“เธอเป็นใครถึงคิดจะมาขายตัวให้ฉัน!? ฉันไม่ชอบกินของเก่า ของมือสอง หรือของที่ถูกใช้งานมาแล้วหรอกนะ มันสกปรก!!”
Lihat lebih banyakตอนที่ 1 เพลงรัก
สายฝนกระหน่ำตกมาเป็นสายไม่ยอมหยุด ราวกับว่าสวรรค์กำลังโกรธแค้นโลกใบนี้ สายตาหวานจ้องมองถนนแคบในสลัมที่ชื้นแฉะ ความสกปรกจากคราบน้ำเน่าที่เอ่อล้นจากท่อระบายน้ำ มันเต็มไปด้วยโคลนตมที่ส่งกลิ่นสาบฉุนติดจมูก เพลงรักหลับตาลงครั้งหนึ่งก่อนจะวิ่งออกจากเพลิงสังกะสีเล็ก ๆ หน้าปากซอย
แขนข้างหนึ่งกอดหนังสือไว้แนบอก ชุดนักศึกษาสีขาวซีดจนติดไปทางสีเหลืองอ่อน เปียกชื้นแนบเนื้อด้วยน้ำฝนที่สาดซัดมาไม่หยุด เธอเพิ่งกลับจากไปทำงานพิเศษในร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไปไม่กี่ซอย อาศัยทำงานแลกค่าแรงวันละสองร้อย เพียงหวังแค่ให้พอเก็บสะสมไปจ่ายค่าเทอมในวันพรุ่งนี้
เมื่อเดินผ่านตรอกแคบ ๆ ที่คุ้นเคย หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเตรียมใจรับสิ่งที่รออยู่ข้างใน บ้านของเธอนั้นเป็นเพียงเพิงไม้เก่า ๆ มีสังกะสีขึ้นสนิมพาดไว้เป็นหลังคาและตีรอบ ๆ ผ้าขาด ๆ ที่เธอหาได้จากกองขยะถูกเย็บติดกันแทนผ้าม่าน พื้นไม้ผุกร่อนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อเหยียบย่างเข้าไป
“อีมาลี! มึงแย่งเงินกูทำไมวะ!” เพียงแค่เพลงรักวิ่งผ่านประตูบ้านเข้ามาก็ได้ยินเสียงของพ่อเลี้ยงตะโกนลั่น เธอเห็นร่างซูบผอมดวงตาโหลของชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครารุงรัง กำลังยื้อแย่งถุงพลาสติกใสที่ดูคุ้นตากับแม่ของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
“มึงอย่ามาแตะเงินกูนะ ไอ้ทศ! เงินนี่ของกู กูจะเอาไปเข้าบ่อน!” มาลีแม้จะเสียงแหบแห้งแต่ก็ตะโกนไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่ทำให้เพลงรักชะงักใจหวิววาบ คงไม่พ้นที่เธอนั้นเห็นชัดเจนว่าธนบัตรในซองพลาสติกนั้นมันคือเงินที่เธอเก็บไว้ใต้หมอน เงินที่สองมือเก็บทุกบาททุกสตางค์จากการล้างจานจนนิ้วลอก เดินเสิร์ฟอาหารจนขาแทบพันกัน
“นั่นมันเงินของหนู! ค่าเทอมหนูต้องไปจ่ายพรุ่งนี้นะ!” พูดเพียงแค่นั้นร่างผอมแห้งเพราะขาดสารอาหาร ได้ถลาเข้าไปพยายามคว้ามือแม่ไว้ด้วยความตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็สะบัดแขนสุดแรงแทบจะทันที
“มึงเก็บไว้ทำไมไม่บอก!? แอบซุกเงินไว้นี่หาว่ากูโง่เหรออีเพลง! อีลูกเวร!!” สิ้นสุดเสียงด่าของแม่ ก็เป็นเสียงของพ่อเลี้ยงที่ถ่มน้ำลายลงพื้น
“ถุ๊ย!! อีเด็กนี่ หัดตอแหลนะมึง! ออกไปทำงานล้างจานจะได้กี่บาทกันเชียว แต่กลับมีเงินมาแอบซุก มึงไปขายตัวมาใช่ไหม!” เธอแทบไม่เคยมีปากมีเสียงในครอบครัวนี้เลยสักครั้ง ต่อให้พวกเขาด่าทอยังไง ทุบตียังไงเธอทนได้มาตลอด แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยรู้สึกว่าพวกเขาจะดูถูกเธอมากขนาดนี้ และความอดทนที่เธอทนมาตลอด 20 ปีก็หมดลง
“แต่นี่มันเงินของหนู!” เพลงรักตะโกนกลับทั้งน้ำตาด้วยความโมโห หากเธอไม่จ่ายค่าเทอมพรุ่งนี้ อาจารย์ต้องไล่ออกจากมหาลัยแน่ ๆ เธอพยายามเกือบตายที่จะได้เข้าไปเรียนที่นั่น จะไม่ยอมมาถูกไล่ออกแบบนี้เด็ดขาด
“แม่ก็เหมือนกัน เงินนี้เป็นของหนู! หนูอุตส่าห์..”
เพี้ยะ!
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฝ่ามือหนาของผู้เป็นแม่ได้ฟาดลงที่แก้มเธออย่างจัง จนรู้สึกได้เลยว่าใบหน้าของเธอนั้นสั่นสะท้านไปทั้งซีก
“สมน้ำหน้า! ใครใช้ให้มึงสะเออะมาขึ้นเสียงกับกู! อีลูกไม่รักดี อีสันดานต่ำ!” พ่อเลี้ยงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะใช้มือมาคว้าผมเธอแล้วกระชากไปด้านหลัง
“งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้ามึงอยากเรียนจริงก็ไปทำงานหาเงินให้มากกว่านี้” มาลีหันขวับมามองพ่อเลี้ยง ริมฝีปากยกยิ้มอย่างคนที่พึงพอใจ ดวงตาเบิกกว้างเหมือนนึกอะไรได้
“เออใช่! ให้มันไปทำงานกับอียุพิน! ได้ตังค์เยอะดี!” แต่สิ้นสุดคำพูดของคนเป็นแม่ มันกลับทำให้หัวใจของเพลงรักนั้นกระตุกวาบ ในละแวกนี้มีใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าเจ๊ยุพินคือใคร
“ไม่! หนูไม่ไป!”
“มึงไม่มีสิทธิ์เลือก! สวย ๆ แบบนี้กูว่าคืนนี้ได้เป็นสิบ!!” พ่อเลี้ยงกระชากผมเธอจนเซเข้าไปติดแผงอกของเขา มือเล็กของเพลงรักแม้จะพยายามทั้งแกะทั้งดิ้น แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดพ้นจากผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย
มือสากของคนเป็นพ่อเลี้ยงบรรจงเลื่อนไล้ไปตามแขนเรียวของเธอ แม้จะบอกว่าเพลงรักนั้นเป็นเด็กที่อยู่ในสลัม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหน้าตาและผิวพรรณของเธอนั้นดีมาก ดวงตารีที่ดูมีเสน่ห์ ปากนิด จมูกหน่อย กับผิวพรรณที่ขาวผ่องราวกับผิวพรรณของผู้ลากมากดีก็ไม่ปาน
“มึงจะทำอะไร!” แต่ยังไม่ทันที่พ่อเลี้ยงจะทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงของแม่ก็ดังขึ้นพร้อมกับใช้มือกระชากเธอเข้าไปใกล้ มีแวบหนึ่งที่เพลงรักหลงดีใจว่าแม่กำลังปกป้องเธอเอาไว้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่พริบตาเดียว
เพราะหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันลากแขนเธอออกจากบ้าน ทั้งทั้งที่ยังมีฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ร่างบางเปียกฝนและดิ้นรนอย่างหมดแรง เธอใช้ทุกวิธีที่จะหยุดเหตุการณ์นี้เอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นผล เธอที่ถูกทั้งสองคนกระชากได้ไถลไปกับพื้นหลายครั้ง
“มึงอย่ามาทำสำออย! ลุก!!!”
ตอนที่ 9 เธอเป็นสิ่งของของฉันเสียงกระจกไฟฟ้าถูกเลื่อนขึ้นหลังจากลูกน้องคนสนิทถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ภายในรถยนต์หรูที่กำลังจอดสนิทอยู่หน้ามหาวิทยาลัยนั้น มีสายตาคมกริบมองจ้องภาพของหญิงสาวที่เขารู้จักดีกำลังยิ้มมีความสุขให้กับผู้ชายคนอื่น ทั้งสองจับมือกันด้วยท่าทางสนิทสนมก่อนจะพากันเดิมข้ามถนนเข้าไปในมหาลัยการันต์ยังคงจ้องมองทั้งสองอยู่แบบนั้นไม่แม้แต่จะขยับตัวหรือพูดอะไรออกมาเลยสักนิด สายตาของเขายังเอาแต่จดจ้องผ่านบานกระจกใสไปยังร่างของเพลงรัก หญิงสาวที่เพิ่งอ้าขาให้เขาเมื่อคืน เสียงหวานที่ครวญครางใต้ร่างเขายังจดจำได้ดี แต่บัดนี้เธอกลับกำลังดูมีความสุขกับคนอื่น“หึ! นี่เหรอคนใสซื่อ ที่แท้ก็ร่านไม่เบา” น้ำเสียงของการันต์คำรามต่ำลอดไรฟัน ก่อนจะหันไปพูดกับราเชนทร์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“หึ! ถ้าร้านเล็ก ๆ หน้ามหาลัยนั่นมันทำให้เธอมีความสุขขนาดนั้น ก็ไปทำให้มันหายไปซะ!”“ครับ!” ราเชนทร์ตอบรับคำสั่งผู้เป็นนายโดยไม่ถามเหตุผลเลยแม้แต่คำเดียว“แล้วไอ้ผู้ชายนั่นให้ทำยังไงครับเฮีย” ราเ
สิ้นสุดคำพูดของเธอ ชายหนุ่มได้ตวาดเสียงดังลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งและทรุดตัวลงพร้อมกับร้องไห้“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบคนล้ำเส้น นับจากวันนี้ไปเราสองคนไม่มีอะไรต่อกันอีก”“พี่กรณ์จะทิ้งอินเหรอ! พี่ได้อินแล้วจะทิ้งอินเหรอ! อินไม่ยอมหรอกนะ!” เพลงรักยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ สำหรับเธอแล้วไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้เดือดดาลขนาดนี้มาก่อน ดวงตาสวยยังคงจ้องมองภาพของกรณ์ที่นั่งลงช้า ๆ ใช้มือเชยคางหญิงสาวขึ้นมา รอยยิ้มที่เขาส่งไปให้ดูน่าขนลุก ก่อนจะเห็นว่าเขาเลื่อนใบหน้าไปกระซิบข้างหูของเธอแม้ว่าเพลงรักจะไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร แต่หลังจากนั้นหญิงสาวก็ทุบหน้าอกเขารัว ๆ ด้วยความไม่พอใจ และก็เป็นกรณ์ที่ลุกขึ้นก่อน และยืนปล่อยให้หญิงสาวนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้หันไปสนใจอะไรเธออีกในตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มหันมาเห็นเพลงรักที่กำลังมองอยู่พอดี และทันทีที่เขาเห็นเธอใบหน้าเมื่อครู่ที่เรียบเฉยดุดันก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานแบบที่เธอเห็นเป็นประจำทันทีหญิงสาวเองก็ยิ้มตอบกลับ แม้ในใจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะไม่สามารถสลัดภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่
ตอนที่ 8 ผู้ชายที่ดีที่สุดการันต์ขับรถออกจากเพนต์เฮ้าส์อย่างใจเย็น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนบางอย่าง ร่างกายที่เครียดตึงด้วยอารมณ์ปรารถนาเมื่อครู่เริ่มผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่สิ่งที่เข้ามาทำให้ใจเขาเกือบสั่นนั้นคือความรู้สึกแปลก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในอกข้างซ้าย ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์ของตนเอง โดยพยายามสลัดความคิดที่ยุ่งเหยิงนั้นให้หลุดออกไป“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว พอเบื่อก็เอาไปขาย จะคิดมากไปทำไมวะ”แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบใบหน้าของเพลงรักจาง ๆ พอให้ช่วยปลุกเธอขึ้นมา หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนที่ภาพความทรงจำเมื่อคืนก็ดูเหมือนจะทำงานได้เป็นอย่างดี วิ่งวนเข้ามาในหัวเธอราวกับกำลังตอกย้ำเหตุการณ์นั่นร่างบอบบางขยับลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดไปตามร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนที่เธอรู้สึกว่ายังบอบช้ำมากที่สุด แม้จะเขินอายจนไม่กล้าจะนึกถึง แต่สุดท้ายเธอก็ต้องบังคับตัวเองลุกขึ้นจากเตียงหลังจากที่เธอยืนได้มั่นคงดีแล้ว เพลงรักได้หันกลับไปดึงผ้าห่มบนที่นอนออก ดวงตาหวานจ้องมองผ้าปูที่นอนที่เลอะคร
ตอนที่ 7 เทสต์ของหลังจากที่การันต์เหยียบคันเร่งรถสปอร์ตมิดไมล์ เขามาถึงโรงแรมได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังเพนต์เฮาส์ของตนเองด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะใส่รหัสแล้วเปิดประตูเข้าไปในเวลาต่อมาทันทีที่ประตูถูกเปิดออกไฟในห้องก็พร้อมเพรียงกันสว่างขึ้น การันต์กวาดตามองไปรอบ ๆ โซฟาตัวใหญ่ แต่กลับไม่เห็นว่าเพลงรักจะอยู่ตรงนั้น สองเท้ารีบก้าวเดินตรงไปยังตำแหน่งห้องนอน ก่อนจะลองขยับลูกบิดประตูและพบว่ามันไม่ได้ล็อกและทันทีที่เปิดเข้าไป แม้ว่าในห้องจะมืดมากแต่ก็ยังพอมีแสงนวล ๆ จากโคมไฟหัวเตียงให้ความสว่างอยู่บ้าง ทำให้ดวงตาคมเห็นภาพของเพลงรักที่นอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซต์ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา การันต์ค่อย ๆ ปิดประตูอย่างเบามือที่สุดก่อนที่สองเท้าจะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เธอเงียบ ๆชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างเตียง เขาย่อลงแล้วค่อย ๆ สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มข้าง ๆ หญิงสาวที่นอนหลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้แต่คนอื่นเดินเข้ามาใกล้เธอยังไม่ขยับ มีเพียงแค่ส่งเสียงอืออาเล็กน้อยทั้งที่ยังไม่ลืมตาการันต์ใช้มือข้างหนึ่งค่อย ๆ สอดเข้าไปใต้คอของเธ
ตอนที่ 6 ภาพติดตาเสียงประตูรถตู้ปิดดังสนั่น หลังจากที่การันต์ก้าวออกจากเพนต์เฮาส์เขาได้ทิ้งร่างเล็ก ๆ ของผู้หญิงที่เขาเพิ่งนำกลับมาไว้ที่นั่น“คืนนี้ไม่พักที่นี่เหรอเฮีย”“ไม่” เสียงทุ้มตอบเรียบเย็นก่อนจะเอนศีรษะนอนหลับตา“ดูจากสภาพเธอแล้วให้พักดีกว่า.. พรุ่งนี้ค่อยมา” ราเชนทร์พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรต่อ แต่สายตานั้นก็ยังเผลอเหลือบมองขึ้นไปยังเพนต์เฮาส์ที่การันต์เพิ่งเดินลงมา ชายหนุ่มเหลือบมองลูกน้องคนสนิทของตัวเอง แล้วหลับตาลงพูดขึ้นกับเขาอีกครั้ง“สนใจผู้หญิงคนนั้นเหรอ” ลูกน้องหนุ่มแทบจะหันกลับมามองหน้าของเจ้านายแทบจะทันที ถึงแม้เขาจะยังหลับตาอยู่ในท่าสบาย ๆ แต่สำหรับราเชนทร์ที่ทำงานกันมานานกลับรู้ดีว่าคำพูดนี้หมายถึงอะไร“ผมเหรอ”“กูแบ่งให้เล่นได้นะ อยากลองไหม” น้ำเสียงที่เหมือนไม่จริงจังนั้น แต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง และเพราะคำพูดนี้จึงทำให้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“คุณการันต์ล้อผมเล่นแล้ว..” เขายิ้มเจื่อน ๆ
ถึงแม้ว่าเพลงรักจะตะโกนถามผู้เป็นแม่พร้อมน้ำตา แต่คนเป็นแม่อย่างมาลีกลับไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อยในจังหวะนั้นเพลงรักจึงรีบเข้าไปแย่งซองเงินซองสุดท้าย แต่กลับถูกพ่อเลี้ยงถีบที่ท้องน้อยอย่างแรง จนหญิงสาวนั้นล้มลงแล้วศีรษะฟาดกับขอบโต๊ะ ทำให้มีเลือดไหลซึมลงข้างแก้ม“เอาเงินมานะไอ้ทศ! นี่มันเงินของกู!”“กูเป็นคนเห็นก่อนมันต้องเป็นของกูสิวะอีมาลี!”“แต่อีเพลงรักเป็นลูกกู กูเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย เงินที่มันทำงานมาได้ก็ต้องเป็นของกูสิวะ”“ตั้งแต่มัน 10 ขวบ! มึงก็เอาแต่เข้าบ่อน! ถ้าไม่ได้กูที่คอยหุงข้าวมันจะโตมาถึงทุกวันนี้ไหมวะ”‘หุงข้าว.. หึ!!' เธอฟังทั้งสองคนถกเถียงกันพร้อมทั้งยื้อแย่งซองเงินนั้น แล้วได้แต่อดกลั้นความรู้สึกมากมายเอาไว้ ก่อนที่จะลุกขึ้นช้า ๆเพลงรักกวาดของที่ยังพอใช้ได้ใส่กระเป๋า และเดินกะเผลกออกจากบ้านไปทั้งอย่างนั้น“ลาก่อน.. บ้านที่เกิดมา”สองเท้าของเธอเดินกะเผลกออกมาถึงหน้าปากซอย เสียงหัวเราะแบบสมเพชชีวิตดังออกมาจากลำคอของตั
Komen