อย่างไรก็ตามขณะที่จางกุ้ยหลานกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีหญิงวัยกลางคนหลาย ๆคนที่อยู่ไกล ๆเอ่ยเรียกชื่อของสวี่เจี๋ยขึ้นมา“พี่จาง คุณไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะมาเดี๋ยวนี้”หลังจากที่ทักทายกันแล้ว สวี่เจี๋ยก็พยักหน้าและยิ้มให้กับจางกุ้ยหลานและลูกสาวพร้อมกับพูดว่า :“สาวสวยทั้งสอง ต้องขอโทษด้วยที่ฉันต้องขอตัวก่อน”และสุดท้ายก่อนที่แยกจากไป เขาก็ยังไม่ลืมที่จะเป่าผิวปากไปทางหลี่ฮุ่ยหราน“หึหึ สวี่เฉิงเฮ่าคุณช่างมีลูกชายที่ดีจริง ๆ”จางกุ้ยหลานมองไปทางซู่เจี่ยที่แยกจากไป โดยไม่ลืมที่จะหยอกล้อสวี่เฉิงเฮ่า“หึหึ ไอ้หนุ่มหน้าโง่นั่น ไม่มีความสามารถอย่างอื่นเลย เก่งแต่เรื่องใช้ปากพูดนั้นแหละ”หลังจากที่พูดจบ สวี่เฉิงเฮ่าก็มองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน แล้วถามหยั่งเชิงว่า :“เป็นอย่างไรบ้างล่ะฮุ่ยหราน ไม่ว่าจะพูดยังไงลูกชายของผมก็เป็นถึงผู้จัดการระดับภูมิภาคเลยนะ”“ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของอดีตสามีของคุณกับคุณก็ตาม แต่จากที่ผมได้ยินสิ่งที่แม่คุณบอกมา ก็รู้สึกว่าอดีตสามีคนนี้ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือเลยนะ”“ใช่แล้วฮุ่ยหราน ลูกดูสิว่าสวี่เจี๋ยพูดเก่งแค่ไหน ไม่เหมือนกับหลินเฟิง ที่จะหาเรื่องแม่เท
หลินเฟิงที่ไม่ได้เตรียมตัวที่จะถูกสาดน้ำใส่ในตอนแรกรู้สึกสับสนเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่ยั่วยุของไอ้หนุ่มคนนี้ ก็โกรธขึ้นมาทันที “อยากตายเหรอ?”หลินเฟิงค่อย ๆเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายสวี่เจี๋ยที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจกลัว แต่ไม่นานก็กลับมาสงบเยือกเย็นเหมือนเดิม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยว่า :“โอ๊ย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ไอ้หนุ่มอย่างคุณยังเก่งเรื่องที่ทำให้คนอื่นตกใจกลัวอีกด้วย บอกผมมาสิ ว่าอันธพาลอย่างคุณมาจากที่ไหน?”“อันธพาลที่ไหน?หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจที่จะสุภาพกับชายหนุ่มคนนี้อีก ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเขา แล้วกระแทกเขาทั้งร่างลงบนโต๊ะเสียงโต๊ะแตกหักกระจายดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบทันที“เอ๊ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เอ๊ะ? นั้นไม่ใช่สวี่เจี๋ยหรอกเหรอ? พระเจ้า สวี่เจี๋ย ถูกคนตีงั้นเหรอ?”เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องมองมาจากรอบด้านแล้ว สวี่เจี๋ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดในตอนนี้ ก็คุกเข่าลงอย่างมึนงงเล็กน้อยที่เท้าของหลินเฟิง ไอ้หนุ่มคนนี้จะพูดว่าลงมือ ก็ลงมือเลยอย่างนั้นเหรอ?“ผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปให้พ้นซะ”หลินเฟิงลูบผ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถตู้ไม่น้อยกว่าสิบคันจอดที่บริเวณด้านนอกคฤหาสน์กองกำลังของทั้งสองฝ่ายรวมเข้าด้วยกันคนหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดสูทสีดำและแว่นตากันแดด ;และอีกกลุ่มหนึ่งที่มีทรงผมเกินจริง เช่นสีแดง เหลือง น้ำเงินและเขียว ที่มองดูแล้วราวกับอันธพาลข้างถนน“ใครกล้าตีเจี๋ยเจี๋ยน้อยของฉันกัน!”หญิงวัยกลางคนที่มีมาดไม่น้อยลงจากรถหรูคันหนึ่ง เธอสวมเสื้อกั๊กขนมิ้งค์ พร้อมกับชุดเดรสสีดำที่ประดับด้วยเพชรแต่เพราะว่าเธออ้วนเกินไป ชุดเดรสสีดำตัวนี้ก็เลยเหมือนกับหมูอ้วนที่ใส่ถุงน่องที่คนธรรมดาทั่วไปแค่มองดูก็รู้สึกเบื่อหน่ายจนกินข้าวไม่ลงหัวหน้ากลุ่มอันธพาลอีกคนที่แต่งทรงผมเกินจริง ก็โบกเหล็กที่อยู่ในมือไปมา แล้วตะโกนว่าใครกล้าแตะต้องตัวผู้จัดการในสถานที่นี้ของพวกเขา“เป็นเขา!”เมื่อสวี่เจี๋ยเห็นทั้งสองคนมาเร็วขนาดนี้ แถมยังพาคนมามากขนาดนี้ทันใดนั้นก็ตกตะลึงทันทีเขารีบไปต้อนรับ และชี้ไปทางหลินเฟิงที่กำลังนั่งอย่างสบายใจอยู่ไกล ๆ“เอ๊ะ?”หญิงอ้วนคนนั้นเห็นหลินเฟิง ก็มองตั้งแต่หัวจรดเท้า จู่ ๆแววตาก็สว่างวาบขึ้นมาทันทีถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะหน้าตาไม่ค่อยดีนักแต่กลับมีนิส
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถตู้ไม่น้อยกว่าสิบคันจอดที่บริเวณด้านนอกคฤหาสน์กองกำลังของทั้งสองฝ่ายรวมเข้าด้วยกันคนหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดสูทสีดำและแว่นตากันแดด ;และอีกกลุ่มหนึ่งที่มีทรงผมเกินจริง เช่นสีแดง เหลือง น้ำเงินและเขียว ที่มองดูแล้วราวกับอันธพาลข้างถนน“ใครกล้าตีเจี๋ยเจี๋ยน้อยของฉันกัน!”หญิงวัยกลางคนที่มีมาดไม่น้อยลงจากรถหรูคันหนึ่ง เธอสวมเสื้อกั๊กขนมิ้งค์ พร้อมกับชุดเดรสสีดำที่ประดับด้วยเพชรแต่เพราะว่าเธออ้วนเกินไป ชุดเดรสสีดำตัวนี้ก็เลยเหมือนกับหมูอ้วนที่ใส่ถุงน่องที่คนธรรมดาทั่วไปแค่มองดูก็รู้สึกเบื่อหน่ายจนกินข้าวไม่ลงหัวหน้ากลุ่มอันธพาลอีกคนที่แต่งทรงผมเกินจริง ก็โบกเหล็กที่อยู่ในมือไปมา แล้วตะโกนว่าใครกล้าแตะต้องตัวผู้จัดการในสถานที่นี้ของพวกเขา“เป็นเขา!”เมื่อสวี่เจี๋ยเห็นทั้งสองคนมาเร็วขนาดนี้ แถมยังพาคนมามากขนาดนี้ทันใดนั้นก็ตกตะลึงทันทีเขารีบไปต้อนรับ และชี้ไปทางหลินเฟิงที่กำลังนั่งอย่างสบายใจอยู่ไกล ๆ“เอ๊ะ?”หญิงอ้วนคนนั้นเห็นหลินเฟิง ก็มองตั้งแต่หัวจรดเท้า จู่ ๆแววตาก็สว่างวาบขึ้นมาทันทีถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะหน้าตาไม่ค่อยดีนักแต่กลับมีนิส
หลินเฟิงที่ไม่ได้เตรียมตัวที่จะถูกสาดน้ำใส่ในตอนแรกรู้สึกสับสนเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่ยั่วยุของไอ้หนุ่มคนนี้ ก็โกรธขึ้นมาทันที “อยากตายเหรอ?”หลินเฟิงค่อย ๆเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายสวี่เจี๋ยที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจกลัว แต่ไม่นานก็กลับมาสงบเยือกเย็นเหมือนเดิม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยว่า :“โอ๊ย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ไอ้หนุ่มอย่างคุณยังเก่งเรื่องที่ทำให้คนอื่นตกใจกลัวอีกด้วย บอกผมมาสิ ว่าอันธพาลอย่างคุณมาจากที่ไหน?”“อันธพาลที่ไหน?หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจที่จะสุภาพกับชายหนุ่มคนนี้อีก ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเขา แล้วกระแทกเขาทั้งร่างลงบนโต๊ะเสียงโต๊ะแตกหักกระจายดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบทันที“เอ๊ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เอ๊ะ? นั้นไม่ใช่สวี่เจี๋ยหรอกเหรอ? พระเจ้า สวี่เจี๋ย ถูกคนตีงั้นเหรอ?”เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องมองมาจากรอบด้านแล้ว สวี่เจี๋ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดในตอนนี้ ก็คุกเข่าลงอย่างมึนงงเล็กน้อยที่เท้าของหลินเฟิง ไอ้หนุ่มคนนี้จะพูดว่าลงมือ ก็ลงมือเลยอย่างนั้นเหรอ?“ผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปให้พ้นซะ”หลินเฟิงลูบผ
อย่างไรก็ตามขณะที่จางกุ้ยหลานกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีหญิงวัยกลางคนหลาย ๆคนที่อยู่ไกล ๆเอ่ยเรียกชื่อของสวี่เจี๋ยขึ้นมา“พี่จาง คุณไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะมาเดี๋ยวนี้”หลังจากที่ทักทายกันแล้ว สวี่เจี๋ยก็พยักหน้าและยิ้มให้กับจางกุ้ยหลานและลูกสาวพร้อมกับพูดว่า :“สาวสวยทั้งสอง ต้องขอโทษด้วยที่ฉันต้องขอตัวก่อน”และสุดท้ายก่อนที่แยกจากไป เขาก็ยังไม่ลืมที่จะเป่าผิวปากไปทางหลี่ฮุ่ยหราน“หึหึ สวี่เฉิงเฮ่าคุณช่างมีลูกชายที่ดีจริง ๆ”จางกุ้ยหลานมองไปทางซู่เจี่ยที่แยกจากไป โดยไม่ลืมที่จะหยอกล้อสวี่เฉิงเฮ่า“หึหึ ไอ้หนุ่มหน้าโง่นั่น ไม่มีความสามารถอย่างอื่นเลย เก่งแต่เรื่องใช้ปากพูดนั้นแหละ”หลังจากที่พูดจบ สวี่เฉิงเฮ่าก็มองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน แล้วถามหยั่งเชิงว่า :“เป็นอย่างไรบ้างล่ะฮุ่ยหราน ไม่ว่าจะพูดยังไงลูกชายของผมก็เป็นถึงผู้จัดการระดับภูมิภาคเลยนะ”“ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของอดีตสามีของคุณกับคุณก็ตาม แต่จากที่ผมได้ยินสิ่งที่แม่คุณบอกมา ก็รู้สึกว่าอดีตสามีคนนี้ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือเลยนะ”“ใช่แล้วฮุ่ยหราน ลูกดูสิว่าสวี่เจี๋ยพูดเก่งแค่ไหน ไม่เหมือนกับหลินเฟิง ที่จะหาเรื่องแม่เท
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว!”สวี่เฉิงเฮ่ารีบโบกมือไปมา พร้อมกับพูดว่า :“ผมกำลังพูดลูกชายของผม ลูกชายของผมตอนนี้อายุก็น่าจะใกล้เคียงกับฮุ่ยหราน แถมยังทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่อีกด้วย อนาคตไร้ขีดจำกัด”ในขณะที่พูดแบบนี้ออกมา สวี่เฉิงเฮ่าก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียดายเงียบ ๆถ้าการคัดค้านของแม่ลูกคู่นี้ ไม่ได้รุนแรงขนาดนี้เขาก็อยากลองดูสักตั้งในเมื่อหลี่ฮุ่ยหรานก็เติบโตมาสวยจริง ๆเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศมังกรและเพราะว่าอยู่ในตำแหน่งสูง บรรยากาศรอบตัวก็เลยทั้งเย็นชาและมืดมนผู้ชายแทบจะทุกคน ต่างก็ต้องการที่จะเอาชนะหญิงสาวผู้เย็นชาแบบนี้จากใจจริงแม้ว่าอายุจะแตกต่างกันมากก็ตามไอ้แก่คนนี้ก็มีความคิดอย่างอื่นเหมือนกันหลังจากได้ยินสวี่เฉิงเฮ่าอธิบาย ท่าทางของจางกุ้ยหลานก็ดีขึ้นไม่น้อย ในตอนที่จางกุ้ยหลานกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หลี่ฮุ่ยหรานก็ปฏิเสธขึ้นมาทันที“ลุงเฉิงเฮ่า ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ถึงแม้ฉันกับหลินเฟิงจะหย่ากันแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ยังดีกันมาก และพวกเราก็จะแต่งงานกันใหม่เร็ว ๆนี้อีกครั้ง”เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฮุ่ยหราน สวี่เ
เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวเท่านั้น และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเฝิงอวี้อู่ก็พอจะเข้าใจ ดังนั้นจึงพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า :“งั้นอาจารย์ ผมขอเข้าไปก่อน หากตระกูลชางยังกล้าห้ามคุณอีก คุณเรียกผมได้เลยนะ”“ได้”หลังจากที่มองส่งเฝิงอวี้อู่เข้าไปในหอประชุม รวมถึงคนสำคัญและคนดังมากมายจากทั้งเมืองหนิงโจว ที่รวมตัวกันอยู่รอบตัวเขาแยกจากไป หลินเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนที่สนใจตัวเองน้อยลงแล้วเพราะอย่างนั้นเขาจึงเดินไปหยิบอาหารจากโต๊ะบุพเฟ่ต์ที่ด้านนอกของหอประชุมมานั่งกินคนเดียวในมุมหนึ่งแล้วตอนนี้ก็รอแค่จ้าวเทียนหวาและเสื้อสูทตัวใหม่ของตัวเองมาเท่านั้นและภายในหอประชุมภายในหอประชุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตระกูลร่ำรวยและนักธุรกิจที่มาจากทั่วเมืองหนิงโจวพิธีแต่งงานยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ เพราะอย่างนั้นคนเหล่านี้จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มสองสามคนเพื่อที่จะสนทนาด้วยกัน“ชุดนี้สวยมาก ฮุ่ยหรานสวมแล้วดูเหมาะสมอย่างมาก!”“ใช่ ใช่ ถ้าลูกสาวของฉันสวยอย่างนี้ก็ดีแล้ว”ในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานกำลังถือแก้วไวน์พร้อมกับมองตรง
“นี่...คุณชายเฝิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราพูด แต่เป็นคำพูดของคุณชายชาง เขา...”“เพียะ!”ไม่รอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอธิบายจบ เฝิงอวี้อู่ก็ตบไปที่หน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นเฝิงอวี้อู่ตบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นอย่างแรงจนริมฝีปากแตกมีเลือดออก และทรุดลงไปนั่งที่พื้น“ไอ้สารเลว!”เฝิงอวี้อู่กำหมัดแน่น แล้วตวาดด่าทอว่า :“ที่อาจารย์ของฉันมา ก็เพราะให้เกียรติพวกคุณ!”“ไอ้พวกสารเลวที่ดูถูกคนอื่น ไม่รู้หรือไงว่าฐานะอาจารย์ของฉันคืออะไร? ในสายตาของอาจารย์ของฉัน ตระกูลชางของพวกคุณก็ไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งนั้น!“แล้วพวกคุณยังจะมาจับอาจารย์ของฉันไปอีกงั้นเหรอ?”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฝิงอวี้อู่ก็โกรธจนหัวเราะออกมา“ เชื่อไหมว่า วันนี้ตระกูลเฝิงของฉันก็จะส่งคนมาที่จัดการตระกูลชางของพวกคุณเหมือนกัน?!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่เพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้นเหล่าคนดัง นักธุรกิจและลูกหลานเศรษฐีจากตระกูลใหญ่ในเมืองหนิงโจวต่างก็พากันตกตะลึงกันหมดพวกเขาอดไม่ได้ที่จะใช้สายตาของตัวเองมองไปทางหลินเฟิงคน ๆนี้มีเบื้องหลังอย่างไรกันแน่?สามารถทำให้ตระกูลเฝิงฆ่า
คำนับหลินเฟิงสามครั้งต่อหน้าคนทั้งหมด แล้วก็กลืนเม็ดยาสีเขียวสดด้วยสีหน้าขอบคุณเม็ดยาสีเขียวสดเพิ่งจะเข้าปาก มันก็เปลี่ยนเป็นลมหายใจสีเขียวบริสุทธิ์ แล้วไหลลงลำคอของเฝิงอวี้อู่“โผละ!”รูม่านตาของเฝิงอวี้อู่หดตัวลงทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจมหาศาลที่อยู่ในยาเม็ดนี้ได้ทันที ไม่รอให้เขาได้กลั่นมัน ก็ได้ยินเสียงแตกดังมาจากทุกส่วนของร่างกายของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงนี้ เฝิงอวี้อู่ไม่เพียงแต่จะไม่ตื่นตระหนก แต่กลับดีใจอย่างมากเพราะว่านี่คือเสียงที่สร้างกระดูกใหม่ และตันเถียนที่ซ่อมแซมจนขยายตัวออกแล้วท่ามกลางเสียงน้ำไหลที่มีเพียงเฝิงอวี้อู่เท่านั้นที่ได้ยิน ทันใดนั้นเขาก็พบว่าตันเถียนหดตัวของตัวเองนั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยพลังชี่แท้จำนวนมากแถมพลังชี่แท้พวกนี้ยังเป็นของเหลวที่ไหลเวียนผ่านเส้นลมปราณไปทั่วร่างกายของเขา เพื่อชดเชยอวัยวะและร่างกายที่สูญเสียไป“นี่...ยาเม็ดนี้ ...จริง ๆแล้วยาเม็ดนี้ก็คือ.....”เฝิงอวี้อู่ตกตะลึงเมื่อกี้ยังรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษอยู่เลย สีหน้าก็ขาวซีดเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับมีสีชมพู แถมทั้งร่างกายก็รู้สึกเบาผิดปกติ จนแทบอยากจะกระโดดสูงหลาย ๆเมตร
ชายคนนี้รีบสลัดแขกทั้งหมดที่มารวมตัวกันอยู่รอบตัวเขาทิ้งทันที แม้แต่หุ้นส่วนทางธุรกิจ นักธุรกิจและคนดังของตระกูลเฝิงอีกมากมายเฝิงอวี้อู่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรต่อพวกเขา แล้วปล่อยพวกเขาเอาไว้โดยที่ไม่ได้สนใจเขารีบก้าวเข้าไปหาหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วพูดว่า :“อาจารย์ คุณมาที่เมืองหนิงโจวได้ยังไง? คุณมาเมืองหนิงโจวแล้ว ทำไมไม่บอกผมสักคำล่ะ?”ชายคนนี้ที่เรียกอาจารย์หลินเฟิงก็คือเฝิงอวี้อู่ คุณชายใหญ่ของตระกูลเฝิงแห่งเมืองหนิงโจว ที่เพิ่งฟื้นจากอาการป่วยหนักแถมยังเป็นเฝิงอวี้อู่ที่หยิ่งยโสอีกด้วยคาดไม่ถึงว่าจะคุกเข่าลงตรงหน้าชายที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรด้วยความจริงใจแบบนี้ ทำให้เหล่าคนดังจากทุกวงการที่เข้ามาอยู่รอบ ๆเฝิงอวี้อู่ ต่างก็ค่อย ๆพากันหยุดและตื่นตะลึง ต้องรู้ว่า เฝิงอวี้อู่ที่ได้มาเป็นลูกศิษย์ของหลินเฟิงนั้น เรื่องนี้ตระกูลเฝิงไม่ได้เผยแพร่ออกไป และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าเฝิงอวี้อู่เรียกชายหนุ่มคนนี้ว่าอาจารย์ จู่ ๆผู้คนทั้งหมดก็ตกอยูในตะลึงไม่เพียงแค่นี้เฝิงไฉ่เซวียนและเฝิงไฉ่อิ๋ง สองสาวที่ติดตามเ
เดิมทีคิดว่าคราวนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้คืนดีกันแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้“ไอ้หนุ่ม ดูสิ แม่ยายของนายพูดขนาดนี้แล้ว นายก็ควรจะรีบไปนะ จะได้ไม่ต้องอับอายที่นี่”ไป๋ถงยิ้มอย่างดูถูกหลินเฟิงจากนั้น เขาก็มองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานอีกครั้งด้วยแววตาที่หลงใหล ก่อนจะโน้มน้าวว่า :“คุณหลี่ฮุ่ยหราน คุณทั้งสวยและยอดเยี่ยมขนาดนี้ แล้วยังบริหารบริษัทใหญ่อย่างหลี่ซื่อกรุ๊ปอีก จะหาผู้ชายแบบไหนไม่ได้บ้าง?”“ทำไมถึงต้องไปหาคนขี้ขลาดแบบนี้ด้วย?”“หาผู้ชายแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองเสียหน้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการพัฒนาและภาพลักษณ์ของหลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมดอีกด้วย ผมแนะนำให้คุณวางแผนไว้ล่วงหน้า” เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วเอาไปใส่ไว้ในมือของหลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพบุรุษว่า :“คุณหลี่ฮุ่ยหราน หากคุณต้องการอะไร สามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา สำหรับหญิงสาวที่มีความสามารถและทักษะอย่างคุณ การที่ผมจะย้ายไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”พูดจบเขากับแม่ของเขาเมิ่งโหย่วฟาง ก็จากไปด้วยท่าทางของผู้ชนะเหลือเพียงแค่หลี่ฮุ