Beranda / วาย / องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์ / บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๑๐๐%)

Share

บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๑๐๐%)

last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-29 18:20:05

"อุแหม วันนี้ผมขอบคุณครูแก้วอีกครั้งนะครับ พิธีมีสีสันขึ้นเยอะ"

ชายร่างท้วมดูอารีกล่าวยินดีแก่แม่นางรำด้วยความจริงใจ เพราะการจะจองตัวแม่นางรำคนนี้มาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เดือนหนึ่งครูแกรับแค่งานเดียว หรือสองเดือนครั้งเท่านั้น ยากนักที่จะได้ตัวมาร่วมงาน

"ผมยินดีครับ แล้วจะยินดีมากเลยหากวันข้างหน้าเด็ก ๆ ในคณะจะได้มารำด้วย"

ตรีศูลอมยิ้มพร้อมกล่าวตอบผู้ว่าจ้างประนมมือขอบคุณ ชายสูงอายุหัวเราะร่าพูดคุยโต้ตอบกับนางรำที่ตนว่าจ้างมารำถวายศาลทุกครั้งที่มีโอกาส จนผู้คนที่นั่งโต๊ะจีนอยู่โดยรอบอยากจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

ไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดีว่า'ครูแก้ว'แห่งคณะนางรำประจำชุมพรนี้มีความสามารถมากมายนัก ทั้งใบหน้ายังสะสวยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าบุรุษ เพียงแต้มชาด ปัดแก้มเพียงนิดก็งามหยาดเยิ้มจนใครที่เดินผ่านต่างก็ไถ่ถามว่าสตรีนางนี้คือใคร

ตรีศูลในชุดเครื่องทรงกินรีรีบเปิดกล่องแว่นหยิบเลนส์ขึ้นมาสวม บรรจงถอดเล็บปลอมสีทองนำมาวางเก็บไว้ในกล่องน้อยพกพา ก่อนจะค่อย ๆ จับตะเกียบประคองชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างสุภาพเป็นภาพที่น่ามองแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมโต๊ะยิ่ง

"ครูแก้ว เร็ว ๆ นี้ผมจะทำบุญบ้าน ไม่ทราบว่าช่วงนี้ครูว่างหรือเปล่าครับ?"

"ผมก็ว่าจะหาคณะนางรำไปรำถวายพระอยู่พอดี"

"บ้านของผมที่ปลูกอยู่ใกล้เสร็จแล้ว ว่าจะเชิญครูแก้วไปรำ สนใจไหมครับ"

คนงามประจำโต๊ะได้ฟังก็ชื่นใจที่คณะนางรำจะได้มีงาน แต่เฒ่าหัวงูพวกนี้ก็หวังแต่จะจ้างเขาคนเดียวไม่แลเด็ก ๆ ในคณะที่เขาตั้งใจสั่งสอนเลยสักนิด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจำกัดระยะเวลาการทำงานของตัวเองลง

"ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความกรุณา แต่ผมว่าจะวางมือกลางปีนี้แล้วล่ะครับ"

"เห!? ทำไมล่ะครับ บ้านหลังนี้ผมตั้งใจปลูกเพื่อให้คุณมารำเปิดบ้านเลยนะครับ"

ไอ้คนนี้ก็ใช้เงินไม่คิด บ้าไปแล้วเหรอใช้เงินเป็นพันเป็นหมื่นหาข้ออ้างให้เขาไปรำ

"ผมก็อุตส่าห์จัดงานทำบุญหวังจะเชิญครูแก้วไปรำถวายองค์พระท่านเลยนะครับ"

นี่ก็อีกคน ฉันรู้ว่าพวกนายรวยแต่เอามาใช้แบบนี้ไม่อายฟ้าอายดินบ้างรึไง

"ตัวผมปีนี้ก็สามสิบแล้ว ไม่เหมาะจะมาทำอะไรแบบนี้แล้วล่ะครับ"

มันก็เป็นความจริง ใบหน้าของเขาที่เจ้าพวกนี้บอกนักบอกหนาว่าสวยอย่างนู้นอย่างนี้จะไปสู้สาวเอ๊าะ ๆ ได้อย่างไรเล่า แถมเขายังเป็นผู้ชายอีกแปลกใจเหมือนกันที่มาเจอกลุ่มคนที่ไม่สนเพศในยุคสมัยแบบนี้ด้วย

"งั้นเอาแบบนี้ไหมครับ"

ชายในชุดสูททั้งสามหันหน้าขวับไปทางเจ้าของคณะนางรำ

"ถ้าจะจ้างทั้งที ไม่จ้างเด็ก ๆ ในคณะไปด้วยเลยล่ะครับ ผมตั้งใจฝึกมากับมือเลยนะครับ"

"แต่ใครจะเทียบชั้นครู อย่างครูแก้วได้ล่ะครับ"

เอ๊ะ ไอ้นี่

ตรีศูลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบจิตสงบใจก่อนจะปรับอารมณ์ตัวเองเข้าสู่ช่วงการละคร

"คุณพรเทพครับ ผมน่ะนะ...ใช้เวลาสั่งสอนเด็ก ๆ มาก็หลายปี คุณจะไม่เห็นแก่ความพยายามของผมเลยหรือครับ"

คนงามกล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจทำตาละห้อยผินหน้าไปทางอื่น ทำเอาสามหนุ่มร่วมโต๊ะถึงกับลนลาน เจ้าของชื่อพรเทพจึงรีบเอี้ยวตัวมากุมมือเขาแนบแน่น

"โถ่ ครูแก้วครับ ผมจ้างคุณ เห็นผลงานคุณมาก็หลายครั้ง จะเปลี่ยนทีก็ต้องการคนที่ผมเชื่อมั่นสิครับ"

แล้วเด็ก ๆ ที่เขาเป็นคนจับดัดหลังดัดนิ้วเองกับมือมันไม่น่าเชื่อถือตรงไหนกันหือ!

นางรำหนุ่มได้แต่ยิ้มรับ ยกแก้วชาขึ้นจิบไปพลางตักอาหารเข้าปากไปพลางฟังเหล่าผู้ว่าจ้างคุยกันไม่นานก็ได้เวลาอันสมควร ตรีศูลกล่าวลาแขกที่เดินมาทักทาย หยิบกระเป๋าสัมภาระขึ้นสะพายก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังพร้อมกับเครื่องยนต์ที่จุดอยู่

"ครูแก้ว ให้ผมไปส่งที่เรือนไหมครับ"

เจ้าของชื่อพยักหน้าตอบรับ เพราะขามาก็เป็นเจ้าตัวที่อาสามารับ จะกลับทั้งทีก็ต้องใช้คนนี้แหละ วันนี้คุ้มเสียจริง ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งอิ่มท้อง แถมยังมีคนไปรับไปส่งอีก

เมื่อถึงหน้าบ้าน แขกคนสำคัญอาสาช่วยถือกระเป๋าและขนมที่ได้มาจากงานขึ้นเรือนมาด้วย ซึ่งเขาก็ยินดี

นางรำหนุ่มตักกระบวยขึ้นล้างเท้าให้สะอาดสะอ้านก่อนจะเปิดประตูกันเดินขึ้นบันไดเรือน พูดคุยโต้ตอบกับผู้ว่าจ้างที่พามาส่งเล็กน้อย ก่อนเมื่อเท้าเหยียบกระดานเรือนหางตาจะเหลือบไปเห็นน้องชายของเขาในสภาพงามหน้า

ศรในชุดอย่างทหารสีเขียวแก่กางเกงขาสั้นเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แขนเสื้อทั้งสองข้างที่ถลกขึ้นเห็นแผลถลอกปอกเปิกเลือดซิบโดยมีเจ้านพลูกศิษย์เขาคอยเอาสำลีชุบยาแต้มไปตามจุด ยังไม่รวมกับหัวเข่าที่เลือดซิบไม่แพ้กัน และหน้าแก้มที่มีรอยช้ำม่วงเป็นวงคล้ายจะโดนต่อยมา

ความโกรธของตรีศูลพุ่งดังปรอทแตกก่อนจะชำเลืองไปมองที่นาฬิกา 'ยังไม่หมดเวลาราชการ' และหันไปสบตากับผู้ที่อาสาพามาส่ง

"คุณพรเทพครับ ผมรบกวนคุณอีกเรื่องหนึ่งได้ไหมครับ?"

ตรีศูลพูดพลางเดินเสียงเบาเข้าไปในห้องของตนซึ่งเป็นมุมอับจากระเบียง จัดการถอดเครื่องประดับอันหนักอึ้งออกบางส่วน สยายผมให้คลี่แล้วจึงใช้หนังยางรวบมัดเป็นหางม้าคลาย คว้าผ้าชีฟองผืนบางบนพนักเก้าอี้มาคลุมปิดไหล่

"ได้สิครับ แต่ครูแก้วต้องสัญญากับผมนะครับว่าจะมางานขึ้นบ้านใหม่"

"ครับผมสัญญา"

ตรีศูลกล่าวหนักแน่น ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของน้องชายเขาอีกแล้ว

"ว่ามาเลยครับ" เศรษฐีหนุ่มยิ้มแก้มปริ

"ช่วยขับรถไปส่งผมที่โรงเรียนแถวนี้ได้ไหมครับ"

อุตส่าห์จะไปก๊งเหล้ากับสองตาสักหน่อย แต่คงต้องไปสายหน่อยเสียแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

หูของทหารยศร้อยเอกได้ยินเสียงกระพรวนข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊งมาแต่ไกล ทว่ากลับไม่ได้สนใจอะไรและกลับมาจดจ่อกับเอกสารขอเบิกอุปกรณ์การรบสำหรับยุวชนทหารในการดูแลของเขา เสียงตึงตังประสมกับเสียงคล้ายกระดิ่งลมคืบคลานมาถึงอาคารชั้นสองที่เขานั่งทำงานอยู่ มือหยาบละเมียดจับกระดาษบางขึ้นมาพิจารณา พลางหยิบดินสอขึ้นมาตวัดเขียนเมื่อเห็นจุดผิดพลาด แม้จะมีเงาของผู้มาเยือนพาดผ่านโต๊ะไม้เนื้อดีก็ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นไปพาที

ตึง! เสียงฝ่ามือฟาดเข้าบนพื้นที่ทำงาน นายทหารมองว่าเป็นจังหวะเหมาะสมจึงได้เงยหน้าขึ้นมาทว่ายังไม่ได้ปรับระยะสายตาให้ดี

"คุณฝึกหนักเกินไปแล้วนะครับ ถึงพวกเขาจะเป็นยุวชนทหารแต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กนะ!"

เขาชินชากับประโยคพวกนี้แล้วจึงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา อย่างไรเสียก็คงจะเป็นผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจบริบทของสังคมไทยตอนนี้ที่พวกญี่ปุ่นกดดันเราเข้ามาทุกที ทหารชั้นกลางหลับตาเอนกายกับพนักพิงก่อนจะหรี่ตามองแล้วเห็นว่าคู่สนทนาหาได้ใส่ชุดคลุมมิดชิดตามมารยาทแต่เป็นผ้าเกาะอกและผ้าถุงทว่าเผยเนื้อเอวบางส่วนแม้จะมีผ้าแพรคลุมสัดส่วนแต่ในมุมของกาลเทศะอย่างไรผิดก็คือผิด เขาจึงกล่าวตักเตือนไปอย่างไม่ยี่หระ

"ผู้ปกครองครับ ผมเข้าใจในสัมมาอาชีพของคุณ แต่ที่นี่เป็นโรงเรียน รบกวนให้เกียรติสถานที่ราชการโดยการไม่ใส่ชุดนางรำมาพบด้วยครั-

เสียงเข้มขาดห้วงเมื่อเขาเงยหน้ามามองเจ้าของเสียงเจี๊ยวจ๊าวนั่นชัด ๆ

'อะไรกัน นักเรียนเขามีผู้ปกครองเป็น นางฟ้า ด้วยเหรอ'

ใช่ คนตรงหน้าของเขาคือนางรำคนนั้น เจ้าของปิ่นปักผมที่เขาเก็บได้แต่ทำไมเสียงของเจ้าตัวถึงได้ทุ้มอย่างผู้ชาย

ความสับสนเข้าเล่นงานร้อยเอกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว คิ้วเข้มหนากดลงอย่างคนกำลังสงสัย ดวงตาคมสั่นไหวด้วยความงงงวย ปากที่ยังคงกล่าวไม่จบประโยคดีอ้าค้างจนแมลงวันสามารถบินเข้าปากได้ แม้จะมีรุ่นน้องที่นั่งโต๊ะใกล้ ๆ สะกิดผ่านสายตานายทหารคนนี้ก็ยังคงนั่งแน่นิ่งเป็นรูปปั้น

"นี่! ได้ฟังผมอยู่ไหมครับ!" นางรำหนุ่มตะเบ็งเสียงดังเพื่อปลุกนายทหารให้ตื่น

"อะ...เอ่อ คุณผู้ปกครองครับ ไม่ทราบว่ายุวชนทหารที่คุณหมายถึงคือนายคนไหนเหรอครับ ถะ...ถ้าไม่รังเกียจ เชิญนั่งดื่มน้ำแล้วอธิบายให้ผมฟังได้ไหมครับ"

สิบเอกปลื้มปีติใช้ทักษะการพูดรวบตึงสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด จนผู้ปกครองคนสวยตอนนี้ยอมเดินมานั่งจิบน้ำที่เก้าอี้รับรองแล้ว

ทว่าความสามารถนี้ก็มีขีดจำกัด แน่นอนว่าคนติดเล่นอย่างนายสิบปลื้มคนนี้ไม่สามารถปรับพฤติกรรมตัวเองมาอยู่ในความจริงจังได้นานมากนักหรอก ทั้งนี้ยังเป็นการคุยกับผู้ปกครองครั้งแรก เอกสารอะไรในมือเขาก็ไม่มี ชื่อยุวชนทหารตอนนี้ยังจำได้ไม่หมดเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว ร้อยครับ! ช่วยหยุดเคลิ้มแล้วมาช่วยผมคุยกับพี่ชายคนสวยคนนี้ทีเถอะครับ!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๕ ตรึงใจเสือ

    ๑๙ถึง คุณแก้วผู้ครอบครองหัวใจของผม ตอนผมเขียนจดหมายฉบับนี้แม้มันจะไม่ใช่ฉบับสุดท้าย แต่ผมก็ใจหายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าจะเขียนจดหมายถึงคุณได้เพียงแค่นี้เพราะผมเหลือเวลาอีกไม่มากในการเขียนพวกมันขึ้นมา บางทีโทษที่ได้รับอาจมากเกินกว่ายี่สิบปีหรือผมอาจไม่มีลมหายใจจะกลับมาบอกรักคุณด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่ามันจะจำเจแค่ไหน ผมก็จะบอกว่าผมรักคุณ ผมรู้ว่าผมกำลังใช้คำที่มีความหมายอันลึกซึ้งพร่ำเพรื่อ แต่ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของผมไปได้มากไปกว่าคำนี้แล้ว ได้โปรดให้อภัยผู้ชายน่าเบื่อคนนี้ด้วยนะครับ ผ่านมาจนจะครบยี่สิบปี โลกในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปมาก คงจะมีรถเต็มทั่วท้องถนน คงจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อย ขอแค่คุณเปิดอ่านจดหมายเก่า ๆ ฉบับนี้และอ่านมันเพียงแค่คำขึ้นต้น ผมที่อยู่ในเรือนจำคงจะมีความสุขมากเกินคณานับ

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๔ ไม่ทันได้ตั้งตัว

    วันที่พวกเขาต้องกลับบ้านนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ประหนึ่งชั่วพริบตาช่วงเวลาหนึ่งเดือนก็หมดลง กระนั้นแม้ตัวเขาจะกลับมาใช้ชีวิตบนเรือนนางรำอย่างปกติ กระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อเสือสุพรรณยังคงดำเนินต่อไป "แบบนี้ผมคงคิดถึงแย่" "พูดแบบนี้แต่ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่ดีนะครับ" พิภพตั้งใจพูดให้ตนนั้นดูน่าสงสารในสายตาโฉมงามแต่เพราะคงจะใช้วิธีนี้บ่อยเกินจนโดนแก้วจับไต๋ได้หมดแล้ว ช่วงเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาได้ทำหลายอย่างร่วมกัน ตระเวนป่า ชวนกันไปเก็บผลไม้ หรือแม้แต่การนอนบนเตียงเดียวกันทว่าถึงอย่างนั้น แม่คนงามยังคงไม่อนุญาตให้เขาขยับความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังดูสนุกสนานที่ได้หยอกล้อปั่นหัวเขาเล่น แสนซนเหลือเกิน&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๓ ยาดีบรรเทาแผล

    ตรีศูลอยู่ที่นี่มาร่วมเดือนเริ่มสนิทกับทุกคนในชุมเสือมากขึ้น ยิ่งได้มารู้ว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต ความเข้าใจที่มีเจตนารมณ์ของชายผู้เป็นมหาโจรยิ่งมากขึ้น เบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละคนช่างน่าเศร้า บางคนระหกระเหินเร่ร่อนมาจากแดนไกล บางคนเคยมีการงานที่ดีแต่หัวหน้าคดโกงใส่ร้าย หรืออย่างพี่ประไพที่เกิดมาในชุมเสือแต่แรก เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างใครเขา สาวเจ้าจึงอ่านเขียนไม่ได้ จะมีก็แต่คุณดิน คุณปลื้ม และเจ้าสิงห์ที่เรียนมา ว่าง ๆ ก็จะมาคอยสอนหนังสือ ทว่าเอาเข้าจริงทั้งสามคนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอก "แก้วสอนเก่งจัง" "พี่เรียนรู้ไวต่างหากจ้ะ" เนื่องจากเจ้าพี่ขอให้เขาสอนเขียนอ่านพื้นฐานให้บนชานเรือน ดีที่ที่นี่มีกระดาษเครื่องเขียนครบครัน เขาจึงสอนให้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร&n

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๒ นอนถ้ำเสือ

    ตรีศูลแม้ร่างกายยังคงหนักอึ้งและสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาแต่ตลอดหลายวันที่เขานอนซมอยู่บนเตียงเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่เข้ามาเช็ดเนื้อตัวอยู่ไม่ขาด ทว่าเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นชายคนนั้นก็มักจะมีกิจให้ต้องออกไปนอกห้องจนเขาไม่สามารถขอบคุณได้ ทว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถมีแรงกลับมาพาตัวเองลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ปวดหัว ร่างโปร่งในเสื้อผ้าตัวโคร่งปล่อยผมยาวสยายลงมาก่อนจะใช้นิ้วสางให้พอเรียบเป็นทรง มองซ้ายมองขวาสำรวจข้าวของภายในห้องก่อนจะรู้ว่าเจ้าของเป็นคนเรียบง่าย โต๊ะตู้เตียงล้วนเป็นของไม่ได้มีลวดลายหวือหวา ทั้งห้องยังโล่งโปร่งไม่มีเครื่องเรือนประดับเพื่อความสวยงามมากนัก *แอ๊ด* เสียงบานพับประตูดังขึ้นก่อนที่ชายร่างสูงใหญ่ในเสื้อผ้าอย่างง่ายจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโฉมงามที่นอนซมข้ามวันข้ามคืนมีแรงพอจะลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงได้แล้ว&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๑ จับพลัดจับผลู

    บนหน้าหนังสือพิมพ์หน้าแรกเมื่อหลายปีก่อนประกาศข่าวการจับกุมของเสือหินผู้เป็นดังจุดด่างพร้อยของวงการตำรวจ ไม่เคยมีใครสามารถควบคุมบุรุษผู้นี้ได้ทว่าท้ายที่สุดผู้ที่สามารถสวมกุญแจมือมันได้กลับเป็นลูกในไส้ของมันเอง ข่าวนี้แพร่สะพัดไปพร้อมกับความดีใจของปุถุชนคนทั่วไปโดยเฉพาะเศรษฐีผู้มากมีที่ต่างพากันโล่งใจ กกกอดทรัพย์สมบัติของตนซึ่งล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เพชรนิลจินดากองพะเนินในตู้นิรภัยมีที่มาจากเงินของชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำ กว่าเขาจะได้พวกมันมากอดหอมมากมายจนล้นมือเช่นนี้มันผ่านการหลอกลวงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ต้องหวาดกลัวเมื่อมีอ้ายอีหน้าไหนมันสะเหล่อตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข่นฆ่าฉกชิงของในการดูแลไปเป็นสมบัติสาธารณะ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะโจรผู้ร้ายได้ถูกจับ ไอ้พวกสิ้นไร้ไม้ตอกจะหาได้มีวีรบุรุษมาช่วยเหลืออีกต่อไป และของที่รักของเขาจะคงอยู่ตราบนาน

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทพิเศษ ๑๐ เมามายน้ำจัณฑ์ (NC)

    โฉมงามจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อมีสุราอยู่ในร่างกาย นั่นคือสิ่งที่พิภพหาข้อสรุปได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่าสิบครั้ง ที่ตาเทิดตาไฮ้เคยบอกว่าแม่นางรำขี้เมานั้นเป็นเรื่องจริงแบบที่ไม่ต้องหาหลักฐานอื่นใดมาพิสูจน์ เพราะเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากพื้นกะจะไปล้างมือ แก้วจึงฉวยโอกาสคว้าขวดสุรากระดกประหนึ่งอดอยากปากแห้งมาจากไหน หันกลับมาอีกทีเจ้าตัวก็เมาแอ๋สิ้นสภาพปลดกระดุมปลดผ้าคลายร้อนนั่งกอดขวดแก้วยิ้มหวานเสียแล้ว เพราะเขากำชับว่าดื่มได้แต่ห้ามเมาเรื้อนอย่างคราวก่อนอีก ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อีกฝ่ายพยายามหาลู่ทางจะกินให้ได้ท่าเดียว เขาล่ะเป็นห่วงเสียจริงหากเขาไม่อยู่ออกไปทำงานแล้วแม่นางรำจะเผลอไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาต้องปวดหัวอีกบ้าง "งืม...อือ...พี่จ๋า น้องขออีกแก้วหนึ่งน้า" นั่น ขนาดหลับไปแล้วยังอุตส่าห์ขอมาได้อีก 

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status