วันรุ่งขึ้นภายในห้องทำงานของประธานกรรมการหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อ ได้ต้อนรับแม่ลูกจอมจู้จี้คู่หนึ่งนั่นก็คือหลี่เยว่หรูและโจวอวี้เฟิ่งที่มาจากตระกูลหลี่จากเมืองเจียงเป่ยพวกเธอมองไปทางซ้ายทีขวาที ลูบคลำไปเรื่อย เอาแต่ถอนหายใจว่าห้องทำงานของหลี่ฮุ่ยหรานช่างซอมซ่อเกินไปนอกจากของใช้ในห้องทำงานแล้ว ก็เหลือแค่โต๊ะน้ำชาสำหรับต้อนรับแขกแม้แต่ของเก่าของโบราณสำหรับประดับตกแต่งก็ไม่มี"ห้องทำงานของฮุ่ยหรานเป็นแบบนี้มาตลอด เธอตั้งใจทำงาน ไม่ได้มาเพื่อเสพความสุขสบาย"หลินเฟิงนั่งอยู่บนโซฟา มองดูแม่ลูกคู่นี้ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม และขมวดคิ้วเล็กน้อย"หรือว่าพวกคุณมาที่เมืองเจิ้งเต๋อเพื่อจับผิดโดยเฉพาะ?""ชิ คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญไปได้ พวกเราผผ่านมาจึงแวะมาดูเฉยๆ"หลี่เยว่หรูเบะปากโจวอวี้เฟิ่งกล่าวอย่างเฉยเมยว่า:"ฉันมีเพื่อนแนะนำคู่ให้เยว่หรู เขาอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ และได้ยินมาว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง""ดีกว่าไอ้คนที่เอาแต่ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด"ทุกคนเข้าใจความหมายในคำพูดของโจวอวี้เฟิ่งเธอกำลังประชดประชันหลินเฟิงแต่หลินเฟิงก็ไม่โกรธ
งานแต่งงานของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลชางจัดขึ้นอย่างประสบความสำเร็จแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้นระหว่างงานแต่โดยรวมแล้วก็ยังเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่ายและในงานแต่งงานของเพื่อนเก่าครั้งนี้ จางกุ้ยหลานเรียกได้ว่าโดดเด่นเป็นอย่างมากแน่นอนว่าที่เธอโดดเด่นได้นั้น เป็นเพราะการมีอยู่ของหลินเฟิงเพื่อนเก่าของจางกุ้ยหลานหลายคนต่างอิจฉาว่าจางกุ้ยหลานไปหาลูกเขยที่เก่งกาจเช่นนี้มาจากที่ไหนทุกครั้งที่ได้ยินคำชมเหล่านี้จางกุ้ยหลานรู้สึกภาคภูมิใจ แต่ในใจก็รู้สึกกระอักกระอ่วนและละอายใจเล็กน้อยในเมื่อท่าทีที่เธอปฏิบัติต่อหลินเฟิงก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่ไม่ดี แต่ถือว่าเลวร้ายอย่างถึงที่สุดดังนั้นเมื่อเพื่อนเก่าเหล่านี้ชื่นชม จางกุ้ยหลานจึงมองหลินเฟิงด้วยสายตาที่ค่อนข้างซับซ้อนบางทีลูกเขยของเธอคนนี้อาจจะเก่งกาจจริงๆเพียงแต่สายตาของเธอตื้นเขิน ไม่สามารถเข้าใจการตัดสินใจของลูกสาวได้ในงานแต่งงานครั้งนี้ ผู้ที่สูญเสียมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยคือพ่อของสวี่เจี๋ย ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของจางกุ้ยหลานด้วยสวี่เฉิงฮ่าวเขาต้องสูญเสียลูกชายในวัยชรา จะไม่ให้เศร้าโศกได้อย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื
หลี่ฮุ่ยหรานมีคุณสมบัติที่ดีและหน้าตาสวยแต่จางกุ้ยหลานมีสิทธ์อะไรถึงได้ลูกเขยที่มีเบื้องหลังที่น่ากลัวขนาดนี้และจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะลูกสาวของเธอที่โลภอยากได้เงินห้าล้านบาทของหลินเฟิง แล้วเอาเสื้อสูทปลอมให้กับหลินเฟิงอาจกล่าวได้ว่าแม่ที่ทำร้ายลูกสาว และลูกชายคนนี้ก็กลับมาทำร้ายคนในครอบครัวทั้งหมดอีกทีคนที่ยังถือว่าบริสุทธิ์อยู่บ้างก็คงจะเป็นไป๋โม่เจียงที่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหญิงสาวที่ถูกแก้เชือกออก นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ข้าง ๆ เมิ่งโหย่วฟางแม่ของตัวเองเธอพึมพำซ้ำไปซ้ำมาว่า :“ฉันน่าจะซื่อสัตย์และตอบคำถามของคุณหลินเฟิงด้วยความสุภาพ ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้.....”“ฉันน่าจะซื่อสัตย์และตอบคำถามของคุณหลินเฟิงด้วยความสุภาพ.....”“หุบปาก!”เสียงพึมพำซ้ำไปซ้ำมาของน้องสาว ทำให้ไป๋ถงแทบจะระเบิดออกมาเขาลุกขึ้นยืนแล้วคำรามด้วยความโมโหว่า :“ฉันรู้ ว่าพวกคุณทุกคนอยากจะโทษฉัน!”“แต่เรื่องแบบนี้ใครจะไปคิดถึงกันล่ะ?! ใครจะไปคิดว่าไอ้บ้านั่นจะเสแสร้งแกล้งโง่ ถ้าเขามีอำนาจขนาดนั้น ทำไมไม่เอาออกมาใช้ตั้งแต่แรกเ
"คุณชายเฝิงอวี้อู่!"เมื่อเห็นเฝิงอวี้อู่เดินออกมาจากห้องโถง ชางเทียนซุ่นรีบลุกขึ้นไปต้อนรับและโค้งคำนับ"ขออภัยด้วยครับคุณชายเฝิงอวี้อู่ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเล็กน้อยที่ด้านนอกห้องโถง ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราจะจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็ว"ใครจะรู้ว่าเฝิงอวี้อู่ไม่ได้สนใจชางเทียนซุ่น แต่กลับเดินตรงไปยังหลินเฟิงที่อยู่ตรงกลางกลุ่มคนเขามองไป๋ถงที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าของหลินเฟิงด้วยความสงสัยเล็กน้อย แล้วประสานมือคำนับหลินเฟิง"ท่านอาจารย์ ผมได้รับโทรศัพท์ว่าไฉ่อิ๋งและไฉ่เซวียนมาถึงแล้ว พวกเธอนำชุดสูทตัวใหม่ของคุณมาด้วย""โอ้? เร็วจัง?"หลินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย"ฮ่าๆ เกี่ยวข้องกับหน้าตาของท่านอาจารย์ เรื่องนี้จะประมาทไม่ได้อยู่แล้ว"เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างหลินเฟิงและเฝิงอวี้อู่ แขกทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็แข็งทื่อ โดยเฉพาะชางเทียนซุ่นและคนในตระกูลชางแต่ละคนเบิกตากว้าง ค้างแข็งอยู่กับที่"อา...อาจารย์? คุณชายเฝิงอวี้อู่ คุณ...คุณคนนี้คือ...""หึ!"เฝิงอวี้อู่ส่งเสียงเย็นชาใส่ชางเทียนซุ่นที่แสดงความเคารพอย่างนอบน้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรว่า:"ผมเพิ่งได้ยินมาว่าลูกชาย
"จริงๆ แล้ว เมื่อครู่ผมแอบโทรศัพท์ไปหาพ่อคุณ ผมขู่ให้พ่อคุณร่วมมือแสดงละครกับผม""เป็นยังไงบ้าง? ตกใจไหม? เซอร์ไพรส์ไหม? คิดไม่ถึงใช่ไหม?"หลินเฟิงขยิบตาให้ไป๋ถงในขณะนั้นไป๋ถงอยากจะตายเมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อขำขันของหลินเฟิง เขาก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมเมื่อครู่หลินเฟิงถึงปรบมือและบอกว่าจะแสดงความยินดีกับเขาและเขาก็เข้าใจในที่สุดว่าเรื่องที่หลินเฟิงแสดงความยินดีคืออะไรหลินเฟิงกำลังจะแสดงความยินดีที่ครอบครัวของเขาจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งครอบครัว!ด้วยท่าทางที่เขาแสดงต่อเผิงกวงฉี่เมื่อครู่ คงไม่มีใครในครอบครัวเขารอดไปได้"อ๊า..."เมิ่งโหย่วฟางที่อยู่ห่างออกไปเป็นลมล้มลงกับพื้นเป็นคนแรกเมื่อไป๋ถงเห็นดังนั้น จึงรีบพุ่งเข้าไปประคองเมิ่งโหย่วฟางขึ้นมา บีบนวดตรงใต้จมูกอย่างแรง เมิ่งโหย่วฟางจึงค่อยๆ ฟื้นคืนสติไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับจางกุ้ยหลาน ก็เกิดขึ้นกับเมิ่งโหย่วฟางเช่นกันแต่ครั้งนี้อาการของเมิ่งโหย่วฟางรุนแรงกว่าของจางกุ้ยหลานมากไม่ต้องพูดถึงว่าคนในครอบครัวพวกแกทั้งหมดทำงานอยู่ในบริษัทในเผิงกวงกรุ๊ป แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนของเผิงกวงกรุ๊ป แต่กล้าที่จะแสดงความไม่เคารพต
"ขอร้องล่ะ กลอุบายหลอกลวงแบบนี้ของนายน่ะ แค่ลากคนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์จากบนถนนมาสักคนก็ดูออกแล้ว""มีอะไรให้ต้องแสดงความยินดีด้วย?""เปล่า ฉันแสดงความยินดีกับอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก"หลินเฟิงยังคงรักษารอยยิ้มของตนเองไว้"อีกเรื่องหนึ่ง?"ยังไม่ทันที่ไป๋ถงจะได้ตอบสนอง โทรศัพท์ของเมิ่งโหย่วฟางที่อยู่ห่างออกไปที่มีสีหน้าเยาะเย้ยก็ดังขึ้นพอดีเธอรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่แทบจะในทันที สีหน้าของเมิ่งโหย่วฟางก็เปลี่ยนไปราวกับตกจากสวรรค์ลงสู่นรกรอยยิ้มเยาะเย้ยเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าซีดเผือดซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด"นังตัวตี ฉันจะฆ่าพวกแก ฆ่าพวกแกให้หมด—!"โทรศัพท์ของเมิ่งโหย่วฟางร่วงลงพื้นดัง "ตุบ" และในโทรศัพท์ เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังแว่วออกมาแม้ว่าโทรศัพท์ของเมิ่งโหย่วฟางจะไม่ได้เปิดลำโพงแต่คนรอบข้างก็ได้ยินแว่วๆ"เกิดอะไรขึ้น?"คราวนี้ ไม่ใช่แค่คนรอบข้างเมิ่งโหย่วฟางเท่านั้นแม้แต่จางกุ้ยหลาน ไป๋ถง และคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นสีหน้าเหม่อลอยของเมิ่งโหย่วฟาง"อืม เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้อีก ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธจริงๆ แล้วสินะ"หลินเฟิงส่ายหัวพร้อม
เขากอดอก และมองหลินเฟิงด้วยสายตาที่ดูถูก ก่อนจะพูดว่า :“ไอ้หนุ่ม ฉันรู้ว่านายพยายามทำเท่ เพื่อที่จะรักษาหน้าตัวเอง แต่ครั้งนี้ที่นายทำเท่น่ะ มันดูถูกสติปัญญาของพวกเราเกินไปแล้ว”ไป๋ถงรับรู้ถึงสายตาของแขกทุกคนที่อยู่โดยรอบ ที่ต่างก็จ้องมองมาที่ตัวเอง เขาก็เลยพูดอย่างมั่นใจว่า :“ทุกคน พวกคุณก็ลองคิดดูดี ๆสิ คุณเผิงกวงฉี่คนนั้นเป็นคนระดับไหน?!”“เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงเลยนะ!”“เผิงกวงกรุ๊ปมีบริษัทและธุรกิจขนาดเล็กมากมาย ไม่ต้องพูดถึงห้างสรรพสินค้าเสื้อสูทระดับไฮเอนด์ที่พ่อของฉันบริหารอยู่เลย แม้แต่บริษัทของฉันอย่างเทียวฮ้าวกรุ๊ปก็ยังได้รับเงินลงทุนจากคุณเผิงกวงฉี่ด้วยเหมือนกัน”“ด้วยฐานะของเขา จะติดต่อด้วยการโทรศัพท์ในครั้งเดียวได้อย่างไรกัน?”“ไอ้หนุ่ม แกคิดว่าพวกเราจะโง่เหมือนกับนายหรือไง?!”หลินเฟิงเปิดลำโพงไว้ ดังนั้นเผิงกวงฉี่ที่อยู่อีกฝั่งก็เลยได้ยินคำพูดของไป๋ถงด้วยเช่นกัน น้ำเสียงจึงพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที“น้องหลิน ทางนั้นใครกำลังพูดอยู่งั้นเหรอ?”“หึหึ ก็แค่ไอ้โง่ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนหนึ่งเท่านั้นเอง”ไม่รอให้หลินเฟิงพูดจบ ไป่ถงที่มีสีหน้าเย้ยหยัน แ
“ครับ!”ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลชางกำลังจะลงมือกับหลี่ฮุ่ยหรานและจางกุ้ยหลานพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่หลินเฟิงกลับหัวเราะออกมาเบา ๆเสียงหัวเราะของหลินเฟิง ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นถึงกับชะงักไปเล็กน้อย“เขาหัวเราะอะไรนะ? หรือว่ากดดันจนเป็นบ้าไปแล้ว?”“เหอะ ฉันว่าหมอนี่มันเป็นบ้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่งจะถูกเปิดโปงก็เท่านั้น”“น่าสงสารจริง ๆ หลี่ฮุ่ยหรานสวยขนาดนั้น แต่กลับไปคบกับคนเสียสติซะได้”“เฮ้ คุณระวังคำพูดหน่อย อย่ามองหลี่ฮุ่ยหรานแค่ที่ภายนอกนะ คุณไม่ได้ยินเหรอว่าเธอมีจิตใจที่โหดร้ายน่ะ! มันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นภายนอกหรอก!”“ก็ใช่ เฮ้อ คุณจะบอกว่าผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มักจะเจ้าเล่ห์อย่างนั้นเหรอ?”เสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบ ไม่ได้ทำให้เสียงหัวเราะของหลินเฟิงหยุดลงเลยจนสุดท้าย ชางเทียนซุ่นก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ไอ้หนุ่ม แกกำลังหัวเราะอยู่?!”ชางเทียนซุ่นเคาะไม้เท้าในมือเบา ๆ ก่อนจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยสีหน้าที่แสดงความโกรธ“ผมเหรอ.....”สุดท้ายหลินเฟิงก็หยุดหัวเราะ และค่อย ๆเงยหน้ามองชางเทียนซุ่น รวมไปถึงทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ก่อนที่สีหน้
ภายใต้สายตาจับจ้องของแม่และพี่ชาย หญิงสาวอึกอักไม่รู้จะพูดอะไรในที่สุดเธอก็หลับตาลง ยอมเลือกทางเดินด้วยการโกหก"ใช่! พวกที่จับตัวฉันมา...พวกเขาบังคับให้ฉันพูดแบบนี้...""อะไรนะ?!"หลินเฟิงฟังแล้วพลันโกรธจัดผู้หญิงคนนี้ไม่มีความละอายบ้างเลยหรือ? ทั้งครอบครัวนี้ช่างไร้ซึ่งความอายสิ้นดี!"เห็นกันจะจะแล้วใช่ไหม!"ไป๋ถงก้าวกราวขึ้นมาพร้อมเสียงก้อง"น้องสาวฉันเป็นเพียงเหยื่อ! ทั้งหมดนี่เป็นแผนของมันที่สมคบคิดกับจางกุ้ยหลาน ศัตรูเก่าของแม่ฉัน เพื่อทำลายชื่อเสียงและธุรกิจของครอบครัวเรา!""ทำลายธุรกิจ?"คำพูดนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากในที่เกิดเหตุตาสว่าง"เป็นเช่นนี้เอง...""ฟังแล้วก็สมเหตุสมผล""พวกคุณ..."จางกุ้ยหลานในที่สุดก็ได้รู้ซึ้งถึงความหมายของ "ปากมากก็แก้ไม่ตก" เธอเหลือบมองหลี่ฮุ่ยหราน ลูกสาวด้วยสายตาอ้อนวอนขณะนี้หลี่ฮุ่ยหรานได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนแล้ว"จิ๊จิ๊...เห็นทีผู้อยู่เบื้องหลังคงไม่พ้นกลุ่มบริษัทหลี่ซื่อ ทำแบบนี้ก็เพื่อกดดันธุรกิจตระกูลไป๋ แถมยังทำลายชื่อเสียงพวกเขาซะยับเยิน""น่าขยะแขยงจริงๆ!""ใช่เลย นึกไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานที่หน้าตาสวยขนาดนี้ ใจร้ายเหมือน