ตุบ!!
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ”
ร่างเล็กร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บทั้งจุกเมื่อถูกเขาโยนลงบนเตียงอย่างแรงในห้องที่เขาจับเธอขังไว้ในตอนแรกก่อนที่เขาจะตะโกนสั่งคนของเขาให้ล็อกประตูแล้วไปจากที่นี่ ใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยหนวดเครามองหญิงสาวตรงหน้าที่ขยับกายนั่งโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่จะเปิดไปถึงไหนต่อไหนทำเอาชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกับความขาวเนียนตรงหน้าพลอยทำให้กายร้อนผ่าวขึ้นมา
“เจ็บสิดี” เขายิ้มเยาะอย่างสะใจแล้วยืนมองเธอ จึงตวัดสายตามองอย่างขุ่นเคือง
“นี่คุณ ฉันถามจริง ๆ เถอะ คุณจับฉันมาทำไม” จอมขวัญมองชายตรงหน้าพลางคิดว่าเธอควรจะคุยกับเขาดี ๆ จากในตอนแรกเรียกแกก็เปลี่ยนเป็นคุณทันทีเพราะคิดว่าจะลองคุยกับเขาดี ๆ ดูเพราะเรื่องทั้งหมดอาจจะมีอะไรที่ผิดพลาดหรือเข้าใจผิดแน่ ๆ และเขาอาจจะปล่อยเธอกลับ
“นี่ฉันว่าเราควรจะมาคุยกันดี ๆ ดีกว่าไหมคะ” เธอละหมั่นไส้เขาจริงเชียวที่เอาแต่ยิ้มเหยียดส่งมาให้
“ไม่จำเป็น”
“งั้นฉันขอถามคุณเลยแล้วกัน ฉันไปทำอะไรให้คุณ ครอบครัวของฉันทำอะไรให้ คุณถึงได้จั
จอมขวัญไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรเพียงแค่ผู้ชายคนนั้นแตะร่างกายเธอ ก็ทำเอาเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ชายหนุ่มใช้ความมีประสบการณ์ที่เหนือกว่าทำให้เธอลุ่มหลงและมัวเมาไปกับสัมผัสอันแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้พบ ใบหน้าหล่อที่เต็มไปด้วยหนวดเครายกยิ้มแสนร้ายกาจเลื้อยลงมายังลำคอระหงที่หอมนวลเนียนอีกครั้งไม่นานแล้วฝากร่องรอยสีแดงไปทั่วทุกที่เมื่อริมฝีปากลากผ่านส่วนมือของเขาก็ลูบไล้ไปทั่วกายสาวจนตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายมือบางเลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอของเขาอย่างลืมตัว แต่การกระทำนั้นกลับทำให้ร่างสูงพอใจเป็นอย่างยิ่งที่เธอเลิกดื้อแล้วยอมโอนอ่อนตามเขาหญิงสาวรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเหมือนร่างกายต้องการอะไรบางอย่างมาเติมเต็มจนร่างกายบิดเร่าด้วยความทรมานทำให้ชายหนุ่มมองอย่างเห็นใจแต่เขาก็ยังอยากทรมานเธอเล่นอีกสักหน่อยเลยหยุดการกระทำทุกอย่างจนร่างบางที่แสนทรมานมองเขาด้วยใบหน้าสงสัย“เธอต้องคิดถึงสัมผัสฉันคนเดียว และลืมผู้ชายทุกคน”“ไม่! อื้อออออ” เสียงครางหวาน ๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางบวมเจ่อ ยิ่งได้ยินเสียงของเธอเขายิ่งทนไม่ไหว
เสียงหยดน้ำกระทบกับพื้นเมื่อมีคนใช้ห้องน้ำอยู่ จอมขวัญลืมตาขึ้นมาก็พบกับความเมื่อยขบตามร่างกาย พลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนเขาบ้าคลั่งราวกับสัตว์ป่า มือเรียวเช็ดถูร่องรอยสัมผัสต่าง ๆ ตามแขนเรียวของตนออกอย่างรังเกียจสัมผัสพวกนั้น นึกถึงเรื่องราวจนน้ำตานองไม่นานชายหนุ่มที่รังแกเธอเมื่อคืนก็ออกมาจากห้องน้ำ ในมือของเขาถือผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็ก หยดน้ำเกาะพราวทั่วแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด ๆ ร่างสูงมองหญิงสาวที่ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มสีเทาห่มกายที่กำลังขัดถูร่างกายตนอย่างรุนแรง“หึ… ถูให้ตายยังไงก็ไม่ออกหรอก มันคงฝังรากลึกไปแล้วมั้ง” หญิงสาวหันหน้าไปตามเสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ ไม่นานชายหนุ่มก็มายืนตรงหน้าขนานกับบานประตูห้อง“จะต่อให้ฉันแสบขนาดไหนฉันก็จะทำเพราะฉันรังเกียจมัน”“ต่อให้ใส่ตะกร้าล้างน้ำมันก็ไม่สะอาด แต่อย่าลืมฉันเป็นผัวคนแรกของเธอ”หญิงสาวถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า แต่แล้วเสียงเคาะประตูจากทางหน้าห้องดังขึ้น“คุณทัพพ์ครับ ผมเอาเสื้อผ้าของคุณจอมขวัญมาให้ครับ”“ขอบใจมากเปิดประตูฉันไม
แพรไหมเดินเข้ามาภายในบริษัทที่จอมขวัญทำงานเพราะเธอนั้นติดต่อเพื่อนสนิทของเธอไม่ได้จึงเข้ามาที่เพื่อที่จะถามไถ่ แต่กำลังจะเข้าไปภายในเธอนั้นเดินสวนกับธาวิน เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานของหญิงสาวออกจากที่ทำงานด้วยความร้อนรน“พี่วินจะรีบไหนคะ” แพรไหมร้องถามขึ้น“อ้าวแพร… มาทำอะไรที่นี่”“แพรมาหายัยจอมค่ะ ยัยจอมอยู่ไหมคะ” ชายหนุ่มทำหน้าฉงนปนสงสัย“น้องจอม น้องจอมไม่มาทำงานหลายวันแล้ว”“แพรคิดว่าจอมมาทำงาน แพรเลยมาหาที่ทำงาน” หญิงสาวบอกชายหนุ่มตรงหน้า “เพราะแพรไปหาจอมที่บ้านทั้งพ่อและพี่ชายบอกว่าไปเที่ยวต่างจังหวัด”ธาวินยังคงสงสัยกับสิ่งที่ได้รับรู้เพราะเขานั้นเพิ่งจะได้รับจดหมายลาออกของเธอที่ถูกส่งมาที่บริษัท“พี่ได้จดหมายของจอมส่งมามันเป็นจดหมายลาออก” ธาวินเอ่ยต่อ “พี่เลยจะไปหาน้องจอมที่บ้าน”“แพรไปมาแล้วค่ะแต่จอมไม่อยู่ เขาบอกว่าไปเที่ยวพักผ่อน ก่อนที่จะมาเริ่มงานที่กับที่บ้าน”“แล้วจะเอายังไงดีล่ะพี่วิน”“ถ้าน้องจอมไปพักผ่อน เพื่อที่จะเริ่มงานใหม่เพราะจอมก็เคยเกริ่นกับพี่เหมือนกันว่าเขาจะลาออกไปช่วยท
ทางด้านของพลาธิปที่ขึ้นฝั่งมาจัดการเคลีย์งานและเอกสารที่คั่งค้างมาตลอดอาทิตย์เพราะช่วงหลัง ๆ มานี้เขาไม่ได้ขึ้นฝั่งมาจัดการแม้แต่น้อย แต่วันนี้เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อได้รับรู้ข่าวว่าจอมพลกลับมาเล่นการพนันที่บ่อนของเขาอีกแล้วแต่ครั้งนี้ทางนั้นเสียมากว่าที่จะเรียกทุกสิ่งที่ลงไปกลับคืน คนโลภมากคนนั้นมาเล่นที่บ่อนของเราแทบจะทุกวัน พลาธิปยิ้มร้ายเมื่อมองไปยังเอกสารสำคัญในมืออย่างสะใจ ถึงเวลาที่เขาจะเอาทุกอย่างที่เป็นของครอบครัวของเขาคืน แต่มันยังคงเหลือสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เขายังไม่ได้จากครอบครัวนายดิลกอีกไม่นานมันจะต้องกลับมา “นายจะเอายังไงต่อดีครับ” ลูกน้องหนุ่มนามว่าพีระที่คอยดูแลความเรียบร้อยของบริษัทในยามที่เขาไม่อยู่ “เรื่องอะไร” พลาธิปเลิกคิ้วสูง&nbs
เชลยคนสวยจัดการปรุงอาหารสำหรับมื้อเย็นวันนี้ทำเมนูง่าย ๆ เพราะเธอไม่อยากทำอะไรยุ่งยาก เธอนั้นเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จึงเลือกที่จะทำข้าวผัดปลากระป๋องพริกเผา เธอเห็นวัตถุดิบประกอบอาหารที่พลาธิปนั้น สั่งให้ลูกน้องของเขาซื้อมาไว้ให้จึงเลือกทำ หลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อยนั้นกินเวลาไปหลายชั่วโมง ไหนจะล้างถ้วยล้างชามจัดการความเรียบร้อยภายในครัวและห้องข้างเคียงคอยปัดกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อย เพราะเธอไม่อยากให้เขามาลงโทษเธออีก หลังจากก็เดินเข้าห้องนอนกำลังอาบน้ำอาบท่าล้างคราบเหงื่อไคลที่เหนื่อยมาทั้งวันออกให้ผ่อนคลายแต่พลันสายตาหวานหมองเศร้ามองไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่โดนมาให้ครั้งก่อนจึงก้มไปหยิบมันมาเปิดออกเหมือนลืมอะไรบางอย่างที่ตัวของเธอนั้นเกือบลืมไปแล้ว กระดาษใบน้อยที่ซุกอยู่ภายในนั้นออกมาอ่าน “คุณจอมขา คุณจอมขอ
พลาธิปช้อนอุ้มจอมขวัญเข้าไปในบ้านและพาไปยังห้องของเขาทันที เมื่อไปถึงเขาก็อุ้มคนป่วยไปวางลงที่เตียงอย่างเบามือที่สุด โดยก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอการกระทำที่อ่อนโยนกับคนที่คนที่ตนเห็นว่าเป็นนางบำเรออย่างไม่รู้ตัว เมื่อวางลงแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็ก ๆ ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ ออกมาด้วย เขาจัดการเช็ดตัวให้คนป่วยด้วยตัวเองไม่นานทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จ“ยะ... อย่า ๆ ทำอะไรฉัน”จอมขวัญที่นอนอยู่บนเตียงร้องขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาตรงหางตามีน้ำตาไหลของมาทำให้ร่างสูงเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้หล่อนแล้วเอ่ยปลอบโยนคนที่ละเมออย่างช่วยไม่ได้“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอแล้ว พักผ่อนเถอะนะ” เขาเอ่ยกับคนที่นอนละเมอเสียงอ่อนโยน แต่ก็แปลกที่เธอนั้นสงบลงก็เดินออกจากห้องไปค้นตู้ยาสามัญว่าพอจะมียาลดไข้ให้หญิงสาวได้กินหรือไม่ หาอยู่พักหนึ่งจึงต่อสายโทรหาสหัสให้ไปเอายาในบ้านใหญ่“สหัสไปเอากล่องยาที่อยู่ในบ้านใหญ่มาให้ฉันที”“ได้ครับนาย” คนเป็นลูกน้องไม่ได้ถามอะไรมากความแค่พยักหน้าตอบรับเป็นการเข้าใจและไปทำตามคำสั่งทันที “เอ่อนายช่วยบอกให้ป้าสายช่วยทำข้าวต้
หนึ่งเดือนผ่านไป…ดูเหมือนความสัมพันธ์ของจอมขวัญกับพลาธิปจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีตั้งแต่วันที่เขาอุ้มเธอมายังบ้านหลังนี้ คอยดูแลเธอในยามป่วยไม่ห่างพลอยให้ให้ดวงใจดวงน้อยนี้เต้นระส่ำยามอยู่ใกล้ ได้แต่บอกกตัวเองว่าอย่าไปเผลอไผลหลงไหลกับการกระทำของเขา เขามันคนใจร้ายจะมาเปลี่ยนเป็นดีภายในเวลาไม่นานคงเป็นไปไม่ได้วันนี้พลาธิปไม่ได้ออกไปดูงานที่ฟาร์มเหมือนทุกครั้ง แต่เขามีประชุมสำคัญบางอย่างอยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เช้าจนเวลานี้ก็จวนจะบ่าย จอมขวัญมุ่งหน้าเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารไว้ให้เขา เพราะเธอก็ไม่รู้ได้ว่าพลาธิปนั้นจะอารมณ์ดีแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน อาหารกลางวันสองสามอย่างที่เธอทำส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องครัว“อืม… อร่อยแล้ว”ช้อนกลางสำหรับชิมรสชาติอาหารถูกวางลงหลังจากรับรู้รสของมัน มือเล็กจัดการปิดเตาจอมขวัญถอยหลังเล็กน้อยเพื่อที่จะก้มหยิบบางอย่างที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นก็ต้องตกใจ เมื่อบั้นท้ายของเธอชนกับอะไรบางอย่างจนต้องดีดกายยืนขึ้น แต่แล้วก็ถูกรวบเอวบางเอาไว้“หอมจัง… วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยน พลางสูดกลิ่นหอม ๆ ตรงหน้า
“โอ๊ย! เจ็บ!” จอมขวัญหลุดพูดออกมาเมื่อเขานั้นใช้มือของเขาบีบเคล้นร่างกายสาวที่เผลอทำรุนแรงกับเธอ แต่เหมือนกับว่าเขาจะไม่สนใจยังทำมันต่อไป ทั้งที่สมองสั่งให้หยุดเขาแต่ทำไมร่างกายหล่อนถึงได้ตอบสนองเขาทุกสัมผัสที่เขามอบให้จอมขวัญได้แต่สับสนในความคิดตัวเองแต่สุดท้ายหล่อนก็ปล่อยให้เขานำพาเมื่อร่างกายของหล่อนนั้นก็ต้องการเขาไม่ต่างกันเพราะมันถูกคนช่ำชองอย่างเขาเป็นคนทำให้ความรู้สึกต้องการนี้เกิดมาอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้บทรักที่รุนแรงบ้าง อบอุ่นบ้าง ตามความต้องการของพลาธิปดำเนินไปครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้คนใต้ร่างจะต่อต้านและถอยห่างในบางครั้ง สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับคนเอาแต่ใจอย่างพลาธิปอยู่ดี ร่างสูงก้มจูบที่ขมับของหญิงสาวเบาราวกับปลอบโยนคนใต้ร่างที่หลับไปด้วยความเพลียที่โดนเขารังแกเกือบทั้งคืนด้วยสายตาอ่อนโยนโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว แล้วใช้มือปัดปอยผมที่ลงมาคลอเคลียใบหน้านวลออกแล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้คนตัวเล็กส่วนตัวเขาก็ซุกตัวลงนอนในผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้ใบหน้าหล่อเหล่าค่อย ๆ เลื่อนเข้ามองคนหลับเล็กน้อยก่อนสอดแขนแล้วตลบให้เธอมานอนซุกเข้าอกแกร่งของเ
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”