ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ตลาดทิศทักษิณหรือ...”พูดตามสัตย์จริง ฮ่องเต้หวู่ไม่เคยไปตลาดทิศทักษิณมาก่อนก่อนนี้เขาออกจากวัง ก็เดินทางไปยังสถานที่ที่ขุนนางชั้นสูงเข้าออกทั้งสิ้นกระนั้นฮ่องเต้หวู่เคยได้ยินมาว่า ตลาดทิศทักษิณเป็นสถานที่ที่ราษฎร์ไปบ่อยๆ สกปรกวุ่นวาย ภายในอากาศล้วนมีกลิ่นเหม็น...เทียบกับตลาดทิศประจิมแล้ว ตลาดทิศทักษิณซบเซากว่ามากยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ เผ่าหมานใกล้จะตีเมืองหลวง เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย คนไม่น้อยหลีกเลี่ยงลงใต้ ขายร้านในตลาดทิศทักษิณในราคาถูกเมื่อเป็นเช่นนี้ ตลาดทิศทักษิณก็ซบเซามากยิ่งขึ้น...หลังผ่านไปครู่หนึ่งรถม้าของฮ่องเต้หวู่มาหยุดหน้าตลาดทิศทักษิณแล้วตู้เหวินหยวน เยว่ซานและพวกฝ่ายปกครอง ล้วนถอดชุดของราชสำนัก เปลี่ยนสวมชุดธรรมดา รออยู่ที่นี่นานมากแล้วฮ่องเต้หวู่ลงจากรถม้า พวกเขาก็รีบเข้าไปห้อมล้อมตู้เหวินหยวนพูดอย่างสะท้อนใจ “ต้องให้ฝ่าบาทเสด็จมาสถานที่สกปรกซอมซ่อเช่นนี้ ไม่สมควรเลยจริงๆ! ก่อนนี้กระหม่อมเคยผ่านที่นี่ น้ำสกปรกเจิ่งนอง เต็มไปด้วยดินโคลน กลิ่นเหม็นนั้น ทำให้กระหม่อมกินข้าวไม่ลงถึงสามวัน!”เยว่ซานร้องรับ “ใช่แล้ว! ตลาดทิศทักษิณสถา
ฮองไทเฮาสกุลหลู่เป็นคนมัธยัสถ์ ใช้จักรเย็บผ้าทอผ้าในวังหลังบ่อยๆ เพราะเหตุนี้ฮ่องเต้หวู่จึงไม่รู้สึกแปลกใหม่เทียบกันแล้ว ผ้าฝ้ายที่สกุลซูขาย ไม่เพียงหนา แต่ยังถี่ แม้เรียบรื่นไม่เท่าผ้าแพรต่วน แต่ก็เป็นของชั้นดีนี่มิใช่ผ้าไม่ดีอย่างที่ตู้เหวินหยวนพูด!ฮ่องเต้หวู่ถามหญิงชรา “ผ้าฝ้ายหนึ่งพับนี้ ขายเพียงแปดสิบอีแปะจริงหรือ?”หญิงชราตอบยิ้มๆ “หลายวันก่อนก็ขายแปดสิบอีแปะจริง ระยะสองสามวันนี้ลดราคาลง เหลือเพียงเจ็ดสิบอีแปะ! ผ้าหยาบที่สุดของแปดหอการค้าใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งร้อยอีแปะ!”“ผ้าฝ้ายสกุลซูนี้คุณภาพดี ราคายังถูกอีกด้วย”“องค์ชายเก้าก็คือผู้มีเมตตาอย่างแท้จริง!”ได้ยินหญิงคนนั้นชื่นชม สีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงไม่ยินดี แต่ยังเคร่งขรึมขึ้นอีกด้วยดูแล้วคำพูดของเยว่ซาน ทุกประโยคล้วนเป็นจริงเจ้าเก้าเพื่อยึดครองตลาด แย่งชิงกับแปดหอการค้าใหญ่ กดราคาผ้าฝ้ายลงต่ำ ชนิดที่ว่ายอมขายขาดทุนขนแกะออกจากตัวแกะไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่เสียอันใดเว้นเสียแต่เอาเปรียบแรงงานหญิง ฮ่องเต้หวู่ก็คิดวิธีอื่นที่สามารถลดต้นทุนอย่างน่ากลัวเพียงนี้ไม่ออกเว่ยซวินเห็นสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ไม่พอ
ตู้เหวินหยวนทางด้านข้าง เหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผากเขาเองก็ไม่คาดคิด ฝ่าบาทมาสืบคดีขององค์ชายเก้า เหตุใดจับพลัดจับผลูมาข้องเกี่ยวกับเรื่องเงินชดเชยได้หากฝ่าบาทรู้ ตนเองเป็นผู้ยักยอกเงินชดเชยทั้งหมด ไม่แจกจ่ายไปแม้อีแปะเดียว เช่นนั้นก็แย่แล้วดังนั้น ตู้เหวินหยวนรีบเบี่ยงประเด็น “เฝิงเฉวียจื่อคนนี้จิตใจคับแคบ เพียงมองดูก็รู้ว่ามิใช่คนดี! ทุกคำของเขาพูดว่าราชสำนักมิได้แจกจ่ายเงินชดเชย ถ้าอย่างนั้นหลายปีมานี้ เขาใช้ชีวิตเยี่ยงไร?”“ยังมีร้านแผงลอยนี้ หากเขาไม่มีเงิน ไฉนเลยจะสามารถเช่าได้?”เฝิงเฉวียจื่อได้ยิน ร้อนใจขึ้นมาในทันใด เกร็งคอร้องตะโกน “หากมิใช่องค์ชายเก้ามีเมตตา ปล่อยร้านให้เช่าโดยไม่คิดเงิน ข้าเฝิงเฉวียจื่อคงกินได้เพียงลมตะวันตกเฉียงเหนือไม่มีอะไรกินแล้ว!”“ท่านถามข้าหลายปีมานี้ใช้ชีวิตเยี่ยงไร?”“ขอทานข้างถนนอย่างไรเล่า อยากกินข้าว...ไม่รู้ต้องถูกมองด้วยสายตาเย็นชามากน้อยเพียงใด! ราชสำนักเคยใยดีพวกเราด้วยหรือ...”เฝิงเฉวียจื่อยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่าน ปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างสุดระงับตู้เหวินหยวนเห็นท่าไม่ดี พาฮ่องเต้หวู่มาที่อีกฝั่ง “ฝ่าบาท คำพูดของคนผู้นี้ มิ
“เว่ยซวิน!”ฮ่องเต้หวู่ตะเบ็งเสียงเฉียบ “เจ้าเก้าเล่า? ให้เขาไสหัวมาบัดเดี๋ยวนี้!”เว่ยซวินรีบค้อมตัวตอบ “บ่าวจะไปพาองค์ชายเก้ามาเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ...”ตอนนี้เอง หนึ่งผู้เฒ่าหนึ่งหญิงสาวสองคนได้ยินเสียงภายในเรือน เงยหน้าอย่างแปลกใจมาก มองเห็นชายแปลกหน้ารัศมีไม่ธรรมดาท่านหนึ่ง ทันใดนั้นตกใจสะดุ้งโหยง “ท่านเป็นใคร?”ฮ่องเต้หวู่ไม่ตอบ แต่ถามกลับ “พวกเจ้าใช่แม่ม่ายของกองทัพสกุลซูหรือไม่?”หญิงสาวออกเรือนแล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่เดินไปหยุดหน้าจักรทอผ้า ลูบผ้าฝ้ายเนื้อหนาละเอียดผืนนั้น “พวกเจ้าทำงานที่ร้านขายผ้าสกุลซู?”หญิงสาวออกเรือนแล้วเอ่ยตอบ “ใช่แล้ว? มีปัญหาอันใดหรือเจ้าคะ?”เยว่ซานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “แม่ม่ายของสกุลซู กลับอยู่ในสถานที่พรรค์นี้ ช่างชวนให้หัวใจคนสั่นสะท้านจริงๆ! ดูๆ เรือนหลังนี้ สภาพย่ำแย่เพียงใด...”หญิงสาวออกเรือนแล้วชะงักงัน พูดอย่างไม่เข้าใจ “ย่ำแย่? บ้ารกก็รกอยู่บ้าง แต่ไม่นับว่าย่ำแย่กระมัง?”เยว่ซานร้อนใจอยู่บ้าง “มิใช่เรือนล้อมกำแพงสี่ทิศ อะไรก็ไม่มีหรือ?”หญิงสาวออกเรือนแล้วยิ้มขมปร่าพลางพูด “ครอบครัวยากจน จะมีเรือนที่ดีอันใด มีข้
“มีเงินเหล่านี้ พวกเราไม่เพียงมีชีวิตดียิ่งขึ้น ส่งลูกเข้าเรียนในสำนักศึกษา ท่านแม่ข้าร่างกายไม่แข็งแรง เงินที่เหลือก็นำมาซื้อยารักษาให้นาง!”“บัดนี้ นางกินยาแล้ว ร่างกายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”“องค์ชายเก้าคือผู้มีบุญคุณดุจบิดามารดา ไฉนเลยจะข่มเหง?”ผู้เฒ่าเองก็เปิดปากพูด “ใช่แล้ว! ชีวิตของข้านี้ ล้วนเป็นองค์ชายเก้ามอบให้! หากมิใช่เขา...ครอบครัวพวกเราทั้งเด็กและผู้ชรา ก็คงตายไปตั้งแต่แรกแล้ว...”พวกนางย้อนคิดถึงความเจ็บปวดในอดีตเหล่านั้น ขอบตาแดงก่ำ สะอื้นออกมาแล้วปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับราษฎร์ยากจน!ฮ่องเต้หวู่ปวดแสบจมูก ขอบตาแดงเรื่อต้าเซี่ยยึดหลักความกตัญญูปกครองใต้หล้าฮ่องเต้หวู่มองผ่านตัวผู้เฒ่า คิดถึงมารดาของตนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ฮองไทเฮาสกุลหลู่ ก็คือคนมัธยัสถ์ ทอผ้าอยู่ในวังบ่อยๆตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ภายนอกประตูเว่ยซวินรีบเดินเข้ามาหยุดหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท องค์ชายเก้ามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ที่หน้าประตูหลี่หลงหลินพาญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดของสกุลซู เร่งเดินทางมาถึงแล้วซูเฟิ่งหลิง ลั่วอวี้จู๋ หลิ่วหรูเยียน กงซูหว่าน ชนิดที่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูก็
เยว่ซานคลานอยู่บนพื้น เสียงสั่นเครือ “ฝ่าบาท กระ..กระหม่อมถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ...”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรทางเยว่ซาน แย้มพระโอษฐ์อย่างเยียบเย็น “ปรักปรำ? เราได้รู้ความจริงจากปากหญิงออกเรือนแล้วคู่นี้แล้ว เจ้ายังขวัญกล้าแก้ตัว?”เยว่ซานเห็นท่าไม่ดี พูดอย่างหวาดหวั่น “ฝ่าบาท หญิงออกเรือนแล้วคู่นี้ รวมถึงเฝิงเฉวียจื่อคนนั้น เห็นได้ชัดว่าถูกองค์ชายเก้าซื้อไว้แล้ว...คำพูดของพวกนาง เชื่อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่มีโทสะมากขึ้นถึงสามจั้ง ตรัสอย่างพิโรธ “น่ากลัวว่าก็ถูกพวกเจ้าปรักปรำกระมัง ถึงตั้งใจหลีกเลี่ยงเช่นนี้! คิดไม่ถึง เขาทำได้ถึงขั้นนี้ เจ้ายังใส่ร้ายป้ายสีสาดน้ำสกปรกใส่เขา!”“ดีๆ! เจ้าพูดว่าเจ้าเก้าซื้อหญิงออกเรือนแล้ว รวมถึงเฝิงเฉวียจื่อคนนั้น!”“เช่นนั้นเราขอถามคนอื่น!”ฮ่องเต้หวู่กวาดสายพระเนตรผ่านราษฎร์ทั้งหมด เปล่งพระสุรเสียงดังกังวาน “ในหมู่พวกเจ้า มีทหารพิการแม่ม่ายเด็กกำพร้าของสกุลซูมากน้อยเพียงใด ทั้งหมดล้วนยืนขึ้นให้เรา!”ทันใดนั้นคนนับหลายร้อยคนก็ลุกขึ้นยืน ดำทะมึนเป็นหนึ่งปื้นใหญ่ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเอง...”พระสุรเสียงของฮ่องเต้หวู่ดังกังวานดุจระฆัง ตรัสว่า “เราถามพวก
เหล่าราษฎรโมโหไม่พอใจ ต่างพากันตะโกน “คุณหนูใหญ่ซูพูดมีเหตุผล!”“ทำความดีเป็นกบฏ? ถุย! ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!”“พวกเจ้าขุนนางเหล่านี้วางท่าวางอำนาจ ไม่สนใจความเป็นตายของราษฎร! องค์ชายเก้าทำเรื่องดีมีคุณธรรม ครั้นอยู่ในปากเจ้า กลับกลายเป็นทำผิดเสียอย่างนั้น?”ตู้เหวินหยวนพูดเสียงเรียบ “คนธรรมดาทำเรื่องดี ย่อมคือทำความดี! ทว่า องค์ชายเก้ามิใช่คนธรรมดา แต่เป็นองค์ชาย! กอปรกับบัดนี้เขามีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ! เขาทำเรื่องดี ต้องเป็นเพราะต้องการซื้อใจคน วางแผนก่อกบฏเป็นแน่!”“ใต้เท้าทุกท่าน พวกท่านคิดเห็นเช่นไร?”ขุนนางทั้งหมดต่างพากันลุกขึ้นยืนพูดออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ท่านตู้พูดถูกแล้ว!”“ฝ่าบาท หรือพระองค์ลืมไปแล้ว ก่อนองค์ชายหกก่อกบฏ ก็แจกจ่ายเงินอย่างกว้างขวาง ซื้อใจคน บอกต่อความดีผ่านปากของราษฎร!”“ต้าเซี่ยตกอยู่ในสถานการณ์ความเป็นตายล้วนมีค่าเท่ากัน จะปล่อยให้ความวุ่นวายขององค์ชายหก เกิดขึ้นอีกครั้งไม่ได้!”ทันใดนั้นเหล่าขุนนางต่างพากันเห็นด้วย สนับสนุนคำพูดของตู้เหวินหยวน คิดว่าองค์ชายเก้าก่อกบฏ ขอร้องให้ลงโทษสีพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ เย็นชาจนน่ากลัวเว่ยซวินยืนที่ฝั่งห
เดิมทีเป็นคดีผู้ตรวจการเยว่ซานปรักปรำหลี่หลงหลินคิดไม่ถึง กลับทำให้ฝ่าบาทตกพระทัยเสด็จออกจากวัง ยังไม่ต้องพูดว่าสืบคดีด้วยพระองค์เอง ยังเกี่ยวโยงถึงสกุลซูซื้อใจคน วางแผนก่อกบฏอีกด้วยที่ชวนให้คนตกตะลึงที่สุดคือ สกุลซูถึงขั้นยอมรับผิดแล้ว!ภาพตรงหน้าเปลี่ยนแปลงรวดเร็วยิ่งนัก ทำให้คนมีตาไม่พอให้มอง ตกตะลึงอ้าปากค้างหลี่หลงหลินขมวดคิ้วสกุลซูสามารถมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าซูย่อมไม่ขาดความดีความชอบ!แม้อายุมากแล้ว แต่กลับคิดคำนวณเรื่องในราชสำนักได้อย่างยอดเยี่ยมเวลาเพียงชั่วครู่ ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็สามารถตัดสินชี้ขาด กันตนเองออกไป ให้สกุลซูรับผิดแทนบัดนี้สกุลซู คล้ายเรือหนึ่งลำกำลังฝ่าพายุบนมหาสมุทรที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว ก็คือหลี่หลงหลิน!หากหลี่หลงหลินล้มลง สกุลซูต้องล่มสลายเป็นแน่!ขอเพียงหลี่หลงหลินไม่ล้ม สกุลซูก็ยังมีหนทางช่วยเหลือ!เพราะเหตุนี้ จึงยอมเสียสละโดยไม่นึกเสียดาย ปกป้องหลี่หลงหลินไว้แล้วสิ่งนี้สำหรับสกุลซู คือผลลัพธ์ดีที่สุด!ยิ่งไปกว่านั้น บุรุษของสกุลซู ล้วนตายเพราะสงครามทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวอ้างว้างโดดเดี่ยวฝ่าบาทโง่งมเพียงใด ก็ไม่โอหัง
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค