3
ไอ้เวร & ไอ้ตีน
“นึกว่าจะไปฟ้องพ่อ” เวลายิ้มให้เด็กน้อย กวาดตามองคนที่ถูกพามาอย่างสำรวจ
ชายหนุ่มในชุดนักศึกษา เสื้ออยู่ในกางเกงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ใส่รองเท้าหนัง ผมสีน้ำตาลเข้มทรงทูบล็อกแสกกลาง ตาสีน้ำตาลอ่อน สวมแว่นเหมือนเด็กเนิร์ด แต่หน้าตาดูไม่เนิร์ดเลยสักนิด
แม่งงง หล่อกว่าเขาอีก ไม่สิ หล่อกันคนละแบบ เขาน่ะ หล่อแบดๆ ขณะเจ้านั่นดูหล่อแบบสุขุมนุ่มลึก
คงจะเป็นพวกเด็กภาคคอม ไม่ก็ปิโตร
“พี่ครับ พี่คนนี้เขาทำผิดกฎหมาย ไม่ยอมดับบุหรี่สักทีด้วย” เจ้าเด็กนั่นเห็นว่าตัวเองมีแบ็กแล้วก็รีบฟ้องทันที
“...” แรกๆ ก็เอ็นดูหรอกนะ ตอนนี้เริ่มคิ้วกระตุก อยากจะตบหัวมันสักป๊าบ
“เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง น้องไปที่อื่นเถอะ อยู่ใกล้ควันบุหรี่มากๆ มันไม่ดี” คนมาใหม่โน้มตัวลงบอกเด็กชาย ก่อนจะดันหลังให้เขาออกไปจากบริเวณนี้
“ช่วยสั่งสอนพี่เขาให้ด้วยนะครับ” ขณะที่เดินจากไปอย่างลังเล ก็ไม่วายที่จะหันหน้ากลับมากำชับพี่นักศึกษาที่เขาเป็นคนพามาช่วยจัดการ
“ไม่ต้องห่วง พี่จัดการเรียบร้อยแน่นอน”
“สู้ๆ นะครับพี่” เด็กนั่นทิ้งท้ายก่อนที่ร่างจะหายลับไปจากสายตา
“หึ จะจัดการอะไรกูล่ะ”
เวลาพ่นควันไปทางไอ้เด็กเนิร์ดอย่างไม่ยินดียินร้าย ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด
“เปล๊า จะทำร้ายสุขภาพตัวเองยังไงมันก็เรื่องของนาย แต่ทีหลังเวลาดูดก็ช่วยดูดีๆ หน่อยว่า มีคนอยู่หรือเปล่า จะได้ไม่มีใครโดนควันบุหรี่มือสอง”
“ใครจะไปคิดว่า ที่รกร้างจนไม่มีใครเดินผ่านมาขนาดนี้ จะมีเด็กบ้าหลงมาล่ะวะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาหาเรื่องอะไร เวลาจึงเลิกสูบ บี้บุหรี่ลงบนพื้นผิวดำๆ ของม้าหินอ่อน
“เออ เราว่าเราเข้าใจอยู่”
“มึงอยู่ชั้นปีไหน”
“ปีสอง”
“ไม่ต้องมาพูดเราเริวอะไรเลย ขนลุก ปีเดียวกัน เรียกกูว่า เวลา แล้วกัน”
“กูชื่อติน ไม่ใช่ตีนล่ะ เรียกให้ถูก”
เจอประโยคดักคอเข้าไป เวลาถึงกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“เออ กูมีเรียนแลป ไปก่อนนะ ตีน...”
ชายหนุ่มผมดำในเสื้อนักศึกษาเยินๆ เดินจากไปพร้อมกับหัวเราะร่า
ในที่สุดก็มีคนโดนล้อชื่อเล่นเหมือนกับเขาสักที
ใครจะไปนึกว่าคนที่เขาเพิ่งเจอ จะมาเรียนแลปด้วยกัน
เพราะสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะเปิดเทอม ตอนนั้นจึงยังเป็นช่วงแนะนำประมวลรายวิชา (Course Syllabus) พวกรายละเอียดหัวข้อที่จะเรียน การสอบ การตัดเกรด และเอกสารการเรียนต่างๆ
ซึ่งแน่นอนว่า เวลาไม่ได้เข้าเรียน ได้แต่ฝากเพื่อนเก็บเอกสารมาให้ ก็เลยไม่รู้ว่ามีพวกเด็กคณะวิทยาศาสตร์ ภาคเคมีเทคนิคมาเรียนด้วย
และเจ้าแว่นนั่นก็ดันบังเอิญอยู่ในพวกที่มาร่วมเรียนกับภาคเขาเสียด้วยสิ
ได้ข่าวว่าปกติแล้วเวลาตัดเกรดรวมกัน วิศวะมักจะได้คะแนนดีกว่า ถ้าเทอมนี้เขาดันแพ้พวกเด็กวิทยา เห็นทีว่าจะได้อับอายขายขี้หน้า
เพราะมัวแต่ไปเถลไถล นั่งเปิดดูของแจกจากระบบที่ได้มาที่ล็อกเกอร์ในห้องภาค กว่าเขาและเพื่อนๆ จะเข้ามาถึงห้องแลป ก็ใกล้เวลาเริ่มเรียนพอดี
เวลาจ้องหน้าตินที่อยู่รวมกลุ่มกับพวกแก๊งเด็กวิทยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไม่แปลกใจเลยที่มันจะเนิร์ดแบบภูมิฐาน เป็นพวกนักวิทยาศาสตร์นี่เอง
“เอาละ แต่ละโต๊ะจะแปะรหัสนักศึกษาของพวกคุณไว้ ไปประจำโต๊ะแล้วเตรียมเริ่มการทดลองได้ สงสัยอะไรก็เรียกทีเอได้ทั้งสองคนล่ะ” หลังจากบรรยายขั้นตอนการทดลองคร่าวๆ ที่จะทำกันวันนี้เสร็จ อาจารย์ก็บอกให้นักศึกษากระจายตัวไปตามโต๊ะต่างๆ ส่วนพี่ทีเอที่พูดถึงก็คือผู้ช่วยอาจารย์ที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทของคณะ
เมื่อหาโต๊ะของตนเจอ เวลาจึงได้รู้ว่าแลปนี้จัดโต๊ะแบบคละคณะ ให้วิศวะสลับกับวิทยา และไอ้คนที่มาอยู่ข้างๆ เขา ดั๊นเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกัน
โชคดีที่แลปนี้เป็นแลปเดี่ยว ไม่ต้องทำงานร่วมกัน
“เจอกันอีกแล้วนะ เวร”
“เพิ่งรู้จักกันก็ด่ากันเชียวนะ” คำทักทายของเด็กวิทยา ทำให้เวลาคิ้วกระตุก เขาวางสมุดบันทึกผลแลปและปากกาลงบนโต๊ะ
“ชื่อมึงมันยาวไป เรียกสั้นๆ แบบนี้แหละ ง่ายดี”
เวลาส่งนิ้วกลางไปให้ตินพร้อมกับทำปาก คอวอยอ แบบไม่มีเสียง ก่อนจะหันมาสนใจอ่านขั้นตอนการทำแลปที่ระบุไว้ในหนังสือโดยละเอียด
วิชาปฏิบัติการทางเคมีสำหรับเคมีวิศวกรรม แอดวานซ์กว่าวิชาปฏิบัติการทางเคมีตอนปีหนึ่งขึ้นมาหน่อย แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กัน เลยไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก
น่าเบื่อก็ตรงต้องจดผลการทดลองและวิเคราะห์ผลนี่แหละ
[ระบบดีใจที่เห็นโฮสต์ตั้งใจเรียน]
=*=
[ยินดีด้วยที่ทำภารกิจที่หนึ่งสำเร็จลุล่วงมาด้วยดี ระบบขอมอบภารกิจที่สอง อ่านหนังสือเตรียมความพร้อมก่อนเรียน ให้แก่โฮสต์ ของรางวัลคือแต้ม 20 แต้มต่อการเตรียมการวิชาเรียนหนึ่งวัน บทลงโทษคือ ถูกหักอายุขัย 2 ปีต่อการขาดการเรียนรู้ล่วงหน้าหนึ่งวัน]
หลังจากจบคาบแลปสูบพลังวิญญาณ ระบบก็ไม่เว้นช่วงให้เขาได้พักหายใจ จัดการให้แต้มสิบแต้ม และส่งต่อภารกิจใหม่ให้ทันที
โอ๊ยยย กะจะไม่ให้เขาได้ไปเที่ยว ไปสังสรรค์กับเพื่อนเลยหรือไง!
[โฮสต์เที่ยวมาเยอะแล้ว ถึงเวลาจริงจังกับการเรียนสักที]
สุดท้ายก็จบลงตรงที่นักศึกษาหนุ่มคณะวิศวะปีสองกลับถึงบ้านไวกว่าปกติ ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก พ่อแม่ยังไม่กลับบ้านจากการทำงานประจำ
หดหู่ หดหู่ หดหู่จนจู๋หดแล้วโว้ยยย
นั่งมองอุปกรณ์การเรียนที่ระบบมอบให้ พร้อมกับกองชีตแล้ว ก็ได้แต่นั่งเล่นหำตัวเองอย่างหดหู่
เกิดมายังไม่เคยอ่านหนังสือล่วงหน้าเลย พึ่งแต่วันไนต์มิราเคิลมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนจึงจะผ่านพ้นมันไปได้
“ระบบ ภารกิจนี้มันต้องอ่านแค่ไหนถึงจะผ่าน อ่านรอบเดียวก็พอใช่มั้ย”
[โฮสต์ต้องอ่าน เข้าใจ และสามารถจำได้ จนถึงคาบเรียนเริ่มในวันพรุ่งนี้ จึงจะถือว่าสำเร็จ]
“ถ้าอ่านแล้วเข้าใจง่ายแบบนั้น จะมีอาจารย์ไปไว้ทำไมกัน ไม่ต้องเข้าเรียนกันแล้วม้างงง”
[เข้าใจในกรณีนี้คืออ่านแล้วจับใจความได้ พอเห็นภาพ ไม่จำเป็นต้องบรรลุขนาดนั้น หากโฮสต์อ่านจนผ่านเงื่อนไขแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนให้เอง]
“เฮ้อ...”
ได้ยินดังนั้น เวลาก็ถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ใจปนกับโล่งใจ ใช้นิ้วเขี่ยๆ ชีตเรียนของวันพรุ่งนี้พร้อมกับเปิดไอแพดดูไปด้วย
ทั้งไอแพด ปากกา ไฮไลต์ ไม้บรรทัด สมุดจด เครื่องพรินต์ขนาดพกพา ล้วนถูกบรรจุอยู่ในชุดอุปกรณ์การเรียนที่ระบบมอบให้
เพราะไม่ได้อ่านหนังสือมานาน สมาธิจึงค่อนข้างจะไม่คงที่ ว่อกแว่กหยิบมือถือมาไถไปมาบ้าง แต่ความเงียบ บวกกับเสียงพลิกหน้ากระดาษ และเสียงขีดเขียน ทำให้แม่ที่เพิ่งกลับบ้านมา และย่องมาดูลูกที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะกลับบ้านก่อนเธอต้องตกใจ
เธอปล่อยประตูให้เปิดแง้มไว้อย่างนั้น ก่อนจะวิ่งตึงตังลงไปหาสามี และโวยวายด้วยเสียงอันดังลั่น
“พ่อๆ โลกจะแตกแล้ว ลูกเรามันอ่านหนังสือ!!”
“หนังสือการ์ตูนอะนะ?”“หนังสือเรียนนี่แหละ ชีตเรียน แถมยังไฮไลต์อีก น้ำต้องท่วมแน่ๆ” กมลฉันท์ หญิงวัยสี่สิบห้าที่หน้าเด็กและยังสวยเหมือนคนอายุไม่ถึงสามสิบตาเบิกกว้าง มือลูบหน้าอกตัวเองอย่างใจหายใจคว่ำ
“ก็คงจะมีควิซไม่ก็สอบย่อยแหละมั้ง”
“ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ก็ขึ้นไปดูเองเลยสิ” เธอเริ่มโวย “ลูกเราขยันขึ้นจริงๆ”
“ผมเชื่อคุณอยู่แล้ว” ธัชพล พ่อของเวลาทำเสียงอ่อย ปลอบให้คนรักเลิกของขึ้น ไม่งั้นเกรงว่าจะอดกินข้าวเย็น “ลูกเราตั้งใจเรียนก็ดีแล้ว เราก็อย่าไปกวนเขาเลย”
ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะทำหน้าที่ของตนไปเงียบๆ ไม่ทำเสียงดังรบกวนลูกชายที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสืออีก สงสัยคงเพราะเกรดที่ทำให้เขาเกือบจะถูกรีไทร์ จึงหันมาฮึดสู้ได้ในท้ายที่สุด
เวลา ลูกของพวกเขาเคยเป็นเด็กที่เรียนค่อนข้างจะเก่งมาโดยตลอด แม้จะเกเร ชอบไปนอนค้างบ้านเพื่อน ไปเที่ยวเตร่อยู่บ่อยๆ แต่ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ไปลงติวเข้ม ติวข้อสอบเสียมากมาย จนสอบเข้าในคณะที่มีคะแนนสูงได้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะวิชาเรียนในมหาวิทยาลัยมันยากเกินไป หรือเพราะอะไรกันแน่ ลูกชายของตนจึงได้เกรดตกต่ำลงถึงเพียงนี้ จะให้พวกเขาโทษลูกตัวเองเสียทีเดียวก็ไม่ถูก เพราะได้ยินกิตติศัพท์ความยากของมหาวิทยาลัยนี้อยู่เหมือนกัน มีคนต้องดร็อปเรียน หรือเรียนไม่จบก็หลายคน
ได้เห็นลูกของตนขยันขึ้นมาบ้าง ก็ได้แต่หวังว่าจะช่วยให้เขารอดพ้นจากการรีไทร์ได้ละนะ...
คู่สามีภรรยาคิด โดยหารู้ไม่ว่า... ที่ลูกของตนขยันน่ะ เพราะถูกระบบเด็กเรียนบีบบังคับต่างหากล่ะ
บทส่งท้าย ภาคเรียนที่สองผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเวลาดำเนินไปคล้ายๆ กับภาคเรียนที่หนึ่ง ต่างกันแค่มีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น ภารกิจของระบบเด็กเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะซ้ำๆ ไม่ได้แปลกแหวกแนวให้เขาต้องไปกู้โลกอะไร ส่วนระบบเด็กเกรียนนั้น ได้โผล่ออกมาอีกสองครั้งสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้แลกยันต์เพิ่มโชคลาภมาได้ครบห้าอัน และใช้มันเพื่อให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองเป็นที่เรียบร้อย หากไปบอกใครเข้า เขาก็คงงงว่า ทำไมแค่แกล้งคน ก็ได้เงินด้วย ได้ตั้งสองแสนบาทแน่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับตินก็ราบรื่นดี มีงอนกันบ้างนิดหน่อย แต่ง้อบนเตียงก็หาย ถ้าเป็นเรื่องที่หนักๆ หน่อย ก็เคลียร์ใจกันทั้งวันทั้งคืนเอา “ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวไหนกันวะ” ธีโอถามเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังเคลียร์ของในล็อกเกอร์ที่ห้องภาคกันอยู่ “กูจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นเรียบร้อย” คิขุว่า “ไม่ไปไหนอะ กิน ขี้ ปี้ นอน แดกเหล้าพอ” ภูเขาตอบ “แล้วมึงอะ ไอ้เวร” ธีโอหันมาถามคนที่กำลังพิมพ์แชทในมือถืออยู่ “ก็คงเที่ยวในประเทศนี
32อวดผัวแม้แต่กับเด็ก วันต่อมา วิธีของเวลาใช้ได้ผลกับแค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนที่สามที่เขานำวิธีนี้ไปใช้ด้วย ถึงกับลุกหนี และไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ เวลาลองต่ออีกสองคน โดยพยายามหาวิธีใหม่ๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนคนสุดท้ายนั้น ยอมรับยาของเขาไป แต่ยังไม่ได้ใช้ต่อหน้า และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนหรือเปล่า แต่เขาไม่ห่วงเรื่องยาวิเศษจะถูกเอาไปตรวจสอบหรอกนะ เพราะว่าของจากระบบ หากถูกขโมยไป หรือถูกนำไปใช้โดยคนที่เวลาไม่ได้มอบให้ ก็จะสลายหายไป [เมื่อวานโฮสต์ทำสำเร็จไปสามราย ยินดีด้วยนะโฮสต์] หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ระบบก็แจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ ซึ่งหมายความว่า คนสุดท้ายได้ลองกินยาของเขาเรียบร้อยแล้ว T.Tin: วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอ Vaela: อื้อ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบไปหาที่คอนโดเลย T.Tin: รีบๆ มาล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน เพียงแค่อ่านข้อความไลน์ เวลาก็จินตนาการภาพของหมาขี้อ้อนขึ้นมาได้ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่า ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนได้อีก ถึงแม้เขา
31ภารกิจกู้โลก [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดี ไม่ตายไปเสียก่อน ระบบขอมอบภารกิจที่เจ็ด ซึมเศร้าฝังลึก เปลี่ยนเด็กซึมให้กลับมาเป็นเด็กเรียน ของรางวัลคือแต้ม 40 แต้มต่อการช่วยเหลือคนหนึ่งคน บทลงโทษคืออายุขัยสั้นลง 2 ปี และถูกจั๊กจี้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ติดกัน 7 วัน] [เนื่องจากภารกิจนี้มีความยากค่อนข้างสูง ระบบจึงขอส่งตัวช่วยพิเศษ ผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว ให้โฮสต์ได้ใช้งานเป็นเวลาทั้งสิ้นสองวันเต็ม] เวลาเปิดอ่านรายละเอียดของภารกิจหลักที่ค่อนข้างจะแปลกไปในครั้งนี้ ก่อนจะเข้าใจว่า ทำไมระบบเด็กเรียนถึงได้ปล่อยภารกิจนี้มา อัตราการฆ่าตัวตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโรคซึมเศร้า เป้าหมายที่ระบบต้องการให้เขาไปเปลี่ยนแปลง คือนักศึกษาที่เคยเรียนเก่งมากๆ มาก่อน แต่เมื่อผลการสอบหรือเกรดผิดจากความคาดหวัง จึงเกิดการเสียศูนย์ รู้สึกกดดันจากรอบข้าง บวกกับสารในสมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด แน่นอนว่า นักศึกษาเหล่านั้นได้เข้ารับการรักษาโรคแล้ว แต่เมื่อพยายามจะออกกำลังกาย พยายามจะทำตามที่หมอบอก
30ติวสอบกันยันเช้า อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงการสอบปลายภาค ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่านักศึกษาจะต้องขยันอ่านหนังสือสอบกันเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้วันสอบ สภาพของแต่ละคนก็ยิ่งดูไม่ได้ หน้าไม่ได้แต่ง เสื้อไม่ได้รีด ผมไม่ได้สระ ตาโหลยิ่งกว่าหมีแพนด้า มันหน้าแผล็บเหมือนคนไม่ได้ล้าง เวลาก็เป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ต่อให้ดูหล่อเถื่อนอยู่ตลอดเวลาแค่ไหน แต่ยามนี้กลับตาโหลเป็นพิเศษ หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าช่วงสอบกลางภาค “สภาพมึงดูไม่ค่อยจะได้เลยนะ” ต้าทักเวลา เขาเป็นเพื่อนร่วมภาคที่ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็มักจะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ “มึงสิ หนักกว่ากูเยอะ” เวลาส่ายหัวให้กับคนไม่ดูตัวเอง สภาพแม่งยิ่งกว่าซอมบี้ นี่ถ้าใส่เสื้อผ้าขาดๆ หน่อย คงไปถ่ายหนังเป็นซอมบี้ตัวประกอบได้เลย “หึ! ไฟนอลนี่แหละ จะเป็นตัวตัดสินว่า กูจะเอฟไม่เอฟ” ต้าชูกำปั้นขึ้นระดับไหล่ ตามองขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในอานิเมะ ต้านี่ก็บ้าดีเดือดเหลือเกิน คะแนนต่ำก็ไม่คิดจะถอน ดันตัดสินใจสู้สุดฤทธิ์ เพราะเห็นเวลาเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้อ
29วิธีใช้โปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ถูกต้อง ‘ทำยังไงให้แฟนรักแฟนหลง’ ข้อความนี้ถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหาของโปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ได้มาจากระบบเด็กเกรียน [โฮสต์อย่าใช้โปรแกรมแบบผิดๆ สิ] จะไปใช้กูเกิลทำไม ในเมื่อมีโปรแกรมดีๆ แบบนี้ซะอย่าง เวลาเคยลองเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไปในการเรียน ไปยันข้อมูลที่ไม่น่าจะมีได้อย่าง รายชื่อสายลับซีไอเอ ข้อมูลเดินบัญชีลับของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง หรือแม้แต่ข้อมูลแปลกๆ อย่าง งานวิจัยลับทดลองสร้างมนุษย์โคลนเวอร์ชันหกสิบเก้า หรือวิธีทำคุณไสยแบบโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย [แต่พวกที่เป็นฮาวทู เป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต่อให้ค้นหาในโปรแกรมนี้ มันก็เชื่อไม่ค่อยจะได้นะโฮสต์] เอาน่า แค่อ่านเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะทำตามสักหน่อย บอกปัดระบบเสร็จ เวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลที่ตนได้มาจากการเซิร์ชอย่างรวดเร็ว กวาดตาเก็บทุกรายละเอียดฝังลึกไว้ในหัวเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ อะแฮ่มๆ ลืมบอกไปเสียสนิทว่าเขากับตินน่ะ... เป็นแฟนกันแล้วววว หลังจากที่สารภาพแล้วเดินหนีไปหาเปเป้ พวกเขาก็ไม่ได
28คำอธิษฐานที่อยากบอก คนที่ยึดถือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่ทำร้ายแม่น้ำเด็ดขาด ตอนนี้กำลังกลับคำพูด เวลามองบ่อน้ำของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบลอยละล่องอยู่เต็มไปหมดอย่างใจลอย ลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ควรจะมาลอยคนเดียวจริงๆ เพราะมีแต่คู่รักเต็มไปหมด ทั้งเด็กมอปลาย ทั้งเด็กมหาวิทยาลัย เห็นแล้วมันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน แต่ปีนี้เวลาไม่อิจฉาหรอก เพราะเขาก็มีคนมาลอยด้วยเหมือนกัน ไม่นึกว่าการแค่ชอบใครคนหนึ่ง จะทำให้รู้สึกใจพองฟูได้มากขนาดนี้ หลังจากจบเหตุการณ์รับน้องของภาควิชา เขากับตินก็ได้เจอกันแค่ในแล็บ กับในสนามบาสของคณะวิศวะเพียงบางครั้งเท่านั้น วันๆ ของเขาหมดไปกับการทำภารกิจตั้งใจเรียนของระบบ สิ่งที่เยียวยาจิตใจได้เพียงอย่างเดียว เห็นจะเป็นการแชร์คลิปตลกๆ คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารักให้ตินได้ดู และเห็นอีกฝ่ายกดรีแอ็กชันหัวเราะหรือหัวใจตอบกลับมา การสังสรรค์ในวงเหล้ากับเพื่อนก็ไม่สนุกเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะในใจเอาแต่คิดถึงคนที่ตัวเองชอบ แม่งเอ๊ย! เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนมีความรักถึงรู้สึกว่าโลกทั้ง