พระชายาโหรวสมัยสาวๆ งดงามและเยาว์วัย สวยแต่กำเนิดแม้ว่าบัดนี้นางจะอายุสามสิบกว่าปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว แต่ความงดงามยังคงอยู่ มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าหลี่หลงหลินยกขาเรียวยาวของพระชายาโหรว หัวใจกลับไม่วอกแวก ตั้งใจจัดการบาดแผลพระชายาโหรวจ้องมองใบหน้าด้านข้างของหลี่หลงหลิน อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าพระชายาโหรวร้องไห้ แสดงสีหน้ากล่าวโทษตนเอง “ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงร้องไห้? เป็นเพราะข้ามือหนักเกินไปใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะเบามือลงหน่อย...”พระชายาโหรวปาดคราบน้ำตา กล่าวเสียงอ่อนโยน “องค์ชาย ไม่ใช่ความผิดเจ้า เป็นเพราะจู่ ๆ แม่ก็นึกถึงตอนที่เจ้าเป็นเด็กดื้อรั้น ตอนที่เจ้าสะดุดล้มอยู่ในสวน แม่เป็นคนทายาให้เจ้าด้วยตนเอง”“เพียงแค่พริบตาเดียว ก็ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว”“ลูกชายของข้าเติบโตแล้ว ยังได้เป็นแม่ทัพใหญ่อีกด้วย!”“ถ้าหากท่านตาของเจ้ารู้ เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ!”ภายในหัวสมองของหลี่หลงหลิน มีภาพความทรงจำตอนเด็กปรากฏขึ้นตอนนั้น ตนเป็นเด็กดื้อคนหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล เอาแต่
หลี่หลงหลินทราบว่าพระชายาโหรวอยู่ในวังหลัง ถูกผู้คนกลั่นแกล้ง แม้แต่ตำหนักฉางเล่อที่อาศัยมานานยังถูกฉินกุ้ยเฟยแย่งไป ก็โมโหทันทีเมื่อชุนเถากับชิวเย่นางกำนัลสองคนเห็นดังนั้น ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รีบคุกเข่าลงไปกล่าววิงวอน “องค์ชาย ท่านอย่าได้วู่วามเด็ดขาดนะเพคะ!”“ที่วังหลังฉินกุ้ยเฟยอิทธิพลกว้างขวาง ไม่ใช่คนที่ท่านจะจัดการได้เพคะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น วังหลังมีกฎของวังหลัง ถ้าหากท่านมุทะลุ ทำลายความกลมเกลียวของวังหลัง ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว เกรงว่าสถานการณ์ของพระสนมที่อยู่ในตำหนัก จะยิ่งลำบากมากกว่าเดิมเพคะ!”“ใช่เพคะ องค์ชาย! ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา พระสนมจะต้องตำหนิหม่อมฉันสองคนแน่เพคะ!”หลี่หลงหลินโบกมือ “พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ! กฎของในวัง ข้าเข้าใจ! ชอบเล่นสกปรกกันไม่ใช่หรือ? ใครกลัวใครกัน!”วังหลังก็เป็นแบบนี้ภายนอกบรรดานางสนมปรองดองกัน ปฏิบัติตัวต่อกันดั่งพี่น้องเบื้องหลัง พวกนางกลับเล่นสกปรก เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานพระชายาโหรวนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีกับบรรดานางสนมพวกนี้ ยอมไปเสียทุกเรื่องผลสุดท้าย พระสนมยิ่งหนักข้อกว่าเดิม แม้แต่ที่พักอาศัยของพระชายาโหรวก็
“รอให้ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายของเราเอาชนะเผ่าหมานได้ เจ้าจะมีความชอบเป็นครั้งแรก!”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเพียงแค่หนึ่งล้านตำลึงจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่งุนงงทันที “ใช่! ไม่อย่างนั้นล่ะ? เบี้ยเลี้ยงทหารที่เราต้องการ ก็แค่หนึ่งล้านตำลึง จะเป็นเท่าไหร่ได้หรือ?”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกเป็นอย่างยิ่งพ่อคนนี้ของตน บางครั้งก็หน้าเลือดสุดขีด บางครั้งก็โง่เขลาแบบน่าเอ็นดูในเมื่อครั้งนี้จะจัดการเว่ยซวิน ก็ควรจะต้องให้เขากระอักเลือด!ไม่ผิด!ทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนายต้องการเบี้ยเลี้ยงหนึ่งล้านตำลึงแต่ถ้าหากทันทีที่การศึกเจรจาไม่ได้ ทหารรักษาพระองค์ต้องการเบี้ยเลี้ยงมากกว่านี้จะทำอย่างไร?อีกทั้งทั้งราชสำนัก ที่ที่ต้องการใช้เงินมีมากมายให้เว่ยซวินรวบรวมเงินเพียงแค่หนึ่งล้านตำลึง!นี่มันจะดูถูกเขามากเกินไปแล้ว!ใครไม่รู้บ้างว่า พระเก้าพันปีมั่งคั่งร่ำรวย จนเทียบกับทั้งแคว้นได้?ต่อไปเว่ยซวินจะเตรียมการป้องกัน อยากจะเล่นงานเขา เกรงว่าคงจะยากแล้ว!หลี่หลงหลินถอนหายใจทีหนึ่ง “เสด็จพ่อ เช่นนั้นเงินของลูกจะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่งุนงง “เงินอะไรหรือ?”หลี่ห
ใช่ว่าฮ่องเต้หวู่จะไม่คุ้นเคยกับการสู้รบเบี้ยเลี้ยงทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนาย ยังต้องการเงินหนึ่งล้านตำลึงแค่คิดก็รู้ การสร้างกองทัพทหารใหม่กองหนึ่ง เริ่มจากศูนย์ ต้องการเงินเท่าไหร่อย่างน้อยก็ต้องใช้สิบล้านตำลึง หรืออาจจะมากกว่านั้นฮ่องเต้หวู่ไม่อยากสร้างกองทัพทหารใหม่งั้นหรือ?แน่นอนว่าไม่ใช่!ประเด็นหลักคือจน!ต้าเซี่ยในวันนี้ บรรดาขุนนางตระกูลใหญ่แต่ละคนร่ำรวยเป็นอย่างยิ่งแต่ราชสำนักและฮ่องเต้ยากจนจริง ๆ !ฮ่องเต้หวู่แทบจะใช้ชีวิตอย่างกัดก้อนเกลือกิน!ฮองเฮายังทอผ้าอยู่ในวัง เพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายในครอบครัว!เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าฮ่องเต้หวู่สนใจ รีบฉวยโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน “เสด็จพ่อ ไม่เพียงเท่านี้! เงินห้าแสนตำลึงก้อนนี้ ลูกไม่ขอจากพระองค์โดยเปล่าประโยชน์ ให้ถือว่าพระองค์เป็นผู้ลงทุน!”“ลูกจะแบ่งเงินปันผลตามกำไร ให้พระองค์สองส่วน”“พระองค์คิดเห็นเป็นอย่างไร?”ฮ่องเต้หวู่ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลยจริง ๆเงินห้าแสนตำลึง ไม่เพียงสร้างกองทัพทหารใหม่ได้หนึ่งกอง ยังแบ่งเงินปันผลให้ตนได้อีกสองส่วนทุกปีคิดไม่ถึงว่าใต้หล้านี้จะมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วย?ตนไม่ได้ฝันไปใช
