หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก

หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก

โดย:  จิ้งซิงอัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
9.6
65 การให้คะแนน. 65 ความคิดเห็น
570บท
275.4Kviews
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

ชาติก่อนเวินซื่อเป็นไข่มุกบนฝ่ามือของบิดาและเหล่าพี่ชาย แต่หลังจากที่บิดาพาน้องสาวกลับมา นางก็สูญเสียความรักไปทั้งหมด อีกทั้งยังโดนพวกพี่ชายมองว่าเป็นสตรีเจ้าเล่ห์เพราะแก่งแย่งความรักกับน้องสาว พี่ใหญ่บังคับให้นางคุกเข่าต่อหน้าผู้คน พี่รองตัดมือเท้าทั้งสองข้างของนาง พี่สามทรมานนางอย่างหนัก พี่สี่ทำลายโฉมหน้าและชื่อเสียงของนาง แม้แต่บิดาก็ไล่นางออกจากบ้าน สุดท้ายเวินซื่อเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของบิดาและพี่ชาย เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางเลือกที่จะละทิ้ง ขอพระราชโองการออกจากตระกูล ตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือด ใครจะรู้ว่าพวกพี่ชายกลับพากันนึกเสียใจ คุกเข่าอ้อนวอนให้นางลาสิกขา เวินซื่อส่ายหน้าอย่างเฉยชา “อมิตตาพุทธ ตระกูลเวินอันใด เวินซื่ออันใด พวกประสกจำคนผิดแล้ว”

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1

“หม่ำ ๆๆ”

“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?”

ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุด

เบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน

ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ย

เวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?”

สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันที

เตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”

เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”

“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”

หลังจากที่เอ่ยคำพูดประโยคนี้อย่างเย็นชา เวินเยวี่ยก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนมือของเวินซื่อแล้วขยี้อย่างแรง

บดขยี้จนกระดูกมือดังกรอบแกรบ บดขยี้จนเวินซื่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“เวินซื่อ คุณหนูอย่างข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย มอบหยกแขวนชิ้นนั้นมาเสีย!”

“เหอะ...เหอะ ๆ...”

เวินซื่อที่มีสติเลือนรางเล็กน้อยได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อย

นางหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรงสองครั้ง “เวินเยวี่ย เจ้ามันคิดเพ้อฝัน...”

นั่นเป็นของสิ่งเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ในนาง ต่อให้ตาย นางก็ไม่มีทางมอบให้เวินเยวี่ยเป็นอันขาด

“นังแพศยา เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

เวินเยวี่ยโกรธจนดวงตาแทบลุกเป็นไฟ

ในเวลานี้เอง ประตูห้องลับถูกคนเปิดออกจากด้านนอก ก่อนจะมีหลายร่างเดินเข้ามา

เวินเยวี่ยหันหน้าไปเห็นคนเดินมา นางก็เอาอาหารสุนัขไว้ยัดไว้ในอกของสาวใช้ทันที สีหน้าเหมือนเล่นกลก็ไม่ปาน กลับมาเป็นท่าทางบริสุทธิ์น่ารักในพริบตา ก่อนจะโถมตัวเข้าใส่ผู้ที่มาอย่างมีความสุข...

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่!”

“พวกท่านมาได้อย่างไร?”

คนที่เข้ามาทั้งห้าคนคือเจิ้นกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าหมิงกับบุตรชายทั้งสี่คนของเขา

เนื่องจากเจิ้นกั๋วกงเกิดมามีรูปร่างสูงใหญ่ รูปโฉมโดดเด่น

บุตรชายทั้งสี่คนของเขาก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากเขาเช่นเดียวกัน แต่ละคนไม่เพียงมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาก็ยังหล่อเหล่าสง่างามมาก บุคลิกไม่ธรรมดา

อีกทั้งมีนิสัยของเจิ้นกั๋วกงไม่มากก็น้อย แต่ละคนถ้าไม่มีสีหน้าเย็นชา ก็มีสีหน้าชั่วร้าย

แต่สิ่งที่เป็นข้อยกเว้นคือ เมื่อเวินเยวี่ยใช้เสียงออดอ้อนเรียกขานพวกเขา คนที่ดูเหมือนเย็นชาไร้ความรู้สึกเหล่านี้กลับเปลี่ยนสีหน้า

เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่ชายคนรองมองเวินซื่อที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “น้องหก เป็นอย่างไรบ้าง นางมอบหยกแขวนที่ขโมยไปจากเจ้าแล้วหรือยัง?”

ไม่ได้ขโมย!

นางไม่ได้ขโมยนะ!

นั่นเป็นหยกแขวนของนาง!

“เฮ้อ ยังเจ้าค่ะ!”

เวินเยวี่ยถอนหายใจโดยใช้น้ำเสียงที่ผิดหวังอย่างยิ่ง แล้วเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “พี่ห้ารู้อยู่แก่ใจว่านั่นเป็นของสำคัญที่สุดของข้า เป็นของที่ระลึกเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า แต่เมื่อครู่นี้ไม่ว่าข้าขอร้องนางอย่างไร นางก็ไม่ยอมคืนให้ข้าเลย”

“ข้าไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรดี”

เวินเยวี่ยเอ่ยถึงตอนสุดท้าย เสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย ราวกับอยากจะร้องไห้

พวกเวินจื่อเฉินฟังแล้วปวดใจอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ ข้าผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกินจริง ๆ”

เวินจื่อเฉินเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

เวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่ชายคนที่สามซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำหน้าเย็นชาในพริบตา ในมือเผยให้เห็นมีดคมกริบ

“ในเมื่อปากแข็งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ตัดมือของนาง ตัดข้างหนึ่ง ถามหนึ่งครั้ง หากไม่ยอมพูดตลอดก็ตัดมือและเท้าของนางให้หมด กล้าขโมยสิ่งของของน้องหก ข้าจะดูว่ากระดูกของเวินซื่อจะแข็งเหมือนปากของนางหรือเปล่า!”

“ไม่จำเป็นต้องตัดมือแล้ว”

เวลานี้เอง เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ชายคนโตเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “มีคนเห็นเวินซื่อเหมือนรีบร้อนกลืนสิ่งของลงท้องก่อนที่จะโดนจับตัวกลับมา”

เวินซื่อตกใจในพริบตา แววตาดูตื่นตระหนก

พวกเวินจื่อเฉินเห็นฉากนี้ก็พากันเข้าใจทันที

เวินจื่อเฉินด่าทออย่างเกรี้ยวกราดว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ายอมกลืนลงท้องทั้งเป็น แต่ไม่ยอมนำหยกแขวนของน้องหกคืนให้นาง?!”

นัยน์ตาของเวินซื่อฉายแววความบ้าคลั่งออกมาทันที

ในเมื่อถูกจับได้แล้ว นางก็ไม่มีอะไรต้องซ่อนอีก

“ฮ่า ๆ...ใช่แล้ว ข้าบ้าไปแล้ว!”

“เวินเยวี่ยทำร้ายข้าถึงเพียงนี้ และยังอยากแย่งชิงของสิ่งสุดท้ายที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้า ข้าจะไม่บ้าได้อย่างไร?”

เวินซื่อกระชากโซ่เหล็กหลายเส้นอย่างสะเทือนใจ เสียงเคร้งและเสียงของนางดังไปทั่วห้องลับแห่งนี้

“เป็นอย่างไร? ตอนนี้มีทางเลือกอยู่ตรงหน้าพวกท่านเพียงแค่สองทาง ถอดใจ? หรือว่าคว้านท้องข้า?”

พวกเวินจื่อเฉินมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง รวมถึงเวินอวี้จือผู้เป็นพี่ชายคนสี่ที่ซึ่งเฝ้าชมอยู่ทางด้านข้างด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอด

พวกเขามองไปทางบิดาของพวกเขาตามจิตใต้สำนึก หรือก็คือเจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่ง

เวลานี้มีเพียงเขาที่สามารถตัดสินใจได้

ดวงตาของเวินเยวี่ยฉายแววทะมึน นางเม้มปากแล้วเอ่ยเพียงคำพูดประโยคเดียวว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว”

เวลานั้น เวินซื่อเห็นเวินเฉวียนเซิ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

นางรู้ว่านางพ่ายแพ้การเดิมพันแล้ว

เวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจ “เวินซื่อ อย่าโทษพวกพี่ชายของเจ้าเลย จะโทษก็โทษข้าเถิด”

“ชาติหน้า หากเจ้าเป็นบุตรสาวของสกุลเวินอีก สกุลเวินจะชดเชยเจ้าให้มาก”

เวินซื่อมีหน้าคล้ายหัวเราะคล้ายร่ำไห้ คล้ายคลุ้มคลั่งคล้ายสะเทือนใจ

น้ำตาโลหิตสองสายค่อย ๆ ไหลลงมาจากหางตาของนาง

“ไม่ ชาติหน้าข้าจะไม่ขอเป็นบุตรสาวของสกุลเวินเด็ดขาด!”

เมื่อมีดเย็นเยียบกรีดท้องของเวินซื่อ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางหายไปจากในห้องลับ หยกแขวนที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนางมานานแล้วพลันเผยออกมาให้เห็นเล็กน้อย ส่องรัศมีแสงแสบตาออกมาจากในร่างของนาง

.....

ราชวงศ์ต้าหมิง ปีที่เจ็ดสิบหก

ต้นคิมหันตฤดู

จวนเจิ้นกั๋วกง

วันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงครึกครื้นมาก

คนทั้งเมืองหลวงล้วนทราบว่าบุตรสาวทั้งสองคนของเจิ้นกั๋วกงจัดพิธีปักปิ่นด้วยกัน

เวลานี้เอง ในห้องนอนแห่งหนึ่งภายในจวน...

“ไม่ อย่านะ...”

บนเตียง ดรุณีน้อยวัยสิบห้าผู้หนึ่งคล้ายกับกำลังฝันเรื่องน่ากลัวอะไรบางอย่าง พึมพำด้วยเสียงสั่นเครือ

วินาทีต่อมานางลืมตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นขึ้นฉับพลัน ร้องด้วยความตกใจแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที ก่อนจะยื่นมือไปบังตนเองตามจิตใต้สำนึก

“อ๊า...!”

แต่ความเจ็บปวดจากการโดนผ่าท้องอย่างที่จินตนาการกลับไม่มา

ผ่านไปสักพัก เวินซื่อจึงค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดกลัวและระมัดระวัง

เมื่อมองดูจึงพบว่าสภาพแวดล้อมแปลกไป ไม่ใช่ห้องลับแห่งนั้น

บิดา พี่ใหญ่และพวกเวินเยวี่ยก็ไม่อยู่เลยสักคน

มีเพียงห้องที่เงียบสงบ และการตกแต่งที่คุ้นเคยเล็กน้อย

เวินซื่อใคร่ครวญอยู่พักใหญ่เต็ม ๆ ด้วยสมองที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่านี่คือที่ใด

“นี่เป็นห้องเก่าของข้าไม่ใช่หรือ?”

เป็นห้องที่นางเคยอาศัยอยู่ตอนที่ยังได้รับความรักความโปรดปรานจากบิดามารดาและพี่ชายในจวนกั๋วกง

“ไม่ เหตุใดข้าถึงอยู่ที่นี่ได้?!”

เวินซื่อที่ได้สติกลับมาในที่สุดกลับตกใจจนรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะโซเซล้มลงไปที่พื้น

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? เหตุใดข้าถึงกลับมาที่นี่ได้?!”

นางต้องรีบไป!

จะให้พวกบิดากับพวกพี่ใหญ่จับตัวไม่ได้!

มิฉะนั้นนางจะต้องตายเป็นแน่!

แต่นางยังไม่ทันวิ่งไปถึงหน้าประตู ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกประตู...

“ก๊อก ๆ”

“คุณหนูห้า ท่านยังจะนอนถึงเมื่อไร วันนี้เป็นพิธีปักปิ่นของท่านกับคุณหนูหก หากสายแล้ว อย่าโทษว่าบ่าวไม่ได้เรียกท่านนะเจ้าคะ”

เสียงที่ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยของสาวใช้ดังเข้ามาในหูของเวินซื่อ ทำให้เวินซื่อที่เดิมทีเตรียมตัวจะเปิดประตูตกใจจนเก็บมือกลับมา

แต่คำพูดที่เข้ามาในหูของนางทำให้การเคลื่อนไหวของนางค่อย ๆ หยุดลง สีหน้าแข็งทื่อ

“พะ...พิธีปักปิ่น?”
แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

รีวิวหนังสือ

บทล่าสุด

ความคิดเห็น

10
89%(58)
9
0%(0)
8
2%(1)
7
0%(0)
6
0%(0)
5
2%(1)
4
3%(2)
3
2%(1)
2
2%(1)
1
2%(1)
9.6 / 10.0
65 การให้คะแนน · 65 ความคิดเห็น
เขียนรีวิว
user avatar
Pumpuy pp
ตอนนึงก็สั่นยิ่งกว่าหมอย กว่าจะเดินเรื่องไปได้ตบตี ด่าๆ ตบตี กลับไปกลับมา นอ.ก็โง่แสนทน
2025-04-29 14:05:38
0
user avatar
กุลสตรี หลัง มีสี
เสียเวลาสุดๆอ่านก็ยังไม่จบให้อ่านเรื่องใหม่เฉยไม่น่าโหลดมานั่งดูโฆษณาอีกแย่มาก
2025-04-24 11:35:42
1
user avatar
กุลสตรี หลัง มีสี
อ่านมา542บททำไมเข้าอ่านไม่ได้อีกยังอ่านไม่จบขึ้นให้อ่านเรื่องอื่นเฉยคืออะไรเสียอารม..
2025-04-24 10:04:23
0
user avatar
Phurngpha Maddison
อยากเห็นจุดจบของพ่อตัวเหี้x
2025-04-24 01:28:38
0
default avatar
จันทร์ทิพย์
สนุกมากค่ะ
2025-04-23 17:17:16
0
user avatar
Daan
สนุกมาก ให้เพรชทุกเดือนค่ะ
2025-04-13 01:24:00
2
user avatar
ตำนาน มีโชค
ชอบมากค่ะอ่านตลอดเลย
2025-04-04 18:27:07
1
user avatar
Phichesth Phikulthxng
เนื้อเรื่องก็ดีนะ มีภูมิต้านทานความโง่ของตัวล่ะครมาจาก มินิซี่รี่จีนล่ะ แค่นี้จิบๆ แต่เดาไม่ออกว่าตกลง อ๋องกูจะสมหวังหรือจะจบแบบดื้อเลย
2025-04-04 04:31:08
6
default avatar
Sranya
กูเริ่มรำคาญละ แม่งมาวันละ 4 ตอน และยื้ดเยื้ออีก
2025-03-23 19:22:30
9
user avatar
Kom Kom
เมื่อไหร่จะหายโง่กันสักที่บ้านตระกูลเวิน..ยืดเป็นหนังสติ๊กแระเฮ้อออ
2025-03-23 15:18:03
8
default avatar
Sranya
กูเริ่มรำคาญละ ยืดเยื้อไรนักหนา
2025-03-21 20:31:36
10
default avatar
จันทร์ทิพย์
สนุกดี ชอบนางเอกเก่งเรื่องสทุนไพรและวางแผนได้ดี
2025-03-21 19:46:15
0
user avatar
>.<
เรื่องนี้สนุกมากค่ะเอาไป5ดาว แต่ใดๆคือกลัวโดนเทมาก!เห็นหลายเรื่องล่ะที่เทคนอ่านหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เทนะค่ะ🥲
2025-03-20 22:00:13
3
user avatar
Suphanida Oomamp Utama
คิดว่านางเอกจะเก่ง ไม่เห็นเก่งเลยยังแอบโง่อีกไม่อ่านต่อละเสียอารมณ์
2025-03-17 17:59:25
1
default avatar
monmontr
อยากรู้ว่าจะมีสักกี่ตอน
2025-03-13 07:24:30
3
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
570
บทที่ 1
“หม่ำ ๆๆ”“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?” ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุดเบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ยเวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?” สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันทีเตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2
พิธีปักปิ่นอันใด?พิธีปักปิ่นของยางผ่านไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?ความอัปยศที่ได้รับในพิธีปักปิ่นเวลานั้น นางยังคงได้จำได้จนถึงทุกวันนี้เสียงหัวเราะเยาะของแขกทั้งหลาย การเยาะเย้ยถากถางของพี่ชาย การถอนหมั้นของคู่หมั้น รวมไปถึงการตำหนิของบิดามารดา...นางเคยผ่านสถานการณ์เช่นนั้นมาแล้วครั้งหนึ่งทว่าตอนนี้ เหตุใดถึงเป็นพิธีปักปิ่นอีกเล่า? หรือว่าเวินเยวี่ยจะเล่นปาหี่ใหม่อะไรอีก อยากให้นางอับอายขายหน้าอีกครั้งแล้วค่อยส่งนางไปตายหรือ?!เวินซื่อหายใจถี่กระชั้นขึ้นในพริบตาแต่ในตอนที่นางกำลังจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ สายตาของนางกลับหยุดชะงักไปทันทีเดี๋ยวก่อน! นางเบิกตาโต จ้องมองมือสองข้างที่สมบูรณ์ไร้บาดแผลของตัวเอง แล้วก้มหน้ามองขาเท้าสองข้างของตัวเองทันที ใบหน้าค่อย ๆ ฉายแววเหมือนไม่อยากจะเชื่อมือและเท้าของนางถูกทำลายจนพิการไปแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดตอนนี้กลับหายดีหมดแล้ว?นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?ควรรู้เอาไว้ว่าเอ็นมือเอ็นเท้าของนางถูกตัดจนขาดหมดแล้ว ไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาได้อีก!เวินซื่อที่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองห้องนี้อีกครั้งเป็นการตกแต่งทั้งหมดที่ค่อย ๆ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3
เด็กสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกแต่งหน้า ไม่มีสาวใช้ปรนนิบัติ ทำได้เพียงหวีผมให้ตัวเอง นางมองเขาแวบหนึ่งแล้วข่มกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ ร้องเรียกอย่างเฉยชาว่า “พี่รอง”เวินจื่อเฉินที่บุกเข้ามาถลึงตาใส่เวินซื่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำลายชุดพิธีการของน้องหกใช่หรือไม่? เหตุใดจิตใจของเจ้าถึงชั่วร้ายเพียงนี้? รู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้ก็เป็นพิธีปักปิ่นของน้องหก เจ้ายังจะทำลายชุดพิธีการของนางอีกหรือ!” ในขณะที่เวินจื่อเฉินซักถามเวินซื่อด้วยอารมณ์รุนแรง คนที่ทำให้เวินซื่อเกลียดชังเข้ากระดูกดำผู้นั้นก็โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังเวินจื่อเฉินด้วยสีหน้าขอโทษ“พี่รอง อย่าพูดเลยเจ้าค่ะ ข้าอธิบายกับท่านแล้วไม่ใช่หรือ? พี่หญิงห้านางไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แค่ไม่ระวังเท่านั้นเอง”เวินเยวี่ยมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารัก มักจะแสดงสีหน้าอ่อนแออยู่เสมอบวกกับนัยน์ตาที่มีน้ำเอ่อคลอดูขลาดกลัวเหมือนลูกกวาง ใครเห็นจะไม่เกิดความรู้สึกรักเอ็นดูได้?นางเองก็รู้ข้อดีของตนเองจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่าทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงรู้สึกติดค้างนางเนื่องจากเวินเยวี่ยเพิ่งจะถูกคนของจวนเจิ้นกั๋วกงต
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4
เวินซื่อที่โซเซจนไปชนกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็เม้มริมฝีปากแน่น ชาติที่แล้วนางเสียรู้ในน้ำมือของเวินเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้แค่เห็นเวินเยวี่ยทำท่าทางเช่นนี้ เวินซื่อก็รู้ว่านางจะเล่นตุกติกอะไรอีกแล้วนางหยิบชุดพิธีการที่ร่วงลงพื้นขึ้นมา“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าข้าทำอะไรถึงทำให้น้องหกมีปฏิกิริยายกใหญ่เช่นนี้ ไม่สู้รบกวนน้องหกอธิบายให้ข้าเถิด”“เจ้าทำอะไรไว้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!”ไม่รอให้เวินเยวี่ยเอ่ยวาจา เวินจื่อเฉินก็ตวาดใส่นางเสียงดุดันก่อน แววตาของเวินซื่อเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆเมื่อก่อนนางยังดูไม่ออก ตอนนี้นางรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินช่างตาบอดจริง ๆอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ใครทำอะไร ใครไม่ได้ทำอะไร เขามองไม่เห็นเองทั้งนั้นบางทีต่อให้เห็น เขาก็แค่เชื่อคำพูดของคนผู้เดียวเวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างอำมหิตแวบหนึ่งแล้วตบไหล่เวินเยวี่ยเบา ๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “น้องหกไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่รอง ไม่ว่าอย่างไร พี่รองก็จะตัดสินแทนเจ้าเอง”ทั้งสองคนมีท่าทางแทบจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากแต่เวินจื่อเฉินกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นเลย เขาไม่เก็บงำเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5
“เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยวอารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนางเวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!” “เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง” สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตาใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้นใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 6
ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลาชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่ “ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด แต่แล้วอย่างไรเล่า?ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?มีสิทธิอันใด?เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา เวินฉางอวิ้นขมวดค
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 7
ชุยเส้าเจ๋อก้าวเท้าเดินมาทางเวินซื่อ ท่าทางดูเกรี้ยวกราดหมายจะหาเรื่องเมื่อมองไปทางด้านหลังของเขาอีกก็เห็นเวินเยวี่ยอ้าปากพูดว่า “อย่าเลย” ด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ได้ทำท่าจะฉุดรั้งชุยเส้าเจ๋อเลยสักนิดหลังจากที่สบสายตาของเวินซื่อ ดวงตาของนางถึงขนาดฉายแววกระหยิ่มยิ้มย่องเห็นได้ชัดว่าการที่นางสามารถยุให้ชุยเส้าเจ๋อออกหน้าเพื่อนางได้ง่าย ๆ นั้นทำให้นางภาคภูมิใจเอามาก ๆแต่ว่าน่าเสียดายมาก ยังไม่ทันที่ชุยเส้าเจ๋อจะเดินเข้ามาใกล้เวินซื่อ เสียงทุ้มหนึ่งดังมาจากทางด้านปะรำพิธี...“เจ้าห้า เจ้าหก ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว ยังไม่รีบมาเตรียมตัวทำพิธีปักปิ่นอีก” เวินซื่อหันหน้าไปมองบนปะรำพิธี บุรุษวัยกลางคนสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียวดูสง่าผ่าเผยเปี่ยมไปด้วยความรู้กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน มองพวกนางสองคนด้วยสีหน้าเย็นชานี่คือบิดาของนาง เจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้ต่อให้ชุยเส้าเจ๋ออยากหาเรื่องนางอีกเพียงใด ก็ได้แต่ถอยหลังไปเท่านั้นเวินซื่อเดินขึ้นไปบนปะรำพิธีโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเวินซื่อขึ้นมาบนปะรำพิธีก็ควงแขนนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับบุปผา จงใจทำตัวสนิทสนม“พี่หญิงห้
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 8
เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินขึ้นมาบนปะรำพิธี สายตาทอดมองไปที่น้องสาวทั้งสองคน เดิมทียังลังเลอยู่บ้างแต่เมื่อสบสายตาคาดหวังของเวินเยวี่ย เขาก็คลายหัวคิ้วในพริบตาหัวเราะอย่างไม่มีทางเลือกช่างเถิด หากจะโทษก็ได้แต่โทษน้องห้าที่ไม่ได้รับความชื่นชอบเองใครใช้ให้นางมีนิสัยอิจฉาริษยา ไม่ยอมให้น้องหกเลยสักนิดเล่าดังนั้นเวินฉางอวิ้นจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เดินผ่านหน้าเวินซื่อแล้วยื่นดอกไม้ให้เวินเยวี่ยจากนั้นก็เป็นเวินจื่อเฉิน เวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ...รวมถึงคนสกุลเวิน ทุกคนต่างก็มอบดอกไม้ให้เวินเยวี่ย ก็เหมือนกับชาติที่แล้ว...เวินซื่อผู้โดดเดี่ยวกับเวินเยวี่ยที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สดและคำอวยพรเวินซื่อไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนางก็รู้ผลสรุปเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่คาดหวังใด ๆ อีกต่อไปอย่างแน่นอนหลังจากคนเหล่านั้นก็เป็นชุยเส้าเจ๋อ เทียบกับดอกไม้หนึ่งดอกที่คนอื่นมอบให้แล้ว เขาหอบดอกไม้บานหลากสีสันกำใหญ่เต็ม ๆ ไม่มองเวินซื่อสักแวบเดียว ก่อนจะยัดใส่อ้อมแขนของเวินเยวี่ยโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ดอกฉยงฮวาอวยพรวันเกิด ดนตรีเสียงสวรรค์ห้อมล้อมคว
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 9
“ไม่ได้นะ!”“ไม่มีทาง!” แค่คำสาบานเดียวเท่านั้น เดิมที่นึกว่าชุยเส้าเจ๋อน่าจะรับปากได้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าชุยเส้าเจ๋อจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นเดียวกันยังมีอีกคน“น้องหก?” พวกเวินฉางอวิ้นมองไปทางเวินเยวี่ยด้วยความประหลาดใจ เวินเยวี่ยมีสีหน้าแข็งทื่อเมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้นางยั้งสติไม่อยู่มากเกินไป นางจึงรีบเก็บงำอารมณ์ ฝืนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะ...คือว่า ข้า...ข้าแค่รู้สึกว่าเงื่อนไขที่พี่หญิงเสนอออกมานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก หะ...หากต่อไปพี่เส้าเจ๋อเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเล่า? ดังนั้น พี่หญิงเหลือทางถอยให้ตนเองหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดนี้ของนางดูแปลกพิกลนิด ๆเวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่สามไม่มีปฏิกิริยาอะไรเวินอวี้จือผู้เป็นพี่สี่กลับมองเวินเยวี่ยและมองชุยเส้าเจ๋ออย่างใคร่ครวญ เทียบกับพวกเขาแล้ว เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่รองเชื่อในตัวเวินเยวี่ยโดยสิ้นเชิงว่ามีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจึงไม่ได้คิดมากมายเช่นนั้น “พอได้แล้วน้องหก ข้ารู้ว่าเจ้าเป
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 10
“พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด” น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบแม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้ ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆนึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status