Masuk" เฮิ้กกก~ งามไส้ไหมล่ะ อีไศลา "
เธอหมุนซ้ายหมุนขวาหาหนทางหนี และพยายามสอดส่องดูว่าเหตุการณ์อันน่าภาคภูมิใจนี้ มีใครเห็นแล้วบ้าง สุดท้ายกลับมีแต่ความผิดหวัง เมื่อพบว่าจุดที่เธอยืนอยู่ มันคือเส้นทางตัน ราวกับเพลงนั้นที่เธอชอบฟังนักหนา
..กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไป ก็ไปไม่เถิงงง...
" เมื่อคืนแค่ตบไม่ถึงกับปากแตกยังโดนเหวี่ยง คราวนี้แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ..เฮ้อ งั้นลงไปนอนสวยๆ ในโลงก็แล้วกันเนอะไศเนอะ "
ก่อนจะตัดพ้อด้วยสีหน้าแสนเศร้า ต่างกับเจ้าของแจกัน ที่ตอนนี้นั่งขำหน้ากล้องเพราะสีหน้าของเธอ และเสียงบ่นเป็นภาษาไทย ทว่า ... จำใจต้องแสร้งนั่งนิ่ง ทำทีเคร่งขรึมเข้าไว้ เมื่อเธอเดินเข้ามา
" เอ่อ...สวัสดีค่ะ"
วินาทีแรกที่เจอถึงกับถอนสายบัว มาเฟียหนุ่มอยากจะขำสิ่งนี้ แต่กลับต้องเก็บอาเรา ทำได้เพียงทอดมองและนิ่งที่สุด
" เธอมาช้าไปนะ "
" คะ คือ..."
" มีอะไร "
" คุณคงได้ยินแล้ว "
หญิงสาวก้มหน้าสลด เวเดโน่กัดปากอั้นยิ้ม ลอบมองมือเล็กที่ผสานกันเป็นเกลียว กับขาสั่นพั่บๆ
" อะไรแตก "
" จะ แจกันค่ะ " ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ " พะ แพงไหมคะ? "
ดีหน่อยที่กล้าทำและกล้ารับ
" แฮ่มมม"
เวเดโน่กระแอมกระไออีกระลอก เขาจงใจจะแกล้งเธอ ต้องการถ่วงเวลาในเรื่องที่จะพูด ซึ่งช่างโชคดีราวกับฟ้าเป็นใจ เขากำลังสรรหาคำพูดคิดหว่านล้อม ให้เธอไปอยู่กับเขาพอดี หากทำแจกันแตกแบบนี้ คงไม่ต้องขู่ให้เหนื่อย สาเหตุจากเรื่องเมื่อคืน มันทำให้เขาและพรรคพวกต้องประชุมกัน ผลที่ได้คือเธอ..มีพิรุธหลายเรื่อง เธอตั้งใจส่งเรซูเม่จากไทยมายังที่นี่โดยเฉพาะ แบบไม่มีประวัติสมัครงานที่อื่นสำรองไว้ เพื่อกันผิดพลาดมาก่อน นั่นเท่ากับว่า เธอจงใจจะมาทำงานที่นี่เป็นที่เดียว และที่อยู่กับนามสกุลมันเหมือนกับใครบางคนที่พวกเขารู้จัก
ใช่ คนๆ นั้น แก็งค์อัลฟาจะไม่มีวันลืม และเธอคนนี้สมควรได้รับความดูแล
" แพงถึงขนาดเงินเดือนเธอทั้งปีก็ชดใช้ไม่หมด "
" ห๊ะ!! "
" จะเสียงดังทำไม ฉันไม่ชอบคนเสียงดัง"
เขาแสร้งเอ็ด ทั้งที่ใจจริงอยากขำแทบแย่ เพราะยามนี้เธอคงไม่รู้ การทำหน้าเหวอ ตกใจ และเบิกตากว้างของเธอ มันโคตรตลก
" ฉัน.. ฉันขอโทษค่ะ ทันไหมคะ ? "
ยิ่งสีหน้าละห้อยด้วยแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่ มันทวีคูณความขำให้เขาหนักเข้าไปอีก
" คำขอโทษของเธอ ไม่ใช่กาว ถึงจะได้ต่อกระเบื้องชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นได้ "
" แล้วฉันต้องทำยังไง "
" หาเงินมาชดใช้สิ"
" ฉันไม่มีปัญญาหรอก..."
เธอบอกเสียงเอื่อย มือบีบกันขึ้นเส้นปูด ช่างน่าสงสาร เวเดโน่เกือบจะใจอ่อนแล้ว ถ้าไม่ติดว่านี่คือแผน เขาเลือกที่จะถอนหายใจ และชี้ปากกาในมือมาทางเธอ พลางจ้องหน้าด้วยสายตาที่แน่วแน่
" แจกันแสนดอลล่า คือค่าตัวเธอทั้งหมด "
" คะ .....!!! "
แทบจะยกมืออุดหู หากไม่ติดว่าฟอร์มใหญ่ เวเดโน่ผู้เก่งกาจในเรื่องความนิ่งยังคงทำหน้าที่ได้ดีอยู่ ต่างกับสาวไทยไซส์เอเชียตรงหน้า นอกจากจะยืนอึ้ง ใจของเธอยังสั่นอีกด้วย
" คือยังไงคะ ค่าตัว? ค่าตัวอะไรคะ ดิฉันทำแจกันตกแตก มันเกี่ยวกันตรงไหน "
มาเฟียหนุ่มยกยิ้มแค่มุมปาก ก่อนชะงักปากกาที่ชี้แล้ววางลง เขาชักจะชอบในความฉะฉานกล้าโวยกล้าถามของหญิงสาวซะแล้ว
" ฉันเป็นเจ้าของแจกันนั่น ก็เท่ากับกลายเป็นโจทย์ เธอน่ะจำเลย โจทย์สั่งแล้วมันผิดด้วยหรือ "
" เอ๋..."
กับดวงตาที่โตขึ้นตามความนึกคิด และยามตกใจคู่นี้ มันช่างใสซื่อไร้ความมุ่งร้าย ถึงจะดูอ่อนโยนสูงสุด แต่ก็ไม่อ่อนแอ
" ไม่ต้องอ๋งต้องเอ๋...มีคนมารายงานเรื่องของเธอแล้ว กระเป๋าเธออยู่ที่ทำงานใช่ไหม "
เวเดโน่ลุกขึ้นตัดบท พร้อมบิดขี้เกียจ ทว่า หญิงสาว ..
" เดี๋ยว..เดี๋ยวค่ะ! " ยังไม่หายงง " คืออะไรยังไง คุณไม่ได้เรียกฉันมา เพื่อจะมาคุยเรื่องนี้ใช่มั้ยคะ ถ้าไม่ติดว่าฉันทำแจกันแตก มันคง.."
" ก็เรื่องเดียวกันนั่นแหละ"
" คะ?! "
" มันเข้าใจยากตรงไหนไศลา"
เหมือนเขาจะเริ่มหงุดหงิด เธอจึงปิดปากเงียบ เปลี่ยนเป็นช้อนตา ชำเลืองมองเขาแทน
" ใจร้ายชะมัด "
" อะไรเล่า ฉันซื้อตัวเธอในจำนวนเงินที่เยอะกว่า นั่นหมายความว่าหน้าที่การทำงานของเธอต้องเยอะตามด้วย ที่ไม่ใช่เพียงแค่เดินสวยๆ เสิร์ฟเหล้าน่ะ "
"....!!! "
" ค่าตัวแพงมากนะ ถ้าเทียบกับแจกัน พร้อมเมื่อไหร่ เดินออกมาก็แล้วกัน อำลาเพื่อนร่วมงานซะ บอกเขาว่าเธอจะอยู่ที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย "
" ห๊ะ...O.O"
เหมือนเดิม ผู้ที่ชอบตัดบทเอาดื้อๆ และเดินออกไปย่อมเป็นเขา ปล่อยให้ไศลายืนอึ้งเคียงข้างอุปกรณ์สำนักงาน และเอกสารกองเป็นตับ
ถึงเวลาร้านเปิดผ่านมาจะค่อนคืน วันนี้เป็นคืนแรกที่ไศลาทำงานด้วยความเบลอ ในหูเธออื้ออึงมีแต่คำสั่งเมื่อตอนบ่ายเต็มไปหมด รนรานถึงขนาดทำถาดพลิกเกือบหลุดมือไปหลายรอบ ก่อนตัดสินใจมานั่งแอบนวดขาป้อยๆ อยู่ข้างหลัง แต่เหมือนยังไม่หลุดพ้นจากสายตาของใครบางคน
" อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวก็หายเหนื่อยแล้ว "
" อะ เอ๋..."
เมื่อเธอช้อนตาขึ้นไปมอง พบว่าเป็นเทเรน่า เธอมายืนกอดอกทำสีหน้าไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก พร้อมคำแดกดันที่ทำให้คนฟังต้องชะงัก
" แต่ว่าก็ว่าเถอะน้า ไปอยู่กับคนที่ฆ่าพี่ตัวเองนี่..คงจะอึดอัดน่าดู "
" .....!!! "
คิดจะแสร้งไม่สนใจต่อคำของหล่อนในทีแรกก็คงจะไม่ได้ หลังประโยคนั้นหลุดออกมา ดวงตากลมโตที่เคยสดใส ถึงกับแดงก่ำไปเลยทันที นัยย์ตาค่อยๆ ถูกเคลือบไปด้วยน้ำใสๆ และถ่างออก บ่งบอกถึงความตกใจ
...เพียงแค่นึกถึงหน้าพี่ชายเธอขึ้นมา ใจก็แป้วแล้ว
" มะ หมายความไง.."
น้ำเสียงที่สั่นเทานี้ บ่งบอกถึงอารมณ์ที่มีของเธออย่างชัดเจน ถ้าไม่หนักหนากว่าแรงหญิงสาวจะไม่มีทางร้องไห้แบบนี้
" พนักงานที่นี่น่ะ มีอยู่สองอย่าง ผู้ชาย ถ้าเก่งเรื่องการต่อสู้ก็อยู่ได้ ยิ่งมือฉกาจยิ่งอนาคตไกล ส่วนผู้หญิง..ถ้าหุ่นเด่นดูแพง ก็เป็นเหมือนเธอยังไงล่ะ..แต่ท้ายที่สุดทุกคน..ก็ต้องมีจุดจบแบบเดียวกันทั้งนั้น นั่นก็คือ..ตาย "
" ฮึก.."
" คนที่เขาฉลาดน่ะ ไม่มีทางทำตัวเด่นหรอกจะบอกให้ จะก็มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ "
ยิ่งเทเรน่าตอบไม่ตรงคำถาม ทิ้งทวนความสับสนเอาไว้ ให้คนฟังเก็บไปคิด ก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่
ไศลานั่งอึ้ง มือที่นวดขาหวังบรรเทาอาการเมื่อยชะงักค้างไป เหลือเพียงความโดดเดี่ยว ที่ผุดออกมาจากจิตใต้สำนึก ซึ่งมีเพียงเวลาเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่จะกำราบมันได้ หญิงสาวระงับยับยั้งมันโดยการกัดริมฝีปากตัวเองแน่น กำปั้นหนึ่งกำคอเสื้อตัวเองไว้ แล้วลุกขึ้นยืน
" สู้นะไศลา ..."
สู้เหมือนกับเขา...
' เปิดกล้องทีไร ตกใจ นึกว่าเห็นผีทุกที ถามจริงพี่เป็นอันธพาลเหรอ'
' ทำไม? '
' ก็หน้าพี่น่ะ มีแต่รอยบาดแผล ฟกช้ำตลอด อย่าให้แม่เห็นนะ'
' ฮ่ะๆๆ จริงๆ เล้ย '
' บอกมา ไปโดนอะไร '
' เรื่องบางเรื่องจงใจปกปิดไว้ ไม่ได้คิดว่าคนๆ นั้นไม่สำคัญหรอกนะ แต่สำคัญเกินกว่าที่พี่จะบอกได้'
' แหม..ความลับเยอะจริงนะ '
' อย่ายั่วพี่น่าไศลา เรากับแม่มีหน้าที่ใช้เงินก็ใช้ไป อยากจะให้พี่คุ้มค่าเหนื่อย ก็บอกไอ้สรรค์ให้ตั้งใจเรียนด้วย ...'
เขาน่ะ...คือ ฮีโร่ ของเธอเสมอ... และเธอกำลังจะได้รู้เรื่องราวของเขา
ทว่ายิ่งนึกก็ยิ่งทำลายความเข้มแข็ง
หญิงสาวใช้กำปั้นทุบอกตัวเองหวังเรียกสติ ก่อนขยุ้มคอเสื้อตัวเองค้างไว้ ร้องไห้ตัวโยน
"ฮือๆ พี่คะ ฮึก...พี่.."
ลำพังสงครามนอกฐานวุ่นวายมากพออยู่แล้ว เขาต้องมาจัดการกับสงครามภายในอีกหรือ เรกาโดคิดชีวิตที่ผ่านมาเป็นเช่นไรเขาย่อมรู้ดี การเป็นมาเฟียไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องมีความแกร่งเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ควบคู่กับความอดทนก็จริง ทว่าไม่ได้หมายความว่าจะเพียงพอสำหรับพวกเขายังต้องรับมืออีกเยอะ กับศัตรูรอบด้าน นับร้อยนับพันเรียกได้ว่าเป็นโขยง ไหนจะความโลภ ทรยศหักหลัง และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายแต่แล้ววันนี้กลับต้องมายืนดูในขณะในใจสำเนียกรู้แน่ชัดเป็นอย่างดีว่านั่นคือสหายตนหนึ่ง เพื่อนร่วมสาบานที่ไม่ต่างกับคนอื่นๆเพียงแค่เขามีความผิด ซึ่งวัดระดับความรุนแรงไม่มีใครรู้ปริมาณเทียบเท่าด้วยซ้ำ ถ้าหากจะให้รู้เล่าก็ ที่รู้มันย่อมผ่านไปได้ทุกเมื่อหากมันไม่เหนือคำว่า..อภัยใช่แล้ว! อย่างเวเดโน่ไม่มีวันอ่อนข้อให้ใครหรอกเว้นแต่อีกฝ่ายจะยอมยกธงขาวก่อนเท่านั้นโดยเฉพาะซันดรู!ชายร่างสูงอกผายไหล่ผึ่ง ก้าวฉับๆ จากประตูทางเข้าไปยังบาร์ที่มีไว้สำหรับนักดื่มขวับ!ก่อนจะแย่งของในมือ ไปอย่างแรงจนมันปลิวเพล้ง!เสียงแตกหักจากการกระเด็นกระดอนดังตามหลังผู้คนพากันแตกตื่น บ้างก็นั่งนิ่ง บ้างก็ถอยห่าง ทว่าไม่มีใครเลยที่จะ
เตียงนอนสั่นคลอนถี่ปานแผ่นดินไหว นั่นคงเป็นเรื่องปกติของคู่อื่นทั่วไป ใช่สองคนนี้ คนเจ็บด้วยบาดแผลฉกรรจ์คนนึงซึ่งเพิ่งจะทุเลาลง กับอีกคนไม่ต่างจากหญิงชราเพราะหมดสภาพความแข็งแกร่งไปกว่าครึ่ง หล่อนไม่ใช่หญิงสาวมาดมั่น คิดจะกระโดดตามอำเภอใจอย่างเมื่อก่อนได้อีกแล้ว เพราะภายใต้เนื้อหนังตรงกลางกายมีอีกหนึ่งชีวิตซ่อนอยู่ท้องที่เคยแบนราบดูสวยและเนียนขาว ตอนนี้แปรเปลี่ยนไม่เหลือโครงเดิม ทั้งตึง ทั้งขยายใหญ่โตไศลาหลับตาพริ้ม ย้อนนึกถึงความหลังในครั้งที่เจ็บปวดที่สุด ยามร่างหนาดุนดันเข้ามาแนบชิด สิ่งที่เคยโหยหาถูกแทนที่ด้วยการทับทาบ เธอใช้ฝ่ามือบางลูบไล้ถูไปทั่วแผ่นหลังเบาๆ ราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน กับสีหน้าไม่ต้องบอกก็รู้ จวนจะถึงจุดสูงสุดพร้อมกันทั้งคู่ไม่ต่างกับคนบนตัวหล่อน แม้จะเจ็บหนัก ยามนี้ก็ยังคงเจ็บ ทว่าเพราะความคิดถึงและแรงปราถนากลับหลอมให้เขานั้นลืมความรู้สึกอื่น ดุจคนๆ เดียวกัน เมื่อไศลาเองก็ลืมความเคืองโกรธ และเขาก็ลืมว่าเธอกำลังโกรธเสียงหอบหืดผสมอารมณ์กระสันกระหาย บ่งบอกเป็นอย่างดีถึงความสุข ทั้งคู่ไม่ได้รับมานานมากแล้ว เวลานี้จึงเป็นเวลาที่ดีของพวกเขา"รักไหม? "กับน้ำเสียง
ล้อรถบางครั้งมันก็ตามคนเดินทัน หากคนนั้นคือคนท้องสาวเจ้าน้อยใจสูงสุด ต่อการกระทำของสามี เธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาเขา ที่คิดจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น เพียงแค่รับรู้ว่าหล่อนนั้นรัก ไม่มีวันหมดแม้จะหยดสุดท้ายช่างน่าเวทนา...ท้องแก่จวนใกล้คลอด ฝ่ามือสากกร้านหนึ่งในคู่ของสามี ก็ไม่เคยจรดลงบนหนังตึงๆนูนๆนี้สักครั้งจะไม่ให้คิดมากก็คงจะไม่ใช่ ก่อนหน้าตอนคนึงหา ใช้ความหวังต่อลมหายใจ บอกตัวเองมาโดยตลอด เขานั้นยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เหตุผลบางอย่าง ทำเขาต้องหลอกลวงเธอ ก็ว่าเจ็บปวดมากพอแล้วรองลงมา ซ้ำความระทมหนักยกกำลังสองเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าเขานั้นความจำเสื่อม แม้ก่อนหน้าจะมีคิดนอกกรอบไปบ้าง ว่าคนอย่าง โครทิส เวเดโน่น่ะหรือ จะใจเสาะ อ่อนแอนอนติดเตียงนานหลายเดือนปะถิโถถัง.. แท้จริง คือแผนการทั้งเพ ซึ่งจะไม่เจ็บหนักเลย หากแผนนั้นไม่มีเจตนาเอาเธอเข้าไปเป็นตัวละคร ยัดเยียดบทบาทโง่เง่าเต่าตุ่นให้ด้วย!เวรกรรมอะไรของหล่อน?ไศลาคิด ใจจุก ปากสั่นระริก เอาแต่ร้องไห้ พร้อมอุ้งมือบีบเข้าหากันแน่น เจ็บระบมไปหมด แต่นั่นคงไม่ชาเท่ากับความจริงในใจจะเป็นยังไงเธอก็ยังรักเขา..." ไศลา..."ยิ่งมีเสียงทุ้มตามห
ล้อเลื่อนเคลื่อนไปข้างหน้าของกระเป๋าไร้อุปสรรคต่างจากใจเธอ ไศลาครุ่นคิดตลอดเส้นทางที่เดินนับตั้งแต่ที่นั่นกระทั่งถึงที่หมาย แล้วจึงหยุดปลายทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ได้แค่พร่ำปลอบใจตัวเอง ภาวนาขออย่าให้ทุกอย่างเลวร้ายไปมากกว่านี้เลยเพราะ ที่ผ่านมาเป็นทุกข์เกินพอแล้วรู้ดีเต็มอก ไม่มีวันไหนจะไม่โทษตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น คนตรงหน้าเป็นแบบนี้..เพราะความดื้อดึงของเธอเองหากไม่จุ้นรนหาที่ในวันนั้น วันนี้จะไม่เป็นบ่อเกิดของความทรมานเลย แม้นคนตรงหน้าจะไม่ตาย ก็ใช่ว่าเธอจะดีใจได้ถึงขีดสุด...การมีชีวิตอยู่ของเขา ที่เอาแต่นอนแน่นิ่ง ทำราวกับเธอเป็นเพียงธาตุอากาศ ความรู้สึกมันดุจมีดคมกริบกรีดอกให้เจ็บปวดเหลือเกิน!เธอจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีมีแต่คำนี้ที่วนเวียนใกล้ทำสมองให้เป็นประสาท!" เพราะอะไร? "คำถามที่ออกมาเพียงแค่ลม ทว่าคนได้ยินอย่างเรกาโดรับรู้ดีถึงความเจ็บปวด ดังขึ้นพร้อมสีหน้าสลดไร้เครื่องปรุงแต่งปากเธอซีดเผือดพอๆกับคนบนเตียงที่เอาแต่นอนมองเพดานนิ่ง" เขาจำอะไรไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่พวกเราต้องพึ่งพาเธอ "" ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรก "ก่อนก้อนน้ำตาที่อัดอั้นอยู่นานพอควร จะ
หลายเดือนต่อมาเสียงระบบช่วยหายใจ มองเห็นเพียงสายไฟแล้วจอคอมที่มีเลเซอร์วิ่ง กระนั้นสามารถช่วยต่อชีวิตคนได้ ดังเตือนเป็นจังหวะบีบหัวใจคนฟังมาหลายต่อหลายวันแล้ววันนี้...มันได้เวลาปลุกเจ้านายบนนั้นร่างใหญ่ค่อยๆขยับแค่ปลายนิ้วก่อน จากนั้นจึงจะตามมาด้วยเปลือกตาที่หนักอึ้ง เขากระพริบตาขึ้นลงช้าๆ กระทั่งถี่และเบิกกว้างได้จึงจะสั่งหยุด" อ่า..."เสียงบ่งบอกถึงความปวดหัว กับต้องปรับตัว ปลุกคนข้างๆให้สะดุ้งตื่น เรกาโดถึงกับสร่างงัวเงียเมื่อเห็นกันเลยทีเดียว" เว้ด! ฟื้นแล้วเรอะ "แต่แล้ว..เขาคนนั้นกลับขมวดคิ้วทำหน้างง ค่อยๆหันมาทางเจ้าของเสียง" ใคร..." เอ่ยเสียงแผ่วซึ่งนั่นทำให้คนได้ยินมันอย่างครูซัสถึงกับนิ่งเงียบไปเขาอึ้ง สร่างง่วงเป็นปลิดทิ้ง" ใคร..."" กูหรือ?? ก็เพื่อนมึงไงพวก เรกาโด "" เพื่อน .." เขาทวนก่อนชี้หน้าอกตัวเองพลางเลิกคิ้ว ทำคนฟังถึงกับดีดตัวขึ้นมานั่งแบบมีสติพลางลูบหน้า ลูบเครา ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆ทางด้านของไศลาช่วงเวลาเดียวกันแต่คนละขั้วโลกเพล้ง!เสียงแตกหักของจานกระเบื้องดังสะเทือนลั่นบ้าน มือสั่นเทาของหล่อนชะงัก หลังเสียงนั้นปลุกสติให้
ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่ในห้องมืด คล้ายกับห้องลับที่เคยบรรจุบุคคลสำคัญในอดีต มือคู่แข็งแลเห็นแต่เส้นเลือด ปูดขึ้นบ่งบอกให้รู้ถึงความหนักของสงครามในแต่ละครั้งที่ผ่านมา พร้อมใจกันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงในขณะใบหน้าเรียวได้รูปวางตรงเหม่อลอย สายตาพยายามเก็บกักอาการที่กำลังจะออกมาเอาไว้ พลางต่อต้านด้วยความอดทนขั้นสูงสุด ซึ่งสั่งหยุดเอาไว้ชั่วคราวไม่ให้มีโอกาสได้เปิดเผย หวังรอช่วงเวลานี้ให้ผ่านพ้นไป...ประมาณนั้น....มองตรงไปยังตำแหน่งหนึ่ง ที่ไม่ได้พิเศษอะไร หรือน่าสนใจเสียจนต้องให้ความสำคัญทว่า เพียงแค่จุดนั้นสามารถทำให้สมองเขาโลดแล่นต่อไปได้ นั่นคือความจำเป็นที่ต้องการเรกาโด ครูซัส ผู้ครองตำแหน่งคนคิดค้นหนทางการเอาตัวรอดในบางครั้งของแก็งค์รองลงมาจากใครคนหนึ่ง คนที่วิญญาณหายสาบสูญยากที่จะหวนกลับมาในตอนนี้บัดนี้...ไร้แล้วซึ่งศักยภาพตรงนั้นภาพจำวนเวียนมายังโซนสมองของเขา นั่นคือส่วนที่มีความอ่อนแอแฝงอยู่ สลับกับความแค้น และกฏเกณฑ์อีกจิปาถะ ที่รวมหัวกันสร้างขึ้นมาเองแต่แล้ววันนี้กลับต้องเอามาใช้เขาคิดไม่ถึง และถ้าหากเลือกได้...คงไม่ทำมัน!" ฟู่วว.."ในขณะเขากำลังคิด ถอนหายใจเป็นร้อยรอบ พ







