'ไม่ใช่เพราะกลัวพี่จะส่งเรียนไม่ไหวหรอกหรือ'
ศักดิ์สยามถามตรง ๆ ตั้งแต่แม่จากไป เขากลายเป็นคนไม่เกี่ยงงาน รับจ้างทำทุกอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายเพื่อให้มีเงินมาจุนเจือชีวิตของสองพี่น้อง แล้ววันนี้เขาอยู่ในจุดที่ดีกว่าตอนเป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำ มีหน้าที่การงานทำที่มั่นคง เรื่องจะส่งเสียน้องสาวที่เขาเลี้ยงเหมือนลูก ให้สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดเท่าที่ใจอยากเรียน เขาจึงมั่นใจว่าตัวเองก็จะต้องทำได้ แต่สุดท้ายศีตลาก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ เพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว 'หนูรู้ว่าพี่ต้นส่งไหว แต่มันก็ถึงเวลาที่ตาลจะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ต้นด้วยแล้วเหมือนกัน อีกอย่างนะ ตาลก็อยากมีเงินของตัวเองเอาไปดูหนังกินไอติมกับลิลลี่บ้างสิ จะให้ขอพี่ต้นทุกวันก็เกรงใจแย่' เด็กสาวยืนยัน เอ่ยถึงลิลลี่ ศีตลาก็คล้ายจะได้ยินเสียงเพื่อนรักแว่วมาจากไหนไกล ๆ"ตาล ลูกตาล...ไอ้ลูกตาล!" ศีตลากระพริบตาถี่ งุนงงอยู่ครู่ก่อนจะรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังนอนบนเตียงพยาบาล ในห้องพยาบาลของวิทยาลัย เมื่อเห็นเพื่อนฟื้นตื่น ทั้งลลิตาและแก้วขวัญก็ยิ้มดีใจ โล่งอก "ใครพาฉันมาที่นี่น่ะ" คนนอนเตียงถามเสียงแหบแห้ง ลลิตารีบล้วงหยิบขวดน้ำมาเปิดตอนที่แก้วขวัญตอบคำถาม "ก็พวกเพื่อน ๆ นี่แหละช่วยกันแบกมา ตกใจกันทั้งห้อง" "แกไม่สบายหรือเปล่าลูกตาล หรือไม่ได้กินข้าว ทำไมจู่ ๆ เป็นลม" "เอ้า ๆ อย่าเพิ่งซักกันสิเว้ย! ให้ได้ตาลมันได้หายใจหายคอก่อน”ลลิตาเอ็ดเบา ๆ ศีตลาค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง รับน้ำจากมือเพื่อนไปดื่ม
“ค่อย ๆ จิบนะแก เดี๋ยวจะสำลัก”
“ฮื่อ ขอบใจมาก”
สีหน้าของศีตลาค่อยดีขึ้นเมื่อได้จิบน้ำ แก้มมีสีเลือดกลับมาจาง ๆ
“ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับน่ะ... ไม่คิดเลยว่าจะมาวูบในห้องเรียน”
“ได้กินข้าวหรือยัง”
ลลิตาถามพลางดึงมือบางเย็นเฉียบของเพื่อนไปบีบนวด
“กินแล้ว ๆ ไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ ขอบใจพวกแกทุกคนนะ”
“เออ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แล้วก็ไม่ต้องขอบใจหรอกเพราะพวกฉันก็ถือโอกาสโดดเรียนมาเหมือนกัน”
อีกคนพูดอย่างทะเล้น พอเรียกรอยยิ้มบนดวงหน้าซีดเซียวของศีตลาได้บ้าง ลลิตามองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าครุ่นคิด แต่ก็เลือกจะยังไม่ซักถามอะไรกันตอนนี้
“เดี๋ยววันนี้ฉันจะไปส่งแกที่หอเองนะตาล อาจารย์ถึงกับยอมเลิกคลาสเร็วเลย ฉันก็เลยโทรเรียกพี่ลักษ์ให้มารับแก”
“เฮ้ย...ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ลี่ หอฉันอยู่แค่นี้เอง ”
ศีตลารีบบอก หอพักของเธออยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัย นั่งรถมอเตอร์ไซค์วินหรือรถสองแถวต่อเดียวก็ถึง แต่ลลิตาส่ายหน้า
“ไม่เอา เดี๋ยวแกเป็นลมกลางทางขึ้นมาจะว่ายังไง แล้วฉันก็โทรบอกพี่ไปแล้วด้วย...อีกเดี๋ยวก็คงมาถึงแล้วล่ะ”
“แหม ๆ พอพี่ลักษ์ได้ยินว่าน้องลูกตาลเป็นลม ก็รีบบึ่งรถมาหาเลยใช่ไหมล่ะจ๊ะ ดูออกเลยนะดูออก”
เพื่อนอีกคนหยอก ลิลลี่หัวเราะคิกเพราะไม่เคยปิดบังว่าพี่ชายคนรองของตัวเองเทียวไล้เทียวขื่อศีตลามาตั้งหลายปีแล้ว ศีตลาเองก็รู้ดี แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ไม่ยอมตกลงปลงใจคบหาพี่ชายของเธอเป็นแฟนสักที
ศีตลาเองก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะรู้ว่ายังไงวันนี้เธอก็คงต้องได้เจอพี่ชายของเพื่อนแน่นอน แม้จะไม่ได้รังเกียจอะไรเขา แต่มันก็อดอึดอัดไม่ได้อยู่ดีที่ได้รู้ว่าใครคนหนึ่งมีความรู้สึกพิเศษมากกว่าความเป็นเพื่อนหรือพี่ชาย เพราะในหัวสมองและหัวใจของศีตลายามนี้และตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีพื้นที่ว่างให้เรื่องความรักกุ๊กกิ๊กแบบวัยรุ่นทั่วไปเลยแม้แต่นิดเดียว
* * * * *ไข่มุกโยนรูปถ่ายปึกหนึ่งลงต่อหน้าธาม ไม่สนว่าเขากำลังเซ็นเอกสารอยู่หรือว่าอะไร ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างระอาแกมไม่พอใจ เลขาฯ หน้าห้องชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังภรรยาสาวของเจ้านาย สีหน้ารู้สึกผิด
“เอ่อ ท่านรองฯ คะ ดิฉันขออภัยค่ะ...”
“ไม่เป็นไร”
ธามเอ่ยสั้น ๆ พลางโบกมือให้เลขาฯ ออกไปได้ เขารู้ว่าทุกคนในบริษัทล้วนเข็ดขยาดไม่อยากขัดใจ ‘คุณไข่มุก’ ภรรยาท่านรองฯ และสะใภ้คนโปรดของท่านประธานใหญ่ หญิงสาวอาจจะไม่ได้ด่ากราดใครต่อใครเหมือนเวลาอยู่ที่บ้าน แต่ไข่มุกก็มีหนทางจัดการคนที่หล่อนไม่ชอบหน้าหรือถือว่าเกะกะสายตาของหล่อนได้เสมอ เวลาที่หญิงสาวมาที่บริษัททุกคนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไปและหลีกเลี่ยงการขัดใจคุณไข่มุกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“จะอธิบายไหมว่านี่มันคืออะไร”
ธามถามอย่างเยือกเย็นเมื่อเห็นภรรยาคนสวยเอาแต่ยืนจ้องหน้าเขา ไม่ต้องปรายตาดูซ้ำสอง เขาก็พอจะเห็นแล้วว่ารูปถ่ายปึกนี้เป็นรูปของใคร
“นังเด็กนั่น น้องสาวนายศักดิ์สยาม...”
“ผมรู้ ผมจำได้ คำถามไม่ใช่ว่าใคร แต่คุณให้คนไปถ่ายรูปเขามาทำไม”
“ก็ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นใครทำอะไรที่ไหน นี่มันยังเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลยนะ เผลอ ๆ จะอายุแค่ 16-17 เท่านั้นเองมั้ง”
ธามวางปากกาในมือลง แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ เพราะรู้ดีว่าไข่มุกจะไม่ยอมออกจากห้องทำงานของเขาไปถ้ายังไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการ
“แล้วยังไง? คุณต้องการจะบอกอะไรผม”
“ไม่ต้องมาแกล้งโง่นะธาม ถ้าคุณเอาเด็กนี่เป็นเมีย ฉันจะแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์”
“ผมไม่เคยพูดว่าจะเอาเขาเป็นเมีย”
“แต่จะให้มันอุ้มท้อง! ก็ไม่ได้ต่างกันหรอก”
“คุณลูกตาลกำลังจะอายุครบยี่สิบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และถ้าถึงตอนนั้น ผมคิดว่าผมก็มีทางทำให้ทุกอย่างถูกต้องได้”
ดวงตาที่เกรี้ยวกราดของไข่มุกดูจะลุกวาบขึ้นได้อีก
“คุณลูกตาล! นี่ถึงกับเรียกมันเสียหวานหยดแบบนั้น เด็กข้างถนนแท้ ๆ นี่คุณกลายเป็นไอ้แก่บ้าตัณหาไปแล้วหรือยังไงธาม!”
ชายหนุ่มเกือบจะพูดออกมาแล้วว่า คนที่ ‘บ้าตัณหา’ ไม่น่าจะเป็นเขา แต่เขาก็ยังยั้งตัวเองไว้ได้ทัน เพราะถ้าหลุดปากออกไปไข่มุกก็คงหาเรื่องทะเลาะเตลิดไปได้อีกร้อยแปด แล้วธุระของเขาก็จะไม่จบลงสักที
“เพิร์ล คุณก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ผมอยากมีลูกกับคุณ แต่คุณอุ้มท้องไม่ได้...”
“ไม่ใช่อุ้มท้องไม่ได้ แต่ฉันไม่อยากต่างหาก พวกผู้ชายแบบคุณมันเห็นแก่ตัว ไม่ได้ลำบากอุ้มท้องเองก็พูดได้สิ พูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่ได้อยากมีลูก อยากมีลูก ทุเรศ”
“ผมยอมรับว่าผมผิดที่ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับคุณก่อนแต่งงาน...แต่เราสองคนก็มีทางเลือกนี่เพิร์ล ในเมื่อชีวิตคู่เราไปต่อกันไม่ได้เพราะเป้าหมายเราไม่ตรงกันเสียแล้ว เราก็แค่...เลิกกัน”
“คุณจะได้ไปมีเมียใหม่ที่เด็กกว่าฉันงั้นสิ”
“คุณก็จะได้ไปมีใครใหม่ที่เด็กกว่าผมด้วย ไม่ดีหรือ”
ธามย้อนถาม ครั้งแรก ๆ ที่รู้ว่าภรรยาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อชีวิตสมรส ชายหนุ่มรู้สึกแสบไหม้เหมือนมีไฟเผาอยู่ในอก... มันเป็นความรู้สึกของปุถุชนที่โดนหยามหยัน ยิ่งรู้ว่าผู้ชายแต่ละคนของภรรยานั้นเป็นใครบ้าง เขาก็ยิ่งสมเพชตัวเอง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ธามทำใจได้แล้วว่านั่นคือรสนิยมทางเพศของภรรยา และความรู้สึกเจ็บปวดของเขาก็ไม่ได้เกิดจากความรักจึงหึงสา แต่แค่เพราะเขารู้สึกถูกหยามศักดิ์ศรีเท่านั้น...
ในเมื่อหัวใจไม่ได้รักกัน รสนิยมทางเพศเข้ากันไม่ได้ หนำซ้ำเธอยังประกาศชัดว่าจะไม่มีวันเสียสละร่างกายเป็นแม่ของลูก
ธามจึงไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะรักษาชีวิตคู่เอาไว้
เขาคิดว่าไข่มุกก็น่าจะพอใจที่ได้เป็นอิสระ...
แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างดูยุ่งเหยิงและยากเย็นกว่าที่คิด
แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย