โมงแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แวว “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนไหนอะพี่ติ๊นา” ทุกสายตามองตรงมายังหล่อน ก็ใช่น่ะสิ เพราะไม่เคยมีใครเห็นหน้าตาของคริสติน่ามาก่อน ภาพแทนตัวในสื่อออนไลน์ที่คริสติน่าใช้จะเป็นภาพสาวอ้วนแต่งตัวเปรี้ยว และทุกคนก็เคารพในความเป็นส่วนตัวของกันและกัน จึงไม่เคยมีใครถามถึงหน้าตาที่แท้จริง แม้แต่เพศก็ไม่มีใครรู้ ทั้งเวลาที่คริสติน่าโทร.หาหล่อน ก็ไม่เคยเปิดกล้อง รู้แต่ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุเท่านั้น“พี่ติ๊นาบอกว่าจะใส่ชุดสีแดงค่ะ บอกว่าแดงแรงฤทธิ์ เห็นปุ๊บ พวกเราจะรู้ทันทีว่าเป็นพี่เขา” “หือ... แต่นี่ไม่เห็นมีใครแต่งแดงสักคนเลยนะ” สมิดามองออกไปด้านนอกอีกครั้ง ไม่มีวี่แววเลยว่าจะมีใครแต่งแดงเดินเข้ามา “น้องสะดิ้งลองโทร.หาสิ” “โทร.หลายรอบแล้วค่ะพี่ ปิดเครื่อง” “ฮะ! ตายล่ะ แล้วถ้าพี่ติ๊นาไม่มา เราจะทำไงล่ะ โน่น! นักข่าวรอกั
ร่างเปลือยลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปหยิบกางเกงขาสั้นที่ถอดกองอยู่ ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา เขาต้องสั่งเตรียมงานของวันพรุ่งนี้ ‘ธีมวาเลนไทน์ พร้อมถ่าย 6 โมงเย็น’ นั่นคือข้อความที่ส่งออกไป ก่อนที่ร่างเปลือยจะเคลื่อนเข้าหาเตียงนอน แทรกร่างเข้าใต้ผ้าห่มนวมผืนเดียวกันกับหล่อน แต่ไม่มีสิ่งใดจะอุ่นเท่ากายเนื้อที่เขากอดอยู่นี้ กอดตระกองร่างอวบอิ่มที่นอนตะแคงข้างเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนและหัวไหล่น่าจูบน่าหอม แต่เขากลับ... “อื้อ... พี่คริต...” “ขอโทษจ้ะ นอนต่อนะ” คริตกอดกระชับเอวเจ้าเนื้อแนบเข้าหาลำตัวของเขา พลางมองรอยฟันจางๆ ที่หัวไหล่ของสมิดา ก่อนจะจูบทับลงไปอีกครั้ง..ผ่านมาอีก 1 เดือน ข่าวคาวๆ เรื่องนางแบบพลัสไซส์แอบกินตับกับช่างภาพที่กระจายอยู่บนหน้าสื่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลายลง ทุกสื่อเพ่งเป้าไปที่หล่อนกับคริต มีหลายรายการติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่สมิดาไม่ได้รับปาก หล่อนบอกแต่เพียงว่าคิวไม่ว่าง ส่วนหากมีใครมาคอมเม้นท์ในสื่อออนไลน์ของหล่อน หล่อนก็จะตอบทีเล่นทีจริงว่า ‘ไม่บอก ปล่อยให้งง’ พร้อมทั้งติดแฮชแท็กเก๋ๆ ว่า #ไม่ผอมแต่อร่อ
“พี่คริต!” “ไหวไหม” “อื้อ... ไหว...” หล่อนตอบพลางจิกเล็บที่ท่อนแขนของเขา เพราะความเจ็บปวดจากตรงนั้นกำลังกระจายวาบไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เจ็บมากแต่รู้ว่าไม่ควรร้อง เจ็บทุกคราที่เขาขยับเขยื้อนไม่มีสิ่งใดจะลดทอนลงได้ เพราะเขายังคงเดินหน้า เชื่องช้าแต่ปวดร้าว “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... สะดิ้งแน่นเหลือเกิน โอว... แน่นที่สุด โอว...” หล่อนยิ้มแห้งเมื่อได้ยินเสียงครวญครางนั้น หล่อนเจ็บ แต่กลับได้ยินเสียงแห่งความสุข “โอว... สะดิ้งจ๋า... พี่จะไปช้าๆ อืม... โอว... ซี้ด... แน่นมาก โอว...” เขาจูบซับหยาดน้ำตาของหล่อน ก่อนจะเคลื่อนมาที่ปาก จูบอ่อนหวานและดุดันหนักแน่นตามอารมณ์ จากนั้นก็แทรกเรียวลิ้นชอนไชจนสมิดาเคลิ้ม ราวจะหลงลืมความเจ็บได้ชั่วครู่ แต่เมื่อท่อนแข็งขยับสอดใส่เพิ่มเข้ามาอีก หล่อนก็ได้ต้องอดกลั้นไว้ ใบหน้าที่นิ่วลงอย่างเจ็บปวดของสมิดาทำให้เขารู้ว่าต้องปลุกเร้าหล่อนให้มากกว่านี้ ปลายลิ้นจึงลากลงมาที่เต้าอวบใหญ่ เลียไล้ บีบเคล้น และดูดดื่มปลายยอดอย่างหนักหน่วง สลับกั
คริตละปากจากความหวานฉ่ำที่อร่อยลิ้นสุดๆ เคลื่อนใบหน้าขึ้นไปหาคนที่ยังครวญครางกระเส่าจากความเสียวที่ได้รับสองครั้งติดๆ เขาอยากปลอบโยนอยากพูดให้หล่อนผ่อนคลาย ทว่าริมฝีปากที่เผยอค้างและยังมีเสียงครางเล็ดลอดกลับทำให้เขาเปลี่ยนใจ ลิ้นร้อนชอนลึกสู่อุ้งปากหวาน ตวัดพลิ้วให้หล่อนรับรู้รสชาติความหอมหวานของตัวเอง รัดรึงดึงรั้งลิ้นน้อยๆ ให้ตามติด พัวพันดุนดูดจนหล่อนครางฮือ จากนั้นหล่อนก็คล้องต้นแขนรอบลำคอเขาและเป็นฝ่ายแทรกลิ้นเข้ามาต่อสู้ “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... หวาน... อืม...” “พี่คริต... อื้อ... ซี้ด... อื้อ...” คริตเคลื่อนใบหน้าคลอเคลียอยู่ที่อกอวบ โอบกระชับให้ปลายยอดทั้งสองดันชิด ก่อนจะละเลงลิ้นพลิ้วส่ายสะบัดจนสมิดาดิ้นพล่าน จากนั้นก็ลากลิ้นลงมาตามหน้าท้อง กัดเบาๆ ไปทุกส่วน ดูดเลีย เม้ม และลากลิ้นสู่ความหอมหวานอีกครั้ง “อื้อ... พี่คริต...” หล่อนร่ำร้องเพราะเขาไม่ได้ซุกหน้าลงไป แต่กลับเคลื่อนขึ้นมาหา และส่งนิ้วไปละเลง “ซี้ด... พี่คริต...” สมิดาปรือตาขึ้นมองเขา จนเขาอ
สมิดาอมยิ้ม หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา เขาไม่รู้ว่าหล่อนจะเชื่อคำบอกรักของเขาไหม แต่เขาจะพิสูจน์ “พี่คริต... อื้อ... พี่คริตขา... อื้อ...” สมิดาสะบัดเรือนผมไปมาจนยุ่งเหยิง หล่อนควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะความซ่านเสียวพวยพุ่งไปทั่วร่างทำให้หล่อนขาดสติ เรือนร่างคล้ายจะทำตามทุกอย่างที่ คริตชี้นำ แค่เขาช้อนฝ่ามือเข้าใต้แผ่นหลัง เต้าอวบใหญ่ของหล่อนก็แอ่นขึ้นจนชิดติดขอบปาก หล่อนอยากให้เขากลืนกิน กัด ดูด หรือทำอะไรก็ได้ให้หล่อนผ่อนคลายจากความเสียวนี้ ทั้งที่อีกใจก็ร้องบอกว่าหล่อนอยากเสียวให้มากกว่านี้ หล่อนอยากไปให้สุด อยากให้เขาทำตามที่ต้องการ ไม่ต้องอ่อนโยนกับหล่อน “อื้อ... พี่คริต... ซี้ด... พี่คริตขา...” หล่อนดีดดิ้นตามความซ่านเสียวที่ไล้วนอยู่รอบปลายยอดสีสด เพราะเขายังคงดูดดื่มไล้เลียราวกับเม็ดเชอร์รี่ของหล่อนเอร็ดอร่อยเหลือเกิน ทว่าหล่อนกลับอยากให้เขาขยับเคลื่อนปลายลิ้นไปที่ดอกไม้สดสวย ที่จุดนั้นมีความน่าละอาย มีน้ำหวานชุ่มฉ่ำล้นทะลักจนหยาดเยิ้มออกมา และก็ทำให้หล่อนคันยิบและเจ็บจี๊ดจนต้องบดเบียดต้นขาเข้าหากัน “ซี้ด... พี่คริตขา...”