ในค่ำคืนนี้ สวี่ชิงฮวนได้นอนหลับไปแค่สามชั่วโมงเท่านั้นในตอนที่ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ฟู่เยี่ยนฉือก็ออกไปแล้วบนโต๊ะในห้องอาหารมีอาหารเช้าที่เขาทำเสร็จแล้ววางเอาไว้ให้ ยังร้อน ๆ อยู่เลย และโพสต์อิทแหนึ่งแผ่นแปะอยู่ข้าง ๆ[ผมเดินทางไปติดต่อธุรกิจ กลับอาทิตย์หน้า] ลงชื่อมาคำเดียวคือ ฉือสวี่ชิงฮวนอ่านโพสต์อิท แล้วมองดูอาหารเช้าบนโต๊ะ เธอไม่สามารถปะติดปะต่อฟู่เยี่ยนฉือที่โลกส่วนตัวสูงกับเขาคนที่ทำตัวเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนที่อยู่บริษัทได้จริง ๆ!เวลาที่อยู่บ้าน นับว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนเลยทีเดียว แม้ว่าเมื่อคืนจะเรียกร้องมากเกินไปแต่การกระทำก็นับว่ามีความอ่อนโยน ราวกับกลัวจะทำให้เธอขาดใจตายอย่างงั้นล่ะถ้าไม่ใช่เพราะรอยสักนั่น เธอเกือบจะเข้าใจผิดคิดว่าฟู่เยี่ยนฉือชอบตัวเธอเองไปแล้ว!ทันใดนั้นสวี่ชิงฮวนก็รู้สึกว่าผู้หญิงที่ถูกเขาแอบรักอยู่ในใจมาตั้งหลายปีคนนั้น ช่างน่าอิจฉาเสียจริงเลย อย่างน้อยเธอก็แค่รู้สึกอิจฉา…….เมื่อถึงบริษัท สวี่ชิงฮวนที่เสร็จจากประชุมช่วงเช้าก็เริ่มเขียนหนังสือยื่นคำร้องเงินกู้ในช่วงเวลาที่ใกล้จะเที่ยงวัน จู่ ๆ ผู้จัดการเฉินก็ผลักเปิดประตูห้องทำงานของเธอ
คำเตือนที่จริงจังของเขา ทำให้สวี่ชิงฮวนมีสติขึ้นมาอย่างกะทันหันนั่นสิ ทำไมเธอถึงได้กล้ามั่นใจว่าฟู่เยี่ยนฉือจะเปิดอ่านหนังสือคำร้องนี้ได้กันนะ? เพียงเพราะว่าเขานอนกับเธอแล้วอย่างงั้นเหรอ?อย่าลืมว่าคนเขาจ่ายเงินมาแล้ว ในเมื่อเป็นการทำธุรกิจด้วยเงินทอง ดึงความรู้สึกมาเกี่ยวข้องก็เป็นตัวเองนั่นแหละที่จะแหกกฎเอง“ไม่มีแล้วค่ะ ขอโทษที่รบกวนประธานฟู่ค่ะ”สวี่ชิงฮวนไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไรต่ออีก รีบวางสายโทรศัพท์อย่างเร็ว คำว่า “ช่างไม่เจียมตัว” สี่คำนี้ ดูเหมือนจะตอกหน้าเธออย่างแรงถึงสี่ครั้ง!ทางด้านนอก ผู้จัดการเฉินก็ได้รับการแจ้งแล้วเช่นกัน เขาได้พุ่งตัวเข้ามาด้วยความโกรธเต็มประดา“ผมบอกแล้วว่ามันไม่ผ่านใช่ไหม! สวี่ชิงฮวน คุณคิดว่าคุณเป็นใคร แถมยังขอให้ผมเชื่อคุณอีกสักครั้ง! พอผมเชื่อ ตอนนี้เป็นไงล่ะ! เฮอะ?”เมื่อได้ยินคำตำหนิของเขา ฟู่เจียเจียรีบหอบเอกสารวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน มาขวางอยู่ตรงหน้าของสวี่ชิงฮวนและพูดแทนเธอว่า “ผู้จัดการเฉิน แม่ของสวี่ชิงฮวนเพิ่งเกิดเรื่อง คุณช่วยใจกว้างกับเธอหน่อยไม่ได้รึไงคะ?”“ให้ผมใจกว้าง? แล้วใครมันจะมาใจกว้างกับผมบ้างล่ะ!” ผู้จัดการเฉินตบโต๊ะอย่
ตัวตายตัวแทน......เอ่อ คนที่อยู่ในประโยคนี้ยังต้องคิดอะไรอีกไหม? ที่ว่ามาก็น่าจะเป็นตัวเธอเองแน่ ๆเห็นได้ชัดว่าเขากำลังอธิบายเรื่องทะเบียนสมรสให้กับคนรักที่ไม่สามารถแต่งงานด้วยกันได้ของตนเองฟังสวี่ชิงฮวนรู้สึกว่าในวินาทีตนเองเหมือนกับเป็นตัวตลก! กำลังผลุบอยู่ระหว่างชายหญิงตระกูลร่ำรวยก่อนหน้านี้เธอยังคงสงสัยว่าทำไมฟู่เยี่ยนฉือถึงได้เลือกเธอ ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้ว!มิน่าล่ะ……ไม่แปลกใจเลยที่ในตอนนั้นฟู่เยี่ยนฉือบอกว่าตนเองเหมาะสมที่สุด! สุดท้ายแล้วหากไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด การที่จะหาคนรักที่ไม่สามารถแต่งงานด้วยกันได้ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันก็คงนับว่าเป็นเรื่องยากมาก ตัวเองก็เป็นเพียงแค่ “ตัวแทนของเซี่ยหว่านอวี่” ตั้งแต่แรกนั่นเองในนาทีแรก สวี่ชิงฮวนไม่รู้ว่าควรจะเกลียดความบังเอิญนี้ หรือจะรู้สึกโชคดีกับความบังเอิญนี้ดี! เพราะถ้าไม่มีตำแหน่งการแทนที่นี้ คุณแม่ก็คงไม่มีเงินก้อนนั้นมาจ่ายค่ารักษาเซี่ยหว่านอวี่เห็นสีหน้าที่ยุ่งเหยิงสับสนนั้นของสวี่ชิงฮวน ก็รู้ได้ว่าเธอไม่รู้จักตัวเองอย่างแน่นอน และ......ตอนนี้ก็คงเข้าใจผิดอะไรไปกันใหญ่แน่ ๆแต่เธอชอบความเข้าใจผิดน
ด้วยความรู้สึกที่ใจไม่เป็นสุข หลังจากที่สวี่ชิงฮวนเลิกงานก็เรียกแท็กซี่ตรงไปที่อ่าวตงเยว่ทันทีป้อนรหัสล็อกประตูได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรทำอะไรแบบนี้ ถ้าเกิดจ๊ะเอ๋กันขึ้นมาทุกคนจะทำตัวไม่ถูกกันได้! เพราะงั้นจึงรีบกดกริ่งประตูไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออกฟู่เยี่ยนฉือเปลี่ยนชุดสูทที่สวมระหว่างวันเรียบร้อยแล้ว ปกติตอนอยู่บริษัทจะหวีผมอย่างพิถีพิถันแต่ก็ยังมียุ่งเหยิงอยู่บ้าง ร่างสูงสวมชุดอยู่บ้านสีขาว หลังจากแปลงโฉมจากมาดนักธุรกิจผู้สง่างามเรียบร้อยแล้ว เขาในตอนนี้ให้ความรู้สึกเป็นพ่อหนุ่มน้อยจอมขี้เกียจเหมือนกับว่าเพิ่งจะไปเล่นบาสเก็ตบอลในสนามกีฬากลับมา ดูเหนื่อยนิดหน่อยและเตรียมที่จะกลับห้องเรียนไปพักสวี่ชิงฮวนกลัวว่าคนรักที่ไม่สามารถแต่งงานด้วยกันได้จะอยู่ด้วย เพราะงั้นจึงไม่ยอมเข้าไปและยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยท่าทางที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ “ประธานฟู่ เรื่องที่คุณบอกว่าเกี่ยวกับโครงการหัวเย่”“สวี่ชิงฮวน”เขาเรียกชื่อเธอตรง ๆ ขมวดคิ้วเป็นปม "ตอนนี้ผมเลิกงานแล้ว”“.......” สวี่ชิงฮวนรู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาซะจริงๆ ไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ! เขาเป็นคนส่งข้อค
สวี่ชิงฮวนปฏิเสธทันที “ไม่ใช่อย่างแน่นอน!”“แล้วเพื่อนของเธอได้บอกเธอหรือเปล่า ว่าผู้ชายคนนี้พออยู่บนเตียงแล้วรุนแรง? แต่ถ้าเล็กพริกขี้หนูก็ช่างเหอะ!”สวี่ชิงฮวนตอบตามจิตใต้สำนึก “ก็ไม่ขนาดนั้นนะ”“เพื่อนเธอกับเธอเคยซุบซิบเรื่องนี้กันด้วยเหรอ?” ฟู่เจียเจียเบิกตากว้าง พอพูดถึงหัวข้อแบบนี้ก็ใจฟู ฮึกเหิมขึ้นมาเลย “ไม่ต้องมาอ้อมค้อมแล้ว เพื่อนเธอคนไหน?”“…… โธ่เอ๊ย เธอไม่รู้จักหรอก เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันนานแล้ว” สวี่ชิงฮวนกลัวว่าตัวเองอาจจะหลุดพูดอะไรออกไป จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิ วันนี้ฉันมีนัดกับคนที่รับผิดชอบโครงการหัวเย่ เธอว่างหรือเปล่า?”ฟู่เจียเจียขยับปากทำเสียง รู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย “วันนี้ไม่ได้อ่ะ สำนักงานใหญ่โอนเงินชดเชยของฮั่นหยางมาแล้ว ฉันต้องไปที่นั่น”“ไม่เป็นไร ฉันไปเองก็ได้”สวี่ชิงฮวนเก็บข้าวของ ปรินท์รายชื่อบริษัทบุคคลภายนอกที่ฟู่เยี่ยนฉือส่งเข้ามาในอีเมล์ รวมเอกสารทั้งหมดเข้าด้วยกัน เหลือบมองเวลาและออกตัวเดินทางไปยังจุดนัดหมายคนที่รับผิดชอบของหัวเย่เป็นชายวัยกลางคน แม้ว่าจะแก่กว่าไม่กี่ปี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนรักความเรียบร้อยอะไรประมาณนั้น
สติที่ทำเป็นเข้มแข็งของสวี่ชิงฮวน ในวินาทีนี้ได้พังทลายลง!เมื่อร่างกายเลือกที่จะเชื่อว่าเป็นฟู่เยี่ยนฉือตามสัญชาตญาณ ก็เลยหมดสติไปในอ้อมแขนของเขาเธอไม่ได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่ตึงเครียดและเฉียบคมของผู้ชายในเวลานี้ ดวงตาไม่เคยแสดงความรู้สึกยินดีตลอดทั้งวัน ในเวลานี้ก็เกาะเป็นน้ำแข็งขึ้นอีกชั้น“ฟู่ ฟู่เยี่ยนฉือ......”ประธานหวังงงตาแตก สั่นสะท้านไปทั้งตัว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นผู้ทรงอำนาจขนาดนี้!“แกภาวนาให้เธอไม่เป็นอะไรจะดีกว่านะ”คำพูดของฟู่เยี่ยนฉือไม่มีน้ำเสียงโกรธใด ๆ แต่พอฟังแล้วกลับทำให้คนอื่นตัวสั่นเป็นลูกนก!เห็นเงาหลังที่เขาอุ้มผู้หญิงออกไป ประธานหวังก็ตกใจจนทรุดตัวลงบนเตียง จนยืนด้วยขาไม่ไหว......สวี่ชิงฮวนรู้สึกเหมือนตัวเองหลับฝันไปนานมากฉากเริ่มตั้งแต่ในตอนที่แม่ฆ่าตัวตายมีเลือดแดงสดนองเต็มพื้น ไปจนถึงห้องเรียนของโรงเรียน แล้วก็ฝันถึงใบหน้าที่โมโหสุด ๆ ของผู้จัดการจางราวกับภาพสไลด์แว็บไปแว็บมาทันใดนั้นความเจ็บปวดที่รุนแรงก็ปลุกให้เธอตื่นขึ้นขมวดคิ้วและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เพดานสีขาวของโรงพยาบาลทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายซักเท่าไร จึงจะยกมือขึ้นมาบั
สวี่ชิงฮวนรู้ว่าในเวลานี้ตัวเองควรจะเตือนสติฟู่เยี่ยนฉือซะหน่อย อ่าวตงเยว่เป็นบ้านของเขา ถ้าเธอไปก็ไม่นับว่ากลับบ้านหรอกแต่พอจะอ้าปาก กลับเค้นเสียงไม่ออกแค่ครั้งเดียว ที่เธออยากจะทำตามใจตัวเองแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ความโลภได้เกิดขึ้นมาชั่วครู่ ความอ่อนโยนที่ควรจะเป็นของผู้หญิงคนอื่นในครั้งนี้“ค่ะ กลับบ้าน”……อาจเป็นเพราะว่าเมื่อวันก่อนคงจะรู้สึกเหนื่อยเกินไป เป็นประวัติการณ์ที่ฟู่เยี่ยนฉือไม่ยอมตื่นตอนหกโมงเช้าในตอนที่สวี่ชิงฮวนลืมตาขึ้นมา ผู้ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ ยังคงหลับอยู่มือข้างหนึ่งของเขาวางไว้บนเอวของตนเบา ๆ ตะแคงข้างเล็กน้อย ม่านถูกพัดปลิวเป็นครั้งเป็นคราว แสงแดดสาดส่องไปที่ใบหน้าที่ล้ำลึกของเขา เป็นภาพที่ดูดีจนทำให้เธอไม่อยากละสายตาออกไปเลยถ้าเกิด.....ตัวเองเป็นคนที่อยู่ในใจของเขา ก็น่าจะดีเนอะ......จู่ ๆ ความมโนนี้ก็ผุดขึ้นมา สวี่ชิงฮวนตกใจจนตัวแข็งทื่อ แล้วก็รีบลุกออกจากเตียงอย่างลนลานเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงกล้าคิดอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้! แน่นอนว่าถ้าเกิดคนเราได้ลิ้มรสความหอมหวานสักครั้ง ก็จะเกิดความโลภขึ้นมาได้เมื่อเดินเข้าห้องอาบน้ำ ใช้น้ำเย็นล้างหน้า สวี่ชิงฮวน
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” สวี่ชิงฮวนไม่ปิดบังความกระตือรือร้นของตนเอง “ปีนี้ทีมสามเกิดเรื่องกับฮั่นหยางขึ้น ถึงแม้ว่าจะกระทบต่อโบนัสสิ้นปีของเราอย่างมาก แต่นี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาส ที่ฉันอยากจะคว้ามันเอาไว้”ถ้าเกิดว่าในเวลานี้สามารถทำให้โครงการของหัวเย่สำเร็จได้ ทีมสามจะมีคนมาขอร้องทั่วทุกสารทิศ ผู้จัดการเฉินจะต้องดีใจมากกว่าครั้งไหน ๆ เป็นแน่ และจะยิ่งเห็นคุณค่าในตัวของเธอมากขึ้นด้วย!ฟู่เยี่ยนฉือเงยหน้ามองเธอนานมากๆ จากนั้นก็ขยับริมฝีปากบางๆเล็กน้อย “สำนักงานใหญ่วางแผนจะโยกย้ายคนสักสองสามคนจากเซิ่งสือไปศึกษาดูงานด้านการเงิน”“แล้วฉันจะได้ไหมคะ?”สวี่ชิงฮวนเอ่ยถามในทันที“อืม ถ้าคุณเชื่อฟังผม ผมก็อาจจะพิจารณาดูได้นะ”“ประธานฟู่ ฉันเชื่อฟังคุณอยู่แล้วค่ะ!”นี่ยังจะให้เขาพูดอีกเหรอ? ถึงจะไม่มีเรื่องนี้ เธอที่เป็นแค่ผู้ช่วยก็ต้องฟังประธานอยู่แล้วสิ“ผมจำได้ว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งบอกคุณไปว่า อยู่ที่บ้านไม่ต้องเรียกผมว่าประธานฟู่”เธอชะงักเขาเลิกคิ้วขึ้น ผ่านไปเป็นเวลานาน สวี่ชิงฮวนถึงกับหยิกขาตัวเองอย่างแรง ใช้เสียงที่แทบจะไม่ได้ยินสักเท่าไรเอ่ยมาว่า “เยี่ยนฉือ......”ฟู่เยี่ยนฉ