หรือว่าเจ้าจะให้ข้าไปขู่เข็ญเว่ยซวินอีก? ใช่!เว่ยซวินมีจิตใจทะเยอทะยานก็จริง เขาอ้างชื่อของข้ารีดไถความมั่งคั่งที่ได้มาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อของราษฎรไปไม่น้อย แต่อย่างไรเว่ยซวินก็รับใช้ข้ามาหลายปี หากไม่มีคุณูปการก็ยังมีความมานะบากบั่นเจ้าให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเพียงครั้งเดียวก็ยังพอทนแต่เจ้ายังอยากให้ข้าขู่เข็ญเว่ยซวินเป็นครั้งที่สองอีกหรือ?แม้ว่าจะเป็นการถอนขนแกะ แต่เจ้าก็ไม่สามารถจับแกะตัวเดียวมาถอนขนได้หลี่หลงหลินเห็นสีหน้าของฮ่องเต้หวู่แปรเปลี่ยนไป จึงรีบพูดว่า “เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเข้าพระทัยลูกผิดแล้ว! ลูกไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเว่ยกงกง! แต่ว่าหลังจากที่พี่หกถูกยึดทรัพย์แล้ว เหลือจวนเพียงหลังเดียว”“เป็นการดีกว่าหากพระองค์มอบจวนหลังนี้ให้ลูกจัดการ มันจะได้ราคาถึงห้าแสนตำลึงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่แท้ก็ไม่ได้ต้องการให้ข้าไปถอนขนแกะของเว่ยซวินต่อ แต่ต้องการจวนของเจ้าหกนี่เอง!เช่นนั้นก็ตกลงกันง่ายหน่อย!เพียงแต่จวนหนึ่งหลังในเมืองหลวง อย่างมากที่สุดก็มีมูลค่าห้าหมื่นตำลึงเท่านั้นแต่หลี่หลงหลินกลับพูดว่า จวนหลั
หลังจากหลี่หลงหลินจากไป สีหน้าของฮ่องเต้หวู่พลันมืดมน จ้องมองไปที่เว่ยซวิน แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “มิน่าล่ะ วันนี้ข้าอยากให้พระชายาโหรวมาปรนนิบัติ แต่เจ้ากลับขัดขวางทุกวิถีทาง! ที่แท้พระชายาโหรวก็ไม่อยู่ที่ตำหนักฉางเล่อ เพราะถูกคนขับไล่ให้ไปอยู่ที่เรือนสุ่ยอวิ๋นนี่เอง!”“เป็นถึงพระชายา กลับไปอยู่รวมกับพวกบ่าวรับใช้!”“เว่ยซวิน เจ้าทำแบบนี้เหมือนตบหน้าข้าชัดๆ!”ประโยคนี้ของฮ่องเต้หวู่ เป็นการพูดแรงเกินไปเว่ยซวินตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รีบคุกเข่าโน้มตัวเอาหัวโขกบนพื้นราวกับโขลกกระเทียม “ฝ่าบาท! กระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกันว่าพระชายาโหรวย้ายไปที่เรือนสุ่ยอวิ๋น...”“ไม่ทราบ?”ฮ่องเต้หวู่เดือดดาลยิ่งนัก “เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลฝ่ายใน! เจ้ากลับบอกว่าเจ้าไม่รู้? หากเจ้าเป็นข้า ควรจะลงโทษเจ้าโทฐานละเลยหน้าที่นี้อย่าง?”ตุบ ตุบ ตุบ...เว่ยซวินโขกหัวอย่างสุดชีวิตจนหน้าผากถลอกและมีเลือดซึมออกมา “กระหม่อมสมควรตาย! กระหม่อมสมควรตาย...”ฮ่องเต้หวู่หรี่ตามองเว่ยซวิน “เจ้าสมควรตาย! แต่ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าเป็นแค่ขันที ต่อให้บ้าบิ่นเพียงใด ในฐานะบ่าวรับใช้ย่อมไม่กล้ารังแกเจ้านาย! เจ้าบอกความจริงข้
ฮ่องเต้หวู่เอามือไพล่หลัง แววตาเย็นเยือก “เดิมทีข้าไม่คิดที่จะมาที่นี่ตั้งแต่แรก แต่ข้าได้ยินว่าเจ้าปล้นตำหนักฉางเล่อไป แล้วขับไล่พระชายาโหรวไปที่เรือนสุ่ยอวิ๋น! ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าสตรีโหดเหี้ยมอำมหิตมีหน้าตาอย่างไร ถึงได้กล้ามาวางอำนาจบาตรใหญ่ กำเริบเสิบสานในวังหลังของข้าได้!”สีหน้าของฉินกุ้ยเฟยเปลี่ยนไปอย่างมากฮ่องเต้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับตน แต่มาเพื่อหาเรื่อง!พูดตามตรง ฉินกุ้ยเฟยมัวแต่กังวลกับความปลอดภัยขององค์ชายหก จนแทบไม่ได้ใส่ใจเรื่องยึดตำหนักฉางเล่อและนางก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะมาซักไซ้เอาความในเรื่องนี้กับนางช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้!ฉินกุ้ยเฟยไม่ใช่ลูกนกที่เพิ่งออกจากรังตั้งนานแล้ว นางอยู่ในวังหลังมาหลายปี การต่อสู้แบบไหนบ้างที่นางยังไม่เคยเห็น?ไม่นานนางก็สงบสติอารมณ์ลงได้ ก่อนจะอธิบายว่า “ฝ่าบาท พระองค์ตรัสเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ใช้กำลังปล้นตำหนักฉางเล่อของน้องโหรวมา! แต่พระชายาโหรวเป็นฝ่ายยกตำหนักฉางเล่อให้หม่อมฉันเอง!”“ถ้าพระองค์ไม่เชื่อ เว่ยกงกงเป็นพยานได้”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินกุ้ยเฟยก็ขยิบตาให้กับเว่ยซวินแต่เว่ยซวินกลับเหมือ
ฉินกุ้ยเฟยรักองค์ชายหกเป็นอย่างมาก และเป็นจุดอ่อนของนางเมื่อได้ยินว่าฮ่องเต้หวู่กำลังจะสังหารเจ้าหก ฉินกุ้ยเฟยตกใจจนหน้าซีด ก่อนจะเอ่ยขอร้องว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดท่านเห็นแก่ความเป็นสามีของพวกเราด้วยเถอะ ไว้ชีวิตหม่อมฉันสักครั้ง!”ฮ่องเต้หวู่พูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่อยากจะพูดไร้สาระกับเจ้า! เก็บข้าวแล้วไสหัวออกไปจากตำหนักฉางเล่อเดี๋ยวนี้! อีกอย่างหากภายหน้าเจ้ากล้าไปหาเรื่องพระชายาโหรว ระวังหัวของเจ้าหกจะหลุดจากบ่า!”เมื่อพูดจบแล้วฮ่องเต้หวู่ก็ไม่ได้ให้โอกาสฉินกุ้ยเฟยได้พูด เขาหันหลังเดินออกไปจากตำหนักฉางเล่อทันทีฉินกุ้ยเฟยทรุดตัวลงบนพื้น แล้วร้องไห้จนหน้ามืดเว่ยซวินมองเงาหลังที่เดินจากไปของฮ่องเต้หวู่ ก่อนจะพึมพำอย่างเหม่อลอย “ดูเหมือนว่าวังหลังจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว!”ร้องไห้ก็ร้องไห้ไปการครอบครองตำหนักฉางเล่อ มันเกี่ยวข้องกับชีวิตขององค์ชายหกฉินกุ้ยเฟยไม่กล้าที่จะชะล่าใจ นางรีบเก็บของทั้งคืนแล้วย้ายออกไปจากตำหนักฉางเล่อในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น เว่ยซวินสารภาพผิดที่เรือนสุ่ยอวิ๋นด้วยตนเอง ขอร้องให้พระชายาโหรวกลับไปที่ตำหนักฉางเล่อพระชายาโหรวทนคำขอร้องของเว่ยซวินไม่ไหว นางนั่งเ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค