Share

บทที่ 512

Author: จิ้งซิง
สุดท้าย เวินจื่อเยวี่ยก็ยังยืนกรานปฏิเสธที่จะพิมพ์ลายนิ้วมือลงบนจดหมายถอนหมั้น

หลินเนี่ยนฉือไม่อยากเสียเวลากับเขาอีกต่อไป รู้สึกว่าพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เสียเวลาในการตามอาซื่อกลับไปรำลึกความหลัง ดังนั้นจึงตามเวินซื่อกลับไปที่อารามสุ่ยเยว่ทันที

เมื่อเห็นหลินเนี่ยนฉือพาเวินซื่อออกไปโดยไม่เหลียวหลัง เวินจื่อเยวี่ยก็รู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก

มองดูพวกนางจากไปตาปริบ ๆ เวินจื่อเยวี่ยกำหมัดแน่น ก่อนจะหันหลังไปเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

“แค่ก ๆ ๆ…”

ในขณะนี้จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงไอดังมาจากด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็เห็นเวินฉางอวิ้นปิดปากไออย่างรุนแรง

“พี่ใหญ่ ท่านป่วยเป็นอะไร ทำไมถึงไอหนักขนาดนี้...พี่ใหญ่?!”

เวินจื่อเยวี่ยเพิ่งก้าวขึ้นหน้าไปเพื่อช่วยตบหลังให้เวินฉางอวิ้น แต่วินาทีต่อมาก็เห็นเวินฉางอวิ้น “ไอเป็นเลือด”!

“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป?! รีบตามหมอมาที รีบไปตามหมอมา!”

เมื่อเวินจื่อเยวี่ยเห็นเลือดเต็มมือเวินฉางอวิ้น รูม่านตาก็หดตัวลงทันใด ตะโกนลั่นไม่หยุดอย่างร้อนอกร้อนใจ

ในเวลานี้เวินฉางอวิ้นกลับคว้ามือของเขาไว้ พลางส่ายศีรษะด้วยใบหน้าซีดเผือด “ไม่ ไม่ต้องตามหมอ…”

“ไม่ต้องตามหมอหมายค
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 513

    ประการแรกคือพูดไม่ออกจริง ๆ และประการที่สองก็คือไม่มีแรงจะโน้มน้าวแล้วเขาเพิ่งโบกมือหย็อย ๆ ตรงหน้าก็มืดลง หมดสติไปอีกครั้ง“พี่ใหญ่?!”เวินจื่อเยวี่ยที่เห็นเวินฉางอวิ้นหมดสติอย่างกะทันหันเป็นครั้งแรกก็ตกใจทันใด เมื่อเขาพลิกตัวกลับมา หลังจากเห็นใบหน้าซีดเผือดราวกับคนตาย เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเกิดอะไรขึ้น?พี่ใหญ่ป่วยเป็นอะไรกันแน่?เหตุใดถึงดูอ่อนแอเพียงนี้?!หลังจากที่หมอมาถึงและตรวจอาการของเวินฉางอวิ้นแล้ว ก็ขมวดคิ้วส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยกับเวินจื่อเยวี่ยประโยคหนึ่ง “เตรียมตัวจัดงานศพโดยเร็วที่สุดเถอะ”“ท่านว่ายังไงนะ?!”เวินจื่อเยวี่ยตกใจหน้าถอดสีทันที “อะไรคือเตรียมงานศพ? พี่ชายของข้าแค่ป่วยเท่านั้น ท่านไม่รักษาเขาให้ดี ๆ ก็ยังพอทน แต่ยังกล้าสาปแช่งเขาอีกหรือ?!”หมอชราผู้นั้นรีบบอกว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยอมช่วย แต่คุณชายใหญ่สกุลเวินป่วยหนักจนหมดทางรักษา ข้าไร้เรี่ยวแรงที่จะพลิกสถานการณ์ได้แล้ว”“หากคุณชายสามไม่เชื่อ ก็ลองหาคนอื่นที่เก่งกว่าข้า หาคนอื่นที่เก่งกว่าข้ามาก็แล้วกัน”จากนั้นหมอชราก็สะพายล่วมยาวิ่งหนีไปทิ้งเวินจื่อเยวี่ยไว้ให้อยู่ตามลำพังหน้าเตียงของเวินฉางอว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 514

    หมอหลวงหลี่ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร? ดอกไม้พวกนี้จะมีพิษได้อย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเกือบคิดว่าเป็นภาพหลอนของตัวเองเสียแล้วแต่หมอหลวงหลี่ยังคงยืนยันว่า “คุณชายสามสกุลเวิน ข้ามองไม่ผิดแน่ แม้ว่าจะไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้ชนิดใด แต่กลิ่นหอมของดอกไม้นี้ดูเหมือนจะเป็นยาพิษร้ายแรงประเภทกล่อมประสาท หลังจากได้กลิ่นหอมของดอกไม้เป็นเวลานาน พิษนี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณชายใหญ่ ทั้งหมดสามต้น พิษรุนแรงขึ้นสามเท่า ไม่แปลกใจที่ร่างกายของคุณชายใหญ่จะทรุดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”หลังจากฟังเขาพูดจนจบ สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยก็บึ้งตึงไม่รู้ว่าทำไม แต่เขานึกถึงเป็ดทอดกรอบที่เวินจื่อให้เขากินเมื่อตอนนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกไม่ ๆ ๆ เป็นไปไม่ได้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน น้องหกได้อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกแล้วว่า นางวางยาพิษตัวเองเพียงเพราะความโกรธและหวาดกลัว ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่เคยเปิดเผยภูมิหลังของนาง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยั่วยุน้องหกได้ น้องหกมีเหตุผลอะไรถึงต้องวางยาพิษพี่ใหญ่ด้วย?ช้าก่อน เวินจื่อเยวี่ยนึกอะไรออกทันใดเขามองไปที่อันเซิ่งอย่างดุดัน “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอีกกระถางหนึ่งเป็นของใครนะ?”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 515

    “มาโดนจั๊กจี้จากข้าสักที!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว! ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”หลินเนี่ยนฉือไม่เกรงกลัวอะไรเลย ยกเว้นการจั๊กจี้ของเวินซื่อทั้งสองหัวเราะร่วนด้วยกันอีกครั้งในทันทีเสียงหัวเราะแห่งความสุขดังไปทั่วเรือนเล็กจู๋เยวี่ยที่ยอดหลังคามองดูครู่หนึ่งด้วยควากอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็ถอนสายตากลับช่างเถอะ ๆ ไม่อยากดูทั้งสองคนในห้องเริ่มคุยกันอีกครั้งหลินเนี่ยนฉือเพียงแค่เคยได้ยินมาก่อน ตอนนี้มาถึงเรือนของเวินซื่อแล้ว แน่นอนว่านางต้องการฟังเวินซื่อพูดเรื่องนั้นด้วยตัวเองนางแค่ต้องการรับรู้ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอาซื่อมีเรื่องคับข้องใจแค่ไหนนางไม่เคยรู้เลยแม้แต่นิดเดียวเวินซื่อที่ไม่อาจขัดใจนางได้จึงต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอย่างช้า ๆตั้งแต่เวินเยวี่ยถูกเวินเฉวียนเซิ่งพาเข้ามาในสกุลเวิน ทีละเรื่อง ทีละอย่างเมื่อพูดถึงตอนสุดท้ายสีหน้าของหลินเนี่ยนฉือก็ดำทะมึนเป็นก้นหม้อ ตบแผ่นกระดานเตียงของเวินซื่อดัง “ปัง” จนแทบจะพังลง จากนั้นหลินเนี่ยนฉือก็เด้งขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่พลาง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 516

    “เจ้าว่าอะไรนะ? เข้าวัง?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจก็สั่นไหว“เจ้าจะเข้าวังไปเป็นพระสนมหรือ?”หลินเนี่ยนฉือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นังเด็กแสบอย่าดูถูกข้านะ ข้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นพระสนม แต่เข้าวังไปเป็นฮองเฮา”นางยิ้มตาหยี พูดกับเวินซื่อ “อีกไม่นานข้าจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าเห็นข้าก็ต้องทำความเคารพข้าแต่โดยดี หากทำความเคารพไม่สวย ข้าจะให้เจ้าอุ่นเตียงนอนให้ข้า”เวินซื่อกลอกตาใส่นางอีกครั้ง “มาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า อย่ามาดื้อกับข้า”“นี่ล่ะเรื่องสำคัญ ถูกต้องแล้ว”หลินเนี่ยนฉือกอดเวินซื่อที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มกล่าวว่า “หลังจากที่สกุลหลินของเราถูกโยกย้ายออกไปแล้ว อิงจากเวลาโยกย้าย หากต้องการกลับเมืองหลวงให้เร็วขึ้นก็ต้องมีโอกาส มิฉะนั้นก็ต้องรอไปอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปี จนกว่าพ่อของข้าจะเข้ารับตำแหน่ง สร้างผลงานให้เฉิดฉายต่อหน้าฝ่าบาท ถึงจะสามารถถูกโยกย้ายกลับมา แต่สกุลหลินของเราไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น”“เจ้าก็รู้ว่า เมืองหลวงนั้นมีแต่การแย่งชิง เวลานี้ฝ่าบาทยังเยาว์นัก ถึงเวลาขอกำลังคนช่วยเหลือแล้ว หากสกุลหลินของเราไม่กลับให้เร็วกว่านี้ ก็อย่าพูดถึงการรอคอยยี่สิบปี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 517

    “ท่านพ่อ รีบกลับไปเถอะ ลูกไม่อยากรออยู่ในนรกแห่งนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ!”เวินเยวี่ยรีบวิ่งช้าบ้างเร็วบ้างออกไปข้างนอก เดิมทีคิดว่าน่าจะมีรถม้าคอยพวกเขาอยู่ข้างนอกแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย“ให้ตายสิ พวกพี่ใหญ่ไม่รู้หรือว่าวันนี้พวกเราจะออกมา? ไม่รู้ว่าต้องมารับพวกเรา”เวลานี้เวินเยวี่ยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ พอเห็นว่าไม่มีรถก็เอ่ยปากตัดพ้อทันทีเวินเฉวียนเซิ่งที่เดินตามมาชายตามองนางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “พี่สามของเจ้าถูกกักบริเวณ พี่สี่พักฟื้นขา พี่ใหญ่ของเจ้าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยสบาย จะมารับพวกเราได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินเยวี่ยถึงตระหนักได้ในที่สุด ก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ลูก...ลูกก็ลืมไปเหมือนกันนี่นา”ขณะที่นางพูดไปเช่นนี้ ความรู้สึกผิดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่งนางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งกระถางดอกไม้สองใบไปให้พี่ใหญ่ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วน่าจะใกล้ถึงเวลาออกฤทธิ์แล้วหลังจากที่นางกลับไปก็จะใช้ยาถอนพิษกึ่งสำเร็จรูปที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้ สุดท้ายค่อยลงมือช่วยชีวิตเวินฉางอวิ้นอีกครั้งแบบนี้พี่น้องสกุลเวินทั้งสามคนที่เหลือก็จะได้รับ “

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 518

    ดังนั้นหลังจากที่เวินเยวี่ยรู้ว่าเวินฉางอวิ้นกำลังจัดเตรียมงานศพ นางก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คาดคิดเช่นกันว่านางเพิ่งจากไปเพียงไม่กี่วัน เวินฉางอวิ้นก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วแต่เวินจื่อเยวี่ยไม่รู้ว่านางตกใจเรื่องนี้ เข้าใจผิดนึกว่านางไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆแต่ในดอกไม้สามกระถางนั้นมีสองกระถางที่นางเป็นคนให้ และไม่รู้เช่นกันว่าดอกไม้นั้นมาจากไหนกันแน่ บางทีอาจถูกใครหลอกใช้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดจากบิดา เขาควรสืบหาความจริงให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยบอกบิดาอีกครั้งดีกว่าหลังจากไตร่ตรองแล้วเวินจื่อเยวี่ยก็เอ่ยขึ้น “หมอเถื่อนข้างนอกพวกนั้น มองสถานการณ์ที่แท้จริงของพี่ใหญ่ไม่ออกด้วยซ้ำ ต่อมาลูกก็ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา ถึงรู้ว่าถูกพิษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ถูกวางยาพิษอีกแล้วหรือ?”ตอนนี้ทันทีที่เวินเฉวียนเซิ่งได้ยินว่า “ถูกวางยาพิษ” ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมากในเวลาเพียงครึ่งปี ลูกชายทั้งหลายของเขาเกือบจะโดนวางยาพิษกันหมดทุกคนแล้วหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าวันไหนจู่ ๆ มีใครถูกพิษตายไปเขาก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งดูเศร้าหมอง แม้ว่าเจ้าสี่และเวินเยวี่ยจะรู้จักยาพิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 519

    คืนวันนั้น เวินเยวี่ยนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาไม่ใช่ว่านอนไม่หลับจริง ๆ แต่ตอนนี้นางมีบางอย่างอยู่ในใจ อยากรอให้ดึก ๆ ก่อนค่อยไปหาเวินฉางอวิ้นดังนั้นนางจึงไม่ได้นอนเลย รอจนกระทั่งเทียนไขในห้องลุกโชนเกือบหมดแล้ว นางถึงคลำ ๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าสบาย ๆ เดินอ้อมเซียงเหอที่คอยเฝ้ายามอยู่ ผลักเปิดประตูแล้วออกไปข้างนอก“เจ้าจะไปไหน?”ในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังจะแอบออกจากประตูเรือนเล็ก ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของนางจู่ ๆ เวินเยวี่ยก็ตกใจขึ้นมา พอหันกลับไปมอง “ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง ข้าตกใจหมดเลย”ที่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังนางก็คือชายเลี้ยงแมลงกู่ คล้ายจะมีนามว่ากู่อี้ซานบอกว่าเป็นคนของมารดาของนาง แต่ท่าทางวางตัวสูงส่งดูไม่เหมือนคนธรรมดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายคนนี้ยังกล้าเอาแมลงกู่มาข่มขู่นาง!สายตาหม่นหมองของกู่อี้ซานหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง แล้วถามซ้ำอีกรอบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไปไหน?”เวินเยวี่ยกลอกตาใส่ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า? ข้ามีธุระส่วนตัวต้องทำ ไม่ใช่ว่าต้องบอกเจ้าไปเสียทุกอย่าง”กู่อี้ซานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกไปแล้วนะว่า อย่าใช้สมองขี้เลื่อยของเจ้าไปทำเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 520

    “ฟิ้ว!”มีดสั้นคมกริบเฉือนลำคอของคนชุดดำคนชุดดำตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อสังเกตเห็นว่าในห้องนี้นอกจากคนบนเตียงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย คนชุดดำก็หลบไปด้านข้างด้วยความระแวดระวังในทันใด จากนั้นค่อยหันกลับมาตอบโต้ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กันภายในห้องของเวินฉางอวิ้นแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายไม่อยากทำให้คนข้างนอกตื่นตกใจ ดังนั้นต่อให้ลงมือก็จะพยายามให้เงียบไว้หลังจากต่อสู้กันมากกว่าสิบรอบ เวินจื่อเยวี่ยก็ตระหนักว่าทักษะของคนชุดดำนั้นดีกว่าเขาจริง ๆ และยังเป็นแนวทางที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนคนผู้นี้ไม่ใช่องครักษ์ลับหญิงที่อยู่ข้างกายเวินซื่อหลังจากเวินจื่อเยวี่ยตัดข้อสงสัยในตัวเวินซื่อออกไปแล้ว ก็เอามีดจ่ออีกฝ่ายไว้ แล้วคาดคั้นว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องวางยาพิษคุณชายใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย?!”คนชุดดำไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้อยู่แล้ว หลังจากยกขาขึ้นเตะเวินจื่อเยวี่ยอย่างฉับพลัน ก็เข้าไปภายในห้องเวินจื่อเยวี่ยไล่ตามไปทันทีผลปรากฏว่าเห็นอีกฝ่ายพุ่งไปทางเตียงทันที ท่าทางต้องการจับพี่ใหญ่ของเขาเป็นตัวประกันเวินจื่อเยวี่ยตกใจในทันใด มีดสั้นในมือพุ่งออกไปในทันทีประจวบเหมาะกับใน

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status