Beranda / วาย / องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์ / บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๕๐%)

Share

บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๕๐%)

last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-29 18:15:25

"พี่ครับ"

เสียงของเด็กหนุ่มวัยย่างสิบแปดผมสั้นเกรียนพร่ำเรียกคนอายุมากกว่าที่ยังคงนอนสลบไสลไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ให้ทำอย่างไรเล่าก็เมื่อวานพี่ของเขากว่าจะขึ้นแสดงก็ปาไปหนึ่งทุ่มเศษทั้งหลังจากทักทายปวงประชาเสร็จก็ออกตามหา'ทหาร'ที่เจ้าตัวเห็นว่าเป็นคนเก็บปิ่นแสนแพงนั่นได้ก็กินเวลาไปจนงานเลิกสองทุ่มครึ่งนั่นแหละกว่าจะยอมกลับบ้านมาทั้งที่คว้าน้ำเหลวอยู่อย่างนั้น

"พี่ครับ วันนี้พี่ต้องไปประชุมผู้ปกครองให้ผมนะครับ"

"อือ... แป๊บหนึ่งศร พี่ขอสิบนาที"

เจ้าของชื่ออดิศรถอนหายใจเพราะพี่เจ้าพูดคำว่าสิบนาทีมาสองรอบเห็นจะได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีเด็ดขาด

เนื่องด้วยเรือนหลังนี้เป็นพื้นที่สำหรับคณะนางรำเช้าตรู่จึงมีศิษย์ร่วมสำนักมาทำความสะอาดและฝึกซ้อมรอเจ้าของคณะตื่นตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันเพื่อตระเตรียมของ ขายาวเดินปรี่ไปที่พี่ผู้ชายตัวเล็กอีกคนหนึ่งที่นุ่งโจงกระเบนจับผ้าขี้ริ้วเช็ดราวบันไดอยู่

"พี่นพครับ ผมรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมครับ"

ศรจับดึงลากคนอายุมากกว่าตนสองปีมายืนดูอาจารย์ของตนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างหมดสภาพคนงามประจำตำบล ก่อนที่ศรจะต่อ

"ช่วยปลุกพี่ตรีให้ทีครับ"

จากนั้นเมื่อศรเดินออกมาข้างนอกได้ไม่นานก็มีเสียงโครมครามดังขึ้นภายในห้องนอนของเจ้าของสำนักนางรำ และพี่ชายที่ส่วนสูงต่ำกว่าเด็กสิบแปดก็เดินออกมาพร้อมบอกว่า'ทุกอย่างเรียบร้อยดี ให้รอประมาณยี่สิบนาทีอาจารย์ได้ออกจากบ้านแน่'

น้องชายอย่างศรขนลุกซู่ไม่อาจรู้ได้ว่านางรำศิษย์เอกอาจารย์คนนี้ได้ทำอะไรกับพี่ชายของเขาจึงมีท่าทีมั่นอกมั่นใจได้ขนาดนั้น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

ร่างโปร่งหัวกระเซิงในชุดเสื้อกล้ามตัวบางกางเกงขายาวผ้าปาเต๊ะลุกขึ้นจากเตียงด้วยความงัวเงียขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก เพราะเจ้านพที่เล่นเปิดผ้าม่านสาดให้มาเข้าตาเขาเต็ม ๆ ทำเอาตาเขาพร่าไปชั่วขณะ ทั้งยังขู่ว่าจะขโมยแมวใต้ถุนบ้านไปปล่อยวัด เด็กคนนี้รู้ดีเกินไปจริง ๆ

ร่างผอมบางคิดพลางหยิบหวีมาสางเส้นผมที่ยาวถึงกลางหลังด้วยความชำนาญ จัดแจงรวบช่อขึ้นเป็นหางม้าคลายอย่างง่ายให้สบายหัว หยิบแว่นประจำตัวขึ้นสวมแล้วจึงลุกยืนเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ด้วยกระจกบานเล็กที่ถูกติดไว้จึงสะท้อนให้เห็นเรือนร่างอย่างบุรุษเพศทว่ากลับมีผิวกายขาวเนียนละเอียดเยี่ยงอิสตรี มัดกล้ามที่ควรจะอยู่บนแขนกลับกลายเป็นเนื้อนิ่มเสียอย่างนั้น

ชายร่างโปร่งสูงยืนมองใบหน้าตัวเองในกระจก 'ผ่านมาคืนเดียวตอหนวดขึ้นซะแล้วเหรอ' เขาคิดแต่ก็ไม่ตัดสินใจที่จะโกนมันแม้รู้ว่าตนจะต้องไปสถานที่ราชการ

เขาพยายามรื้อตู้เสื้อผ้าก็มีแต่เสื้อแขนกุดทั้งสิ้น ไม่มีเสื้อทางการอย่างเสื้อเชิ้ตหรือชุดสุภาพ แต่เมื่อคิดว่าผู้คนแถบนี้ล้วนเป็นกันเองจึงบอกตัวเองว่าช่างมันและใส่ในแบบที่อยากใส่แทน ท้ายที่สุดชุดที่ออกมาจึงเป็นเสื้อสีขาวแขนกุดพร้อมกางเกงม่อฮ่อมอีกตัว และเพิ่มความสุภาพด้วยการโพกผ้าขาวม้าปิดหัวไหล่เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอต่อการไปพบคุณครู

เมื่อหันมาดูหน้าปัดนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเก้านาฬิกาสิบห้านาที จากที่ศรบอกเขาเวลาในการลงทะเบียนคือเก้าโมงถึงเก้าโมงครึ่ง ใบหน้ากลมกลึงซีดเผือด รีบคว้ากระเป๋าผ้าใส่รองเท้าแตะรัดข้อวิ่งออกจากบ้านไปอย่างทันท่วงที

"เห็นไหมฉันบอกแล้ว"

นพกอดอกยืนมองครูตัวเองวิ่งแจ้นออกไปจากกระไดเรือนด้วยความชินชา

"ครับ"

ศรได้แต่รับคำ พร้อมทำหน้าเหมือนปลงในชีวิต

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

เนื่องด้วยเขาไม่มีจักรยาน คราวจะรอรถเจ๊กก็คงนานจึงต้องวิ่งมาด้วยระยะเกือบครึ่งกิโลเมตร สำหรับบางคนอาจจะไม่สะทกสะท้านทว่ากับเขาที่วัน ๆ ก็นั่งดัดนิ้วซ้อมรำ หรือเล่นขิมยามว่างนี่มันเหมือนกับการฆ่าตัวตายชัด ๆ ว่าแล้วแดดประเทศไทยก็สาดมาที่เขาประหนึ่งแสงบนเวทีของเมื่อสองวันก่อนที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นท่ามกลางผู้คน ช่างเป็นชะตาชีวิตที่ดีเสียจริง

ยืนพักเหนื่อยไม่ทันไรด้วยเวลาที่กระชั้นชิด นางรำหนุ่มรีบเดินไปยังโต๊ะลงทะเบียนแล้วกล่าวชื่อเด็กในปกครอง

"ผู้ปกครองของนายอดิศร วิศิษฐ์สกุลครับ"

คุณครูผู้ดูแลโต๊ะแทบไม่ต้องชี้ช่องเพราะเขาคือผู้ปกครองคนสุดท้ายที่มาร่วมประชุมในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ มือเรียวบางจึงจับปากกาเซ็นชื่อ 'ตรีศูล วิศิษฐ์สกุล' ลงไป

จากนั้นคุณครูสาวจึงอาสาพาเขาเดินนำไปยังห้องที่มีการประชุมอยู่ เจ้าหล่อนอธิบายคร่าว ๆ ให้ว่าภาคเรียนนี้ทางภาครัฐได้ส่งทหารเข้ามาทำการอบรมพิเศษดังนั้นการประชุมจึงจะมีสองช่วงด้วยกัน ทว่าบางทีการที่เขามาสายแบบนี้อาจจะพลาดส่วนแรกไป ดังนั้นหากขาดเหลืออย่างไรสามารถมาติดต่อยังห้องพักครูได้เป็นการส่วนตัว

ด้วยว่า ณ ละแวกนี้ผู้คนต่างรู้จักกันดีรวมถึงเขาด้วยดังนั้นเขาซึ่งเป็นนางรำชายจึงถูกปฏิบัติเป็นอย่างดีด้วยความเข้าใจในสายอาชีพ

ทว่าเมื่อเขาเดินเข้ามานั่งยังเก้าอี้บริเวณหลังห้องก็เหมือนจะถูกจับตามองอย่างไรอย่างนั้น ตรีศูลพยายามหันซ้ายหันขวามองหาต้นตอของความรู้สึกผวานี้จนหันเงยหน้าไปเจอชายร่างกำยำในชุดทหารเต็มยศที่จ้องเขาเขม็งปานจะสูบเลือดสูบเนื้อให้ได้

ปากสีเข้มนั้นกล่าวพูดไป สายตาคมประดุจมีดพร้านั้นก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า น้ำเสียงที่พูดออกมารู้เลยว่ามีกัดฟันอยู่เล็ก ๆ เขารู้ว่าชุดเสื้อผ้าเขามันก็ไม่ได้เหมาะกับสถานที่แต่ช่วยเมิน ๆ มันไปหน่อยได้ไหม เห็นแก่ผ้าขาวม้าที่อุตส่าห์เอามาคลุมด้วยเถอะ คนเขาอึดอัดจะตายอยู่แล้ว

กระนั้นเมื่อชำเลืองมองเหล่าแม่ ๆ ที่มาร่วมการประชุมในครั้งนี้เขาจึงรู้ทันทีว่าเขาคือแกะดำ ต่างคนต่างสวมเสื้อลูกไม้ใส่ต่างหูจัดเต็มกันมาจับจองพื้นที่ด้านหน้าห้องเรียนเพื่อยลโฉมพ่อทหารรูปหล่อ และเขาคือผู้ชายคนเดียวในที่แห่งนี้ นั่นทำเอาวิญญาณแทบจะลอยหลุดออกจากร่างไม่ใช่ว่าคุณครูที่พาเขามาส่งจะแอบหัวเราะเรื่องชุดของเขาในใจไปแล้วหรอกนะ

ด้วยว่าผู้ปกครองด้านหลังห้องอย่างเขาไม่ได้มีสมาธิจดจ่อกับนายทหารตรงหน้าเลยจึงจับคำที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้สักเท่าไรนัก นอกเสียจากภายในสัปดาห์นี้นายทหารตัวแทนทั้งสองคนจะประกาศรับยุวชนทหารตามความสมัครใจ ดังนั้นแล้วโปรดให้ผู้ปกครองเคารพการตัดสินของนักเรียนด้วย

เขาที่ใช้ชีวิตมาจนขึ้นเลขสามแล้ว สงสัยเสียจริงว่าทำไมคนเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งต้องมาเข่นฆ่ากันเพียงเพราะเหตุผลอย่างอุดมการณ์ไม่ตรงกันด้วย การเจรจาหากไม่มีจุดหมายร่วมกันทำไมถึงไม่ประนีประนอมและต่างคนต่างอยู่ ทำไมถึงต้องมีคนเสียสละออกไปจับปืน เขาทราบดีว่าความคิดเขาเป็นอะไรที่ตื้นเขินเกินกว่าจะนำมาใช้ในชีวิตจริง เพราะแค่เขาชอบผ้าคนละสีกับเจ้านพยังทะเลาะกันได้ จะมาอะไรกับอุดมการณ์การเมืองการทหาร ทว่าเขาก็คาดหวังว่าสักวันหนึ่งความเพ้อฝันของเขาจะเป็นจริงไม่มากก็น้อย

ตรีศูลคิดพลางเล่นปลายผมตัวเองขณะที่เดินกลับบ้านในเวลาบ่ายแก่ ๆ และคิดว่าน้องชายของเขาอย่างอดิศรที่เป็นเด็กดีอยู่ในร่องในรอยคงจะไม่สนใจความรุนแรงพวกนั้น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

"พี่บอกว่าไม่ก็ไม่ เดี๋ยวพี่ไปคุยกับครูให้เอง"

ทว่าเหมือนเบื้องบนจะไม่ฟังความปรารถนาของเขาเลย จู่ ๆ เย็นวันจันทร์ถัดจากประชุมผู้ปกครองไปหนึ่งสัปดาห์

เจ้าศรน้องชายต่างสายเลือดสุดรักสุดหวงของเขาบอกว่าจะไปเป็นยุวชนทหารจับมีดจับปืนคลุกขี้โคลน พร้อมพูดจานำเสนอด้วยตาที่เป็นประกายหนึ่งเป็นความต้องการที่ออกมาจากใจ

"แต่ผมอยากเป็นจริง ๆ นะครับ"

พูดแบบนั้นไม่รู้เลยเหรอว่าพี่ห่วงเรามากขนาดไหน ตรีศูลได้แต่กุมขมับและพูดถึงสิ่งแลกเปลี่ยนที่เด็กวัยสิบแปดจะต้องเจอหากต้องการเข้าไปร่วมในวงโคจรของทหาร

"ถ้าอย่างนั้นก็ตอบคำถามพี่มา"

คู่สนทนาพยักหน้าด้วยความมาดมั่น คนพี่จึงสูดลมหายใจเข้าและเปล่งเสียงออกมา

"ถ้าต้องโดนดุด่า โดนฝึกจนเหนื่อยสายตัวแทบขาดนายทนได้ไหม"

คนเด็กกว่าพยักหน้าตอบรับฉะฉานว่า'ครับ'

"ถ้าต้องโดนลงโทษพร้อมกับเพื่อนทั้ง ๆ ที่นายไม่ได้เป็นคนผิดนายทนได้ไหม"

คำตอบจากเด็กวัยรุ่นตรงหน้าล้วนเป็นเช่นเดิม จนพี่ชายจำต้องยกเอาความจริงขึ้นมาขู่

"ถ้าต้องฆ่าคนนายทำได้ไหม"

ศรไม่ตอบเพียงแต่มีแววตาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด และตรีศูลก็ไม่ปล่อยช่องว่างให้ต้องรอนาน

"ถ้าต้องเห็นคนโดนยิงต่อหน้าต่อตานายอยู่ได้ไหม ถ้านายต้องเห็นเพื่อนตายไปนายรับได้ไหม ถ้านายต้องเดินผ่านกองซากศพนายทำได้ไหม หรือจะต้องพิการไปตลอดชีวิต นาย...ทนได้รึเปล่า"

อดิศรไม่ตอบเพราะหน้าชาไปหมด ไม่คิดว่าพี่ชายของเขาจะพูดแบบนี้ออกมา

"พี่ไม่ได้พูดให้เราล้มเลิก แต่ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมาเถอะ"

ตรีศูลหลุบตาลงลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาแตะไหล่เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้โลก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องและปล่อยให้เจ้าตัวได้ตริตรองให้ถี่ถ้วน

การที่เขาพูดจารุนแรงใส่น้องชายไปแบบนั้นก็แค่อยากให้เจ้าตัวถอดใจไปซะ เพราะเขาไม่อยากเห็นศรต้องตกระกำลำบาก อยากให้ศึกษาเล่าเรียนจนจบด้วยดีแล้วกลับเมืองหลวงไปเข้ามหาลัย รับราชการเป็นหลักเป็นแหล่งอะไรก็ว่าไป ไม่เหมือนเขาที่หนีออกจากบ้านหลักจนต้องอาศัยวัดอยู่ ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายได้มาทำอาชีพเต้นกินรำกินแบบนี้

"อาจารย์ ศรมันเป็นอะไรเหรอครับ"

ศิษย์เอกเท้าสะเอวถามเขาที่ยืนพิงกำแพงกอดอกหน้าดำคร่ำเครียดไม่ต่างกัน แล้วเหมือนผู้มาใหม่จะคิดตีความเป็นตุเป็นตะผ่านสีหน้าที่กำลังทำความเข้าใจ

"ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก แค่ครูเผลอพูดจาแรงไปหน่อย"

นัยน์ตาสีถั่วหม่นลงพลางคิดตริตรองการกระทำของตัวเองที่ดูไม่เป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย

"จริง ๆ ศรมันก็เหมือนผมนะ ขนาดพ่อไม่อนุญาตให้ผมรำ แต่ผมก็ยังหาทางมารำจนได้" เด็กหนุ่มเว้นจังหวะการพูด "บางทีถึงอาจารย์ห้ามไป คนอย่างศรมันก็คงหาทางแอบทำจนได้อยู่ดีนะผมว่า"

"น้องฉันพึ่งมาไม่ถึงเดือน ไปสนิทกันตอนไหนล่ะเนี่ยฮึ"

อาจารย์หยอกศิษย์ เดินเข้าไปยีหัวเจ้าเด็กรู้ดีให้หายเก๊กเสียหน่อย สิ่งที่เด็กคนนี้กล่าวก็ใช่ว่าจะไร้ซึ่งมูลความจริง เขาคงต้องเก็บไปคิดไตร่ตรองให้ดี

เวลาผ่านไปจนพลบค่ำ พี่ชายอย่างตรีศูลก็ยังคงเห็นน้องชายทำหน้าเจื่อนไม่กล้าสบตากับเขาอยู่ บางจังหวะก็ทำทีจะพูดบางสิ่ง บ้างก็ป้องปากห้ามตัวเองไม่ให้พูด ทำเอาเขาล่ะเอ็นดูในเด็กคนนี้เสียจริง หากเป็นเขาในวัยเดียวกันคงดื้อแพ่งเถียงเอาชนะไปแล้ว

พี่ชายที่เตรียมจะเข้านอนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจ เลือกที่จะลุกจากเตียงสวมแว่นเดินไปเคาะประตูเด็กคู่กรณี สิ่งที่ศิษย์เขาพูดเป็นความจริง หากเขาทำตามความประสงค์ของตัวเองอย่างการขีดเส้นห้ามแลกกับความเสี่ยงที่น้องชายจะเผลอแอบไปทำอะไรที่อันตรายกว่าเดิม สู้เขาปรับวิสัยทัศน์ คอยมองอยู่ข้าง ๆ ระวังภัยคงจะเป็นการดีกว่า

น้องชายตาตกเดินออกมาเปิดประตู เจ้าตัวดูมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะห้องเป็นพี่ชาย ก่อนจะหลบสายตา มุดเอาตัวหนีไปหลบอยู่หลังซอกประตู

"ยังอยากเป็นอยู่ใช่ไหม เอ่อ... อะไรนะ ยุวชนทหาร?"

"ครับ อยากเป็นครับ!"

น้องชายโผล่ออกมาจากประตู ตอบเสียงฉะฉาน ทำเอาคนเป็นพี่อดเห็นใจไม่ได้

"ได้ เป็นก็เป็น"

ว่าที่ทหารวัยเยาว์ดีใจตาเป็นประกาย มุมปากยกยิ้มจนแก้มปริกระโดดโหยงเหยง ตรีศูลมองภาพนั้นด้วยความจำนน น้องชายเขามีความสุขคงต้องปล่อยไป ไหน ๆ ก็โดนบังคับจากฝั่งที่บ้านหลักมาหลายสิบปีแล้ว ปล่อยอิสระสักเรื่องจะเป็นไรไป

"แต่..."

เด็กหนุ่มหูกระตุก หันมาฟังด้วยท่าทีกระวนกระวาย

"ห้ามทำตัวเองให้บาดเจ็บร้ายแรงนะเข้าใจไหม"

"ครับเข้าใจครับ!"

ศรดี๊ด๊าอีกครั้งประหนึ่งตัวเองถูกรางวัลใหญ่ เขาในฐานะพี่คนคงจะต้องยกระดับความใส่ใจขึ้นอีกสักหน่อยแล้ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๕ ตรึงใจเสือ

    ๑๙ถึง คุณแก้วผู้ครอบครองหัวใจของผม ตอนผมเขียนจดหมายฉบับนี้แม้มันจะไม่ใช่ฉบับสุดท้าย แต่ผมก็ใจหายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าจะเขียนจดหมายถึงคุณได้เพียงแค่นี้เพราะผมเหลือเวลาอีกไม่มากในการเขียนพวกมันขึ้นมา บางทีโทษที่ได้รับอาจมากเกินกว่ายี่สิบปีหรือผมอาจไม่มีลมหายใจจะกลับมาบอกรักคุณด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่ามันจะจำเจแค่ไหน ผมก็จะบอกว่าผมรักคุณ ผมรู้ว่าผมกำลังใช้คำที่มีความหมายอันลึกซึ้งพร่ำเพรื่อ แต่ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของผมไปได้มากไปกว่าคำนี้แล้ว ได้โปรดให้อภัยผู้ชายน่าเบื่อคนนี้ด้วยนะครับ ผ่านมาจนจะครบยี่สิบปี โลกในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปมาก คงจะมีรถเต็มทั่วท้องถนน คงจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อย ขอแค่คุณเปิดอ่านจดหมายเก่า ๆ ฉบับนี้และอ่านมันเพียงแค่คำขึ้นต้น ผมที่อยู่ในเรือนจำคงจะมีความสุขมากเกินคณานับ

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๔ ไม่ทันได้ตั้งตัว

    วันที่พวกเขาต้องกลับบ้านนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ประหนึ่งชั่วพริบตาช่วงเวลาหนึ่งเดือนก็หมดลง กระนั้นแม้ตัวเขาจะกลับมาใช้ชีวิตบนเรือนนางรำอย่างปกติ กระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อเสือสุพรรณยังคงดำเนินต่อไป "แบบนี้ผมคงคิดถึงแย่" "พูดแบบนี้แต่ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่ดีนะครับ" พิภพตั้งใจพูดให้ตนนั้นดูน่าสงสารในสายตาโฉมงามแต่เพราะคงจะใช้วิธีนี้บ่อยเกินจนโดนแก้วจับไต๋ได้หมดแล้ว ช่วงเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาได้ทำหลายอย่างร่วมกัน ตระเวนป่า ชวนกันไปเก็บผลไม้ หรือแม้แต่การนอนบนเตียงเดียวกันทว่าถึงอย่างนั้น แม่คนงามยังคงไม่อนุญาตให้เขาขยับความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังดูสนุกสนานที่ได้หยอกล้อปั่นหัวเขาเล่น แสนซนเหลือเกิน&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๓ ยาดีบรรเทาแผล

    ตรีศูลอยู่ที่นี่มาร่วมเดือนเริ่มสนิทกับทุกคนในชุมเสือมากขึ้น ยิ่งได้มารู้ว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต ความเข้าใจที่มีเจตนารมณ์ของชายผู้เป็นมหาโจรยิ่งมากขึ้น เบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละคนช่างน่าเศร้า บางคนระหกระเหินเร่ร่อนมาจากแดนไกล บางคนเคยมีการงานที่ดีแต่หัวหน้าคดโกงใส่ร้าย หรืออย่างพี่ประไพที่เกิดมาในชุมเสือแต่แรก เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างใครเขา สาวเจ้าจึงอ่านเขียนไม่ได้ จะมีก็แต่คุณดิน คุณปลื้ม และเจ้าสิงห์ที่เรียนมา ว่าง ๆ ก็จะมาคอยสอนหนังสือ ทว่าเอาเข้าจริงทั้งสามคนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอก "แก้วสอนเก่งจัง" "พี่เรียนรู้ไวต่างหากจ้ะ" เนื่องจากเจ้าพี่ขอให้เขาสอนเขียนอ่านพื้นฐานให้บนชานเรือน ดีที่ที่นี่มีกระดาษเครื่องเขียนครบครัน เขาจึงสอนให้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร&n

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๒ นอนถ้ำเสือ

    ตรีศูลแม้ร่างกายยังคงหนักอึ้งและสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาแต่ตลอดหลายวันที่เขานอนซมอยู่บนเตียงเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่เข้ามาเช็ดเนื้อตัวอยู่ไม่ขาด ทว่าเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นชายคนนั้นก็มักจะมีกิจให้ต้องออกไปนอกห้องจนเขาไม่สามารถขอบคุณได้ ทว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถมีแรงกลับมาพาตัวเองลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ปวดหัว ร่างโปร่งในเสื้อผ้าตัวโคร่งปล่อยผมยาวสยายลงมาก่อนจะใช้นิ้วสางให้พอเรียบเป็นทรง มองซ้ายมองขวาสำรวจข้าวของภายในห้องก่อนจะรู้ว่าเจ้าของเป็นคนเรียบง่าย โต๊ะตู้เตียงล้วนเป็นของไม่ได้มีลวดลายหวือหวา ทั้งห้องยังโล่งโปร่งไม่มีเครื่องเรือนประดับเพื่อความสวยงามมากนัก *แอ๊ด* เสียงบานพับประตูดังขึ้นก่อนที่ชายร่างสูงใหญ่ในเสื้อผ้าอย่างง่ายจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโฉมงามที่นอนซมข้ามวันข้ามคืนมีแรงพอจะลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงได้แล้ว&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๑ จับพลัดจับผลู

    บนหน้าหนังสือพิมพ์หน้าแรกเมื่อหลายปีก่อนประกาศข่าวการจับกุมของเสือหินผู้เป็นดังจุดด่างพร้อยของวงการตำรวจ ไม่เคยมีใครสามารถควบคุมบุรุษผู้นี้ได้ทว่าท้ายที่สุดผู้ที่สามารถสวมกุญแจมือมันได้กลับเป็นลูกในไส้ของมันเอง ข่าวนี้แพร่สะพัดไปพร้อมกับความดีใจของปุถุชนคนทั่วไปโดยเฉพาะเศรษฐีผู้มากมีที่ต่างพากันโล่งใจ กกกอดทรัพย์สมบัติของตนซึ่งล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เพชรนิลจินดากองพะเนินในตู้นิรภัยมีที่มาจากเงินของชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำ กว่าเขาจะได้พวกมันมากอดหอมมากมายจนล้นมือเช่นนี้มันผ่านการหลอกลวงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ต้องหวาดกลัวเมื่อมีอ้ายอีหน้าไหนมันสะเหล่อตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข่นฆ่าฉกชิงของในการดูแลไปเป็นสมบัติสาธารณะ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะโจรผู้ร้ายได้ถูกจับ ไอ้พวกสิ้นไร้ไม้ตอกจะหาได้มีวีรบุรุษมาช่วยเหลืออีกต่อไป และของที่รักของเขาจะคงอยู่ตราบนาน

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทพิเศษ ๑๐ เมามายน้ำจัณฑ์ (NC)

    โฉมงามจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อมีสุราอยู่ในร่างกาย นั่นคือสิ่งที่พิภพหาข้อสรุปได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่าสิบครั้ง ที่ตาเทิดตาไฮ้เคยบอกว่าแม่นางรำขี้เมานั้นเป็นเรื่องจริงแบบที่ไม่ต้องหาหลักฐานอื่นใดมาพิสูจน์ เพราะเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากพื้นกะจะไปล้างมือ แก้วจึงฉวยโอกาสคว้าขวดสุรากระดกประหนึ่งอดอยากปากแห้งมาจากไหน หันกลับมาอีกทีเจ้าตัวก็เมาแอ๋สิ้นสภาพปลดกระดุมปลดผ้าคลายร้อนนั่งกอดขวดแก้วยิ้มหวานเสียแล้ว เพราะเขากำชับว่าดื่มได้แต่ห้ามเมาเรื้อนอย่างคราวก่อนอีก ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อีกฝ่ายพยายามหาลู่ทางจะกินให้ได้ท่าเดียว เขาล่ะเป็นห่วงเสียจริงหากเขาไม่อยู่ออกไปทำงานแล้วแม่นางรำจะเผลอไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาต้องปวดหัวอีกบ้าง "งืม...อือ...พี่จ๋า น้องขออีกแก้วหนึ่งน้า" นั่น ขนาดหลับไปแล้วยังอุตส่าห์ขอมาได้อีก 

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status