จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
ผมลองยื่นปากไปจุ๊บปากอวบอิ่มของเธอเบาเบาสามที แต่เป็นสามทีที่ผมแทบจะอดใจไม่ไหว ตากลมโตเหมือนลูกแมวจ้องมองมาที่ผม แก้มพองๆนุ่มๆหอมๆ ทำผมห้ามใจไม่ได้อีกต่อไปอยากจะชิมปากเล็กเล็กที่คอยเอาแต่บ่นผมสักหน่อยว่ามันจะหวานมากแค่ไหน หวานเหมือนคาราเมลมัคคิอาโต้ที่เธอชอบรึเปล่า "อื้อ" ฉันร้องท้วงขึ้นพร้อมกับรัวมือทุบที่แผงอกแกร่งเพราะเริ่มหายใจไม่ออก เขาจูบฉันอยู่นานนับนาที แถมมือปลาหมึกของเขายังค่อยๆ เลื่อนเข้ามาในเสื้อนอนลายการ์ตูนของฉัน มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางไปมาอย่างแผ่วเบาทำฉันขนลุกซู่ รู้สึกมวนท้องเหมือนมีฝูงผีเสื้อมาบินเล่นอยู่ข้างใน ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะพลิกตัวให้เราสองคนนอนตะแครงหันหน้าเข้าหากันโดยที่สองแขนของผมยังคงกอดเธอเอาไว้ 'ฟอดดด' ผมกดจมูกลงที่แก้มนุ่มของเธอซ้ำๆฟอดใหญ่ และกระชับอ้อมกอดแน่นให้ใบหน้าแดงๆ ของเธอซบเข้าที่แผงอก มือก็คอยลูบผมเธอเบาเบาราวกับขับกล่อมเธอ ไม่รู้ว่าตอนนี้ เธอจะได้ยินเสียงหัวใจของผมมั๊ย แต่ที่แน่ๆ คืนนี้ ผมคงนอนหลับสนิทกว่าคืนไหนๆ และหวังว่าเธอจะฝันดีไปพร้อมกับผม ตุบ! ผมลืมตาตื่นขึ้นทันทีที่มีอะไรเหวี่ยงมาที่ท้องผม พอมองดูเต็มตาก็เห็นขาของยัยซื่อบื่อที่พลาดมาราวกับผมเป็นหมอนข้างใบโปรดให้เธอก่าย โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้ผมมีเวลานอนกอดเธอต่ออีกนิด เพราะไม่รู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาผมจะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่ คาเฟ่มินิมินนี่ หลังจากวันนั้น ที่เขามาขโมยจูบแรกของฉัน แถมยังเนียนนอนกอดฉันไม่ปล่อย เราสองคนก็ใช้ชีวิตกันปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันยังคงไปปลุกเขาที่ห้อง เขายังคงไปรับไปส่งฉันและนั่งเรียนข้างกันเหมือนอย่างเมื่อก่อน เตอร์คงเมานั่นแหละ... ส่วนฉันนี่สิ แค่เห็นหน้าของเขาใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าวทุกครั้ง สมองของฉันลบภาพวันนั้นไม่ได้เลย "มินนี่จ๋าาา ขอชาเย็นตัดขาสองแก้วววว คิกคิก" เสียงหวานสดใสที่พูดขึ้นพร้อมกันคือเพื่อนตัวแสบของฉันทั้งสองคนนั่นเอง "รอสักครู่นะคะคุณลูกค้าาาา" ฉันพูดหยอกล้อสองสาวกลับ และหันมาชงชาเย็นเมนูโปรดให้พวกนางต่อ กรุ้งกริ้ง กรุ้งกริ้ง "ขอคาปูชิโน่เย็นหวานน้อยแก้วนึงครับ" เสียงทุ้มดังขึ้น เอ๊ะ!! ฉันรู้สึกคุ้นเสียงนี้จังเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน "อะ อ้าวกันต์" พอเงยหน้าขึ้นมา เป็นกันต์ที่ยืนส่งยิ้มให้ฉันอยู่ก่อน อันที่จริงฉันเคยเจอเขาสองครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันสักที "กันต์นั่งรอที่โต๊ะก่อนนะ เดี๋ยวมินไปเสิร์ฟให้" "ครับผม" ฉันยกชาเย็นของสองสาวมาพร้อมคาปูชิโน่เย็นของลูกค้าใหม่อย่างกันต์ เพราะเห็นยัยมายโบกมือเรียกเขาให้มานั่งที่โต๊ะด้วย ท่าทางดูกำลังคุยกันอย่างน่าสนุก ยัยลลิลที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ข้างยัยมายจนท้องแข็งแถมยังคอยเอาสองมือนวดกรามเบาเบา ฉันก็อดที่จะอยากร่วมสนุกด้วยไม่ได้ "นี่ยัยมิน มานั่งเม้าท์ด้วยกันก่อนสิ" "อื้ม" ฉันยิ้มตอบกลับมายก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างข้างกันต์ โชคดีที่เวลานี้ลูกค้าไม่เยอะ ฉันเลยปล่อยให้น้องในร้านดูแล และนั่งคุยกับเพื่อนอย่างสบายใจหลังจากวันนั้นที่เขาขอฉันแต่งงาน งานแต่งของเราสองคนก็ถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นสองเดือนทันทีที่เราฝึกงานเสร็จ เราเลือกหนึ่งในโรงแรมของกายเป็นสถานที่จัดงาน เชิญแขกและญาติผู้ใหญ่ของสองครอบครัวมาร่วมงานเกือบพันคน มีหนูมายกับลลิลเป็นเพื่อนเจ้าสาวแสนสวยของฉัน ส่วนเขาก็มีสองหนุ่มอย่างนายกับกายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว วันนั้นเป็นวันที่เราสองคนมีความสุขมากอีกวันหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นวันแต่งงานของเราสองคนแล้วยังเป็นวันรวมตัวของคนที่เรารัก และเป็นวันที่ป๊า มามี๊ คุณพ่อ คุณแม่ ของเรายิ้มกว้างกว่าวันไหนๆแต่เพราะว่าเตอร์ลางานได้แค่ห้าวันเพราะต้องกลับมาเตรียมงานขยายสาขาในต่างประเทศ และเขาก็อยากจะพาฉันไปแก้ตัวที่ตอนครบรอบหนึ่งเดือนพาฉันไปแบบกระทันหันด้วย เราเลยตัดสินใจไปฮันนีมูนกันที่ญี่ปุ่น และการแช่ออนเซนมองดูน้องฟูจิ คือหนึ่งในแพลนของฉันกับเขา แต่ก็ต้องแอบลุ้นกันอีกทีว่าเราสองคนจะเป็นผู้โชคดีได้เห็นน้องฟูจิแบบคนอื่นหรือเปล่าและคำตอบก็คือ เราเป็นผู้โชคดี เหมือนอย่างในตอนนี้ที่ฉันกำลังนอนพิงอกแกร่งอยู่ในบ่อออนเซนส่วนตัวมองดูน้องฟูจิที่ออกมาให้เรายลโฉมโดยไม่มีเมฆมาปิดบังเลยสักนิด... "มิน เตอร์อยากมีเบบี๋"
"ถ่ายงานให้เตอร์ทั้งวัน เหนื่อยมั้ย""ไม่เหนื่อยนะ มินสนุก""แต่...""ขอค่าตัวด้วยค่ะบอส""ค่าตัวแพง ผมไม่มีจ่ายหรอกครับ""โห นี่มินทำงานฟรีหรอเนี่ย""เสียใจจัง""หึ" "เตอร์ขอจ่ายค่าจ้างเป็นดินเนอร์มื้อพิเศษแทนได้มั้ย""อืม..." "นี่ถ้าไม่ใช่เตอร์ มินไม่ยอมหรอกนะ""ขอบคุณครับผม"ฟอดผมนั่งรอเธอที่กำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ผมออกแบบและสั่งตัดมาให้เธอโดยเฉพาะ เดรสสั้นเกาะอกขนนกสีฟ้าพาสเทลพร้อมรองเท้าแก้วส้นสูงรัดข้อ ที่ดูเข้ากันกับผมในเสื้อเชิ้ตคอจีนสีฟ้าพาสเทลเฉดเดียวกัน เพื่อพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมหรูบนตึกที่สูงที่สุดของประเทศซึ่งผมขอปิดโซนเพื่อเธอโดยเฉพาะ พอเสียงประตูเปิดขึ้น พร้อมกับการปรากฎตัวของร่างบางน่าทะนุถนอมที่กำลังยืนส่งยิ้มให้ผม ใบหน้าของเธอถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบาเผยผิวใสสุขภาพดี ปากอวบอิ่มถูกทาด้วยลิปสติกสีชมพูพีช เส้นผมสีน้ำตาลคาราเมลตรงสวยดูมีน้ำหนักปกคลุมไหล่มนเล็กน้อยราวกับไม่ได้ตั้งใจ เสริมความน่ารักด้วยเดรสสีโปรดของเธอ ผมไม่รอช้าที่จะเดินไปใส่สร้อยทองคำขาวมีจี้เป็นไข่มุกเม็ดเล็กที่ผมหยิบเตรียมมาถือไว้ที่ลำคอขาวของเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตลงไหล่
เช้าวันแรกของการฝึกงาน ฉันต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนวิชทูน่าสลัดและชงกาแฟสำหรับเราสองคนไว้กินกันในรถเหมือนตอนที่ไปมหาวิทยาลัยฯ ก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยเพราะไม่อยากให้ใครว่าได้ทีหลังว่าไม่เหมาะสมเดี๋ยวจะกระทบไปถึงเขา"มิน เสร็จยัง""จะเสร็จแล้ว ขอห้านาที""ไม่ต้องสวยมากหรอก""เตอร์ไม่อยากให้ใครมอง""เอ้า""มีแฟนสวยเตอร์ต้องดีใจสิ""เตอร์ดีใจ แต่อยากเก็บไว้คนเดียว""ถ้าแต่งงาน เตอร์จะให้มินอยู่แต่บ้าน""ไม่ได้สิ ร้านมินละ""มินตอบตกลงแล้วนะ""ห๊ะ""หึ" ฟอดฉันหลงกลเขาอีกแล้วสินะ พอดูเรียบร้อยแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไร เขาก็จูงมือฉันและแย่งกระเป๋าของฉันไปสะพายไว้เองจนฉันแอบคิดว่าวันเกิดเขาปีหน้าฉันจะซื้อให้เขาสักใบนึงน่าจะดี โชคดีที่เช้านี้ถนนค่อนข้างโล่งรถไม่ค่อยติด ทำให้เราสองคนมาถึงก่อนเวลาอย่างที่ตั้งใจกันไว้ เพราะถึงเขาจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทและเป็นรองประธานบริษัท แต่เขาก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงานและไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่โดนว่าแล้วพาลมาถึงฉันด้วย แฟนฉันน่ารักที่สุดเลย... พอถึงเวลาเริ่มงานพี่ฝ่ายบุคคลก็มาพาฉันไปส่งที
"ทำไมมินเมื่อยจังเลย""ควรเมื่อยอยู่นะ" "หึ" "หืม?" "ก็มินเล่นไม่พัก""..." "ถ้ารู้ว่าเมาแล้วมินขยันขนาดนี้" "เตอร์จะซื้อมาไว้ที่ห้องสักลังนึง"เพี๊ยะ! มือเล็กของฉันฟาดลงไปที่ต้นแขนแกร่งทันที ก่อนจะมุดตัวลงไปในผ้าห่มปิดใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศเพราะความเขินอาย จะไม่ให้ฉันอายได้ยังไง ดูเขาพูดซิ ภาพเมื่อคืนที่ฉันทำลอยมาเป็นฉากฉากเลย แล้วเขาก็พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ดูมีความสุขจนน่าหมันไส้อีก แต่อยู่อยู่ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าฉันคิดผิด เพราะภายใต้ผ้าห่มสีฟ้าผืนใหญ่มันมีอาวุธร้ายพร้อมรบซ่อนอยู่ ทั้งเขาและฉันตอนนี้ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุมกันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ให้ตายเถอะ! จะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว... "ยัยมิน แกจะไม่ไปฝึกงานที่บริษัทฉันจริงๆ หรอ""ฉันอยากให้แกไปด้วยจะได้ครบแก๊งค์""นั่นสิ ขาดขาเม้าท์ไปหนึ่ง เหงาแย่""ฉันก็อยากไปกับพวกแก""แต่เตอร์อยากให้ฉันไปช่วยทำพีอาร์ที่บริษัทเขา""พวกแกได้หยุดเสาร์อาทิตย์มั้ย""นัดกันไปช๊อปหรือไปกินของอร่อยกันก็ได้""หรือมาเจอกันที่นี่""อยู่ใกล้กันแค่นี่เอง"สองสาวแวะมาหาฉันที่คาเฟ่มินิมินนี่แหล่งกบดานหลักของพวกฉันเพราะเครื่องดื่ม
สุดท้ายฉันก็ต้องเอาเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำของเขามาใส่ทับอีกที เพื่อปกปิดรอยจางจางและเปลี่ยนลุคให้ดูเท่ห์มากขึ้น ส่วนเขาก็ฉันเสื้อเชิ้ตตัวที่ฉันรีดไว้ให้ปลดกระดุมตั้งสามเม็ดโชว์กล้ามหน้าอกแน่นแน่น ทำฉันมองตาขวางจนต้องเอาคืนโดยการโน้มคอเขาลงมาแล้วกัดเข้าที่หน้าอกขาวขาวของเขาจนเป็นรอยฟัน ซึ่งเขาก็ไม่กล้าบ่นอะไรกลับดูชอบใจด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อฉันไม่ได้เกิดเขาก็ต้องไม่ได้เกิดเหมือนกัน วินวิน"โห ลลิลแซ่บมากกก""แต่หนูมาย แกเหมือนไปวัดนะ""ผิดปกติมาก""ปกติสุดสุด ฉันแค่อยากเปลี่ยนลุคเป็นสาวเรียบร้อยบ้าง"พอมาถึงร้านเหล้าของเตอร์ เขาก็ขอแวะไปดูความเรียบร้อยในร้านแปปนึง ให้ฉันเดินมาหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะวีไอพีที่ประจำของพวกเรา ซึ่งพอเดินมาถึงหนุ่มๆ ก็สั่งเครื่องดื่มพร้อมกับแกล้มรอไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสองสาววันนี้ฉันขอมอบมงให้ลลิลเป็นสาวแซ่บที่สุด นางมาในชุดเกาะอกหนังสีดำกับกางเกงหนังสั้นสีเดียวกัน ดูมั่นและเปรี้ยวสุดสุด ผิดกับยัยหนูมายที่ปกติจะต้องเป็นสาวแซ่บแต่กลับใส่เสื้อฮู้ดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาวจนดูแปลกตาไปเลย ส่วนกายก็แต่งตัวคล้ายๆ เตอร์เป็นปกติ แต่ที่ดูไม่ค่อยปกต
และแล้ววันชี้ชะตาของพวกเราทั้งหกคนก็มาถึง ฉันรีบตื่นแต่เช้ามาทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนวิชทูน่าแฮมใส่ผักสลัดกับมะเขือเทศเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้เขาพร้อมกับอเมริกาโน่เย็นแก้วโปรด และไม่ลืมที่จะทำแซนวิชใส่กล่องไปเผื่อเพื่อนอีกสี่คนด้วย เพื่อเป็นกำลังใจให้มีแรงพรีเซนต์และผ่านไปได้ด้วยดีจะได้ไปฉลองพร้อมกัน"เตอร์จะกินแซนวิชเลยมั้ย" "มินป้อน เตอร์จะได้ขับรถสะดวก""ใจดีจัง""อ้าปาก""อร่อย" "ไม่อยากแบ่งให้ไอ้นายกับไอ้กายกิน""ให้พวกมันไปหากินเอง""เอ้า ไม่ได้สิ""เพื่อนนะ" "หวงหมด"พอมาถึงมหาวิทยาลัยฯ ฉันกับเขาก็รีบเดินไปหาเพื่อนๆ ที่นั่งรอกันอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนมุมเดิมที่เป็นจุดนัดพบ โดยเขาที่สะพายกระเป๋าใส่แมคบุคกับเล่มรายงานทำหน้าที่ถือถุงอาหารเช้าของเพื่อนให้ ส่วนฉันก็ช่วยถือแก้วเก็บความเย็นที่ใส่กาแฟของเราสองคนไว้และรีบก้าวให้ทันเขา พอมาถึงเขาก็รีบแจกขนมให้เพื่อนสาวสองคนไม่ยอมหยิบไปให้สองหนุ่ม ฉันจึงต้องกดดันเขาด้วยสายตาอำมหิตของฉัน จนเขาชักสีหน้างอแงทำปากจิ๊จ๊ะแล้วก็ยอมแบ่งให้อีกสองหนุ่มโดนการโยนไปให้ดีที่นายกับกายรับไว้ทันไม่อย่างนั้นอดกินกันแน่ๆ ฉันจึงชี้นิ้วอย่างคาดโทษใส่เขาขอ