หลี่หลงหลินมองไปที่ฮ่องเต้หวู่ แล้วพูดต่อว่า “ความคิดของลูกไม่เพียงแต่สร้างทางรวยเท่านั้น! แต่ยังสามารถทำให้ทหารรักษาพระองค์ชนะอีกด้วย!”ฮ่องเต้หวู่ตะลึงงันในทันที มองหลี่หลงหลินด้วยความไม่เข้าใจ “ทั้งรวยแล้วก็ยังสามารถทำให้แนวหน้าได้รับชัยชนะอีกอย่างนั้นหรือ? สองเรื่องนี้มันคนละเรื่องเลยนะ! เจ้าพูดมา ว่ากิจการอะไรกันแน่”หลี่หลงหลินเอ่ยว่า “จางไป่เจิงคือแม่ทัพที่มีชื่อเสียง ทหารรักษาพระองค์ของเสด็จพ่อ เป็นทหารชั้นยอดในชั้นยอด มีจำนวนหนึ่งแสนนาย! แต่ว่าเหตุใดจางไป่เจิงถึงได้หลีกเลี่ยงไม่ยอมออกรบตลอด ได้แต่หดหัวอยู่ในกระดอง ให้เผ่าหมานเพียงไม่กี่หมื่นคนโจมตีเมือง สังหารและปล้นสะดมอย่างกำเริบ?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “แม้ว่าข้าจะอยู่บนหลังม้าออกศึกมาตลอดชีวิต เคยเข้าร่วมสงครามมานับไม่ถ้วน แต่ว่าในสนามรบนั้นมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ข้าไม่ได้อยู่ในแนวหน้าก็บอกไม่ได้! แต่ว่าจางไป่เจิงจำเป็นน่าจะมีเหตุผลของเขา!”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุผลนั้นง่ายมาก! เพราะว่าแม่ทัพจาง แผนการในการเอาชนะยังมีไม่พอ...”ฮ่องเต้หวู่มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “เป็นไปไม่ได้! ทหารรักษาพระองค์ของข้า เผ่าหมาน
คำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจ!นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก!จางไป่เจิงถ่วงเวลาไม่ยอมออกรบ ต่อสู้กับพวกเผ่าหมานจนสุดชีวิตประชาชนและกองทัพ เกิดเสียงก่นด่าขึ้นมาเรื่อยๆ มีหลายคนที่ทิ่มแทงเข้ากระดูกสันหลังของจางไป่เจิง บอกว่าเขากลัวสงคราม บอกว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด!เสียงของชาวบ้าน จางไป่เจิงไม่สนใจเสียงของกองทัพ จางไป่เจิงสามารถยับยั้งไว้ได้แต่ในราชสำนักล่ะ?ฎีกาฟ้องร้องจางไป่เจิงก็เหมือนกับเกล็ดหิมะที่ทยอยกันมาอย่างไม่ขาดสายตอนนี้สามารถระงับฎีกาไม่ส่งออกไปได้ชั่วคราวแต่การทำเช่นนี้จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?สิบวัน?ครึ่งเดือน?หรือหนึ่งเดือน?สักวันหนึ่ง ประชาชนก็ต้องลุกฮืออย่างโกรธเกรี้ยว ข้าก็คงไม่อาจระงับมันไว้ได้ ทำได้เพียงเชื่อฟังเจตนารมณ์ของเหล่าขุนนาง ออกพระราชกฤษฎีกาให้จางไป่เจิงออกไปทำสงคราม ไม่อย่างนั้นก็ต้องเรียกเขากลับมารายงานที่เมืองหลวง!การเปลี่ยนแม่ทัพ เป็นสิ่งต้องห้ามในการทหารทหารขาดเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย พวกเขาต้องรีบไปรับมือกับสงคราม สภาพอากาศก็ไม่เอื้ออำนวย!ถ้าเจอลมหิมะ เช่นนั้นจุดจบที่รอกองทัพรักษาพระองค์ทั้งแสนนายคือสิ่งใด?แน่นอนว่าต้อง
ยังอยากบริจาคเสื้อผ้าฝ้ายอีกหนึ่งแสนตัวหรือ?นั่นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านกำลังคนและวัสดุเท่าใดกัน? และจะต้องจ่ายเงินออกไปเป็นจำนวนเท่าใด?อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหลายแสนตำลึง!“ยามชาติมีภัยควรมีใจภักดี!”“เจ้าเก้า เจ้าช่างซื่อสัตย์จริงๆ!”ฮ่องเต้หวู่ตื่นเต้นอย่างยิ่ง จับสองมือของหลี่หลงหลินแน่น กล่าวทั้งน้ำตา “แต่เจ้ามีเงินมากขนาดนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินดูลำบากใจ “เรื่องเงินน่ากังวลจริง! แต่เพื่อต้าเซี่ย เพื่อเสด็จพ่อ ข้ายินดีจะรัดเข็มขัดตัวเอง[footnoteRef:1] ประหยัดเงินค่าอาหารอาภรณ์ ไม่ยอมให้เงินเล็ดลอดแม้แต่ระหว่างซี่ฟัน! ไม่ว่าจะยากเพียงใด ข้าก็มิใช่จะลำบาเท่าแนวหน้าขอรับ” [1: การทำให้ตัวเองลำบาก] ฮ่องเต้หวู่หลั่งน้ำตา เสียงสั่นระริก “เจ้าเก้า หากวันหนึ่งพวกเราเอาชนะพวกหม่านอี๋ทางเหนือได้ เจ้าย่อมมีความดีความชอบ! เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าต้องการสิ่งใด ข้าก็จะพระราชทานสิ่งนั้นให้!”“ต่อให้เจ้าจะต้องการเป็นรัชทายาท ข้าก็จะไม่ลังเลยกให้!”เวลานี้ ฮ่องเต้หวู่แสนจะสะเทือนใจ!ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า หลี่หลงหลินอาจไม่ใช่คนที่มีความสามารถมากที่สุดทว่า เขาเป็นคนที่จงรักภักดีและกตัญญูที
หลี่หลงหลินนำเข็มขัดและกระบี่ล้ำค่าเล่มนั้นออกจากพระราชวังต้องห้าม กลับไปยังตระกูลซูยามนี้ดึกสงัดแล้ว โคมไฟเริ่มจุดเรียงรายสมาชิกหญิงทุกคนในตระกูลซูรวมตัวกันที่ห้องโถง รอคอยอย่างใจจดใจจ่อซูเฟิ่งหลิงเป็นเหมือนมดบนหม้อตั้งไฟ เดินไปมาราวหนูติดจั่น พึมพำเบาๆ “เหตุใดถึงยังไม่กลับมาอีก? เจ้าเก้าหน้าเหม็นนี่ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วกระมัง?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูปลอบใจนาง “องค์ชายเก้ามีโชคชะตาเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เขาเข้าวังไปพร้อมกับองค์ฮ่องเต้ ไม่ใช่ว่าไปสนามรบเสียหน่อย จะเกิดอะไรขึ้นได้?”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่ในความคิดของข้า เข้าวังที่ว่านั้นอันตรายยิ่งกว่าสนามรบเสียอีก!”เมื่อญาติผู้หญิงทุกคนได้ยินคำนี้ ก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยติดตามกษัตริย์ดุจติดตามพยัคฆ์สถานที่ที่อันตรายที่สุดหาใช่สนามรบแต่เป็นวังหลวง เป็นราชสำนัก!กองทัพตระกูลซูก็เป็นตัวอย่างให้เห็น พวกเขาองอาจเทียมฟ้ายามลงสมรภูมิ แต่ทว่าเพราะคำวิจารณ์สาดเสียเทเสียของเหล่าขุนนาง รวมถึงการแก่งแย่งอำนาจของผู้สูงศักดิ์ กองทัพทั้งกองจึงแตกพ่ายอย่างไร้เหตุผลที่ชัดเจน...นี่แสดงให้เห็นว่า เหล่าขุนน้ำขุนนางที่มี
หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “เรียกข้าว่าพี่ชายคนดีสักคำสิ!”ซูเฟิ่งหลิงคิ้วกระตุก หมัดสีชมพูกำแน่น “เจ้าหาเรื่องตาย!”หลี่หลงหลินยกมุมปาก “อ้อ? อยู่ต่อหน้าทุกคนเลยอายเช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าก็ติดหนี้ข้าเอาไว้ก่อน! ไม่อยู่กันตามลำพังเมื่อใดเจ้าค่อยใช้คืน!”ก่อนที่ซูเฟิ่งหลิงจะเสียใจ หลี่หลงหลินก็ยื่นดาบซ่างฟางไปให้ซูเฟิ่งหลิงอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงของอาวุธวิเศษได้ หลังจากได้รับดาบซ่างฟางมา นางก็แทบรอไม่ไหว ชักมันออกมาจากฝักทันที!เวิ้ง...มังกรคำรามลั่น ขดตัวพัวพันรอบลำแสง!ทั่วทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยแสงกระบี่และเจตนาฆ่า!ซูเฟิ่งหลิงถือกระบี่ไว้ในมือข้างหนึ่ง เริ่มเหวี่ยงกระบี่อย่างตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะเชยชม “กระบี่ดี กระบี่ดี! นี่ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา นามว่าอะไรหรือ?”หลี่หลงหลินพูดอย่างใจเย็น “นี่คือกระบี่ของเสด็จพ่อ วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย!”สูด...ทันใดนั้น ทุกคนก็สูดอากาศเย็นเข้าปอดหลี่หลงหลินตกใจ ละล้ำละลักพูดว่า “วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย? กระบี่เทพปักษ์แคว้น วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย? ฮ่องเต้ถึงขั้นมอบกระบี่เทพปักษ์แคว้นให้ท่านจริงๆ หรือ? เหตุ
ฮูหยินผู้เฒ่าซูขมวดคิ้ว “หากฮ่องเต้กล่าวโทษลงมาเล่าจะทำอย่างไร? นางหนู คืนดาบซ่างฟางให้องค์ชายเก้าเสีย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรรับมา! ระวังจะจุดไฟเผาตัวเอง นำหายนะมาสู่ตระกูลซู!”ซูเฟิ่งหลิงมอบวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยให้หลี่หลงหลินอย่างไม่เต็มใจนัก กลับไปให้หลี่ “เอาไป! กระบี่ร้ายๆ ของเจ้า ข้าไม่สนใจหรอก!”หลี่หลงหลินไม่รับกระบี่ พูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านกังวลเกินไปแล้วขอรับ! หากกลัวว่าฮ่องเต้จะตำหนิลงมา ก็เพียงแค่บอกว่าซูเฟิ่งหลิงเป็นองครักษ์ส่วนตัวของข้า ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเลิกคิ้ว “องครักษ์ส่วนตัว นี่ก็นับเป็นวิธีได้! ยิ่งไปกว่านั้น ตู้เหวินยวนและพรรคพวกย่อมไม่ยอมแพ้ ต้องคอยคิดจะใช้วิธีที่ร้ายกาจจัดการท่านแน่นอน! การที่พวกเขาจะส่งนักฆ่ามาลอบสังหาร ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”“แทนที่จะกังวลเรื่ององค์ชายเก้าอยู่ทั้งวัน”“ไม่สู้ให้นางหนูซูเฟิ่งหลิงคอยคุ้มครองความปลอดภัยของท่านจะดีกว่า!”“นี่เป็นวิธีขว้างหินหนึ่งก้อนฆ่านกสองตัวจริงๆ!”“กลัวแต่ก็แค่นางหนูซูเฟิ่งหลินจะรั้น ไม่ยอมเห็นด้วย...”หลี่หลงหลินมองไปที่ใบหน้างามของซูเฟิ่งหลิง และพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้
ใช้สำนวนของคนรุ่นหลังมาบรรยาย คือเป็นนักปราชญ์หญิงทั่วไปพี่สะใภ้สาม ซุนชิงไต้ ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ไม่ได้พักอยู่ที่บ้าน หลี่หลงหลินยังไม่เคยพบนาง ไม่ขอแสดงความคิดเห็นแต่นางมีจิตเมตตากรุณา ใจกว้างอย่างมหรณพ ได้รับสมญานามว่า พระโพธิสัตว์แด่สรรพชีวิต ทั้งยังเป็นสตรีรูปงามอย่างยิ่งพี่สะใภ้สี่ หลิ่วหรูเยียน เคยเป็นนางคณิกาแห่งสำนักการสังคีต เชี่ยวชาญการดนตรี หมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพ อีกทั้งยังเก่งกาจในการยั่วยวน เป็นสตรีร้ายกาจที่นำภัยมาสู่แคว้น!แต่ว่า นอกจากซูเฟิ่งหลิงแล้วคนที่หลี่หลงหลินติดต่อด้วยมากที่สุด คือลั่วอวี้จู๋ พี่สะใภ้ใหญ่นางเป็นคนอ่อนโยนมากคุณธรรม เป็นภรรยาและมารดาที่ดีตามตำรับตำราโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนกายของนางมีเสน่ห์ของผู้ที่เจริญพันธ์ดีแล้วเปล่งออกมาเป็นพิเศษ ทำให้น่าเข้าใจหาไม่อาจห้ามใจ!หลี่หลงหลินได้ยินเสียงเคาะบอกโมงยามสามเกิงดังมาจากด้านนอกโดยไม่ทันตั้งตัว“ไม่ดี!”“จะสายแล้ว!”หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องราวับเป็นขโมย เก็บมือเก็บเท้าอย่างดี แล้วย่องไปที่สวนดอกไม้บังเอิญพอดีที่วันนี้ขึ้นสิบห้าค่ำ ดวงจันทร์กลมโตราวจานกลมแสงจันทร์ที่ส่องสว่างตกลงบน
มีเงินก็สามารถสร้างความแตกต่างได้!กุญแจสำคัญในการทำลายสถานการณ์ สุดท้ายก็คือคำว่าเงิน!ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว “ท่านอยากสร้างกองทัพตระกูลซูขึ้นมาใหม่ ใช้อำนาจทหารเข้าห้ำหั่นกับกลุ่มขุนนาง ข้าเห็นด้วย! แต่ว่า กิจการของหมู่บ้านผ้าตระกูลซูรุ่งเรืองเพียงภายนอก ความจริงเรามีแต่ขาดทุน!”“ไม่ต้องพูดถึงการกำไร ทุกวันนี้ยังเสียเงินอยู่ไม่หยุด!”หลี่หลงหลินยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ท่านพูดถูก! ร้านผ้าเป็นกิจการของประชาชน ยามนี้ในมือของพวกเขาไหนเลยจะมีเงินให้หยิบมาใช้? โดยเฉพาะผู้ลี้ภัยนอกเมืองที่ข้าวกินไม่อิ่มท้อง เสื้อผ้าห่มไม่คลุมกาย ยากจนข้นแค้นเหลือจะกล่าว การจะหากำไรจากพวกเขา ยากราวตะกายฟ้า!”“ถ้าอยากได้เงิน ก็ยังต้องหาเงินจากคนรวย...”ดวงตาคู่งามของลั่วอวี้จู๋เป็นประกาย “หาเงินจากคนรวยหรือ? ท่านกำลังพูดถึงการขายร้านหรือเจ้าคะ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า เหลือบมองไปที่ลั่วอวี้จู๋ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านฉลาดจริงๆ! ไม่ผิด ข้าเปิดกิจการร้านขายผ้าไม่ใช่เพื่อหาเงิน แต่เพื่อลอกเลียนแบบร้านค้าในตลาดทักษิณที่กำลังเดือด ขายร้านค้าในราคาสูง!”หลี่หลงหลินจ่ายเงินออกมาเต็มๆ ห้าแสนตำลึงก็เพื่อซื้อร้านค้าในตลาดทักษิ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค