“ปล่อย? งั้นเธอเอาเงินที่พ่อเธอยืมไปมาคืนฉันสิ”
“เท่าไหร่! พ่อฉันยืมไปเท่าไหร่ทำไมต้องมาทำรุนแรงกับพ่อฉันด้วยละ”
“ห้าล้าน”
ธันวาตอบคำถามเธอเบา ๆ แต่คำตอบที่ได้ทำให้สาวน้อยถึงกับอ้าปากค้าง อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เธอหันไปมองหน้าคนเป็นพ่อที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น สลับกับหันไปมองหน้าธันวาไปมาอย่างไม่เข้าใจ และท่าทางที่แสดงออกมาว่าไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าให้เดาพ่อของเธอนั้นคงเป็นคนที่ดีที่สุดในสายตาเธอ เธอถึงได้แสดงอาการไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินแบบนั้นออกมาอย่างชัดเจน แต่คราวนี้เธอคงต้องผิดหวังแล้วละนะ
“ไม่จริง! คุณโกหกพ่อฉันจะเอาไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ! ไม่จริงใช่ไหมคะพ่อ”
“มันคือเรื่องจริง”
“พ่อ!”
“ผมขอพูดแบบไม่อ้อมค้อมเลยละกัน ผมจะไว้ชีวิตพ่อคุณ ก็ต่อเมื่อคุณไปกับผม”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความอย่างที่คุณธันวาเขาพูดนั่นแหละ หรือแกอยากเห็นพ่อแกตายเหมือนหมาอยู่ตรงนี้ละ!”
“พ่อเอาเงินไปทำอะไรตั้งห้าล้าน! ทำไมพ่อไม่เคยบอกหญ้าเลยคะ”
“ถ้าไม่อยากเห็นหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ก็ไปกับคุณธันวาซะเถอะถือว่าทำเพื่อพ่อนะ”
“แล้วทำไมหญ้าต้องไป นี่มันเรื่องอะไรคะพ่อ หญ้าไม่เข้าใจ”
“แกไปอยู่กับคุณราชันย์ แกจะได้ช่วยพ่อไงกอหญ้าแค่ไปทำงานตามที่คุณราชันย์สั่งนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ต้องกลัวนะ”
กอหญ้าเงียบนิ่งทันทีที่ได้ยินคำพูดจากคนเป็นพ่อ ในสมองตีรวนวุ่นวายตั้งคำถามมากมายขึ้นมาแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบใด ๆ เธอไม่เคยรู้เลยว่าทำไมพ่อของเธอถึงมีหนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอเห็นทุกวันนี้พ่อแทบไม่ใช้เงินเลยด้วยซ้ำ ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้เดือดร้อนขัดสน มันยิ่งตอกย้ำให้เธอไม่เข้าใจเข้าไปอีก
“พ่อบอกกอหญ้าได้ไหม ว่าเงินตั้งห้าล้านพ่อเอาไปทำอะไรคะ ถ้าหญ้าต้องไปกับเขา หญ้าก็ควรรู้เหตุผลใช่ไหมคะ”
“พ่อขอโทษนะกอหญ้า พอเสียพนันแล้วไปกู้เงินคุณราชันย์ แต่สุดท้ายพ่อก็เสียหมดตัว”
“พ่อ..”
“คิดดี ๆ นะว่าอยากช่วยพ่อหรืออยากเห็นพ่อเธอตายที่นี่”
“ฉันไปก็ได้ .. แต่คุณต้องรับปากว่าจะไม่ทำอะไรพ่อฉัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมเป็นคนรักษาคำพูด .. งั้นก็ไปกันได้แล้ว ขึ้นรถเถอะ”
รถตู้สีดำสนิทเลี้ยวผ่านประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กินพื้นที่ไปกว่าสิบไร่ ขับเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ พร้อมกันนั้นก็ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งรีบจ้ำอ้าวมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นเจ้านายทันทีที่รู้ว่าคนในรถนั้นเป็นใคร เผยให้เห็นผู้ชายร่างใหญ่ที่มีส่วนสูงกว่าร้อยแปดสิบห้า ใบหน้าคมเข้มขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะยื่นกระเป๋าใบโตให้ป้าจันทร์
“วันนี้มีอะไรกินบ้างครับป้าจันทร์ ผมหิวมากเลย”
“วันนี้ลมอะไรหอบคุณหนูของป้ากลับมาบ้านได้คะเนี่ย นึกว่าจะลืมป้าแก่ ๆ คนนี้ไปซะแล้ว”
“โอ๋ ไม่น้อยใจกันสิครับ ผมจะลืมป้าจันทร์ได้ยังไง ผมให้เทพาโทรมาบอกแตงไทยแล้วนะครับ ว่าวันนี้จะมาทานข้าวฝีมือป้าจันทร์แตงไทยลืมบอกหรือเปล่าเนี่ย”
ป้าจันทร์นั้นเป็นแม่นมของราชันย์เลี้ยงราชันย์มาตั้งแต่แบเบาะ ปีนี้ก็อายุก็ย่างเข้าหกสิบห้าปีแล้ว แต่สุขภาพร่างกายนั้นแข็งแรงราวกับสาว ๆ วัยยี่สิบสามสิบ ใบหน้าที่มีแต่ความยิ้มแย้มแจ่มใสทำให้ราชันย์นั้นติดป้าจันทร์มากมาตั้งแต่เล็ก ๆ และอาจเป็นเพราะป้าจันทร์เองเป็นคนเดียวที่อยู่กับราชันย์ตลอดเวลาด้วย เพราะพ่อและแม่ของราชันย์นั้นทำแต่งานและเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากทำให้แทบไม่มีเวลาให้ราชันย์เลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนในสายตาป้าจันทร์นั้นราชันย์ก็ยังเป็นเด็กน้อยของแม่นมคนนี้เสมอและราชันย์ก็รักป้าจันทร์มากเหมือนเป็นแม่แท้ ๆ คนหนึ่ง
“ป้าก็แซวคุณหนูเล่นไปงั้นแหละ วันนี้ป้าทำข้าวผัดทะเลของโปรดคุณหนู แล้วก็มี ไข่พะโล้ ผัดผักบุ้ง และก็ต้มยำกุ้งน้ำข้น เมนูโปรดคุณหนูทั้งนั้นเลย เดี๋ยวป้าให้แตงไทยไปตั้งโต๊ะรอเลยนะคะ คุณหนูไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะได้ลงมาทานข้าววันนี้คุณท่านกับคุณนายไม่อยู่บ้านนะคะ”
ราชันย์พยักหน้าสองสามที แล้วก้มลงไปหอมแก้มแม่นมฟอดใหญ่ ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
ตื๊ด ตื๊ด
‘ว่าไงไอ้ธัน มึงเจอตัวมันมั้ย’
‘จะเรียกว่าเจอมั้ย .. ก็เจอนะ แต่ว่าที่ได้มาไม่ใช่เงินว่ะ เป็นของขัดดอกที่นายพลให้มาแทน’
‘แล้ว’
‘ไว้กูจะเข้าไปหาละกัน จะได้อธิบายทีเดียว’
‘วันนี้กูกลับบ้าน’
‘งั้นกูเอาไปฝากไว้ที่คอนโดมึงก่อนได้ปะ กูไม่สะดวกเอากลับ’
‘ของเหี้ยไรวะ’
‘รหัสเดิมใช่มั้ย เดี๋ยวกูไปไว้ก่อนนะมึงใช้งานกูเยอะกูง่วงนอนละ อ่อ! ราชันย์กูว่านะวันนี้มึงกลับมานอนคอนโดก็ดีนะ เพราะของที่กูทิ้งไว้มันคือแมวน้อยตัวหนึ่ง ค่อนข้างพยศง่ายด้วยถ้าไม่อยากห้องพังมึงควรกลับมา’
‘ไอ้ธัน..’
ตืด ตืด
“คุณหนู ป้าให้แตงไทยตั้งโต๊ะเรียบแล้วนะคะ”
“ครับป้าจันทร์ เดี๋ยวผมลงไปนะครับ”
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