เห็นได้ชัดว่าจะบุ่มบ่ามใช้กำลังไม่ได้!หรือว่าจะทำได้เพียงมองดูคนชั่วร้ายผู้นี้เย่อหยิ่งวางอำนาจบาตรใหญ่ แล้วตนก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น?ชาวบ้านต่างก็มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความโกรธ ไม่อาจกลืนความโกรธนี้ลงได้!หลิวเกินเซิงตะเบ็งเสียงกล่าวว่า “พวกเจ้ามัวอึ้งอะไรกันอยู่? ผ้าทุกผืนที่ขายได้ องค์ชายเก้าสมควรตายผู้นี้ก็จะขาดทุนไปยี่สิบเหวิน พวกเราต้องซื้อมันอย่างบ้าคลั่ง ให้เจ้าคนเผด็จการคนนี้ขาดทุนย่อยยับตายไปเลย!”ประโยคนี้ได้ปลุกทุกคนตื่นขึ้นจากฝัน!ใช่!องค์ชายเก้าที่หยิ่งผยองเผด็จการผู้นี้ อาศัยฐานะการที่ตนเป็นองค์ชายมากลั่นแกล้งชาวบ้าน แล้วยังชอบบุรุษ เช่นนี้มันขัดต่อจริยธรรมของมนุษย์ไม่ใช่หรือ?พวกเราไม่อาจตีเจ้าได้!แต่พวกเราสามารถเอาเปรียบเจ้าได้ ให้เจ้าขาดทุนจนตาย!แม้ว่ายี่สิบเหวินจะไม่มาก แต่ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันซื้อ สะสมจากน้อยไปมาก ก็จะทำให้เจ้าขาดทุนจนต้องปิดร้านไป!“ข้าขอซื้อผืนหนึ่ง!”“ข้าขอซื้อห้าผืน!”“หลีกไปให้หมด ข้าต้องการซื้อสิบผืน ข้าต้องการให้องค์ชายเก้าขาดทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว!”ความกระตือรือร้นของเหล่าชาวบ้านถูกจุดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ พวกเขาเ
“ก็เท่ากับห้าพันเหวิน...”“หนึ่งพันเหวินเท่ากับหนึ่งก้วน หนึ่งก้วนก็เท่ากับหนึ่งตำลึง”“หมายความว่าวันนี้ได้กำไรห้าตำลึง”ซูเฟิ่งหลิงไม่เข้าใจ “พวกเราทำงานยุ่งทั้งวัน เหนื่อยแทบตาย แต่กลับได้กำไรแค่ห้าตำลึง? ถ้าอย่างนั้นหนึ่งเดือน ก็ได้กำไรแค่ห้าสิบตำลึงน่ะสิ?”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า แล้วพูดอย่างจริงจัง “น้อยอย่างนั้นล่ะ อีกอย่างร้านค้าเป็นของเรา ไม่ต้องคำนวณค่าเช่า แต่ก็ยังมีค่าแรงของพวกเราสามคน ถ้าเกิดว่าจ้างลูกจ้าง ต้องขาดทุนแน่”ซูเฟิ่งหลิงเริ่มตื่นตระหนกแล้ว “จบแล้วๆ ข้าก็นึกว่าหลี่หลงหลินพูดไปอย่างนั้น แต่ที่ไหนได้ขาดทุนจริงๆ!”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วมองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย วิธีนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลย! ไม่เพียงไม่ได้กำไร แต่ยังขาดทุนอีกด้วย! พวกเราขึ้นราคาหน่อยดีไหม?”หลี่หลงหลินมองใบหน้าที่งดงามของลั่วอวี้จู๋แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดพวกชาวบ้านลี้ภัยจากดินแดนทางเหนือถึงได้มาซื้อผ้าที่ร้านของพวกเรา?”ลั่วอวี้จู๋ตะลึงเล็กน้อย “ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงฉาวโฉ่ของเจ้าหรือ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว “นั่นแค่เบื้องหน้า! สาเหตุที่แท้จริงก็คือผ้าร้านเรามีคุณภาพด
หลี่หลงหลินยุ่งทั้งวัน เหนื่อยแทบตาย เขากินอาหารค่ำไปไม่กี่คำ จากนั้นก็นอนลงบนเตียง อยากจะพักผ่อนสักหน่อยเวลานี้ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ร่างหญิงงามที่สวยหยาดเยิ้มแวบผ่านเข้ามาปานสายลมก็คือซูเฟิ่งหลิงวันนี้นางไม่ได้สวมเครื่องแบบทหาร แต่เป็นครั้งแรกที่นางสวมชุดกระโปรงสีแดง ทำให้นางดูสวยหยาดเยิ้มดึงดูดใจคน จนหาที่เปรียบไม่ได้“เจ้าคิดจะทำอะไร?”หลี่หลงหลินสะดุ้งตกใจ รีบทำท่าป้องกันทันที “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ห้องข้างๆ ถ้าเจ้าวางแผนทำมิดีมิร้ายกับข้า ข้าจะตะโกน!”ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของซูเฟิ่งหลิงก็แดงก่ำ นางกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความโกรธ “ปากเจ้านี่มันพูดเรื่องดีไม่ได้เลยใช่หรือไม่! เจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไร? เป็นโจรหญิงหรืออย่างไร?”หลี่หลงหลินเกาหัว “หรือว่าไม่ใช่? ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่ทำไม?”ซูเฟิ่งหลิงก้มหน้าลง สองมือลูบชายกระโปรง แล้วพูดเสียงเบาราวกับยุง “ข้า...ข้า...ข้าอยากมาขอโทษเจ้า”“ขอโทษ!”หลี่หลงหลินมองซูเฟิ่งหลิงตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา “มิน่าล่ะถึงได้แต่งตัวเป็นสตรีเช่นนี้ ที่แท้เจ้าก็อยากจะใช้กลหญิงงามกับข้านี่เอง! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็มาข้างๆ ข้านี
ซูเฟิ่งหลิงตะลึง ก่อนจะมองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความไม่เชื่อตนก่อปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หลี่หลงหลินจะใจกว้างให้อภัยตนได้ขนาดนั้นเลยหรือ?ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกละอายใจ “แต่ว่า ชื่อเสียงของเจ้าล่ะจะทำอย่างไร? ให้ข้าคิดหาทางเปิดเผยความลับต่อหน้าสาธารณะ กู้ศักดิ์ศรีของเจ้ากลับคืนมาดีหรือไม่...”หลี่หลงหลินยิ้ม “แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ แต่ก็ยังเป็นภรรยาในนาม แม้ว่าเจ้าจะบอกความจริงคิดว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่? กลับกัน ยิ่งอธิบายก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ชื่อเสียงของข้าก็มีแต่จะฉาวโฉ่ยิ่งกว่าเดิม!”“ช่างเถอะ!”“เจอปัญหามากมายแค่ไหนก็ไม่เป็นไร!”“ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของคนที่ชั่วร้ายอันดับหนึ่งในใต้หล้า ยังมากกว่าชื่อเสียงของคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งในเมืองหลวง!”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว “แต่ถ้าเจ้าจะไม่ให้ข้าทำอะไรเลย ข้าคงไม่มีความสุข!”หลี่หลงหลินเลิกคิ้ว แล้วพูดอย่างด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “เจ้ามาบีบเท้าให้ข้าสิ...”“ไสหัวไป!”สีหน้าของซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไป ทั้งร้อนรนและโกรธเคือง “เจ้านี่ช่างเชื่อถือไม่ได้เลย! ข้าพูดเรื่องจริงจังกับเจ้าอยู่! เจ้ากลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ข้ารู้สึกผิดหวังมาก...”เมื่
“ไร้สาระ!”“ข้าก็ต้องเลือกที่จะทำลายชื่อเสียงของเจ้าอยู่แล้วน่ะสิ!”ซูเฟิ่งหลิงเลือกโดยไม่ลังเลกองทัพสกุลซูมีรากฐานที่หนาแน่นภายใต้การจัดการของซูเฟิ่งหลิง เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวลือที่ทำลายชื่อเสียงของหลี่หลงหลินก็ได้แพร่กระจายไปในกองทัพไม่เพียงแค่ในกองทัพที่เสื่อมโทรมของสกุลซูเท่านั้นกระทั่งกองทัพปกป้องเมืองหลวง รวมไปถึงในหมู่องครักษ์ ล้วนมีข่าวลือการกระทำที่ชั่วช้าของหลี่หลงหลินชื่อเสียงของหลี่หลงหลินก็ตกต่ำลงอย่างยิ่ง แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กินดื่มตามปกติ แทบไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ปล่อยให้เรื่องราวมันปะทุต่อไปไม่กี่วันต่อมาฮ่องเต้หวู่ออกจากว่าราชการเช้า แล้วไปที่ห้องทรงพระอักษรล่าสุดนี้ อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ยังไม่มีข่าวดีมาจากดินแดนทางเหนืออีกทั้งพวกลี้ภัยที่มาจากดินแดนทางเหนือก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆฮ่องเต้หวู่ที่เฝ้าดูอยู่ก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่งตราบใดที่เขาพูดถึงเรื่องหาที่อยู่ให้ผู้ลี้ภัยในราชสำนักขึ้นมา เหล่าขุนนางใหญ่ก็เริ่มแกล้งตายอย่างไรเสียการหาที่อยู่ให้ผู้ลี้ภัย จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก!ราชสำนักตอนนี้ไม่มีเงินซื้ออาหารแล
เว่ยซวินเป็นขันทีไม่ว่าเขาจะใช้อำนาจหรือกำเริบเสิบสานในราชสำนักอย่างไรฮ่องเต้หวู่ล้วนอนุญาตถึงอย่างไร เว่ยซวินคือเครื่องมือที่ฮ่องเต้ใช้ในการดูแลตรวจสอบขุนนางทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นการวางอำนาจบาตรใหญ่อย่างไร เขาก็ปิดหูปิดตาข้างหนึ่ง!มีเพียงกองทัพเท่านั้น ที่เป็นจุดอ่อนของฮ่องเต้!หากเว่ยซวินกล้าทำเกินขอบเขต แทรกแซงเรื่องทหารฮ่องเต้หวู่ก็สามารถสังหารเว่ยซวินได้โดยไม่ลังเล!ขันทีที่มีอำนาจทางทหาร คือสัญญาณแห่งการทำลายแคว้น!เว่ยซวินถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น เขาโขกศีรษะราวกับโขลกกระเทียม “ฝ่าบาท บ่าวไม่กล้าถามเรื่องกิจทหาร! บ่าวแค่ได้ยินมาว่า...”ฮ่องเต้หวู่พูดอย่างเย็นชา “เจ้าได้ยินอะไร?”เว่ยซวินรีบพูดว่า “กระหม่อมได้ยินมาว่า...เถ้าแก่ร้านหอการค้าใหญ่ทั้งแปดในเมืองหลวงเป็นคนแพร่ข่าวลือและใส่ร้ายองค์ชายเก้าต่อหน้าทุกคน! ไม่นานหลังจากนั้น ข่าวลือก็แพร่สะพัดไปในกองทัพพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมกล้าขอบังอาจคาดเดาว่าระหว่างทั้งสองเรื่องนี้อาจมีความเชื่อมโยงบางอย่างกัน”ฮ่องเต้หวู่ตะลึง แล้วเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “แปดหอการค้าใหญ่เป็นแค่พ่อค้าชั้นต่ำเท่านั้น แต่ก็กล้าใส่ร้ายราชวงศ์? พวกเข
ความมืดมนในพระทัยของฮ่องเต้ถูกกวาดออกไป ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งภูมิใจ!ตราบใดที่ตรวจสอบหอแปดการค้าใหญ่ เมื่อมีเงินแล้ว ปัญหาในการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยจะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดายใช่หรือไม่?ข้านี่ช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆ!“เจ้าเก้า เป็นตัวนำโชคของข้า!”ฮ่องเต้หวู่ก็ทอดถอนใจไม่ว่าจะปัญหาอะไร ตราบใดที่มีเจ้าเก้าอยู่ด้วย มันก็เหมือนจะสามารถแก้ไขได้ถ้านี่ไม่ใช่ตัวนำโชคแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก?ฮ่องเต้หวู่แทบอยากจะเรียกหลี่หลงหลินเข้าวังมาแล้วตกรางวัลให้เขาอย่างงามเสียเดี๋ยวนี้แต่ว่าฮ่องเต้หวู่สุดท้ายก็อดเอาไว้ได้ ไม่ได้หุนหันพลันแล่นช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ การที่หลี่หลงหลินได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ มันทำให้คนจำนวนมากเกิดความอิจฉาอย่างเลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าต้นไม้ในผ่าจะโดดเด่นอย่างไร สุดท้ายก็ต้องถูกลมทำลายในความคิดของฮ่องเต้หวู่ หากเจ้าเก้าถูกองค์ชายคนอื่นๆ บีบบังคับ เหล่าพี่น้องมีความขัดแย้งกัน นี่คงไม่ใช่เรื่องดีแต่เจ้าเก้าก็ได้สร้างคุณูปการอีกครั้ง หากฮ่องเต้หวู่ไม่ตกรางวัลให้เขาสักหน่อย ในใจเขาเกรงว่าคงจะเสียใจไม่น้อยฮ่องเต้หวู่คิดไปคิดมา ใสในสุดก็ได้ทำการตัดสินใจ เขาสั่ง
เว่ยซวินรีบเตรียมตัวออกเดินทางทันทีหลังจากนั้นไม่นาน ฮ่องเต้หวู่เสด็จมาถึงตำหนักฉางเล่อหลินกุ้ยเฟยกำลังตัดแต่งต้นไม้ ได้ยินว่าฮ่องเต้หวู่กำลังมา ก็กุลีกุจอลุกขึ้นถวายความเคารพ “หม่อมฉัน ถวายบังคมฝ่าบาท!”ฮ่องเต้หวู่ยิ้มและกล่าวว่า “สนมรัก ตามสบายเถอะ!”หลินกุ้ยเฟยก้มหัวลง “หม่อมฉันไม่กล้าเพคะ! หม่อมฉันมีความผิด ...”ฮ่องเต้หวู่ตกใจเล็กน้อย ถามด้วยความไม่เข้าใจ “สนมรัก เจ้ามีความผิดอันใด?”ใบหน้างดงามของหลินกุ้ยเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดง “หม่อมฉันไร้ความสามารถ ไม่สอนหวงเอ้อร์ให้ดี! ตอนนี้เขาประพฤติตัวเลวทราม มีนิสัยตะวันพันมังกร[footnoteRef:1] ล้วนเป็นความผิดของหม่อมฉัน! จากนี้ หม่อมฉันจะลงโทษเขาให้ดี ดึงเขากลับมาให้เข้าที่เข้าทางให้ได้เพคะ” [1: ชายรักชาย] “ขอร้องฝ่าบาท อย่าตำหนิโทษเขาเลยนะเพคะ...”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินก็นึกขึ้นได้ทันทีข่าวลือที่ว่าเจ้าเก้าชอบพอบุรุษ ไม่เพียงแต่แพร่กระจายในหมู่ประชาและเหล่าทหารเท่านั้น แต่ยังแพร่งพรายมาถึงในวังหลวง กระทั่งเข้ามาถึงหูของหลินกุ้ยเฟยหลินกุ้ยเฟยเข้าใจไปว่า เพราะเรื่องนี้ เขาจะจะลงโทษนาง!ฮ่องเต้หวู่สืบเท้าไปข้างหน้า จับมือหยกของหลินกุ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค