อย่างไรเสีย ยังมีองค์ชายองค์อื่นๆ อีกหลายคน ตนเองจะตระหนกไปไย?ตู้เหวินยวนขมวดคิ้ว “แต่ว่าฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็เป็นพวกเราจริงๆ! ทว่าภัยคุกคามหาได้มาจากฮ่องเต้ แต่มาจากหลี่หลงหลิน!”หลี่จื้อตกใจ “เจ้าเก้า? เหตุใดถึงเป็นมันอีกแล้ว?! หรือว่าเจ้าเก้าจะเป็นคนที่ยื่นฎีกาใส่ร้ายข้าให้เสด็จพ่อ หลอกให้พระองค์สั่งปิดแปดหอการค้าใหญ่?”ดวงตาของตู้เหวินยวนแลดูน่ากลัว “สถานการณ์โดยละเอียด ข้ายังไม่ทราบชัด แต่ฮ่องเต้สั่งปิดแปดหอการค้าใหญ่ เป็นเพราะเจ้าของร้านแพร่ข่าวลือ! และข่าวลือนี้ มุ่งเป้าไปที่หลี่หลงหลิน!”“สรุปแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลี่หลงหลินอย่างแยกไม่ออก!”“อีกอย่าง...”“เมื่อคืนก่อน ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่ตำหนักฉางเล่อ ทั้งยังมอบไข่มุกทางใต้อันล้ำค่ามากราคาแก่หลินกุ้ยเฟย!”“เกรงว่าทั้งสอง จะมีความเชื่อมโยงกัน!”หลี่จื้อโกรธอย่างยิ่ง กัดฟันกรอด “ต้องเป็นหลินกุ้ยเฟยปีศาจนั่นแน่ ที่ปรุงน้ำแกงยาเสน่ห์ป้อนเข้าปากเสด็จพ่อ! ท่านพ่อถึงได้ลำเอียงระหว่างข้ากับเจ้าเก้านัก! พ่อตา ท่านรีบคิดหาวิธี กำจัดหลินกุ้ยเฟย…”ใบหน้าของตู้เหวินยวนมืดมน “องค์ชาย ระวังวาจา! สนมปีศาจเพิ่งได้เลื่
ท้องพระโรงฮ่องเต้หวู่สวมเสื้อคลุมมังกร ประทับสูงสง่าอยู่บนบัลลังก์มังกรขุนนางร้อยคนเคารพนบนอบ สรรเสริญให้พระชนมายุยืนยาว“ขุนนางทั้งหลาย ตามสบายเถิด!”ฮ่องเต้หวู่แย้มยิ้ม ดูเหมือนจะอารมณ์ดี ไม่เศร้าหมองเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วมีเงินอยู่ในมือ ทำให้จิตใจสงบลงได้ฮ่องเต้หวู่ส่งคนไปปิดหอการค้าใหญ่ทั้งแปด ยึดเงินมาได้จำนวนมาก นำใช้ในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยนอกเมือง นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหล่าขุนนางรู้ดีว่า เงินทั้งหมดที่ฮ่องเต้หวู่ใช้ในการตั้งสร้างรกร้างให้ผู้ลี้ภัยใหม่นั้น แท้จริงคือเงินของพวกเขา ทุกคนต่างก็มีหลั่งเลือดอยู่ในใจแต่ภายนอก เหล่าขุนนางแสร้งทำเป็นยินดี กล่าววาจาเทิดทูนและยกย่องความหลักแหลมของฮ่องเต้หวู่พันหมื่นมีให้สวมใส่ เว้นไว้เพียงคำเยินยอ[footnoteRef:1] [1: แปลว่า เสื้อผ้ามีให้สวมมากมาย แต่คำพูดเยินยอไม่อาจเอามาสวมใส่ได้ หรือก็คือ ไม่อาจใส่ใจเกินไปได้] แน่นอนว่า ฮ่องเต้หวู่เองก็รู้ดีว่าเหล่าขุนนางหน้าไหว้หลังหลอก และคำชมที่ไม่ได้มาจากใจจริงนี้ คือกำลังตบตูดม้า[footnoteRef:2]ตนอยู่ [2: ประจบประเจง] แต่เขายังสุขใจอยู่ ดวงตาหรี่ลง ดูเกินงามไปเล็กน
เยว่ซานพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ผิด! กระหม่อมต้องการฟ้องโทษองค์ชายเก้าที่กดขี่หญิงม่ายและเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซู! หวังว่าฝ่าบาทจะสอบสวนคดีนี้อย่างละเอียด ลงโทษผู้กระทำผิด กำจัดความชั่วร้าย ช่วยชาวหลี่จากไฟร้อนเผาใจ!”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงเจ้าเก้าทำตัวไร้สาระจริง แต่เขาจะไปรังแกเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซูได้อย่างไร?แต่หากมีควัน ย่อมไม่ไร้ไฟ[footnoteRef:1] [1: ข่าวลือย่อมมีมูลเหตุ] เยว่ซานในฐานะผู้ตรวจการ คงไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาจากลมหรอกกระมัง?ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่ดำเป็นถ่าน “นายพลทหารของกองทัพตระกูลซู เสียสละชีวิตเพื่อแว่นแคว้น เป็นวีรบุรุษของต้าเซี่ย! แม่ม่ายและเด็กกำพร้าของพวกเขาควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเหมาะสมที่สุด! ผู้ใดกล้ารังแกพวกเขา ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ปล่อยปละ แต่คนทั้งใต้หล้าก็จะไม่รามือ!”“ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง เช่นนั้นต่อให้จะเป็นองค์ชายเก้า ข้าก็จะเอาความให้ถึงที่สุด!”“แต่เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เจ้ามีหลักฐานจริงๆ ใช่หรือไม่?”เยว่ซานหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “แม้ว่ากระหม่อมจะไร้หลักฐานที่เป็นรูปธรรมอยู่ในมือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนในเมืองหลวงรู้!
ผู้ตรวจการเยว่ซานกล่าวหาหลี่หลงหลิน โดยบอกว่าเขากดขี่หญิงม่ายและเด็กกำพร้าของกองทัพตระกูลซูฮ่องเต้หวู่เดิมทีไม่เชื่อลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นไม่ว่าเจ้าเก้าจะเสเพลเพียงใด แต่เขาจะไม่ทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้แน่!ทว่า คำพูดของเยว่ซานพุ่งตรงทะลุเป้า กล้าถึงขนาดขอให้เจ้าเก้าเข้าวังมาฉะกับตนฮ่องเต้หวู่อดแสดงความลังเลไม่ได้ ไม่อาจตัดสินใจได้ในทันทีไม่กลัวหนึ่งหมื่น กลัวเพียงหนึ่งหาก!หากสิ่งที่เยว่ซานพูดเป็นความจริง หลี่หลงหลินรังแกแม่ม่ายและเด็กกำพร้าพวกนั้นจริงๆ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เหลือจะกล่าว เวลาสั้นๆ นี้ ไม่แน่ว่าจะจบเรื่องลงได้!หรือว่า ต้องใช้กฎหมายมาจัดการจริงๆ ต้องส่งเจ้าเก้าเข้าคุก ให้เขาไปอยู่กับเจ้าหกจริงๆ หรือ?ฮ่องเต้หวู่ทนไม่ได้จริงๆอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนเห็นฮ่องเต้หวู่ลังเลก็ก้าวไปข้างหน้า “ฝ่าบาท! เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง ขอพระองค์รับสั่งเรียกองค์ชายเก้าเข้าวัง ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางทุกคนคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกันพูดเสียงดัง “ฝ่าบาท ขอพระองค์รับสั่งเรียกองค์ชายเก้าเข้าวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำขู่!
หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่”เยว่ซานพูดต่อ “เช่นนั้นผ้าฝ้ายของท่าน ใช่หรือไม่ว่าหนึ่งพับขายเพียงแปดสิบอีแปะ ราคาถูกกว่าตลาดถึงยี่สิบอีแปะ”หลี่หลงหลินตอบ “ใช่”เยว่ซานมีสีหน้าลำพองใจ “เช่นนั้นใช่หรือไม่ว่าท่านจ้างแม่ม่ายเด็กกำพร้า ทอผ้าให้ท่าน?”หลี่หลงหลินไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอบว่า “ไม่ผิด!”เสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นภายในราชสำนักในทันทีทันใดเดิมทีขุนนางใหญ่คิดว่าหลี่หลงหลินจะปฏิเสธอย่างดื้อรั้น หาข้ออ้างไม่ยอมรับคิดไม่ถึงเขายอมรับทั้งหมดโดยไม่โต้แย้ง!นี่จะต่างอันใดจากการยอมรับผิดโดยตรง?ใบหน้าเยว่ซานเผยรอยยิ้ม หมุนตัวเอ่ยกับฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายเก้ายอมรับผิดแล้ว กระหม่อมก็ไม่มีอันใดพูดอีก! ฝ่าบาทโปรดพระราชทานพระราชโองการ ลงโทษองค์ชายเก้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรลูกชายไม่ได้เรื่องคล้ายเกลียดเหล็กที่ไม่เป็นเหล็กกล้าอย่างขึ้งโกรธ “เจ้าเก้า! เจ้าถึงขั้นทำเรื่องชั่วเพียงนี้! เราผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก!”หลี่หลงหลินงุนงง “เสด็จพ่อ ลูกทำผิดตั้งแต่ยามใด? ลูกเพียงพูดว่าลูกว่าจ้างแม่ม่ายเด็กกำพร้าทำงาน มิเคยพูดว่ารังแกพวกนางมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้หวู่ตรัสอย่างพิ
ได้ยินว่าฮ่องเต้หวู่ต้องการเสด็จออกจากวัง ตรวจสอบคดีนี้ด้วยพระองค์เอง ทั่วทั้งราชสำนักล้วนวุ่นวายเละเป็นโจ๊กหนึ่งหม้อที่มีท่าทีตอบสนองรุนแรงที่สุด ย่อมเป็นหัวหน้ากลุ่มขุนนางฝ่ายบุ๋นตู้เหวินหยวนแล้วพวกเขาแต่ละคนล้วนคุกเข่าบนพื้น ร้องไห้โอดครวญ คล้ายฟ้าถล่มก็มิปานสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่เผือดซีด พระวรกายสั่นเทาพวกขุนนางฝ่ายบุ๋นเหล่านี้ ปากบอกว่าทำเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของเราแต่แท้จริงแล้วกำลังควบคุมเรา!เราคือโอรสสวรรค์ หรือว่าแม้แต่อิสระก็ไม่มีกระนั้น?เราและนักโทษในคุกหลวง แตกต่างกันที่ใด?ไม่!นักโทษอิสระเสียยิ่งกว่าเรา!อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อบ้านเมือง อ่านฎีกา ติดอยู่กับหนังสือราชการเหมือนเรา... ฮ่องเต้หวู่รู้สึกเศร้าหมองภายในใจ สายตาหันมองทางเว่ยซวิน หวังให้เขาลุกออกมา ช่วยตนเองพูดสักสองประโยคเว่ยซวินจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ กลับก้มหน้าไม่พูดจาอย่างไรเสียเขาก็เป็นขันที อำนาจมากมายอย่างไร ก็ไม่สะดวกข้องเกี่ยวกับราชสำนักยิ่งไปกว่านั้น ทั้งบุ๋นบู๊กำลังตื่นตระหนก เว่ยซวินไม่โง่งมถึงขั้นเป็นคนเสนอหน้าออกมา!“เฮ้อ...”ฮ่องเต้หวู่พรูลมหายใจยาวเหยียดออก
ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ตลาดทิศทักษิณหรือ...”พูดตามสัตย์จริง ฮ่องเต้หวู่ไม่เคยไปตลาดทิศทักษิณมาก่อนก่อนนี้เขาออกจากวัง ก็เดินทางไปยังสถานที่ที่ขุนนางชั้นสูงเข้าออกทั้งสิ้นกระนั้นฮ่องเต้หวู่เคยได้ยินมาว่า ตลาดทิศทักษิณเป็นสถานที่ที่ราษฎร์ไปบ่อยๆ สกปรกวุ่นวาย ภายในอากาศล้วนมีกลิ่นเหม็น...เทียบกับตลาดทิศประจิมแล้ว ตลาดทิศทักษิณซบเซากว่ามากยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ เผ่าหมานใกล้จะตีเมืองหลวง เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย คนไม่น้อยหลีกเลี่ยงลงใต้ ขายร้านในตลาดทิศทักษิณในราคาถูกเมื่อเป็นเช่นนี้ ตลาดทิศทักษิณก็ซบเซามากยิ่งขึ้น...หลังผ่านไปครู่หนึ่งรถม้าของฮ่องเต้หวู่มาหยุดหน้าตลาดทิศทักษิณแล้วตู้เหวินหยวน เยว่ซานและพวกฝ่ายปกครอง ล้วนถอดชุดของราชสำนัก เปลี่ยนสวมชุดธรรมดา รออยู่ที่นี่นานมากแล้วฮ่องเต้หวู่ลงจากรถม้า พวกเขาก็รีบเข้าไปห้อมล้อมตู้เหวินหยวนพูดอย่างสะท้อนใจ “ต้องให้ฝ่าบาทเสด็จมาสถานที่สกปรกซอมซ่อเช่นนี้ ไม่สมควรเลยจริงๆ! ก่อนนี้กระหม่อมเคยผ่านที่นี่ น้ำสกปรกเจิ่งนอง เต็มไปด้วยดินโคลน กลิ่นเหม็นนั้น ทำให้กระหม่อมกินข้าวไม่ลงถึงสามวัน!”เยว่ซานร้องรับ “ใช่แล้ว! ตลาดทิศทักษิณสถา
ฮองไทเฮาสกุลหลู่เป็นคนมัธยัสถ์ ใช้จักรเย็บผ้าทอผ้าในวังหลังบ่อยๆ เพราะเหตุนี้ฮ่องเต้หวู่จึงไม่รู้สึกแปลกใหม่เทียบกันแล้ว ผ้าฝ้ายที่สกุลซูขาย ไม่เพียงหนา แต่ยังถี่ แม้เรียบรื่นไม่เท่าผ้าแพรต่วน แต่ก็เป็นของชั้นดีนี่มิใช่ผ้าไม่ดีอย่างที่ตู้เหวินหยวนพูด!ฮ่องเต้หวู่ถามหญิงชรา “ผ้าฝ้ายหนึ่งพับนี้ ขายเพียงแปดสิบอีแปะจริงหรือ?”หญิงชราตอบยิ้มๆ “หลายวันก่อนก็ขายแปดสิบอีแปะจริง ระยะสองสามวันนี้ลดราคาลง เหลือเพียงเจ็ดสิบอีแปะ! ผ้าหยาบที่สุดของแปดหอการค้าใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งร้อยอีแปะ!”“ผ้าฝ้ายสกุลซูนี้คุณภาพดี ราคายังถูกอีกด้วย”“องค์ชายเก้าก็คือผู้มีเมตตาอย่างแท้จริง!”ได้ยินหญิงคนนั้นชื่นชม สีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงไม่ยินดี แต่ยังเคร่งขรึมขึ้นอีกด้วยดูแล้วคำพูดของเยว่ซาน ทุกประโยคล้วนเป็นจริงเจ้าเก้าเพื่อยึดครองตลาด แย่งชิงกับแปดหอการค้าใหญ่ กดราคาผ้าฝ้ายลงต่ำ ชนิดที่ว่ายอมขายขาดทุนขนแกะออกจากตัวแกะไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่เสียอันใดเว้นเสียแต่เอาเปรียบแรงงานหญิง ฮ่องเต้หวู่ก็คิดวิธีอื่นที่สามารถลดต้นทุนอย่างน่ากลัวเพียงนี้ไม่ออกเว่ยซวินเห็นสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่พอ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค