พี่ชายที่ดีต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องชาย แต่ภาพลักษณ์ชื่อเสียงบัดซบของเปิ่นหวางต้องเก็บให้มิด อย่าให้น้องน้อยได้รู้เด็ดขาด เพื่อหลีกหนีบัลลังก์ เขาจึงเลือกเป็นคนบัดซบที่สุดในแผ่นดิน เพราะเขาไม่ใช่คนของแผ่นดินผืนนี้ กลับเป็น… จอมเวทหนุ่มวัยสามสิบจะถูกบีบ จดต้องหนีตาย แต่ดันไม่ตายกลับมาอาศัยร่างที่หน้าตาเหมือนกับวัยเด็กของตนราวกับฝาแฝด ใช่แล้ว...เขากลายเป็นเด็กหนุ่ม ที่แปะป้ายด้วยตำแหน่งท่านอ๋อง แถมมีโอกาสถูกลากไปฆ่าได้ทุกเวลา แค่นั้นไม่คณามือจอมเวทผู้นี้ เขาจะหาทางกลับบ้านไปให้ได้ ไปไล่เตะตาแก่บ้าอำนาจคนนั้นให้ได้ สัญญาด้วยเกียรติของเจ้าบ้านตระกูลวินเซอร์ที่เขาเพิ่งได้ตำแหน่งมาสองวันเลย งานนี้จากคุณชายผู้หยิ่งยโสกลายเป็นท่านอ๋องสถุล เสเพล หาคำชมไม่ได้ ในแผ่นดินไม่มีใครรู้จักคำว่าคนบัดซบที่ดีเป็นยังไงเท่าชินอ๋องผู้นี้ จนพังพอนเหลืองจับเขายัดเข้าสำนักฝึกยุทธ แต่เขาก็จะเป็นท่านจอมยุทธบัดซบให้ดู
View Moreจูเฉิงเยว่ไม่ต้องการเรียกพี่ชายผิดคน เขากระโจนเข้าจัดการจู่โจมว่าที่พี่ชายอย่างไม่ให้ตั้งตัว ฉุดกระชากเปลื้องผ้า จนคนที่บอกว่าเป็นพี่ชายถึงกลับเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ท่อนบนเปลือยเปล่ายืนมึนงงไม่เข้าใจการกระทำของน้องชายตัวเอง
ว่าที่น้องชายหมุนตัวว่าพี่ชาย จดจ้องไปที่เอวด้านหลังขวาตาเขม็ง บริเวณนั้นปรากฏปานแดงขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือรูปร่าง คล้ายไม่คล้ายพยัคฆ์ไม่คล้ายสิงห์ รูปดั่งเช่นกิเลนผงาด เหมือนที่มารดาบอกไม่ผิดเพี้ยน
ไม่ผิดคนแน่!!!
ทันทีที่ยืนยันตัวตนถูกต้อง น้ำตาหยดใหญ่ร่วงใส่หลักฐานที่ยืนยันความจริงต่อหน้าเฉิงเยว่ เขานึกจินตนาการอยู่ตลอด
ภาพในความฝันที่มีพี่ชายคอยปกป้องเขา พี่ชายที่ต่อยตีกับผู้อื่นที่มารังแกเขา
ภาพที่พี่ชายปกป้องเขา ภาพที่พี่ชายเล่นสนุกกับเขา
เขามีพี่ชายแล้วจริง ๆ
“ต้าเกอ!!!”
เยี่ยหยางที่รอน้องน้อยยอมรับความสัมพันธ์ จู่ ๆ ก็ถูกเปลื้องผ้า พลิกซ้ายพลิกขวา จากนั้นก็ร้องไห้โฮใส่ จนคนเพิ่งเป็นพี่ชายหมาด ๆ มึนงง รับมือไม่ถูก ได้แต่ดึงตัวมากอดปลอบ
“โอ๋ ๆ ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่าย ๆ หรอกนะ”
มือคู่กุมใบหน้าเฉิงเยว่ นิ้วโป้งปาดน้ำตาใสที่ร้องไห้โฮกลายเป็นเด็กน้อย “แก้ผ้าพี่เสร็จแล้วร้องไห้เนี่ยนะ?”
“ข้าไม่ได้ร้องนะ ฝุ่นเข้าตาต่างหาก” จูเฉิงเยว่สะบัดตัวหลบไม่ยอมรับหรอกว่า เขาดีใจมากจนกั้นน้ำตาไม่ได้
“ไม่ร้องก็ไม่ร้อง มานี่มา” เยี่ยหยางใส่เสื้อผ้ากลับเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าทำไมเฉิงเยว่ถึงต้องทำแบบนี้ แต่ถ้าเป็นการทำให้น้องชายยอมรับเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเรียกเฉิงเยว่มาหาให้น้องชายตัวโตนั่งตัก “เสี่ยวเฉิงดูมือข้า”
จูเฉิงเยว่มองมือพี่ชายตามที่บอก แม้ว่าจะเขินอายที่ตัวเองโตแล้วกลับเพิ่งได้นั่งตักคนเป็นพี่ แต่ก็นั่งลงอย่างไม่อิดออด
ไม่มีใครเห็นสักหน่อยว่า ข้านั่งตักท่านพี่
เยี่ยหยางร่ายเวทซ่อมแซมทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ขาดแหว่งเปื้อนเลือด กลับกลายเป็นเสื้อที่ไร้รอยขาดและคราบโลหิต
“ยอดเยี่ยมหรือไม่?” คนเป็นน้องได้แต่ตื่นตาตื่นใจกลับสิ่งใหม่ที่เพิ่งได้เห็น เบิกตากว้างอย่างสนใจ
“ข้าอยากทำได้บ้าง”
“เจ้าทำได้แน่นอน พี่จะสอนเจ้า แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ” เยี่ยหยางเคาะปลายจมูกอย่างเอ็นดูบอกเด็กน้อย แล้วถามเรื่องที่เขาเห็นน้องชายออกมาจากเทียนถูหวู่ ก่อนจะสะกดรอยติดตามเขา “เจ้าออกมานอกเทียนถูหวู่ทำไม บอกพี่ได้หรือไม่?”
“อ๊ะ...ข้านัดกับท่านแม่ แย่แล้ว!” จูเฉิงเยว่นึกถึงนัดหมายที่ต้องไปพบก็ตกใจ
เขาลืมไปเลย
“เกอ...หยางเกอเกอ” เขายังไม่กล้าเรียกพี่เต็มปาก
“หืม”
“ไปหาท่านแม่กับข้าน้า” จากเด็กที่หยิ่งยโสไม่เห็นหัวใคร แทบจะกลายเป็นเด็กน้อย เมื่ออยู่กับครอบครัวเอ่ยอ้อนพี่ชายคนใหม่ ทำตาปริบ ๆ เรียกคะแนนความน่ารักน่าเอ็นดูให้พี่ชายหลง
“ไป ตกลง”
ส่วนคนเป็นพี่ชายมือใหม่เจอทักษะลูกอ้อนของน้องชายก็แทบละลาย ตกหลุมพรางน้องน้อยเข้าเต็มเปา โอบอุ้มน้องชายตัวโตหายไปในพริบตา
พี่น้องคู่นี้หายไปจากอาณาเขตของเหวินชาอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งคู่คงลืมไปแล้วว่าต้นเหตุอย่างนักฆ่าอีกห้าคนยังอยู่ในกำมือของกู้ซีเจ๋อที่รับฝากอย่างเอ็นดู
“จุ๊ ๆ เหล่าหยาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าไอ้หมอนี่ร่ำรวยไม่ใช่เล่นเลยน้า” หวงฉีเจิ้งจับตะเกียบเคาะชาม มองสหายด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เยี่ยหยางเงยหน้าขึ้นจากชามข้าว “หืม? แล้วเจ้ารู้ว่ามีเท่าไหร่บ้าง?”“หารส่วนแบ่งกับเจ้าคนละครึ่ง คุณชายอย่างข้าสร้างหอข่าวได้สมบูรณ์เสร็จสรรพเลยทีเดียวล่ะ”“มากกว่าบ่อนโกโรโกโสนั่นอีกนะเนี่ย” รอยยิ้มหายนะวาดอยู่บนใบหน้าของเยี่ยหยาง “ข้าไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าขยายสาขาเพิ่มในเป่ยฉินแล้วสิ แถมมีเงินมีทองไปซื้อขนมให้เสี่ยวเฉิงเหลือเฟือเลยสินะ”เนื้อกวางทรายขาวคีบเข้าปากเยี่ยหยาง ก่อนจะเอ่ยต่อ “โอรสในฮ่องเต้กับฮองเฮาจะมีทรัพย์สมบัติน้อยได้อย่างไร”“นั่นสินะ”ซู๊ดดด… น้ำแกงรสกลมกล่อมไหลลงคอหวงฉีเจิ้งอย่างนุ่มนวล “เจ้าว่าข้าไปเป็นองค์ชายบ้างดีมั้ย?”“กริยาอย่างเจ้าหรือ? ขุนนางยังไม่ได้เป็นเลย” เยี่ยหยางมองอี๋ใส่สหายที่ซดน้ำแกงเสียงดัง หมอนี่ไม่เคยรักษามารยาทต่อหน้าเขาบ้างเลย“ต่อหน้าเจ้าต้อ
“ไป กลับกันเถอะ กลิ่นขยะที่จินโจวเหม็นคุ้งจะแย่แล้ว” เยี่ยหยางคล้องคอหวงฉีเจิ้งเดินละลิ่วออกไปโดยไม่สนใจอ๋องขี้ขโมย“หยุด!!! ให้เปิ่นหวาง”เปิ่นหวางไม่หยุดเจ้าจะทำไม! เยี่ยหยางไม่ฟังน้ำเสียงสั่งที่ฟังดูแล้วเหมือนคนบ้า เขาไม่สนใจไอ้บ้านี่แม้แต่น้อย“ไอ้สวะสองตัว หยุดเดี๋ยวนี้!!! หากพวกเจ้าสองคนก้าวออกไปจากที่นี่ พวกเจ้าและครอบครัวก็ตาย!!”เยี่ยหยางหยุดกึก ชะงักก้าวเดินทันทีตอนแรกเขาก็แค่โมโหนิดหน่อยที่มีคนมาขโมยของต่อหน้าเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่เอาของคืนก็ปล่อยไอ้บ้านี่ไปได้แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะไม่โมโหนิดหน่อยแล้วเพราะตอนนี้ท่านอ๋องบัดซบเดือดแล้ว…จุดแข็งของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว…จุดอ่อนของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว …จุดเดือดของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัวดังนั้นแล้วหนทางข้างหน้าของอ๋องแห่งจินโจวผู้นี้ช่างมืดมนนัก ที่รนหาที่สมัครสมาชิกมีรายช
หวงฉีเจิ้งกวาดสายตามองกองหินหยาบหลายกอง เดินตรงดิ่งเข้าไปหยิบหินก้อนเล็กก้อนกลางโยนใส่รถเข็นที่เสี่ยวเอ้อเข็นตามหลังมาอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนหยิบคว้าก้อนไหนได้ก็จับใส่ หารู้ไม่ว่าสายตาของเขามองทะลุปรุโปร่ง หินหยาบทุกก้อนมีมูลค่ามากกว่าราคาที่จ่ายจริง“เจ้าไปยกหินก้อนนั้นให้ข้า” น้ำเสียงสบาย ๆ สั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกหินหยาบก้อนใหญ่ขนาดสูงเท่าตัวคน “ไม่ใช่ ๆ ข้าอยากได้ก้อนนั้น นั่น ๆ อีกก้อนด้านขวามือเจ้า”“นั่น ๆ ก้อนนั่นแหละ ยกมารวมกับหินหยาบที่ข้าเลือกไว้เลย”เสี่ยวเอ้อมองนายท่านที่ผอมแห้งดูไม่เอาผ่านเดี๋ยวคว้าหยิบเดี๋ยวจับโยนเดี๋ยวยกมือชี้เลือกพนันหินอย่างไม่ต้องสังเกตคัดเลือกเหมือนนักพนันหินคนอื่น ๆ อย่างมึนงงตั้งแต่มันทำงานในบ่อนพนันหินไม่เคยเจอนักพนันคนใดที่เลือกหินได้ชุ่ย ๆ ขนาดนี้ อย่างน้อยคนที่พนันต้องมีสังเกตดูสีดูน้ำหนักหินบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนผู้นี้กับเลือกหินอย่างกับเลือกหัวผักกาด ไม่รู้ว่าหินที่เลือกมาข้างในจะมีค่าหรือไม่ส่วนทางฝั่งของเยี่ยหยางที่ไม่ได้มีสายตาที่พิเศษเฉียบคมเช่นสหายก็มีวิธีการของตัวเองใน
เขาเพียงพลังเวทเล็กน้อยก็ควบคุมลูกเต๋าเหมือนอยู่ในกำมือ จะให้ออกผลเท่าไหร่กี่แต้มก็จัดการได้เพียงแค่กระดิกนิ้วเบา ๆ“เปิด ๆ” เสียงเชียร์ดังลั่นเพราะเงินเดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่น้อย หากเป็นชาวบ้านธรรมดาตำลึงเงินตำลึงทองเหล่านี้สามารถเลี้ยงครอบครัวสิบคนได้เป็นหลายสิบปีอย่างฟุ่มเฟือยกระบอกลูกเต๋าคว่ำลงบนโต๊ะแล้ว เจ้ามือค่อย ๆ เปิดกระบอกอย่างช้า ๆ ครานี้มันหาเงินเข้าบ่อนได้มากโขแล้ว?ลูกเต๋าเผยโฉมต่อทุกสายตา ตั้งเรียงสูงเป็นแถวตั้งตรง หน้าแต้มของเต๋าลูกบนคือหกแต้มเห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาในบริเวณนี้ แต่เต๋าอีกสองลูกยังเป็นปริศนาเจ้ามือที่เห็นผลลูกเต๋าก็ขมวดคิ้ว มันมั่นใจว่าตัวเองควบคุมแต้มเต๋าให้ออกต่ำที่สุด แต่แต้มเต๋าที่เผยออกมาส่วนหนึ่งทำให้มันรู้สึกไม่ค่อยดี“เปิดต่อ ๆ เลย” เยี่ยหยางเร่งด้วยน้ำเสียงร้อนรน การแสดงที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ ไม่มีใครสงสัยแม้แต่น้อยเจ้ามือที่ได้รับสายตากดดันทั่วสารทิศ เอื้อมมือที่หนักอึ้งในความรู้สึกของมันไปหาเต๋าลูกบน กลั้นใจคว้าหยิบในทีเดียว แต่ผลที่ออกมา…หกแต้ม!
เศรษฐีอ้วนที่แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับทองอร่ามเต็มตัวคือ มู่หรงเยี่ยหยางชินอ๋องแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย ส่วนสหายผอมแห้งดูเสเพลไม่เอาถ่านคือ หวงฉีเจิ้งเจ้าของหอข่าวซินเหวินที่กำลังมีอำนาจแผ่กระจายไปหลายแว่นแคว้นทั้งสองเดินตามเสี่ยวเอ้อแนะนำมายืนหน้าโต๊ะกว้างที่ขีดตารางแบ่งช่องเป็นตัวเลขและตัวอักษรที่ขีดเขียนว่าสูงและต่ำ“นายท่าน โต๊ะนี้การร่วมเล่นสนุกง่ายนัก เพียงแค่ท่านเดาว่าเจ้ามือจะทอยลูกเต๋าได้แต้มสูงหรือต่ำ ท่านสามารถวางเงินเดิมพันตรงช่องที่ท่านทาย หากท่านทายถูกก็จะได้รางวัล หากทายผิดก็จ่าย อัตราการทายแต้มห้าต่อห้านั้นช่างง่ายดายและน่าสนุกมากขอรับ”“อ๋อ แล้วช่องตัวเลขล่ะ” เยี่ยหยางแกล้งโง่งมไม่รู้วิธีการ แต่หารู้ไม่ว่าเชี่ยวชาญชำนาญยิ่งกว่าเจ้ามือ บ่อนหลายแห่งของซีเว่ยแค่เห็นเงาชินอ๋องก็ปิดทำการบ่อนชั่วคราวทันที รอเทพบัดซบเสร็จกลับไปให้ไกลถึงกล้าแง้มประตูแต่เมืองจินเหมินแห่งนี้เทพเซียนผู้นี้ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน กลับไม่มีโอกาสเหมาะสมมาแวะเวียน ครานี้ได้ฤกษ์โอกาสยามดี ชินอ๋องแห่งซีเว่ยจึงได้โอกาสเยี่ยมเยือนถึงเมืองแห่งกา
เพราะไม่มีใครเห็นหวงฉีเจิ้งมาที่เหมือง เห็นเพียงเยี่ยหยางที่ถูกโทษทัณฑ์“ข้าว่าพวกเราทิ้งแร่ปิดหน้าโถงถ้ำไว้เล็กน้อยดีกว่า”เยี่ยหยางพูด จากน้ันก็ยอมเสียแร่ผลึกเล็กน้อยวางปิดหน้าโถงถ้ำเช่นเดิม มองจากข้างนอกเข้ามาในโถงเหมือนข้างในยังเต็มไปด้วยผลึกแร่ และจำนวนนั้นก็พอจ่ายให้คนในสำนักได้หลังจากนี้อีกสามเดือน ที่มองเห็นมากมายที่เหลือเป็นเพียงเวทภาพลวงตาที่ร่ายส่ง ๆ ผูกติดกับผลึกแร่จริงที่กองปิดโถงถ้ำคาดว่าเดือนที่สามเมื่อแร่ผลึกก้อนสุดท้ายหยิบออกไป คงมีใครคนหนึ่งล้มทั้งยืนที่ตรงนั้น แต่ตัวก่อเรื่องกลับไม่อยู่ในสำนักแล้ว ดูเหมือนจะมีศิษย์อกตัญญูปล้นทรัพย์สินของสำนัก แต่ใช่ว่าผู้อาวุโสที่คุมเหมืองแห่งนี้จะเป็นคนดี พวกเขาแค่ช่วยให้เรื่องมุบมิบของตาแก่คนหนึ่งแดงเร็วขึ้นก็เท่านั้นจากนั้นก็คนนอกสองคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ก็ติดตั้งค่ายกลวงเวทเคลื่อนย้ายตามจุดประสงค์เริ่มต้นที่มาที่นี่ใช้เวลาถึงสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก เพราะค่ายกลนี้เป็นวงเวทที่ซับซ้อนต้องการเคลื่อนย้ายวัตถุมีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งต้องร่างก่อให้เสถียรทุกอักขระเมื่องานเสร็จสิ้นสอง
Comments