หนึ่งสตรีสิ้นเพียง เพราะบุรุษมากรัก หนึ่งสตรีสิ้นด้วย น้ำมือบุรุษที่รัก เมื่อหนึ่งในสอง ได้ลืมตาในร่างใหม่ ชะตาต่อจากนี้ นางจะลิขิตเอง มิเว้นแม้แต่พันธนาการ ที่เรียกสามีภรรยา
View Moreจวนแม่ทัพสวีกงจื่อ
หญิงสาวผู้ใดชื่อ ว่าเป็นฮูหยินใหญ่ ทำเพียงทอดสายตามองไปยังถ้วยน้ำชา ที่อนุคนใหม่ของสามียกให้เมื่อครู่ นางมีค่าแค่เป็นสิ่งประดับ แต่ไม่เคยมีสักครั้ง ที่นางได้เป็นคนเคียงข้างสามีอย่างแท้จริง
“คุณหนู...”
“คงถึงเวลาแล้วสินะ...ข้ามิควรรอในสิ่งที่ ไม่มีวันเป็นไปได้”
ร่างระหงลุกขึ้น ก่อนจะก้าวเดินไปเพียงน้อย ขาที่เคยมั่นคง พลันอ่อนแรงไปเสียอย่างนั้น
“คุณหนู!”
เสี่ยวเยี่ยน รีบถลาเข้าประคองร่าง ของผู้เป็นนายเอาไว้ รอยยิ้มอ่อนล้าของคุณหนู เสมือนมีคมดาบนับหมื่นเล่ม ทิ่มแทงเข้าสู่กาย
“อย่าห่วงเลย ข้าแค่พักผ่อนน้อยไปเท่านั้น มิช้าก็ดีขึ้น”
ชูเหมยฮวาเอ่ยปลอบสาวใช้ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เรื่องราวเดิมๆ หมุนวนกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าครานี้มันแตกต่างออกไป เพราะคนสามีเลือกมาเคียงกาย คือรักที่เขายืนยันหนักแน่น ว่าไม่ยินดีรับคำปฏิเสธจากนาง
เสี่ยวเยี่ยน ประคองผู้เป็นนาย กลับไปยังห้องนอน ลมหายใจที่ดูเหนื่อยอ่อนของคุณหนู ทำให้ใจของหญิงสาว ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก สกุลสวีช่างใจดำนัก
“ข้าอยากดื่มน้ำอุ่นๆ สักถ้วย”
ชูเหมยฮวา เอ่ยกับสาวใช้ด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า โรคประจำตัวของนาง กำลังทำให้นางสิ้นไร้เรี่ยวแรง หัวใจเจ้ากรรม ช่างไม่อดทนเอาเสียเลย
“คุณหนู รอบ่าวสักครู่นะเจ้าคะ”
ชูเหมยฮวาพยักหน้ารับ ก่อนจะพิงกายกับหัวเตียง ดวงตาอันอ่อนล้าหลับลง และอาการหมุนวนในหัว ได้เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
มือบางเลื่อนมากุมยังอกข้างซ้าย อาการเจ็บร้าวและหัวใจที่เต้นถี่รัว ทำให้หญิงสาวนิ่วหน้า จนเหงื่อเม็ดใหญ่ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ชูเหมยฮวาพยายามอย่างยิ่ง ที่จะสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด ทว่าความเจ็บร้าวที่ทรวงอก ทำให้ความพยายามนั้นสูญเปล่า
เปลือกตาหนักอึ้ง ราวถูกรั้งเอาไว้จากกาวชั้นดี เรียวปากสั่นระริก เหยียดออกเล็กน้อย นางต่อสู้กับหลายสิ่งอย่าง มาไม่น้อยเลย ทว่าลมหายใจที่กำลังขาดห้วง กลับไร้ผู้ใดเหลียวแล
‘พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ ที่มิอาจรอท่านกลับมาได้’
น้ำตาไหลออกมาอาบสองแก้ม ก่อนที่ทุกอย่างจะสิ้นลง โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่านับจากนี้ คนที่ยังอยู่ จะพบเจอจุดจบเช่นไร ความรักที่เฝ้ารอมานับสิบปี นอกจากไม่เคยได้แล้ว นางยังต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรัก คลอเคลียหญิงอื่นต่อหน้ามิเว้นวัน
“คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ”
เสี่ยวเยี่ยนรีบวางถ้วยน้ำอุ่นไว้ ก่อนจะค่อยๆ เขย่าเรียกผู้เป็นนาย ทว่าไม่มีสัญญาณใดตอบกลับมา เสี่ยวเยี่ยนค่อยๆ ยื่นมือสั่นระริก ขยับเข้าใกล้จมูกของผู้เป็นนาย
“คุณหนู! ฮึกๆ ไม่นะเจ้าคะ คุณหนู...อย่าล้อบ่าวเล่นเยี่ยงนี้ คุณหนู...ได้โปรดตอบบ่าวสักคำเถิดเจ้าค่ะ”
“เจ้าเขย่าข้าเสียขนาดนี้ ข้าคงมิกล้าตายหรอกนะ”
แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมา จะยังอ่อนล้า ทว่ามันกลับเรียกทั้งเสียงสะอื้นปนหัวเราะ เสี่ยวเยี่ยนไม่รู้ว่านาง ควรต้องรู้สึกใดกันแน่ แต่ทุกอย่างที่นางระบายออกมา ผ่านการกระทำ มันคือความโล่งใจ
“คุณหนู น้ำอุ่นๆ ที่คุณหนูต้องการเจ้าค่ะ”
“...”
หญิงสาวทำเพียงมองหน้าสาวใช้ ก่อนจะลดสายตาไปยังถ้วยน้ำในมือ ทุกอย่างในสายตา และห้วงความทรงจำ มันล้วนมีของผู้อื่นไหลวน
“นะ...น้ำเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นสายตา คล้ายสงสัยของผู้เป็นนาย เสี่ยวเยี่ยนจึงพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ช่วยข้าหน่อย”
หญิงสาวเอ่ยเบาๆ มือที่ไม่ใช่ของนาง มันยังคงสั่นระริก จนไม่กล้าที่จะถือถ้วยน้ำนั้นด้วยตนเอง
“ค่อยๆ นะเจ้าคะ” เสี่ยวเยี่ยนค่อยๆ ยกถ้วยน้ำให้ผู้เป็นนายดื่ม
มือบางแตะเบาๆ ที่ข้อมือเสี่ยวเยี่ยน เพื่อเป็นการบอกว่านางดื่มน้ำเพียงพอแล้ว แม้ว่าคอของนางจะดูไม่ชุ่มชื่นเท่าใดนัก แต่นี่คือคำสั่งจากเจ้าของร่าง ที่มีต่อสาวใช้ นางหรือจะกล้าอาจหาญ เป็นคนเรื่องมาก ทั้งที่ตอนนี้ยังมึนงง กับการตื่นมาในร่างกายของผู้อื่นเยี่ยงนี้
“คุณหนู ต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะรีบไปจัดหามาให้”
“ข้าขอพักต่ออีกสักหน่อย เจ้าเองก็ไปพักเถอะ”
“บ่าวช่วยเจ้าค่ะ”
เสี่ยงเยี่ยน ประคองผู้เป็นนายให้เอนกายลงนอน ก่อนจะช่วยดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกาย แม้ว่าเวลานี้ยังไม่มืดค่ำ ทว่าคุณหนูของนางติดผ้าห่มยิ่งนัก
ดวงตาคู่งามปิดลงอย่างอ่อนล้า ก่อนที่ภาพหมุนวนนั้น จะหลั่งไหลเข้ามาในหัวอีกครั้ง มือรวบกำผ้าห่มเอาไว้แน่น โดยไม่รู้เลยว่าภาพที่ตนเองนอน ทั้งที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทางใจ จะทำให้สาวใช้ผู้ภักดี น้ำตาอาบแก้มด้วยความห่วงใย
“องค์หญิงเยี่ยเจา บัดนี้กองทัพของท่าน ไม่อาจปกป้องราชบัลลังก์ได้อีกแล้ว มอบลมหายใจของฮ่องเต้มาเสียจะดีกว่า”
ขุนนางกบฏ ชี้ปลายกระบี่ มาที่ใบหน้าดุดันขององค์หญิง ผู้เป็นดั่งเกราะคุ้มบัลลังก์ ทว่ามันกลับไม่ได้ทำ ให้หญิงสาวสะท้านไหวแม้แต่น้อย
มืออันหยาบกร้าน กระชับมือน้อยของฮ่องเต้เอาไว้แน่น นางคือพี่สาวร่วมพระมารดากับฮ่องเต้น้อย ในวันที่พระบิดายื่นตราแผ่นดินให้นาง เพื่อรอมอบให้แก่น้องชาย ในวันที่เขาแข็งแกร่ง
นับแต่นั้นมา นางไม่เคยสักครั้ง ที่จะมีชีวิตอันเรียบง่าย เยี่ยงสตรีอื่น แต่ทุกลมหายใจ ล้วนเพื่อบ้านเมือง และราชบัลลังก์ กรามเล็กถูกขบแน่น เพื่อข่มกลั้นความรู้สึกมากมายเอาไว้
“ย่อมได้...”
“พี่หญิง!”
ฮ่องเต้ เรียกพี่สาวเสียงหลง ด้วยไม่อยากจะเชื่อ ว่านางจะพูดเช่นนี้ ทั้งที่ผ่านมา นางปกป้องเขามาโดยตลอด
“แต่ต้องไม่มีข้า ยืนอยู่ตรงนี้เท่านั้น”
เยี่ยจงบีบมือพี่สาวเอาไว้แน่น หากเขารอดจนเติบใหญ่ เขาจะไม่ทำให้พี่สาว ต้องแบกภาระไว้บนบ่ามากเยี่ยงนี้อีก
ทางด้านเรือนรับรองแขก เหล่ยฟู่เฉา หลีเกอ พากันยืนหน้าบอกบุญไม่รับ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแขกของจวน เชี่ยอ๋อง แสร้งเบนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเขาไม่นึกว่าบุตรชาย ที่ไม่เคยสนใจมองสตรีใด หรือแม้แต่จะพูดคุยกับใคร จะมาต้องตากับท่านหญิงจวนกู้ เด็กหญิงที่มีบิดาถึงสองคน และมีน้าชายที่ดุยิ่งกว่าเสืออีกคน เจ้าตัวดีของเขาจะผ่านได้สักด่านไหมเล่า!“เชี่ยอ๋อง ไม่คิดที่จะไปพักยังจวนเหล่ย หรือจวนเผยรึขอรับ ที่นี่คนมากมาย คงดูแลได้ไม่ทั่วถึงกระมัง”หลีเกอ รีบที่จะชักชวนเชี่ยอ๋อง ให้พาครอบครัว ออกจากจวนอ๋องนี้เสีย ด้วยเกรงว่าท่านอ๋องน้อย จะลักลอบพบหลานสาว“พระชายาได้จัดที่พัก ให้แก่ครอบครัวเราเป็นอย่างดี ท่านแม่ทัพทั้งสอง โปรดอย่าได้กังวลไปเลย”เชี่ยอ๋องตอบอย่างสุภาพ ทว่าสายตาของแม่ทัพหนุ่มทั้งสอง หาได้มองที่เขา แต่เป็นบุตรชายที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“เช่นนั้น ข้าสองคนไม่กวนแล้ว ฝันดีขอรับท่านอ๋อง”แม่ทัพทั้งสอง เลือกที่จะล่าถอยกลับไปเอง แต่ทิศทางเดินนั้น ตรงไปยังเรือนของท่านหญิงใหญ่ คืนนี้อย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่คิดกลับจวน“เจ้ายังมีเวลาพบผู้คนอีกมาก เชี่ยหลาง”“ท่านพ่อมิชอบท่านหญิงหรือขอรับ”“นางเพ
“จะรีบไปทำไมเจ้าคะ ลูกบอกแล้วว่า จะเลือกสตรีเพียงหนึ่งเดียว มันต้องใช้เวลาเจ้าค่ะ”พระมารดาของฮ่องเต้ ผู้ไม่รับตำแหน่งใดๆ ในวัง เอ่ยกับสามีด้วยรอยยิ้มกว้าง วันนี้นางได้เป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตบั่นปลายกับตาแก่ขี้บ่น มีเวลาปลูกผักทำอาหาร ตกปลายามว่าง จะมีสิ่งใดสุขไปกว่านี้เล่า“จะต้องรอจนแก่แบบเจี๋ยรึ! ถึงจะมีหลานสาวให้ข้าอุ้ม”“อ้าว...ทำไมตอนข้าให้มีลูกชาย แล้วทีหย่งซางถึงต้องมีลูกสาวเล่าขอรับ”“ก็เจ้ามีท่านหญิงในจวนแล้ว นางเป็นธิดาคนโต ต้องมีน้องชายมาคอยปกป้อง เพราะฟู่หลงต้องทำหน้าที่ลูกชายคนโตของเหล่ยฟู่เฉา มิช้าต้องแบกหลายสิ่งอย่างบนบ่า ถ้ามีน้องชายอีกสักสี่ห้าคนมาดูแล นางจะได้ปลอดภัยไร้กังวล”“ฮ่าๆ ตาเฒ่านี่พูดไปเรื่อย เพราะท่านรู้ตัวต่างหาก ว่าถ้าได้หลานชาย เขาจะต้องให้อยู่ในวัง เอาออกไปเลี้ยงเป็นตุ๊กตาข้างนอก แบบหลานสาวไม่ได้”“อย่ามารู้ทันข้า”“ฮ่าๆ”ทุกคนต่างหัวเราะร่า ทำให้เจ้าสาวที่ถูกพาตัวไปห้องหอ ได้แต่เขินอายอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว เรื่องร้ายๆ มันอาจเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นได้ แต่นั้นคือเวลาที่ยังมาไม่ถึง วันนี้ขอให้มันมีเพียงความสงบสุขเท่านั้นก็ดีมากแล้วเ
รุ่งสาง มีครอบครัวขุนนางหลายสกุล ได้ออกเดินทาง โดยไร้ทรัพย์สินติดตัวออกนอกเมืองหลวง ชาวบ้านคิดเพียงแค่ว่าขุนนางเหล่านี้ถูกโยกย้าย แต่หารู้ไม่ว่ามันคือการเคลื่อนย้ายนักโทษ ส่วนขุนนางที่เป็นผู้นำตระกูล ได้ถูกมอบยาพิษให้แล้วทั้งสิ้น ที่เดินทางมีเพียงครอบครัว ที่โทษยังไม่ถึงตาย แต่ให้ย้ายไปอยู่ตามชายแดนต่างๆ ในฐานะทาสเท่านั้น นี่คือเมตตาเดียวที่ฮ่องเต้จะมอบให้ เผยฮูหยิน ที่ไม่อาจทนรับเรื่องราวทั้งหมดได้ เลือกที่จะปลิดชีพตนเอง ด้วยยาพิษอยู่ภายในเรือนการกวาดล้างกบฏในครั้งนี้ ไม่มีข่าวใดแพร่งพรายออกไป ให้เกิดความโกลาหล เพราะต่อให้คิดว่ากำจัดทรราชไปจนสิ้นแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีคลื่นลูกใหม่ซัดเข้ามา การทำทุกอย่างให้เงียบเข้าไว้ ย่อมส่งผลดีต่อภายหน้าองค์ชายใหญ่ที่ได้ก้าวขึ้นเป็นองค์รัชทายาทได้เพียงข้ามคืน ก็ต้องแตกตื่นเมื่อเขา ต้องกลายเป็นฮ่องเต้ในเช้าวันถัดมา ส่วนอดีตฮ่องเต้ไม่รอการปฏิเสธ รีบพาพระชายาคนแรกของพระองค์ ออกจากวังไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนองค์ชายสาม ที่เป็นสายเลือดแท้อีกคนของฮ่องเต้ เลือกที่จะขอผู้เป็นพี่ชายออกจากวัง เพื่อตามหาความฝันของตนเอง ฮ่องเต้ห
“อีกอย่างเป็นเขา ที่สารภาพด้วยตนเอง เจ้าเก่งมากชุนหนิง ที่เบี่ยงเบนทุกสายตา ไปที่หลี่เหยากับลูก เพราะเจ้ารู้ดีว่าหย่งฉี เป็นลูกอีกคนหนึ่งของคนผู้นั้น เจ้าจึงใช้อำนาจที่เหนือกว่าหลี่เหยา ทำให้คนรักของเจ้า ยืมมือหลี่เหยาและหย่งฉีกำจัดข้า ก่อนจะวกกลับไปจัดการกับนางสองแม่ลูก” ใบหน้างามเชิดขึ้นสูง เมื่อความจริงออกจากปากของสวามี นางหรือจะมีข้อโต้แย้ง หากเขาไม่เสื่อมทางการสืบพันธ์ จนนางต้องอาศัยชายอื่น มาเพื่อสืบทอดทายาท ไยนางต้องเอาตนเองไปเกลือกกลั้วกับคนอย่างเผยหลี่ “ทรงรู้แล้ว แต่ไยยังนิ่งเฉยเล่าเพคะ” “ข้าแค่รอเก็บกวาดเพื่อชำระล้าง ให้มันสะอาดหมดจด เลยนั่งมองละครฉากใหญ่ของพวกเจ้า ด้วยความสุนทรีย์ และอดทนเป็นที่สุด ทั้งยังยอมให้พวกเจ้าแต่ละคน รังแกลูกของข้าต่อหน้าต่อตานับครั้งมิถ้วน” “ลูก...หึๆ คงหมายถึง องค์ชายตำหนักเย็นสินะเพคะ เขามีค่าอะไรให้คนใส่ใจเล่า สมองรึ! ก็น้อยนิด” “ขอบพระทัยฮองเฮา ที่ชื่นชมกระหม่อม” “เจ้า! ไยจึง...” “กระหม่อมกู้หย่งซาง องค์ชายใหญ่จากตำหนักเย็นพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่จริง!/ไม่จริง!” สตรีสองนา
“ข้าจะทำให้...อึก!”ดวงตาคู่งามเบิกโพลง ด้วยไม่คิดว่าชายที่รักนางนักหนา จะอาจหาญลงมือต่อนาง ทั้งที่เขาเคยบอกว่าจะปกป้องนางมิใช่หรือ...“ท่านพี่...”“ความตายที่เจ้าคิด จะให้เป็นภาพทรงจำ ของพวกข้าทุกคน มันย่อมไม่เกิดขึ้นอยู่แล้วอันหลิง เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร ว่าทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ล้วนช่ำชองในเรื่องการ ฆ่า!”“อีกด้านของท่านสินะ! พรู๊ด!”“ข้ารักเจ้า และหวังดีต่อเจ้าเสมอ และนี่คือเมตตาที่ข้ามอบให้ และขอให้ความรักของข้า ตายไปพร้อมเจ้าเสีย”คำพูดที่เย็นชา ช่างหนาวเหน็บในใจยิ่งนัก เขาคือคนที่นางมองเป็นเพียงหมาก ที่เอาไว้ชักใยตามใจชอบ แต่ไม่คิดว่าคนที่ตาบอดเพราะความรักเยี่ยงเขา จะมีวันนี้ วันที่ลงมือกับนางอย่างเลือดเย็น “เรื่องในบ้านของเจ้า ข้าเองหาได้อยากสอดมือ แต่เพราะเขาคือคนของราชวงศ์ ข้าจึงต้องติดตามมาพาตัวกลับไปตัดสินโทษ ส่วนเรื่องของครอบครัวเจ้า ข้าจะไม่ขอก้าวล่วงแล้ว” องค์รัชทายาท ส่งสัญญาณมือ ให้องครักษ์พาตัวขององค์ชายรองไป ก่อนจะหันไปพยักหน้าน้อยๆ ให้แก่หลีเกอ แล้วจึงเดินหายไปในความมืด “หวังว่าเรื่องวุ่นวายนี้ จะไม่ติดตามไปยุ่งเกี่ยวกับหลานๆ ของข้าอีก”
“กรี๊ด!!! องค์ชายใหญ่!” ด้วยความห่วงใยชายหนุ่ม หญิงสาวเผลอปล่อยมีดสั้นในมือ ก่อนที่นางจะถลาเข้าประคองร่างบอบช้ำนั้น ด้วยอาการทะนุถนอม “ขอโทษด้วยเหล่ยฟู่เฉา พอดีข้ามีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่าง จึงต้องออกมาขัดจังหวะ การสะสางของเจ้ากับครอบครัว” “กระหม่อมขอบพระทัย องค์รัชทายาทที่ช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ” “อะไรนะ!” ทุกสายตาหันไปมององค์ชายรอง ซึ่งก้าวออกมายืนเคียงข้างแม่ทัพหนุ่ม เผยอันหลิงที่เอาแต่ปลอบประโลมชายคนรัก ยังไม่ฉุกใจกับคำพูดก่อนหน้าขององค์ชายหย่งฉี “องค์ชายรอง!” เหล่ยฮูหยิน ที่ตอนนี้เซถอยหลังไปเสียหลายก้าว เรียกชื่อของผู้มาใหม่ ราวคนกำลังตกอยู่ในห้วงละเมอ “หลีเกอ พาเด็กๆ กลับไปเถอะ เรื่องทางนี้ข้าจัดการเอง ออ...พี่สาวของเจ้า กับท่านอาของข้า คงจะค้างแรมอยู่นอกเมือง พวกเขาคงกลับเข้าเมืองหลวงไม่ทันประตูปิด” “พ่ะย่ะค่ะ” หลีเกอ ที่เดินออกมายืนอยู่ข้างหลานสาว สะบัดมือเล็กน้อย ชายชุดดำที่จ่อมีดกับลำคอเล็ก ได้เก็บมีดสั้น และโค้งกายให้แก่คุณชายและคุณหนู เพื่อเป็นการขออภัย ที่ต้องล่วงเกินเมื่อครู่ “น
Comments