ใบหน้าทั้งสองเห่อร้อนแดงด้วยไฟสวาทพร้อกกับความเขินอายที่กำลังปะทุล้นออกมานอกอก สองมือน้อยของพุฒิตาไม่รู้จะจัดวางไว้ตรงไหน อยากจะผลักไส แต่ร่างกายกลับแอ่นเด้งเร่าตอบสนองชายแปลกประหลาดที่เพิ่งพานพบกันครั้งแรก แม้แต่ชื่อเธอก็ยังไม่รู้จัก แต่เขากลับรู้จักชื่อเธอและเหมือนรู้จักเธอเป็นอย่างดีด้วย
“ข้าชื่ออามาร์ จำไว้ว่าข้าชื่ออามาร์ ยอดทูนหัวของข้า อื้ม...หวานเหลือเกิน” อามาร์รู้ความคิดความสับสนวุ่นวายในใจของนางทุกอย่างจึงเงยหน้าขึ้นจากความสวยฉ่ำแฉะมาเอ่ยบอกตอบและนั่นทำให้พุฒิตาตกใจจนอามาร์ต้องยกยิ้มมุมปากแล้วพูดต่ออีกครั้ง
“และข้าก็คือชายที่เจ้ารักมิว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันนับแต่นี้ เจ้าจักจดจำข้าแต่เพียงผู้เดียวพุฒิตา อื้ม...เจ้าสวยนักยอดยาใจของข้า อ่า...”
แล้วเรียวลิ้นอุ่นร้อนเวตาลอามาร์ก็ลากไล้ไปตามกลีบสวาทอวบฉ่ำ ท่อนแขนแข็งแรงที่กอดรัดเอวเล็กคอดก็ผละดันเรียวขาเล็กของแม่ยอดพธูจอมใจแยกกว้าง อีกมือที่กอบกุมเต้าก็เคลื่อนมาจับเรียวขาอีกข้างยกขึ้นพาดไหล่หนาของตนเอง
“อือ...ยะ...หยุดเถอะคุณ”
“ชูว์...เจ้ายังมิรู้อีกรึว่าแท้จริงแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดพุฒิตา อ่า...” อามาร์เงยหน้าจากความฉ่ำแฉะแสนหวานของนางในดวงใจขึ้นมาเอ่ยพูด ก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกที่เดิมอีกครั้งพร้อมเรียวลิ้นอุ่นร้อนตวัดแทรกไล้ผ่านไปตามซอกดอกไม้งามแล้วขบเม้มดูดกลืนกินเม็ดเกสรดอกไม้อวบอูมฉ่ำของนาง
“อ่า...คุณจะทำแบบนี้กับฉันมะ...ไม่ได้ คุณจะบอกว่าอดีตฉันและคุณเคย ‘รัก’ กันไม่ได้ อะ...อื้อ” กว่าจะพูดจบประโยคช่างยากลำบากเหลือเกิน
“อดีตเรา ‘รัก’ กัน ปัจจุบันต่อจากนี้ก็เช่นกันยอดพธูของข้า”
แม้ชาตินี้เธอไม่ได้นำความทรงจำกลับมาก็มิมีผลต่อตัวเขาที่จะสร้างความทรงจำและทำให้นางกลับมามีใจรักปรารถนาตนเหมือนในอดีต ตลอดเวลาที่เฝ้ารอคอยมา เขาเก็บเนื้อเก็บตัวเพื่อรอมอบวันดีๆ ให้นางผู้เดียว และตอนนี้เขาก็กำลังจักสมหวัง อามาร์ดูดกลืนกินความหวานฉ่ำของพุฒิตาที่กำลังไหลอาบล้นให้ตนเองกลืนกินก่อนจะเคลื่อนตัวมาคร่อมทับแล้วดึงรั้งเรียวแขนเล็กอ่อนแรงต่อต้านทั้งสองไปจับไขว้ไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว อีกมือผู้อมตะก็กอดเอวเล็กคอดยกรั้งขึ้นหาตนเอง ก่อนจะกดแนบสะโพกสอบแล้วกดกายความเป็นบุรุษใหญ่โตของตัวเองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแม่ยอดรักของตนเอง
“อะ...อื้อ” ความคับแน่นของนางทำให้อามาร์กัดกรามแน่นด้วยความอดทน ก่อนจะกระแทกกายแรงขึ้นเพื่อให้ตนเองลึกล้ำในกายสาวเจ้าเต็มลำกาย
“เจ็บ! อะ...อื้อ” แล้วปากน้อยก็ถูกปากหนาครอบครองปิดกลืนเสียงครวญคราง พุฒิตาบิดส่ายเอวเล็กคอดส่ายหนี แต่ก็ถูกแขนแข็งแรงบุรุษกอดรัดไว้แน่น เธอเจ็บจนไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้เช่นไรดี น้ำตาไหลอาบล้นออกทางหางตา แต่คนประหลาดก็ยังคงไม่ยอมหยุดการกระทำเห็นแก่ตัว
“อ่า...อื้อ” ปากหนาบดเร่าดูดเรียวลิ้นน้อยเบี่ยงเบนความสนใจของนางยอดรักให้ออกจากความเจ็บปวดกลางร่างสาวคับแน่นของพุฒิตา อามาร์รู้ดีว่านางนั้นเจ็บทรมานแค่ไหนเมื่อต้องมาโอบอุ้มกลืนกินความเป็นบุรุษดุดันของตัวเอง แต่ให้ถอดถอนแก่นกายอุ่นร้อนตอนนี้เห็นทีจะไม่ได้
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากทั้งสอง พุฒิตาจูบตอบริมฝีปากหนาโดยที่เจ้าตัวเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอเริ่มรู้สึกวาบหวิวและอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ยังเจ็บปวดกลางกายความเป็นสาว เอวเล็กคอดเริ่มคล้อยตามเอวสอบบุรุษ สองมือน้อยทั้งสองก็เคลื่อนมาโอบกอดร่างใหญ่เหนือร่างตัวเอง แม้จะอยากผลักไส แต่ตอนนี้เธอทำไม่ได้แล้วได้แต่เลยตามเลย เมื่อความสาวถูกพรากไปสิ้นแล้วในตอนนี้
“อ่า...อื้ม” อามาร์เคลื่อนไหวเอวสอบหนักหน่วงดุดันและอ่อนโยนสลับกันจนเกิดเสียงกระทบกระทั่งหนักหน่วงของผิวเนื้อทั้งสองที่กระทบกระทั่งเสียดสีกันและกัน
“อ่า...ดีเหลือเกินดวงใจข้า อื้ม...” อามาร์ผละออกมาเอ่ยเป่ารดใบหน้าหวานชื้นเหงื่อพร้อมโหมแรงกระแทกเอวสอบไปด้วย
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
เสียงจังหวะ เสียงครางและเสียงกระทบเนื้อของทั้งสองทำให้อามาร์โยกคลึงเร่งเร่าสาวจังหวะเอวสอบตนเอง เมื่อตอนนี้นางยอดรักเริ่มผ่อนคลายไปกับตน และยิ่งเธอแอ่นเด้งเร่ายกร่างเล็กตอบสนองก็ยิ่งทำให้เวตาลหนุ่มเคลื่อนไหวเอาแต่ใจหนักหน่วงขึ้นดุดันขึ้นกว่าเดิม
“อ่า...ดีเหลือเกินทูนหัวของข้า ซี้ด...” ปากหนากดทาบทับปิดกลืนกินเสียงร้องของสาวเจ้าอีกครั้งพร้อมกับกอดรัดยกร่างเปลือยเปล่าขึ้นหาตัวเองจนแทบจะกลืนกินเป็นเนื้อเดียวกัน เอวหนากดคลึงหนักหน่วงบิดส่ายโยกเสียวไปตามจังหวะที่เฝ้าปรารถนามานานนับสี่พันห้าร้อยปี สำหรับอามาร์แค่นี้มันยังไม่เพียงพอกับเวลาที่เฝ้ารอมา
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
ใจดวงน้อยของสาวเจ้าพุฒิตาเหมือนกับว่าได้ถูกปลดปล่อยและมีอิสระอย่างประหลาดเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงบุรุษพูดจาประหลาดที่บอกว่าเป็นคนรักตนเองเมื่อชาติที่แล้วและเขาก็อยู่รอการกลับมาเกิดของเธออีกครั้ง แม้มันจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรที่ต้องโกหก ทุกอย่างมันชัดเจน และเธอเองก็กำลังเปลือยเปล่าในอ้อมกอดบุรุษที่อ้างว่า ‘รัก’ ตนมานานนับพันกว่าปี
น้ำตาพุฒิตาแห้งเหือดเหลือไว้แต่คราบเปรอะเปื้อนหางตาและหมอนที่หนุนนอน และตอนนี้ใจของเธอมันก็เหมือนจะมีความสุขเหมือนมีพลุนับล้านระเบิดอยู่ข้างในอกและยิ่งเอวหนาของบุรุษโยกคลึงแรงเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งกอดรัดเขาแน่นขึ้นพร้อมกับจิกทึ้งเล็บยาวสวยตัวเองไปกับแผ่นหลังหนาของคนเหนือร่าง
“อ่า...อื้อ”
“สวยมากเลยครับพ่อ” เด็กชายอาชา เวตาลน้อยทายาทคนแรกของนายอามาร์ผู้เป็นอมตะอยู่มานานนับพันกว่าเกือบหมื่นปีพาลูกชายวัยหกขวบบินขึ้นมาดูพระจันทร์และแขนอีกหนึ่งข้างของเขาก็กอดภรรยาสุดที่รักด้วย แขนทั้งสองข้างของเขาตอนนี้มีไว้เพื่อกอดแม่ของลูกและลูกเท่านั้น ตอนนี้ในท้องของพุฒิตาก็กำลังมีลูกคนที่สองและเป็นลูกสาวด้วย “ครั้งหนึ่งพ่อเคยพาแม่เจ้ามายังที่แห่งนี้” อามาร์เอ่ยบอกลูกชาย แต่ตามองภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่มและพุฒิตาก็นึกย้อนไปถึงอดีตคืนพระจันทร์เต็มดวงที่เขาพาตนขึ้นมาทำลามกหื่นกามต่อหน้าพระจันทร์ “เวตาลลามก” พุฒิตาตบอกสามีเก้อเขิน หึหึ “ก็เจ้าทำให้ข้าอดใจมิไหวนี่เมียข้า อาชาลูกรักของพ่อ ถึงเวลาที่เจ้าจักต้องแสดงฝีมือให้พ่อกับแม่ดูแล้ว” อามาร์บอกลูกชายพร้อมกับปล่อยแขนข้างที่กอดอุ้มหนูน้อยแล้วเวตาลน้อยลูกครึ่งมนุษย์ก็มีป
“มันจริงเหรอยัยตา” ปพนถามลูกสาวและพุฒิตาก็พยักหน้าตอบยืนยันคำพูดของเวตาลเจ้าเล่ห์ “ฉันจะเป็นลมคุณปพน” นางทิพย์ยกมือทาบอกเอนหัวซบไหล่สามี คนเป็นสามีก็โอบไหล่ลูบปลอบ “หนูขอโทษนะคะคุณพ่อคุณแม่ แต่หนู ‘รัก’ คุณอามาร์ค่ะ และตอนนี้หนูก็กำลังท้องกับเขา”พุฒิตายอมรับความรู้สึกตัวเองต่อหน้าท่านทั้งสองแล้วเคลื่อนตัวลงจากโซฟาไปนั่งยังพื้นพรมแล้วยกมือพนมขึ้นแนบอกก่อนจะก้มลงกราบ ส่วนอามาร์ผู้ไม่เคยก้มหัวและกราบไหว้เท้าใครก็ทำตามแม่ยอดดวงใจเพื่อขอขมาทั้งสองที่ล่วงเกินลูกสาวของทิพย์กับปพน “ผมขอรับผิดชอบพุฒิตากับลูก ยกเธอและลูกให้ผมนะครับ” น้ำเสียงหนักแน่น แววตาที่จริงจังเมื่อได้สบตาทำให้ปพนต้องหันมาสบตาภรรยาแล้วก็ถอนหายใจ “เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับความจริงนะคุณ ถึงแม้จะไม่ชอบนายอามาร์ แต่ลูกเราท้องกับเขาแล
ปกติแล้วลูกสาวเป็นคนตื่นเช้าและไม่เคยเข้าบริษัทสาย แต่วันนี้รถยังจอดอยู่ นางกับสามีกลับมาจากทำบุญที่วัดก็ถามเด็กรับใช้ พอรู้ว่ายังอยู่บนห้อง นางและสามีก็ขึ้นมาเคาะประตูปลุกเอง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ปพนเคาะประตูห้องเมื่อขึ้นมาถึงหน้าห้องของลูกสาว “เป็นอะไรรึเปล่าลูก” สามีเป็นคนเคาะประตู ทิพย์เป็นคนเอ่ยถาม เงียบ! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ลูกสาวยังไม่ตอบ ปพนก็ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องอีกครั้งและก็เงียบเหมือนเดิม “เป็นอะไรรึเปล่ายัยตา ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงานลูก ไม่สบายตรงไหนบอกแม่ได้นะ” ทิพย์เอ่ยร้องถามด้วยความเป็นห่วง ก๊
“ว้าย! คุณอามาร์ คุณทำไมยังอยู่ แล้วมันกี่โมงแล้ว” เธอมองเห็นเขานั่งคุกเข่าซบหน้ากับท้องตนเองก็รีบผลักไสแล้วก็ถาม “แปดโมงกว่า” เขาตอบเธอสั้นๆ “แล้วทำไมไม่ปลุกฉัน แล้วทำไมคุณไม่กลับไป อยู่ทำไมอีก” “ข้าจักมิไปไหนทั้งนั้นเมียข้า เจ้ารู้รึไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังมีเวตาลน้อยให้ข้าพุฒิตา ข้าดีใจเหลือเกินเมียรักของข้า” อามาร์ลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงแล้วประคองคนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งพิงซบอกตนเองพร้อมกอดเอวเล็กคอดหลวมๆ คำพูดของอามาร์ทำให้เธองงไม่เข้าใจว่าเวตาลตนนี้พูดอะไรกันแน่ “คุณหมายถึงอะไรคุณอามาร์” “เจ้ามิรู้รึว่าตอนนี้เจ้ากำลังมีลูกกับข้ายอดรัก” พุฒิตานิ่งอึ้งไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้รู้ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอ ‘ท้อง’ ขนาดตัวเธอเองยังไม
บาซากลับมาหาแม่คนงามของตนเองที่คอนโดห้องพักของนางในกลางดึก ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับนักข่าวสาวได้มีความคืบหน้าขึ้นกว่าเดิมจากที่สร้างภาพฝันให้นางหลงเข้าใจผิดก่อนหน้า บาซาก็เปลี่ยนเป็นมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวแบบคนปกติทั่วไปตามคำแนะนำของนายท่านตน “มีอะไรรึเปล่าคะคุณบาซา” พิมพ์พรเอ่ยถามคนที่มาเคาะประตูห้องตนในเวลาดึก “ผมขอเข้าไปคุยในห้องได้ไหมพิมพ์พร” บาซาไม่ตอบ แต่ขอเข้าห้องสาวตรงหน้า “ฉันว่าเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ในห้องฉันไม่สะดวก”ก็ห้องของเธอรกยังไม่ได้เก็บกวาด ไม่พร้อมให้ชายหนุ่มเห็นสภาพห้องตอนนี้ “แต่ผมสะดวก”แล้วบาซาก็ผลักเจ้าของห้องเข้าไปในห้องแล้วตัวเองเดินเข้าห้องตามพร้อมปิดล็อกประตูสนิท “คุณบาซา”เธอเรียกเขาพร้อมวิ่งไปขวางทางไม่ให้เขาเดินต่อ แต่ไม่ทันแล้วเขาเห็นสภาพห้องรกๆ ของเธอแล
พุฒิตาสะดุ้งตื่นกลางดึกรีบใช้มือเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงของตัวเองทันทีเมื่อได้ยินเสียงลมพัดตีหน้าต่างของตนเองจนเสียงดัง เธอว่าเธอปิดและล็อกหน้าต่างดีแล้ว แต่ทำไมหน้าต่างถึงเปิดออก พอลงจากเตียงไปจะปิดหน้าต่างก็เห็นอามาร์บินอยู่ด้านนอกหน้าต่างตรงหน้า “คุณ!” “ข้าเองพุฒิตา” บรั่นดีขวดเดียวมิสามารถทำอะไรเขาได้ อามาร์บินมาหยุดตรงหน้าคนที่อยู่ในห้องแล้วก็ยื่นแขนออกไปกอดอุ้มนางออกมานอกห้อง ว้าย! เธอตกใจเมื่อถูกกอดอุ้มลอยออกนอกหน้าต่าง สองมือน้อยรีบกอดเอวสอบ “ข้าจักพาเจ้าไปดูโลกที่ข้าอยู่” แล้วอามาร์ก็พาแม่ยอดดวงใจบินร่อนขึ้นไปยังฟ้าเบื้องบน แม้ว่าเธอจะหวาดกลัวในตอนแรก แต่พุฒิตาก็มั่นใจว่าอามาร์จักดูแลตัวเองเป็นอย่างดี “ลืมตาและมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้าเมียข้า” อาม