Share

บทที่ ๑ เทศกาลพานพบ (๑๐๐%)

last update Последнее обновление: 2024-10-29 18:10:13

เมื่อมาถึงสิบเอกจอมเจ้าเล่ห์ก็ไม่พลาดโอกาสถลาลงจากเบาะคนขับลงไปสอดส่องภายในงานทันทีทั้งยังชักชวนเขาอีกนะว่า

'สาวแจ่ม ๆ ตรึมเลยนะคร้าบ ไม่ลงมาดูหน่อยเหรอครับร้อย เผื่อจะได้หาแม่ใหม่ให้น้องขวัญไง'

รุ่นน้องเขานี่ก็ขยันสะกิดปมเขาตลอดเลยสินะ

แต่ไม่ว่าเปล่าหลังจากเขาเห็นหลังของทหารยศสิบเอกหายไปแล้วเขาจึงลงมาจากรถ เดินเตร็ดเตร่ผ่อนคลายเสียหน่อย บางทีอาจจะได้ข้าวเย็นเก็บใส่ตู้กินไปได้หลายวัน จนเดินมาเห็นเจ้าปลื้มมันสนทนากับหญิงสาวอย่างออกรสออกชาติ นี่เขาชักสงสัยแล้วนะว่าไอ้คนนี้มันไปเอาแรงพูดมาจากไหนเยอะแยะ ไม่ว่าเมื่อไหร่รุ่นน้องเขาก็หาเรื่องอู้ได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นเวลางานหรือไม่ ทั้งยังติดนิสัยอ้อล้อแม่ค้ารายทางเป็นว่าเล่นแล้วก็มาเป็นภาระหูของเขาที่ต้องฟังเจ้านี่บ่นว่าทำไมสาวไม่รักบ้างล่ะ ทำไมหาเมียไม่ได้บ้างล่ะ และส่วนใหญ่ที่ตอบกลับไปก็จะเป็นคำว่าสมน้ำหน้า

พิภพทอดถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน การที่เขาได้มาที่นี่มันไม่ได้มาจากสาเหตุที่น่าอภิรมย์อย่างการอาสามาเป็นครูอะไรเทือกนั้น แต่เป็นการกลั่นแกล้งกันในหมู่ทหารเสียมากกว่า เจ้าพวกข้างบนไม่มีใครหรอกที่จะอยากลงมาทำงานสอนเด็กไม่รู้ประสาพวกนี้และเพียงแค่เพราะเขาสร้างผลงานและไต่เต้าขึ้นมาไกลในอายุต่ำกว่าเกณฑ์ปกติก็โดนพวกที่ตำแหน่งสูงเพ่งเล็งเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่ผลงานของเขาหากมองโดยใช้สายตาของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ล้วนเป็นการดี ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตความหงุดหงิดก็วนกลับมาอีก จนมือเขาก็พลันเลื่อนขึ้นไปจับรอยสักบริเวณหลังคอเสียทุกที มันชักจะเป็นนิสัยที่ทำให้ทหารอย่างเขาเริ่มเสียบุคลิกแล้วสิ

นายทหารร่างหนาเลือกที่จะเมินเฉยและทิ้งความคิดนั้นไป แทนที่ด้วยการคิดเรื่องอื่น ๆ ที่น่าอภิรมย์กว่า เขามาถึงที่นี่ก็ปาไปเที่ยง กว่าจะพากันไปเดินเอกสารกับทางสถานศึกษาก็กินเวลาไปจนจะครบทุ่ม แสงสีแม้จะมีไม่เท่าในตัวเมืองที่เขาจากมาแต่ก็สวยงามในแบบของมัน ร้านทุกร้านเป็นอาหารที่เขาไม่เคยลิ้มรสมาก่อนในชีวิตแต่ดูจากสีของน้ำแกงคงจะเผ็ดไม่ใช่เบาดังนั้นเขาขอผ่าน เท่าที่เดินมาของติดไม้ติดมือก็มีแค่ไก่ย่างข้าวเหนียวมื้อดึกของเขาเท่านั้น

พิภพวางกระเป๋าและห่ออาหารลงพลางมองสอดส่องไปยังพื้นที่โดยรอบจนเห็นเวทีหนึ่งตั้งอยู่ พร้อมหูเขาที่กระตุกเมื่อได้ยินประโยคที่สอดคล้องกับนั่งร้านนั่น

'ดูสิ เขาว่างานวันนี้เจ้าของคณะมารำเองเลยนะเว้ย'

'ปีปีหนึ่งนอกจากงานไหว้ครูแล้ว อาจารย์แกก็ไม่ออกงานเลยสิน่า'

'ฉันล่ะอยากดู๊ อยากดู ว่าจะงามแค่ไหนเชียว'

'เหรอ ๆ งั้นแกก็กระเถิบไป ฉันจะดูให้เป็นบุญตา'

แถบนี้มีคนดังด้วยหรือ ไม่ค่อยต่างจากเมืองหลวงเท่าไรเลย เขาคิด จากนั้นจึงหันเหความสนใจไปทางอื่นเผื่อจะมีร้านไหนที่น่าสนใจ (และไม่เผ็ด) อีก จนเห็นร้านร้านหนึ่งขายอาหารสี่ภาค บางทีอาจจะมีแกงบางชนิดที่เขาทานได้ เมื่อคิดได้พิภพจึงรวบข้าวของกะจะเดินไปทางนั้น ทว่าไม่ทันได้ระวัง ทั้งผู้คนที่คับคั่งก็มีคนคนหนึ่งเดินมาชนไหล่ขวาของเขาเข้าอย่างจัง

"ขอโทษครับ ผมเดินไม่ระวัง"

คนผู้นั้นกล่าวขออภัยในความสะเพร่าของตัวเองอย่างเร่งรีบ

"ไม่เป็นไรครับ คุณเป็นอะไรไหมครับ"

นายทหารหันไปกล่าวด้วยความสุภาพจนได้เห็นว่าคนเดินสวนเขาเป็น'นางรำ'

"ผมไม่เป็นไร ขอโทษที่เดินไม่ดูทางนะครับ"

ผม? ผู้หญิงคนนี้คนนี้ใช้สรรพนามแปลกดีแท้ แต่ก่อนจะได้ถามไถ่หรือสังเกตอะไรเพิ่มเติมเจ้าตัวก็ดันเดินกระชับผ้าแพรคลุมไหล่เดินจากไปเสียแล้ว

*กริ๊ก*

"หือ..."

เขาเบนสายตาลงไปมองที่ใต้ฝ่าเท้าต้นกำเนิดเสียงด้วยความสงสัยแล้วจึงเห็น 'ปิ่น' เครื่องทองที่ประดับด้วยเครื่องแขวนบันไดแก้วดอกไม้สดขนาดย่อม มันคงจะตกในตอนที่พวกเราเดินชนกัน ซึ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองท่ามกลางฝูงชนนางรำผู้นั้นก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าเครื่องประดับของตัวเองได้หายไป จึงหันหน้ากลับมามองยังต้นทาง

ในจังหวะนั้นเมื่อดวงตาสบกันหัวใจเขาเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ แม้ระยะทางจะไกลออกไปแต่เขาก็สรุปได้ว่าใบหน้านั้นงดงามขนาดไหน ผิวขาวเนียนละเอียดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนแถบนี้ ทรงคิ้วบางกดลงและโค้งเป็นทรงตามดวงตากลมใสสะท้อนกับแสงไฟสีเหลืองทองคล้ายบุษราคัมแวววาวน่ามองรับกับใบหน้ากลมมนทั้งใบได้อย่างหมดจด

ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้นำของในมือไปคืนเสียงของพิธีกรก็ดังขึ้น ทำให้นางรำผู้นั้นถูกดึงตัวไปรอที่หลังม่าน เขาจึงคิดจะรีบวิ่งไปทว่าผู้คนรอบข้างเขาชักจะหนาแน่นเข้าไปทุกที กว่าเขาจะดันตัวเองไปข้างหน้าก็ถือว่าลำบากพอสมควรแต่เมื่อไปถึงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเสียแล้ว

เสียงปรบมือของเหล่าผู้ชมดังขึ้นก่อนจะมีคนผู้หนึ่งย่ำเท้าออกมาจากเวที ทันใดนั้นเหมือนประหนึ่งมีใครมารั้งขาเอาไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหน ประหนึ่งมีคนมาจับหน้าเขาให้หันมองคนด้านบน

เขาถูกทำนองเพลงปี่โนราสะกดเอาไว้ ก่อนที่ท่วงท่าชดช้อยค่อย ๆ ถูกเผยออกมาให้ผู้ชมอย่างเขาได้พินิจดู นิ้วมือเรียวสวยยกประนมขึ้นหลังจากวางพานดอกไม้ลงอย่างแผ่วเบา ขาตวัดยกตั้งเขาวาดแขนสับเปลี่ยนจีบตั้งวงลื่นไหลเสมือนคลื่นน้ำที่ถูกสายลมพัดพา คำบรรยายของผู้ขับร้องเอื้อนเอ่ยสอดคล้องไปตามเสียงเพลงและนาฏยศัพท์ที่ยกมือประนมขึ้นสูงบูชาเทพยดาเบื้องหลังผืนฟ้าในฐานะศิษย์ของท่านก่อนจะเริ่มร่ายรำ

พานดอกไม้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง นางบนเวทีนั่งทับส้นกดเอวเอี้ยวตัวชำเลืองใบหน้าเชื่องช้าสอดส่องสายตาพร้อมด้วยยิ้มมุมปากมาทางผู้ชม ในขณะนั้นเขาที่ได้สบตาเป็นแวบเดียวที่เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วครู่อีกครั้ง

ดนตรีเริ่มเร่งจังหวะพร้อม ๆ กับคนด้านบนที่ยืนขึ้นเปลี่ยนตำแหน่งก่อนจะหยิบผ้าแพรโปร่งขึ้นมาละเล่นด้วยท่วงท่าตามฉบับมโนราห์เอกลักษณ์ของที่นี่เขาคิดเช่นนั้น เพียงแต่เสื้อผ้าที่เจ้าตัวใส่เรียบง่ายขัดกับภาพเครื่องทรงอันมากมายที่เขาเคยเห็นบนหน้าหนังสือ มีเพียงผ้าพันอกสีเข้มกางเกงพ่วงผ้าหลากสีที่ไม่ได้ฉูดฉาดสะดุดตาแต่กลับมีลวดลายที่เข้ากันกับผ้าส่วนบนอย่างน่าเหลือเชื่อ และเครื่องทองบริเวณต้นแขน ข้อมือข้อเท้าส่งเสียงคล้ายกระดิ่งออกมาเบา ๆ ยามอีกฝ่ายย่ำเท้าขยับตัวไปมาด้วยท่าทางเหล่านั้น ช่างไพเราะเหลือเกิน

การแสดงดำเนินไปเรื่อย ๆ เขาสังเกตได้ว่าคนบนเวทีมองมาทางเขาค่อนข้างบ่อย อาจเป็นเพราะในมือเขากำปิ่นเอาไว้ซึ่งคือหนึ่งในเครื่องประดับที่ควรไปอยู่บนมวยผมของเจ้าตัว ทำเอาเขารู้สึกผิดและเสียดายที่นำมาคืนไม่ทันการแสดงจะเริ่มเพราะมันคงสวยมากกว่านี้หลายเท่า

"ร้อยดูอะไรอยู่อะ...อ๋อ แบบนี้นี่เอง"

เสียงทะเล้นที่เข้ามากลายเป็นเสียงลากยาวเมื่อตาหยีเจ้าเล่ห์เชิดขึ้นไปมองนางรำผู้กำลังครองเวทีอยู่

โดยที่ไม่พูดอะไร ร้อยเอกยกนิ้วโป้งมาทำท่าจะเหมือนจะเชือดคอกันให้ตายไปข้างเพื่อให้หมอนี่หยุดรบกวน ดูจากดนตรีที่ดำเนินไปไม่นานคงใกล้จะจบแล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายเดินลงเวทีมาก็มีผู้เฒ่าผู้แก่แห่กันเอาข้าวเอาของเอาเงินไปให้ยกใหญ่ ดังนั้นที่คนพวกนั้นพูดนี่ดูจะมีมูลอยู่ แล้วเป็นคนเด่นคนดังแบบนี้เขาจะหาจังหวะไหนเอาสิ่งนี้เข้าไปคืนดีล่ะ

เขาคิดก่อนที่จะมีมือมาจับบนไหล่ของเขา ตามด้วยรุ่นน้องที่กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

"เดี๋ยวนะร้อย เราได้ไปเอากุญแจบ้านพักกันรึยัง..."

นายทหารนิ่งไปครู่หนึ่ง นึกเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดวันเพื่อตรวจสอบทวนความจำแต่จู่ ๆ ดวงตาคมเข้มก็เกิดว่างเปล่า แสดงว่า 'ยัง'

ไม่รอช้าสิบเอกรุ่นน้องที่ส่วนสูงพอกันจึงคว้าคอเสื้อเขาวิ่งปรู๊ดออกจากที่สถานที่จัดงานขับรถกลับไปที่โรงเรียนเพื่อขอกุญแจบ้านพักคุณครูที่ได้ตกลงกันไว้ทันที ยังดีที่ท่านผอ.คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นเอาไว้แล้ว จึงฝากกุญแจเอาไว้กับน้ายามภารโรง

จวบจนต่างคนต่างแยกย้ายเข้าบ้าน ในหัวร้อยเอกพิภพก็วนฉายแต่ภาพงานกาชาดซ้ำไปซ้ำมา แม้แต่เปิดกระเป๋า เก็บผ้าเข้าตู้ กินข้าว ล้างจาน อาบน้ำ หรือแม้จะนอน ชายผ้าเงางามของนางรำนางนั้นก็คงยังติดตาเขาอยู่ไม่หาย พิภพเบี่ยงเอนกายเอื้อมหยิบปิ่นจากหัวเตียงมาพลิกมองไปมา

หากสิ่งนี้ได้ประดับอยู่บนกลุ่มผมยาวนั้นแล้วคงจะงามไม่หยอก

หากแต่...เขาจะเอาสิ่งนี้ไปคืนเจ้าหล่อนอย่างไรดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๕ ตรึงใจเสือ

    ๑๙ถึง คุณแก้วผู้ครอบครองหัวใจของผม ตอนผมเขียนจดหมายฉบับนี้แม้มันจะไม่ใช่ฉบับสุดท้าย แต่ผมก็ใจหายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าจะเขียนจดหมายถึงคุณได้เพียงแค่นี้เพราะผมเหลือเวลาอีกไม่มากในการเขียนพวกมันขึ้นมา บางทีโทษที่ได้รับอาจมากเกินกว่ายี่สิบปีหรือผมอาจไม่มีลมหายใจจะกลับมาบอกรักคุณด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่ามันจะจำเจแค่ไหน ผมก็จะบอกว่าผมรักคุณ ผมรู้ว่าผมกำลังใช้คำที่มีความหมายอันลึกซึ้งพร่ำเพรื่อ แต่ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของผมไปได้มากไปกว่าคำนี้แล้ว ได้โปรดให้อภัยผู้ชายน่าเบื่อคนนี้ด้วยนะครับ ผ่านมาจนจะครบยี่สิบปี โลกในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปมาก คงจะมีรถเต็มทั่วท้องถนน คงจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อย ขอแค่คุณเปิดอ่านจดหมายเก่า ๆ ฉบับนี้และอ่านมันเพียงแค่คำขึ้นต้น ผมที่อยู่ในเรือนจำคงจะมีความสุขมากเกินคณานับ

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๔ ไม่ทันได้ตั้งตัว

    วันที่พวกเขาต้องกลับบ้านนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ประหนึ่งชั่วพริบตาช่วงเวลาหนึ่งเดือนก็หมดลง กระนั้นแม้ตัวเขาจะกลับมาใช้ชีวิตบนเรือนนางรำอย่างปกติ กระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อเสือสุพรรณยังคงดำเนินต่อไป "แบบนี้ผมคงคิดถึงแย่" "พูดแบบนี้แต่ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่ดีนะครับ" พิภพตั้งใจพูดให้ตนนั้นดูน่าสงสารในสายตาโฉมงามแต่เพราะคงจะใช้วิธีนี้บ่อยเกินจนโดนแก้วจับไต๋ได้หมดแล้ว ช่วงเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาได้ทำหลายอย่างร่วมกัน ตระเวนป่า ชวนกันไปเก็บผลไม้ หรือแม้แต่การนอนบนเตียงเดียวกันทว่าถึงอย่างนั้น แม่คนงามยังคงไม่อนุญาตให้เขาขยับความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังดูสนุกสนานที่ได้หยอกล้อปั่นหัวเขาเล่น แสนซนเหลือเกิน&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๓ ยาดีบรรเทาแผล

    ตรีศูลอยู่ที่นี่มาร่วมเดือนเริ่มสนิทกับทุกคนในชุมเสือมากขึ้น ยิ่งได้มารู้ว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต ความเข้าใจที่มีเจตนารมณ์ของชายผู้เป็นมหาโจรยิ่งมากขึ้น เบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละคนช่างน่าเศร้า บางคนระหกระเหินเร่ร่อนมาจากแดนไกล บางคนเคยมีการงานที่ดีแต่หัวหน้าคดโกงใส่ร้าย หรืออย่างพี่ประไพที่เกิดมาในชุมเสือแต่แรก เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างใครเขา สาวเจ้าจึงอ่านเขียนไม่ได้ จะมีก็แต่คุณดิน คุณปลื้ม และเจ้าสิงห์ที่เรียนมา ว่าง ๆ ก็จะมาคอยสอนหนังสือ ทว่าเอาเข้าจริงทั้งสามคนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอก "แก้วสอนเก่งจัง" "พี่เรียนรู้ไวต่างหากจ้ะ" เนื่องจากเจ้าพี่ขอให้เขาสอนเขียนอ่านพื้นฐานให้บนชานเรือน ดีที่ที่นี่มีกระดาษเครื่องเขียนครบครัน เขาจึงสอนให้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร&n

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๒ นอนถ้ำเสือ

    ตรีศูลแม้ร่างกายยังคงหนักอึ้งและสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาแต่ตลอดหลายวันที่เขานอนซมอยู่บนเตียงเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่เข้ามาเช็ดเนื้อตัวอยู่ไม่ขาด ทว่าเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นชายคนนั้นก็มักจะมีกิจให้ต้องออกไปนอกห้องจนเขาไม่สามารถขอบคุณได้ ทว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถมีแรงกลับมาพาตัวเองลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ปวดหัว ร่างโปร่งในเสื้อผ้าตัวโคร่งปล่อยผมยาวสยายลงมาก่อนจะใช้นิ้วสางให้พอเรียบเป็นทรง มองซ้ายมองขวาสำรวจข้าวของภายในห้องก่อนจะรู้ว่าเจ้าของเป็นคนเรียบง่าย โต๊ะตู้เตียงล้วนเป็นของไม่ได้มีลวดลายหวือหวา ทั้งห้องยังโล่งโปร่งไม่มีเครื่องเรือนประดับเพื่อความสวยงามมากนัก *แอ๊ด* เสียงบานพับประตูดังขึ้นก่อนที่ชายร่างสูงใหญ่ในเสื้อผ้าอย่างง่ายจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโฉมงามที่นอนซมข้ามวันข้ามคืนมีแรงพอจะลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงได้แล้ว&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๑ จับพลัดจับผลู

    บนหน้าหนังสือพิมพ์หน้าแรกเมื่อหลายปีก่อนประกาศข่าวการจับกุมของเสือหินผู้เป็นดังจุดด่างพร้อยของวงการตำรวจ ไม่เคยมีใครสามารถควบคุมบุรุษผู้นี้ได้ทว่าท้ายที่สุดผู้ที่สามารถสวมกุญแจมือมันได้กลับเป็นลูกในไส้ของมันเอง ข่าวนี้แพร่สะพัดไปพร้อมกับความดีใจของปุถุชนคนทั่วไปโดยเฉพาะเศรษฐีผู้มากมีที่ต่างพากันโล่งใจ กกกอดทรัพย์สมบัติของตนซึ่งล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เพชรนิลจินดากองพะเนินในตู้นิรภัยมีที่มาจากเงินของชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำ กว่าเขาจะได้พวกมันมากอดหอมมากมายจนล้นมือเช่นนี้มันผ่านการหลอกลวงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ต้องหวาดกลัวเมื่อมีอ้ายอีหน้าไหนมันสะเหล่อตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข่นฆ่าฉกชิงของในการดูแลไปเป็นสมบัติสาธารณะ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะโจรผู้ร้ายได้ถูกจับ ไอ้พวกสิ้นไร้ไม้ตอกจะหาได้มีวีรบุรุษมาช่วยเหลืออีกต่อไป และของที่รักของเขาจะคงอยู่ตราบนาน

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทพิเศษ ๑๐ เมามายน้ำจัณฑ์ (NC)

    โฉมงามจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อมีสุราอยู่ในร่างกาย นั่นคือสิ่งที่พิภพหาข้อสรุปได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่าสิบครั้ง ที่ตาเทิดตาไฮ้เคยบอกว่าแม่นางรำขี้เมานั้นเป็นเรื่องจริงแบบที่ไม่ต้องหาหลักฐานอื่นใดมาพิสูจน์ เพราะเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากพื้นกะจะไปล้างมือ แก้วจึงฉวยโอกาสคว้าขวดสุรากระดกประหนึ่งอดอยากปากแห้งมาจากไหน หันกลับมาอีกทีเจ้าตัวก็เมาแอ๋สิ้นสภาพปลดกระดุมปลดผ้าคลายร้อนนั่งกอดขวดแก้วยิ้มหวานเสียแล้ว เพราะเขากำชับว่าดื่มได้แต่ห้ามเมาเรื้อนอย่างคราวก่อนอีก ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อีกฝ่ายพยายามหาลู่ทางจะกินให้ได้ท่าเดียว เขาล่ะเป็นห่วงเสียจริงหากเขาไม่อยู่ออกไปทำงานแล้วแม่นางรำจะเผลอไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาต้องปวดหัวอีกบ้าง "งืม...อือ...พี่จ๋า น้องขออีกแก้วหนึ่งน้า" นั่น ขนาดหลับไปแล้วยังอุตส่าห์ขอมาได้อีก 

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status