ฮูหยินผู้เฒ่าซูขมวดคิ้ว “หากฮ่องเต้กล่าวโทษลงมาเล่าจะทำอย่างไร? นางหนู คืนดาบซ่างฟางให้องค์ชายเก้าเสีย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรรับมา! ระวังจะจุดไฟเผาตัวเอง นำหายนะมาสู่ตระกูลซู!”ซูเฟิ่งหลิงมอบวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยให้หลี่หลงหลินอย่างไม่เต็มใจนัก กลับไปให้หลี่ “เอาไป! กระบี่ร้ายๆ ของเจ้า ข้าไม่สนใจหรอก!”หลี่หลงหลินไม่รับกระบี่ พูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านกังวลเกินไปแล้วขอรับ! หากกลัวว่าฮ่องเต้จะตำหนิลงมา ก็เพียงแค่บอกว่าซูเฟิ่งหลิงเป็นองครักษ์ส่วนตัวของข้า ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเลิกคิ้ว “องครักษ์ส่วนตัว นี่ก็นับเป็นวิธีได้! ยิ่งไปกว่านั้น ตู้เหวินยวนและพรรคพวกย่อมไม่ยอมแพ้ ต้องคอยคิดจะใช้วิธีที่ร้ายกาจจัดการท่านแน่นอน! การที่พวกเขาจะส่งนักฆ่ามาลอบสังหาร ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”“แทนที่จะกังวลเรื่ององค์ชายเก้าอยู่ทั้งวัน”“ไม่สู้ให้นางหนูซูเฟิ่งหลิงคอยคุ้มครองความปลอดภัยของท่านจะดีกว่า!”“นี่เป็นวิธีขว้างหินหนึ่งก้อนฆ่านกสองตัวจริงๆ!”“กลัวแต่ก็แค่นางหนูซูเฟิ่งหลินจะรั้น ไม่ยอมเห็นด้วย...”หลี่หลงหลินมองไปที่ใบหน้างามของซูเฟิ่งหลิง และพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้
ใช้สำนวนของคนรุ่นหลังมาบรรยาย คือเป็นนักปราชญ์หญิงทั่วไปพี่สะใภ้สาม ซุนชิงไต้ ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ไม่ได้พักอยู่ที่บ้าน หลี่หลงหลินยังไม่เคยพบนาง ไม่ขอแสดงความคิดเห็นแต่นางมีจิตเมตตากรุณา ใจกว้างอย่างมหรณพ ได้รับสมญานามว่า พระโพธิสัตว์แด่สรรพชีวิต ทั้งยังเป็นสตรีรูปงามอย่างยิ่งพี่สะใภ้สี่ หลิ่วหรูเยียน เคยเป็นนางคณิกาแห่งสำนักการสังคีต เชี่ยวชาญการดนตรี หมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพ อีกทั้งยังเก่งกาจในการยั่วยวน เป็นสตรีร้ายกาจที่นำภัยมาสู่แคว้น!แต่ว่า นอกจากซูเฟิ่งหลิงแล้วคนที่หลี่หลงหลินติดต่อด้วยมากที่สุด คือลั่วอวี้จู๋ พี่สะใภ้ใหญ่นางเป็นคนอ่อนโยนมากคุณธรรม เป็นภรรยาและมารดาที่ดีตามตำรับตำราโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนกายของนางมีเสน่ห์ของผู้ที่เจริญพันธ์ดีแล้วเปล่งออกมาเป็นพิเศษ ทำให้น่าเข้าใจหาไม่อาจห้ามใจ!หลี่หลงหลินได้ยินเสียงเคาะบอกโมงยามสามเกิงดังมาจากด้านนอกโดยไม่ทันตั้งตัว“ไม่ดี!”“จะสายแล้ว!”หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องราวับเป็นขโมย เก็บมือเก็บเท้าอย่างดี แล้วย่องไปที่สวนดอกไม้บังเอิญพอดีที่วันนี้ขึ้นสิบห้าค่ำ ดวงจันทร์กลมโตราวจานกลมแสงจันทร์ที่ส่องสว่างตกลงบน
มีเงินก็สามารถสร้างความแตกต่างได้!กุญแจสำคัญในการทำลายสถานการณ์ สุดท้ายก็คือคำว่าเงิน!ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว “ท่านอยากสร้างกองทัพตระกูลซูขึ้นมาใหม่ ใช้อำนาจทหารเข้าห้ำหั่นกับกลุ่มขุนนาง ข้าเห็นด้วย! แต่ว่า กิจการของหมู่บ้านผ้าตระกูลซูรุ่งเรืองเพียงภายนอก ความจริงเรามีแต่ขาดทุน!”“ไม่ต้องพูดถึงการกำไร ทุกวันนี้ยังเสียเงินอยู่ไม่หยุด!”หลี่หลงหลินยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ท่านพูดถูก! ร้านผ้าเป็นกิจการของประชาชน ยามนี้ในมือของพวกเขาไหนเลยจะมีเงินให้หยิบมาใช้? โดยเฉพาะผู้ลี้ภัยนอกเมืองที่ข้าวกินไม่อิ่มท้อง เสื้อผ้าห่มไม่คลุมกาย ยากจนข้นแค้นเหลือจะกล่าว การจะหากำไรจากพวกเขา ยากราวตะกายฟ้า!”“ถ้าอยากได้เงิน ก็ยังต้องหาเงินจากคนรวย...”ดวงตาคู่งามของลั่วอวี้จู๋เป็นประกาย “หาเงินจากคนรวยหรือ? ท่านกำลังพูดถึงการขายร้านหรือเจ้าคะ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า เหลือบมองไปที่ลั่วอวี้จู๋ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านฉลาดจริงๆ! ไม่ผิด ข้าเปิดกิจการร้านขายผ้าไม่ใช่เพื่อหาเงิน แต่เพื่อลอกเลียนแบบร้านค้าในตลาดทักษิณที่กำลังเดือด ขายร้านค้าในราคาสูง!”หลี่หลงหลินจ่ายเงินออกมาเต็มๆ ห้าแสนตำลึงก็เพื่อซื้อร้านค้าในตลาดทักษิ
ลั่วอวี้จู๋ใช้ดวงตาคู่งามมองไปที่หลี่หลงหลิน แล้วพูดว่า “ถ้าอากาศดีลมโชย สถานการณ์มั่นคง ท่านย่อมทำเช่นนั้นได้แน่นอน! แต่ยามนี้เป็นเวลาใด?”“กองทัพหม่านอี๋กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด จะโจมตีเมืองหลวงเมื่อใดก็ได้!”“แม้ว่าทหารรักษาพระองค์จะออกทัพไปแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงเลี่ยงการรบ ยังไม่มีข่าวชัยชนะ!”“สงครามอยู่ในภาวะอันตราย ผู้คนตื่นตระหนก เศรษฐีที่ร่ำรวย หรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปล้วนแต่หนีลงทางใต้ หลบภัยพิบัตินี้”“ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ใครจะยอมควักเงินมาซื้อร้านในตลาดทักษิณ?“เมื่อหม่านอี๋บุกเข้าเมืองหลวง ร้านค้าต่างๆ ก็ไร้ค่า เงินทั้งหมดจะไม่ใช่ว่าสูญเปล่าหรือ?”สิ่งที่ลั่วอวี้จู๋พูด จริงอย่างยิ่งไม่ว่าแผนของหลี่หลงหลินจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ก็ขัดกับสถานการณ์ความจริง!ถึงแม้จะว่ากันว่า มนุษย์สามารถพิชิตฟ้าได้ก็ตาม!แต่สุดท้าย พลังของมนุษย์ก็จะหมดลง และแม้แต่โอรสสวรรค์เองไม่อาจต่อต้านสวรรค์ได้!ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินยังเป็นเพียงองค์ชายไร้ประโยชน์ที่ไม่มีอำนาจ?หลี่หลงหลินยิ้มและพูดว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านพูดถูกต้อง! ทหารรักษาพระองค์หนึ่งวันไร้ข่าวคราว ใจของประชาชนก็จะไ
“ท่านว่าอะไรนะ?”ดวงตาคู่งามของลั่วอวี้จู๋เบิกกว้าง จ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลินด้วยความตกใจ “ท่านจะจัดหาชุดผ้าฝ้ายสำหรับทหารหนึ่งแสนนาย?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ไม่ผิด”ใบหน้างดงามของหลี่หลงหลินแสดงความประหลาดใจ “คำสั่งซื้อนี้ไม่เล็กเลย พวกเราทำเงินจากมันได้มหาศาล! ราชสำนักมีแผนจะจ่ายเงินให้เท่าไร? ลงนามสัญญาหรือยังเพคะ?”หลี่หลงหลินส่ายหัวเบาๆ “พวกเราจะมอบชุดผ้าฝ้ายให้กับทหารโดยไม่คิดเงิน แม้ว่าจะไม่ได้ลงนามสัญญา แต่เพราะเป็นข้ากับเสด็จพ่อให้คำรับรองแก่กัน เช่นนั้นก็ย่อมไม่มีวันผิดคำพูด”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงฟุ่มเฟือยคือสิ่งใด?หลี่หลงหลินก็คือคนฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง!เขาขยับขยายร้านขายผ้าตระกูลซูสุ่มสี่สุ่มห้า ทำให้กิจการซึ่งแต่เดิมเป็นการรับประกันผลกำไร เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่อาจเติมได้เต็มตอนนี้ เขายังคิดจะมอบชุดผ้าฝ้ายให้กับทหารรักษาพระองค์อีกแสนนายไปโดยไม่เก็บเงิน?ทรัพย์สินที่ตระกูลซูมีมากเท่าใด ยามนี้ไม่พอให้หลี่หลงหลินใช้สอยแล้ว!ลั่วอวี้จู๋ส่ายหัวจนหัวสั่นหัวคลอน รีบพูดออกมาว่า “ไม่ได้! ไม่ได้แน่นอนเจ้าค่ะ! ตระกูลซูเหลือเงินอยู่อีกไม่มากแล้ว ไม่อาจให
หลี่หลงหลินส่ายหัว ถอนหายใจ “เกรงว่า จะใช้ไม่ได้!”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเสื้อผ้าบุฝ้ายพวกนี้ นางตรวจสอบเองทุกตัว ล้วนแต่แข็งแรงทนทาน ทั้งยังเย็บปักดีเยี่ยมหลี่หลงหลินกลับบอกว่ามันใช้ไม่ได้?ความต้องการของเขาสูงขนาดนั้นเลยหรือ?หลิ่วหรูเยียนเองก็ตกใจเช่นกัน สองตางามน่าดึงดูด จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ? พระองค์ไม่ชอบงานจากคนงานหญิงของข้าหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างไม่พอใจ “ใช่แล้ว! พี่สะใภ้สี่ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านดนตรี หมากล้อม อักษรวิจิตร ภาพวาดพู่กัน การกวีและการร้องเพลงเท่านั้น แต่ยังเก่งกาจด้านงานฝีมือเป็นที่สุด! เจ้าที่เป็นชายชาตรี มือไม้ซุ่มซ่าม ร้อยเข็มยังทำไม่ได้ กล้าดีอย่างไรมาสงสัยในความสามารถของคนงานหญิงของพี่สะใภ้สี่?”คนงานหญิงทุกคนเอง ก็ดูไม่มีความสุขเช่นกันในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา พวกนางทำงานล่วงเวลา ปั่นด้าย ตัดเย็บเสื้อผ้า ยุ่งจนไม่ได้พูดคุยกันแต่องค์ชายเก้าผู้นี้กลับเดินอาดๆ ทำตัวว่างงาน เหมือนเด็กข้างถนนไม่ผิดเพี้ยนตอนนี้เขากลับมาสร้างปัญหาเอาเสียได้ ทำผู้คนรำคาญใจมากจริงๆ!หลี่หลงหลินเผชิญหน้ากับ
พี่สะใภ้สี่ ท่านหอมมากขอรับ...เมื่อได้ยินคำพูดพยัคฆ์หมาป่า[footnoteRef:1]ที่หลี่หลงหลินเอ่ยออกมา สตรีทุกคนของตระกูลซูก็ตกตะลึง แน่นิ่งเป็นหินทันที! [1: เจ้าชู้ประตูดิน] ชั่วครู่หนึ่ง ตระกูลซูเงียบงัน เงียบอย่างน่าประหลาดใจแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูจะไม่อยู่แต่หลี่หลงหลินก็ยังกล้าลวนลามพี่สะใภ้สี่ต่อหน้าทุกคน?เขาบ้าไปแล้วหรือ?แม้แต่หลิ่วหรูเยียนที่เคยเป็นคณิกา คุ้นเคยกับการแสดงความรักยังหน้าแดงก่ำ ทั้งอายทั้งโกรธ!ชิ้ง!ซูเฟิ่งหลิงดึงวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยในมือออกมา พาดปลายกระบี่อันแหลมคมไปที่คอของหลี่หลงหลิน ก่นด่าด้วยความโกรธ “เจ้าสุนัข! กล้าดีอย่างไรมาหยาบคายกับพี่สะใภ้สี่ของข้า?!”หลี่หลงหลินกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าพูดเรื่องจริงนี่! ร่างของพี่สะใภ้สี่มีกลิ่นหอมแปลกๆ ลอยออกมา ทำให้ผู้คนล้วนแต่ใจสั่นไหว ไหนเลยจะเหมือนเจ้าที่เช้าเย็นรำหอกรำกระบี่? กลิ่นเหงื่อเหม็นโชย ฉุนจมูกยิ่งกว่าบุรุษเพศ...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนเลิกคิ้ว “ข้า... ข้า... ข้าจะฆ่าเจ้า!”ลั่วอวี้จู๋ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หยุดซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ “น้องหญิงเล็ก อย่าบุ่มบ่ามไป! องค์ชายเห้าพูดเช่นนั้นออกมา ต้องมีเหตุ
หลี่หลงหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “พวกเจ้าสตรีเหล่านี้น่ะ ไม่เข้าใจหัวอกของบุรุษ!”“พวกเจ้าลองคิดดู เหล่าทหารมีกี่คนแต่งงานมีครอบครัว?”“พวกเขาคนใดมิใช่ชายหนุ่มกระตือรือร้นบ้างเล่า?”“เป็นทหารนานนับสามปี เห็นแม่หมูงดงามยิ่งกว่าเตียวฉาน โฉมงามที่จันทรายังอายเสียอีก หรือพวกเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนกระนั้น?”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้าแม้ทุกคนล้วนเรียกนางว่าบุรุษในคราบสตรี แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นหญิงคนหนึ่งความคิดของบุรุษ ไฉนเลยนางจะเข้าใจได้?หลี่หลงหลินพูดต่อ “เหตุใดเหล่าทหารต้องเข้าร่วมกองทัพ ออกมาสู้รบในแนวหน้า? หรือว่าทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง ขับไล่พวกหมานอี๋จริงหรือ? คนส่วนใหญ่ไม่มีจิตสำนึกสูงเพียงนั้นหรอกนะ”“พวกเขาแค่อยากเป็นทหารเพื่อหากิน ทำสงครามนานหลายปี สามารถหาเงินได้เล็กน้อย กลับบ้านขอเมียได้!”“พูดตามสัตย์จริง ที่พวกทหารต่อสู้ก็เพื่อสตรี!”“บัดนี้พวกเขาติดอยู่ที่เมืองซั่วเป่ย คิดถึงสตรีแทบแย่แล้ว!”“หากส่งเสื้อบุนวมนี้ไปให้ถึงมือพวกทหาร เพียงพวกเขาสวมใส่ ก็ได้กลิ่นหอมมีเสน่ห์ของสตรี ครั้นได้เห็นชื่อของสตรีบนปกคอเสื้อ รู้ว่าเสื้อบุนวมนี้ เป็นมือบอบบางดุจหยกของสตรีเย็บด้ายให้พวกเ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค